Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 264

Cover Renegade Immortal 1

264. เขตแดนชีวิตและมรณะ

หลังซิ่วเต๋าจากไป ชีวิตของหวังหลินก็สงบลงอีกครั้งราวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนก้อนเมฆ เมื่อพวกมันจากไปก็ไม่กลับมาอีก

หวังหลินยังตื่นเช้าทุกวันและเปิดประตูร้านเพื่อรอคอยลูกชายต้าหนิวเพื่อส่งไหเหล้ามาให้ เขายังนั่งอยู่ตรงนี้และแกะสลักพร้อมกับดื่มไปด้วย หวัหลินมีชีวิตเช่นนี้เป็นเวลาหลายปีและวิถีการดำเนินชีวิตนี้ได้สลักเข้ากระดูกของเขา

เขาเดินทางมาไกลจากถนนแห่งการฆ่าฟัน มันราวกับเขาเมื่อก่อนหน้านี้และเขาในปัจจุบันเป็นคนที่แตกต่างกันสุดขั้ว หวังหลินไม่ได้มีจิตสังหารใดรอบๆเขาอีกแล้ว เขาเปล่งรัศมีเยือกเย็น ตัวตนของคนธรรมดาเข้ามาแทน

หวังหลินไม่รู้ว่าเขตแดนที่เขาจะเข้าใจคืออะไร แต่เขาไม่รีบเร่งมากนักเพื่อเข้าใจสวรรค์อย่างถ่องแท้

เจ็ดวันผ่านไปหลังจากซิ่วเต๋าจากไป เขากลับมาพร้อมกับชายวัยกลางคนที่ดูสูงศักดิ์บนใบหน้า คนผู้นี้เข้ามาในร้านพร้อมกับซิ่วเต๋า ไม่สนสถานะของตัวเอง เขาคุกเข่าลงและคำนับสามครั้ง

แววตาหวังหลินตรวจสอบ แต่ไม่ได้พูดอันใด เขาสามารถบอกได้ง่ายๆว่าคนผู้นี้คือผู้ที่อยู่เหนือกว่าซิ่วเต๋าซึ่งหมายถึงพระราชาที่โจวหวู่ไท่กล่าวถึงเมื่อก่อน

ในสายตาของคนธรรมดาปกติ พระราชาคือคนที่สูงส่งกว่า แต่ในสายตาหวังหลินคนผู้นี้ราวกับมดตัวหนึ่ง แม้เขาจะมีการฝึกฝนอยู่บ้างแต่หากเขาไม่สามารถบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณได้ เขาจะไม่สามารถหนีออกจากวงจรชีวิตและความตายพ้นแน่นอน

ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะรู้นิสัยหวังหลิน หลังโขกคำนับเสร็จเขานำกระเป๋าใบหนึ่งออกมาและวางมันลงบนโต๊ะอย่างเคารพ จากนั้นทั้งสองคนจากไป

หวังหลินยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ จนเมื่อทั้งสองจากไปหวังหลินจึงเงยศีรษะขึ้น เขาหยิบกระเป๋าและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณจึงพบว่ามีหินวิญญาณจำนวนมากข้างใน

เขาโยนกระเป๋าไว้ข้างร้านอย่างลวกๆจากนั้นสูดหายใจลึกและเดินออกไปนอกร้าน หวังหลินนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างนอก มองดูท้องฟ้าและเมฆสีขาวพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับดวงอาทิตย์ หวังหลินหลับตาลงพร้อมกับสนุกไปกับชีวิตเช่นนี้ หากครอบครัวของเขายังมีชีวิตอยู่และพวกเขาอยู่ร่วมกันในร้านนี้ เมื่อนั้นเขาคงไม่ต้องมีความเศร้าเสียใจในชีวิตอีก

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและอีกห้าปีต่อมาก็ผ่านไป…

ในวันนี้เองพ่อของต้าหนิวในที่สุดก็ไม่สามารถพ้นวัฏสงสารได้อีกแล้ว ร้านเหล็กถูกปิด มีธงสีขาวข้างนอกร้านและเสียงร้องไห้ดังระงามจากข้างใน

หวังหลินยืนอยู่ข้างนอกร้านของตัวเองพร้อมกับจ้องร้านเหล็กอีกฝั่งของถนน เขายังจดจำฉากเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อนได้ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเชิญชวนเขาเข้าไปร้านเพื่อทานอาหารเย็น

