268. หม้อพิรุณ
สองคนที่เหลือ หนึ่งในนั้นวิ่งไปทางโจวหวู่ไท่ อีกคนวิ่งไปทิศทางตรงกันข้าม
สายตาหวังหลินเยือกเย็นเมื่อมองโจวหวู่ไท่และก้าวไปข้างหน้าอย่างลวกๆ หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว สี่ก้าว…สิบก้าว
ทึกสิบก้าวเขาจะสังหารหนึ่งคน!
หวังหลินใช้เพียงสิบก้าวในการตามทันชายชุดดำ ดวงตาหวังหลินเผยแสงประหลาดขณะถอนหายใจ “เจ้าทำข้าเสียอารมณ์ ดังนั้นเจ้าต้องตาย” หวังหลินพลิกฝ่ามืออย่างลวกๆสร้างขอบเขตจวี่พุ่งออกไปเข้าร่างเซียนคนนั้น
เขาไม่มีเวลาพอให้ส่งเสียงร้องพลันดิ่งลงจากท้องฟ้า เมื่อร่อนถึงพื้นดินเขาตกลงบนกองหิมะข้างนอกร้านเหล็กของต้าหนิว
วิญญาณเซียนของเขาไม่มีเวลาให้หลบหนี มันถูกขอบเขตจวี่ทำลายจนสิ้น
แม้ว่าขอบเขตจวี่ของหวังหลินจะไม่สามารถสังหารเซียนขั้นตัดวิญญาณได้ก่อนที่จะได้รับสมบัติดาวเคราะห์ซูซาคุ การสังหารเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดนับว่ามากพอ
หลังสังหารไปสามคน เขาหันกลับมาและมองไปที่โจวหวู่ไท่
แม้ว่าใบหน้าโจวหวู่ไท่จะยังปกติ แผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเห็นสายตาหวังหลินเขาไม่ลังเลที่จะยกแขนขวาเพื่อหยุดชายชุดดำไม่ให้วิ่งหนีไป
ชายชุดดำตื่นตระหนกและร้องตะโกน “โจวหวู่ไท่ เจ้ากำลังทำอะไร?!”
โจวหวู่ไท่ดูไม่แตกต่างจากชายคนนั้น เขาเผยรอยยิ้มจางๆและกระซิบ “เจ้าทั้งสี่ทำให้พี่หวังโกรธ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ยังไง?” แขนขวาสร้างผนึกประหลาดเกิดเป็นแสงสีม่วง ขณะนั้นเองความแตกต่างระหว่างเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายและเซียนขั้นตัดวิญญาณเทียมนับว่าเด่นชัดมาก
ระดับฝึกฝนของโจวหวู่ไท่ต่ำกว่าหวังหลินเพียงก้าวเดียว เขาก้าวขาเข้าไปในขอบเขตขั้นตัดวิญญาณเช่นกันและได้รับความเข้าใจเขตแดนของตนเองบางส่วน เมื่อแสงสีม่วงปรากฎขึ้น ชายชุดดำรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มตอนที่พึ่งเข้าสำนักและพบกับอาจารย์ของตน
แม้เขาจะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นสิ่งหลอกหลวง ความรู้สึกกลับเป็นของจริง ความรู้สึกนี้กระจายผ่านร่างกายเขา เมื่อเขารู้สึกตัวมือขวาของโจวหวู่ไท่ก็มาถึงหน้าผากเขาแล้ว ด้วยพลังปราณเพียงเล็กน้อย ชายชุดดำกระแอมออกมาเห็นโลหิตและตกลงสู่พื้น เสียชีวิตทันที
ส่วนวิญญาณเซียนของเขาอยู่ในฝ่ามือโจวหวู่ไท่ เขาบดขยี้มันต่อหน้าต่อตาหวังหลิน เขาใช้การกระทำนี้เพื่อบอกหวังหลินว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกทั้งเพื่อบอกว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้และให้เขาไม่สังหารคนอื่นอีก
หวังหลินสังหารทั้งสามคนอย่างหมดจดนั้นได้ำให้ความภูมิใจของโจวหวู่ไท่กลายเป็นตกตะลึงโดยสิ้นเชิง หากมีเพียงหนึ่งคน เขาสามารถสังหารได้ง่ายๆเช่นกัน หากมีสองคนเขาแทบจะไม่ชนะ
ทว่าหากมีสามคนเมื่อนั้นอย่างดีที่สุดเขาคงจนมุม หากมีถึงสี่คนเขาทำได้เพียงแค่วิ่งหนี แต่หวังหลินสามารถสังหารทั้งสามคนได้อย่างง่ายดาย แล้วโจวหวู่ไท่จะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?
ร่างหวังหลินรอยลงจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ ขณะที่เขาร่อนลงในหิมะ ร่างกายจมลงทันที เขาละทิ้งปิศาจร้ายเพื่อกลายเป็นคนธรรมดา
หวังหลินชะรำเสื้อผ้าตนเองและดื่มน้ำเต้าก่อนจะโยนไปให้โจวหวู่ไท่ ตอนนี้หวังหลินไม่แตกต่างจากคนธรรมดาแล้ว
โจวหวู่ไท่รับน้ำเตาและมองร้านหวังหลินด้วยสายตาหวาดหวั่น เขาตัดสินใจว่าจะต้องสร้างสัมพันธ์อันดีต่อหวังหลินเป็นเหมือนสหาย ไม่ใช่ศัตรู
เขากวาดแขนเสื้อกว้างและร่างทั้งสี่ของชายชุดดำกลายเป็นฝุ่นผง หลังจากนั้นเคลื่อนร่างออกจากถนนของหวังหลิน
หวังหลินออกจากร้านและกลับมาใช้เวลาผ่านไปเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เขาทั้งยังตั้งเป้าควบคุมตนเองไม่ให้คนธรรมดารอบบริเวณคนไหนสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นได้
ในตอนนี้เองที่เขากลับมาในร้านและนั่งถัดจากเตาผิง หวังหลินดูเหมือนชายชราคนหนึ่งขณะยื่นมือเข้าไปอบอุ่นตัวเองจากหน้าเตา
เขานั่งอยู่ในร้านอย่างเงียบเชียบขณะค้นความทรงจำของเทพโบราณเกี่ยวกับเรื่องประตูสวรรค์ทั้งสี่ เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ข้อมูลที่ได้เริ่มชัดเจนในใจเขา
ขณะนั้นเสียงหิมะที่ตกอยู่ข้างนอกค่อยๆสงบลงและประตูถูกเปิดออก กลิ่นไก่ย่างหอมฟุ้งออกมา
ในเวลาเดียวกันชายชราสกปรกที่ไม่ได้ปรากฎตัวเป็นเวลานานเดินเข้ามาข้างในร่างกายโอนเอน หลังเข้ามาในห้องเขาเตะประตูกลับและปิดลงไป พลันมาถึงหน้าเตาผิงข้างหวังหลินและสาปแช่ง “กลางดึกแบบนี้สารเลวตัวไหนสู้กันข้างนอกนะ! และหนึ่งในนั้นตกมาใส่ข้า! ในที่สุดข้าก็พบที่ดีดีไว้งีบหลับสักที ข้าโชคไม่ดีจริงๆ”
หวังหลินยิ้ม เขาสะบัดแขนและเหล้าน้ำเต้าอีกชิ้นปรากฎ พลันโยนให้ชายชรา
ชายชรารับไว้และยิ้มอย่างซุกซนพร้อมกับนำไก่ย่างครึ่งตัวออกมาจากใต้เสื้อผ้า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะฉลาดพอนะเด็กน้อย เอ้านี่ ข้าแบ่งไก่ย่างให้เจ้าด้วย”
หลังพูดจบเขามองหวังหลินและพูดขึ้นพร้อมกับเผยความชื่นชมในแววตา “ไม่เลวเจ้าหนุ่ม ระดับฝึกฝนของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าขั้นตัดวิญญาณจะไม่ไกลแล้ว เจ้าไม่ลืมไม้แกะสลักที่สัญญากับข้าใช่ไหม ไม่เช่นนั้นไม่ว่าเจ้าจะไปไหน ข้าจะไปหาเจอจนเจอ”