หวังหลินทั้งไม่ลืมเรื่องที่ชายหนุ่มจริงใจคนนั้นต้องการขยับขยายร้านค้า เขาเข้ามาหาหวังหลินและขอยืมเงินอย่างงุ่มง่าม

ในเวลามากกว่ายี่สิบปีเหล่านี้ หวังหลินกระทั่งไม่อาจจดจำได้ว่าเขาไปทานอาหารที่บ้านกี่ครั้งแล้ว แต่วัฏสงสารไม่ใช่สิ่งที่หวังหลินสามารถเปลี่ยนแปลงไป

การแก่และตายด้วยการสิ้นอายุขัยเป็นส่วนหนึ่งของการรู้แจ้งสวรรค์ของเขา แม้เขาจะใช้วิธีที่ฝืนลิขิตสวรรค์เพื่อยืดชีวิตพ่อของต้าหนิว มันคงได้เพียงไม่กี่ปีก่อนที่เขาจะถูกนำเข้ามาในวงจรนี้อีกครั้ง

ไม่เพียงแค่นั้น แต่เพราะเรื่องนี้วิญญาณของเขาจึงอยู่ภายใต้วัฏสงสาร

นอกจากนั้นวิญญาณของพ่อต้าหนิวแตกต่างอย่างมากกับหวังจัว หวังจัวเป็นเซียนซึ่งอยู่ในเส้นทางที่ฝืนลิขิตสวรรค์อยู่แล้ว นั่นจึงทำให้หวังหลินเก็บวิญญาณเขาไว้ได้และนำเข้าไปใส่ในท้องหญิงตั้งครรถ์คนหนึ่ง

แต่เขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้กับพ่อของต้าหนิว

หวังหลินยืนเบื้องหน้าร้านตนเองและถอนหายใจ ดอกไม้ต้นหนึ่งมีกลีบสีดำปรากฎขึ้นในมือ นี่ไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดาแต่มันเป็นวัตถุดิบสำหรับเม็ดยาขับไล่วิญญาณ

หากคนธรรมดาที่พึ่งตายและวิญญาณของเขายังไม่แตกสลายอย่างสมบูรณ์ ดอกไม้นี้จะสามารถทำให้วิญญาณของเขาไม่เป็นอันตรายและมีพลังวิญญาณมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้รับโอกาสที่ดีกว่าในการเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดีข้างในแม่น้ำวิญญาณ

หวังหลินเดินเข้าหาร้านเหล็กอย่างช้าๆ ข้างในร้านมีทั้งลุงและป้าของต้าหนิวกำลังไว้ทุกข์หลากหลายคน บรรยากาศหดหู่คละคลุ้งไปทั่วร้าน

พ่อของต้าหนิวนอนอย่างสงบในโลกศพซึ่งตั้งอยู่ในสนามหลังบ้าน ต้าหนิวและถรรยาของเขาอยู่ถัดจากโลงศพ ดวงตาต้าหนิวแดงระเรื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาพึ่งกำลังร้องไห้

อีกด้านข้างถัดจากเขาเป็นสตรีอีกคน นางเป็นแม่ของต้าหนิว หัวใจของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเมื่อมองสามีที่อยู่ในโลกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมดหวัง

หวังหลินจดจำความสัมพันธ์ของทั้งคู่เมื่อยี่สิบปีก่อนได้ ทั้งคู่รักกันมาก

ขณะที่หวังหลินเข้าไป ทุกคนมีแววตานับถือ ในถนนสายนี้หวังหลินเป็นคนที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี

หลังจากแม่ของต้าหนิวเห็นหวังหลิน นางพยักหน้าเบาๆ คุกเข่าลงและกระซิบ “หม้ายเคิ่งซื่อขอทักทายพี่ใหญ่หวัง”

หวังหลินถอนหายใจและเข้าไปข้างหน้าเพื่อพยุงนางขึ้น หวังหลินรับธูปเทียนจากคนใกล้ๆขึ้นมาจุดและแสดงความเคารพ

เมื่อเขาแสดงความเคารพ ท้องฟ้ามืดลง ทว่าความมืดรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น ควันสีดำปรากฎเหนือร่างกายของพ่อต้าหนิว มันรวบรวมไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็เป็นรูปร่างพ่อต้าหนิว เขากอดร่างกายตนเองราวกำลังหนาวมากและใบหน้าซีดขาวราวกับสามารถหายไปเวลาไหนก็ได้ เขามองรอบๆอย่างงุนงงจนสายตาลงบนหวังหลิน