หวังหลินยิ้มเบาบาง “แน่นอน ข้าไม่ลืมสัญญากับผู้อาวุโสหรอก”
ชายชราฉีกขาไก่ออกมาหนึ่งน่องและกัดเข้าไป “เจ้าหนุ่ม พันธมิตรสี่สำนักในตอนนี้วุ่นวายยิ่งนัก เจ้าจงรีบบรรลุขั้นตัดวิญญาณจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นด้วยระดับฝึกฝนของเจ้าจะไม่ได้อะไรดีดีจากมันเลย”
จิตใจหวังหลินสั่นไหวขณะมองชายชราและถามว่า “ผู้อาวุโสรู้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับพันธมิตรสี่สำนักด้วยหรือ?”
ชายชราเชิดคางอย่างภูมิใจและมองหวังหลิน “ไม่มีสิ่งใดในโลกแห่งเซียนที่ชายแก่ผู้นี้ไม่รู้ มันเป็นเพียงแค่เซียนจำนวนหนึ่งของพันธมิตรสี่สำนักได้ทำการขโมยหม้อพิรุณจากเซียนคนหนึ่งของฉวี่ยี่ ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อชิงมันกลับ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“หม้อพิรุณ…” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขานึกถึงตอนที่พูดคุยกับโจวหวู่ไท่ได้ทันทีซึ่งมีการกล่าวถึงประตูพิรุณ
ชายชรากินน่องไก่อย่างรวดเร็วจากนั้นเริ่มกินส่วนคอไก่ขณะเอ่ยขึ้น “พูดถึงหม้อพิรุณนี้ ความจริงมันมีมากกว่าหนึ่งชิ้น ข้าไม่รู้ว่ามันมีจำนวนมากแค่ไหนแต่หากคนใดครอบครองมัน เมื่อประตูสวรรค์เปิดขึ้น พวกเขาจะสามารถเข้าไปได้ ดังนั้นมันจึงเกิดข้อขัดแย้งขึ้น แต่ไม่ว่าพวกมันจะสู้กันหนักขนาดไหนคงไร้ประโยชน์เมื่อแคว้นอันดับห้าและอันดับหกทราบข่าว มันจะคงจบในฝ่ามือพวกเขา”
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นเอ่ยช้าๆ “มีข่าวลือว่าประตูสวรรค์ทั้งสี่นำทางไปสู่ดินแดนสวรรค์ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงต่อสู้แย่งชิงมัน”
ชายชราเผยรอยยิ้มซุกซนและพูดขึ้น “อะไรกันเจ้าหนุ่ม เจ้าจะเคลื่อนไหวหรือ? แต่น่าเศร้าหน่อยนะ สวรรค์ทั้งหมดจากยุคโบราณกาลได้หายไปแล้ว ตอนนี้ดินแดนสวรรค์ว่างเปล่า”
หวังหลินตกตะลึง ไม่มีการกล่าวถึงจากในความทรงจำของตู่ซือ เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะถาม “พวกเขาตายกันหมดหรือ?”
หลังชายชรากินคอไก่เสร็จ เขาฉีกเนื้อกชิ้นโตออกมาพลางกินขณะพูดไปด้วย “แน่นอนสิว่าพวกเขาตายกันทั้งหมด ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณและสูงกว่ายังอยู่แถวนี้หรือ? หรือเพราะไม่มีที่จะไป”
จิตใจหวังหลินสั่นสะท้าน เขารู้ได้ว่าโลกเซียนยุคโบราณนั้นตายไปในภัยพิบัติและในตอนนั้นถึงได้เกิดสมาพันธ์เซียนขึ้น เขาไม่คิดว่าคนบนสวรรค์ทั้งหมดก็ตายไปเช่นกัน
ชายชรารับรู้ได้ว่าหวังหลินสั่นไหวและภูมิใจมาก เขากินไก่จนเสร็จจนเรอและดื่มเหล้าไปพลางปัดเสื้ออย่างลวกๆ “เฮ้ ตกใจอะไรกัน? เทพโบราณตายทั้งหมดและนั่นก็เป็นเทพสวรรค์โบราณทั้งหมดเช่นกัน ไม่มีเซียนโบราณเหลืออยู่มาก จึงเกิดมีสมาพันธ์เซียนปรากฎและโลกพัฒนาขึ้นไปอีกครั้ง”
หวังหลินเงียบเสียงขณะย่อยความลับที่ชายชราบอกเขา หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่เขาขมวดคิ้ว “หากนั่นเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นทำไมถึงประตูสวรรค์ยังคงอยู่?”
ชายชราหัวเราะ “สวรรค์โบราณหายไปหมดแล้วแต่ดินแดนสวรรค์ยังคงอยู่ ทว่ามันเต็มไปด้วยอันตราย ความจริงดินแดนสวรรค์แตกสลายเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อย ประตูสวรรค์ทั้งสี่เชื่อมต่อกับพื้นที่แตกต่างกันของดินแดนสวรรค์ แต่กระนั้นก็ไม่มีของดีดีเหลืออยู่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือปราณสวรรค์”
“ปราณสวรรค์?” ใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป
ชายชราเลียริมฝีปากอย่างเศร้าใจ “ใช่แล้ว นั่นมันอร่อยมากกว่าไก่ย่างเสียอีก”
หวังหลินหัวเราะอย่างขมขื่น
ชายชราพูดอีกครั้ง “ตอนที่จะทะลวงจากขั้นตัดวิญญาณไปสู่ขั้นแปลงวิญญาณ เว้นแต่เจ้าจะมีเม็ดยาแปลงวิญญาณ หากไม่เช่นนั้นเจ้าต้องดูดซับปราณสวรรค์ให้เพียงพอเพื่อทะลวงผ่านขึ้นไปได้”
“ในยุคโบราณ เมื่อคนผู้หนึ่งบรรลุขั้นตัดวิญญาณ พวกเขาจะขึ้นไปดินแดนสวรรค์โดยธรรมชาติ เมื่อถึงที่นั่นพวกเขาต้องดูดซับปราณสวรรค์ให้เพียงพอ ไม่มีวิธีอื่น”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย เขายิ้มบางและเอ่ยว่า “นั่นหมายความว่าหม้อพิรุณนี้คุ้มค่าที่จะต่อสู้จริงๆน่ะสิ โดยเฉพาะสำหรับเหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณเหล่านั้น ไม่ว่าจะเพื่อยกระดับขั้นของตนเองหรือเพื่อเพิ่มอันดับของแคว้นก็ต้องมีสักหนึ่งชิ้น จะมีหม้ออีกสามชนิดปรากฎขึ้นอีกไหม?”
ชายชราหยิบไหเหล้าขึ้นมาดื่มและพูดขึ้น “หม้อทั้งสี่ชนิดนี้นานๆทีจะปรากฎขึ้นครั้งหนึ่ง พวกมันสร้างมาจากสรวงสวรรค์ดังนั้นใครที่ได้ไปมักจะโชคดีมาก ประตูสวรรค์ทั้งสี่แห่งครอบคลุมดาวเคราะห์เซียนทั้งหมด ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าประตูไหนที่พวกเขาอยู่ใกล้ที่สุด หม้อชนิดนั้นจะปรากฎ”