ไม่มีใครสามารถเห็นเขาได้นอกจากหวังหลินที่มีแววตาสีขาวสลับดำ หวังหลินมองตรงไปที่เขา

หวังหลินลอบถอนหายใจและบดขยี้ดอกไม้สีดำในมือจนกลายเป็นผง เมื่อฝุ่นผงหายไปมันกลายเป็นจุดแสงที่คนธรรมดามองไม่เห็นและร่อนลงบนร่างพ่อของต้าหนิว พ่อต้าหนิวหยุดความรู้สึกหนาวเย็นได้ในทันที เขามองไปที่หวังหลินอย่างสุดซึ้ง

ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจคนผู้นี้แล้ว คนที่เป็นเพื่อบ้านเขามามากกว่ายี่สิบปี เขาไม่ได้เป็นคนธรรมดา วิญญาณของพ่อต้าหนิวลอยขึ้นไปบนอากาศ เขาคุกเข่าลงและโขกคำนับเข้าหาหวังหลิน จากนั้นมองภรรยาตัวเองและต้าหนิวอย่างไม่เต็มใจขณะที่ทั้งร่างตัวเองลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับกำลังปีนบันไหและในไม่นานก็หายไป

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าเห็นท่านปู่!” ขณะนั้นน้ำเสียงเล็กๆดังออกมาจากมุม ลูกชายของต้าหนิวอายุเก้าขวบแล้ว เขามองไปบนท้องฟ้าด้วยสายตางงงวย

ทว่าไม่มีใครเชื่อโลกของเด็กๆ หลังจากเห็นว่าไม่มีใครฟังเขาจึงย่นจมูกและหยุดพูดทันที

หวังหลินมองรอบๆอย่างน่าเศร้า เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นวัฎสงสารพ้น เขามองร่างกายพ่อต้าหนิวขณะที่นึกถึงเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา ชายหนุ่มกำยำซึ่งมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจวบจนเวลาผ่านมายี่สิบปีในที่สุดเขาก็ตายลง

หวังหลินสูดหายใจลึกและสายตาตกลงบนแม่ของต้าหนิว เมื่อเขาเห็นนางครั้งแรกนางมีอายุเพียงสามสิบต้นๆ ตอนนี้อายุมากกว่าห้าสิบแล้ว เวลามากกว่ายี่สิบปีได้สลักการผ่านกาลเวลาไว้บนร่างของนาง

สายตาหวังหลินขยับอีกครั้ง คราวนี้เป็นต้าหนิวซึ่งครั้งหนึ่งเขาเป็นเด็กซุ่มซ่ามที่มักจะโผล่หัวเข้ามาในร้านหวังหลิน ตอนนี้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่เพียงแต่แต่งงานและกระทั่งมีลูกคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขากำลังส่งครอบครัวไปสู่ยมโลก

เสมือนกับต้นไม้เล็กที่ค่อยๆเติบโตมามากกว่ายี่สิบปีและกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาและทนทานต่อสภาพอากาศ

เมื่อคิดเช่นนี้จิตใจหวังหลินได้เข้าใจอะไรบางอย่างทันที ความรู้สึกการเข้าใจนี้ยิ่งลึกล้ำขึ้นและมากขึ้น ในที่ผ่านมายี่สิบปีของการเป็นคนธรรมดา เวลานี้หวังหลินรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใกล้การรู้แจ้งสวรรค์

หวังหลินออกมาจากร้านเหล็กในภาวะตะขิดตะขวงใจ เขานั่งลงเบื้องหน้าเตาในร้านตัวเองและจดจ้องไปที่กำแพง จิตใจของเขาว่างเปล่า สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือเสี้ยวสัมผัสวิญญาณ

ปฏิสัมพันธ์ที่หวังหลินมีต่อพ่อของต้าหนิว แม่ของต้าหนิว และต้าหนิวเองได้ฉายวาบในใจเขา ภาพลักษณ์ของคนทั้งสามค่อยๆเปลี่ยนผ่านในช่วงเวลายี่สิบปี หวังหลินสัมผัสถึงพลังงานที่มองไม่เห็นรอบๆตัวพวกเขาซึ่งทำให้พ่อของต้าหนิวค่อยๆแก่ขึ้นและต้าหนิวค่อยๆเติบใหญ่

หวังหลินสัมผัสถึงบางสิ่งที่ลั่นดังกริ๊กในใจเขา แววตาเผยแสงเกินจินตนาการที่กำลังเปล่งประกาย ขณะนั้นเขารู้สึกว่าว่าร่างตนเองกำลังเริ่มลอย ร่างกายค่อยๆลอยสูงขึ้นและสูงขึ้น

ขณะที่ลอยเข้าไปในอากาศ เขาเห็นคนธรรมดานับไม่ถ้วนและรอบๆพวกเขาหวังหลินเห็นพลังงานลึกลับนั้นอีกครั้ง เขาสามารถเห็นพลังงานี้ได้รอบๆดอกไม้และต้นไม้ราวกับมันมีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง

พลังงานสายนี้ออกมาจากสวรรค์และจิตใต้สำนึกของหวังหลินต้องการหาต้นตอของพลังนี้

หวังหลินค่อยๆสัมผัสว่าตนเองลอยสูงขึ้นและสูงขึ้นจนเมืองหลวงเล็กลงและเล็กลงเรื่อยๆ ไม่นานนักเมืองหลวงหายไปและเบื้องหน้าเขาคือดาวเคราะห์สกปรกสีน้ำตาลดวงหนึ่ง

น่าเสียดาย แม้กระทั่งตอนนี้เขายังไม่พบต้นตอของพลังนั้น หวังหลินกระทั่งสามารถรู้สึกถึงพลังงานในดวงดาวได้ ไม่มีสถานที่ไหนที่ไม่มีพวกมันอยู่เลย

นิสัยส่วนตัวของหวังหลินเป็นคนดันทุรังมาก หากเขาไม่ดื้อดึงคงไม่ใช้เวลามากกว่าสี่ร้อยปีเพื่อกลับไปแคว้นจ้าวเพื่อล้างแค้นแน่นอน

นอกจากความดื้อรั้นแล้วเขายังเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอีกด้วย เขาคงไม่สามารถมาจากเซียนตัวเล็กๆเมื่อตอนนั้นจวบจนตอนนี้ได้หากปราศจากความมุ่งมั่น

ความดื้อรั้นและความมุ่งมั่นได้ทำให้เขาต้องการค้นหาต้นตอของพลังงาน ตอนนี้หวังหลินอาศัยเพียงสัญชาตญาณของตนเองเพื่อค้นหา

ร่างกายลอยขึ้นไปสูงขึ้นและสูงขึ้นแต่ก่อนที่จะตระเวนไปได้ไกลกว่าดวงดาวสีน้ำตาล หินก้อนยักษ์หนึ่งลอยผ่านมาราวกับอุกกาบาต ข้างบนหินยักษ์มีชายชราผมสีขาวนั่งอยู่ เมื่อเขาผ่านหวังหลินไป พลันร้องอุทานและเผยสายตาที่สนใจ

“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคนที่สามารถรู้แจ้งได้ลึกซึ้งบนดาวเคราะห์เซียนไร้ประโยชน์เช่นนี้ แต่ด้วยระดับขั้นวิญญาณแรกกำเนิดของเจ้านั้นแม้จะใช้การรู้แจ้งนี้เพื่อบรรลุขั้นตัดวิญญาณ จงไม่โลภไปเป็นดีที่สุด ข้ากลัวว่ารูปแบบเต๋าสวรรค์เช่นนี้จะทำให้เจ้าใช้เวลาหลายล้านปีเพื่อต้นหาต้นตอของมัน ทว่าเมื่อเกิดเรื่องนั้นขึ้นร่างของเจ้าจะผุกร่อนไปแล้ว เจ้ายังพิจารณาอยู่ได้อย่างไร?”

หวังหลินตกตะลึงและสายตาเต็มไปด้วยความสับสน ชายชราหัวเราะ เขามองหวังหลินอย่างลวกๆและตะโกน “ชื่อของข้าคือเทียนหยุนจื่อ นับตั้งแต่ที่เราพบกันข้าจะขอตกลงกับเจ้า หากเจ้าสามารถออกจากดาวเคราะห์เซียนไร้ประโยชน์นี้ได้และออกมาหาข้าที่ดาวเคราะห์เทียนหยุน เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี” เช่นนั้นเขาไปชี้ไปที่แขนขวาตัวเองและร่างกายหวังหลินสั่น หวังหลินรู้สึกราวกับร่างตนเองถูกอากาศทรงพลังกำลังผลักไป เขาถูกผลักลงกลับไปที่ดาวเคราะห์สีน้ำตาลสกปรกและกลับเข้าหาพื้นที่พันธมิตรสี่สำนัก

เมืองหลวงเปลี่ยนจากจุดเล็กๆไปเป็นเท่าเล็บก้อยและค่อยๆขยายขนาดใหญ่ขึ้น หวังหลินกลับเข้ามาในร้านตัวเองที่อยู่ในเมืองหลวงทันที

ณ ขณะนั้นหวังหลินลืมตาขึ้นทันใด เนื้อตัวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ในเหม็ดเหงื่อมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงด้วย

การปลดปล่อยกลิ่นเหม็ดเช่นนี้เกิดขึ้นกับเขามานมากแล้ว ครั้งล่าสุดคือตอนที่เขาบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ

ชั่วขณะนี้แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น เขาสูดหายใจลึกหยิบท่อนไม้และเริ่มแกะสลักอย่างระมัดระวัง ครานี้หวังหลินแกะสลักทั้งวันทั้งคืน

ในที่สุดเมื่อเขาถอนนิ้วตัวเอง รูปร่างชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีฟ้าอมเขียวก็ถูกแกะสลักขึ้นมาได้ บนไม้แกะสลักแฝงไปด้วยขอบเขตข้ามผ่านกาลเวลา

หวังหลินมองไม้แกะสลักอย่างเงียบๆ หลังจากเวลาผ่านไปได้พักใหญ่เขวางมันลงบนชั้นวางถัดจากไม้แกะสลักชายวัยกลางคนและหญิงชรา

หลังจากเสร็จสิ้น เขายืนขึ้นและเข้าไปหลังบ้านเพื่อชำระล้างร่างกายตัวเอง หวังหลินเปลี่ยนชุดสะอาดและกลับเข้ามาในร้าน

หลังจากเข้าใจสวรรค์ในครั้งนี้ ระดับฝึกฝนของหวังหลินกระโดดจากระดับกลางไปสู่ระดับปลายสูงสุดของขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เขาห่างจากขั้นตัดวิญญาณอีกเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น

เมื่อคิดถึงฉากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หวังหลินอดรู้สึกกลัวไม่ได้ ราวกับชายชราที่ชื่อเทียนหยุนจื่อผลักเขากลับไปจนหวังหลินสูญเสียตนเองจากการค้นหาต้นตอแห่งนั้น

หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ผลลัพธ์คงเหลือแต่เพียงความตายของเขาเท่านั้น

การรู้แจ้งสวรรค์ไม่ใช่สิ่งสงบสุข มันเต็มไปด้วยอันตราย ครั้งนี้ในที่สุดหวังหลินก็เข้าใจมัน

แม้ว่าเขายังไม่ได้บรรลุขั้นตัดวิญญาณ การรู้แจ้งสวรรค์ของเขาเพิ่มขึ้นมามาก หวังหลินเชื่อว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากขั้นตัดวิญญาณแล้ว

ตอนนี้หวังหลินแกะสลักรูปปั้นของชายวัยกลางคนพร้อมกับเขตแดนของเขา กล่าวได้ชัดเจนว่าเขตแดนของเขาคือการก่อกำเนิดวัฏสงสาร ทว่าด้วยความเข้าใจของหวังหลินในปัจจุบัน เขาเพียงบอกได้ว่าเส้นทางของชายวัยกลางคนผู้นั้นเป็นเพียงแค่การก่อกำเนิด ซึ่งไกลจากเขตแดนวัฏสงสารของจริงนัก

นั่นเป็นเพราะวัฏสงสารแห่งเต๋าสวรรค์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เซียนขั้นตัดวิญญาณสามารถรู้แจ้งได้

ในตอนนี้มีแผนที่ดวงดาวหนึ่งในใจหวังหลิน แผนที่ดวงดาวนี้ถูกทิ้งไว้ให้โดยเซียนชราชื่อเทียนหยุนจื่อ ข้างในแผนที่มีดวงดาวหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดาวซูซาคุหลายเท่านัก มันเป็นดาวเคราะห์ของเทียนหยุนจื่อ

ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่หวังหลินจะไปที่นั่น เขาถอนหายใจขณะปรับอารมณ์ตัวเองและกลับเป็นคนธรรมดา

แต่ในใจเขา ความรู้สึกของการรู้แจ้งวัฏสงสารแห่งเต๋าเป็นสิ่งที่เขาจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต…

[TL: วัฏสงสารคือ การหมุนวนอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิด]

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version