275. มังกรดำ
สตรีสาวชุดขาวหลับตาและใช้วิธีการพิเศษเพื่อสัมผัสการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นของสี่สำนัก นางยิ้มเยือกเย็นพลันฝ่ามือขวาสร้างผนึกและลำแสงสีขาวพุ่งออกไปสู่รอยแยกในท้องฟ้า
รอยแยกภายในรัศมีหนึ่งหมื่นเมตรของหญิงชุดขาวรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงดังสนั่นกลายเป็นหลุมยักษ์ในท้องฟ้า
หอคอยน้ำแข็งลอยลงมาจากหลุมทีละแห่ง
เหล่าเซียนของเฉว่ยี่แตกต่างจากเซียนของแคว้นแห่งอื่นอย่างมาก ซึ่งเหมือนกับเผ่ามารยักษ์ พวกเขาไม่ได้มีหลายสำนัก ทุกคนเป็นของสำนักเดียวกัน
ในเฉวี่ยี่ เมื่อเซียนคนหนึ่งบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิด พวกเขาสามารถสร้างยักษ์น้ำแข็งด้วยวิญญาณเซียนเพื่อเข้าร่วมการรบได้
นี่เป็นสัญลักษณ์ของสถานะแต่ละคน
เช่นเดียวกับเมื่อบรรลุขั้นตัดวิญญาณได้ จะสามารถสร้างหอคอยน้ำแข็งของตนเองได้ สิ่งนี้กลายเป็นหนึ่งในการบ่มเพาะส่วนตัว
หอคอยน้ำแข็งลดลงมานั่นหมายถึงเซียนขั้นตัดวิญญาณปรากฎแล้ว
หอคอยน้ำแข็งทุกต้นมีรูปร่างแตกต่างกัน แต่ใครรอบรู้เกี่ยวกับเฉว่ยี่จะรู้ว่าเมื่อมองเข้าไปจะเห็นหอคอยมีหลายชั้นซึ่งเป็นตัวกำหนดระดับเซียนของคนที่อยู่ข้างใน
ยิ่งหอคอยน้ำแข็งมีหลายชั้น ระดับฝึกฝนของเซียนข้างในยิ่งสูง จึงเป็นวิธีการง่ายๆที่จะดูระดับขั้นของเหล่าเซียนเฉว่ยี่
หอคอยน้ำแข็งทั้งหมดสามสิบหกแห่งลอยลงมา
หอคอยน้ำแข็งสี่แห่งในนั้นเห็นได้ชัดเจนว่ามีความสูงกว่าที่เหลือ แต่ละแห่งมีจำนวน 99 ชั้น นั่นหมายถึงว่าเจ้าของหอคอยน้ำแข็งได้บรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับปลายไปแล้ว
ขณะที่หอคอยน้ำแข็ง 36 แห่งปรากฎขึ้น เซียนขั้นตัดวิญญาณทั้งหมดจากพันธมิตรสี่สำนักต่างสูดหายใจลึก เดินเข้าไปในค่ายกลและหายตัวไป
ลำแสงสีรุ้งสว่างขึ้นภายใต้หญิงชุดขาว ในลำแสงมีประตูบานหนึ่งปรากฎโดยไร้ซุ่มเสียง เหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณจากพันธมิตรสี่สำนักเดินออกมาทันที
ชายวัยกลางคนและหญิงชราจากสำนักเมฆาขาวอยู่ในพวกนี้ด้วย แต่ชายที่ควบคุมเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลาไม่ได้อยู่ที่นี่
ในคนพวกนี้มีเซียนสี่คนที่สะดุดตาอย่างมาก พวกเขาดูเหมือนพึ่งคลานออกมาจากโลงและดันเป็นผู้ปกครองสำนักทั้งสี่
ทั้งสี่คนเงยศีรษะขึ้นและมองไปที่หอคอยน้ำแข็งกำลังหล่นลงมา หนึ่งในนั้นยืดตัวตรงและร่างกายที่ดูหอมแห้งพลันมีเนื้อหนังกลับคืนมา เสียงรอยร้าวออกมาจากร่างกายและกระดูกเพิ่มขนาดขึ้น รอยเหี่ยวย่นบร่างกายหายไปและกล้ามเนื้อขยายออก
เขาเปลี่ยนจากชายชราห่อเหี่ยวกลายเป็นชายวัยกลางคนดูภูมิฐานแทบในทันที เขามองหญิงชุดขาวด้วยแววตาเคร่งเครียดและเอ่ยขึ้น “ข้าโจวหยู่ สำนักวิญญาณมืด ขอข้าถามว่าท่านคือผีเสื้อแดงของเฉว่ยี่หรือไม่?”
ชายชรากล่าวถึงผีเสื้อแดงที่เป็นอัจฉริยะจากเฉว่ยี่ที่ซูซาคุให้ความสนใจ อัจฉริยะที่สามารถบรรลุขั้นตัดวิญญาณได้ด้วยเวลาหนึ่งร้อยปี
สายตาหญิงชุดขาวเรืองแสงขึ้นและนางเอ่ยว่า “เช่นนั้นสหายโจวหยู่ก็เป็นหนึ่งในแปดขั้นตัดวิญญาณระดับปลายของพันธมิตรสี่สำนัก”
โจวหยู่คิ้วขมวด หญิงคนนี้ตอบคำถามเขาด้วยอีกคำถามหนึ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้ต้องการตอบคำถามเขา สายตาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาและสะบัดแขนเสื้อ
คลื่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณการเริ่มต่อสู้ แต่เป็นสัญญาณที่จะบอกให้ผู้คนของพันธมิตรสี่สำนักเริ่มก้าวที่สองของแผน
โจวหยู่ไม่รออีกต่อไป ไม่ว่าหญิงคนนี้จะเป็นผีเสื้อแดงหรือไม่ เขาจะต้องเดิมพันแล้ว
เซียนขั้นตัดวิญญาณรอบๆเขาทั้งหมดพุ่งไปข้างหน้า
หญิงสาวชุดขาวเผยแววตาดูถูก เหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณของเฉว่ยี่เดินออกมาจากหอคอยน้ำแข็งของตนเองและเริ่มการสู้รบ
ด้วยการะตุ้นวิชาเซียนอันแข็งแกร่งหลายอย่าง พื้นที่ทั้งพันธมิตรสี่สำนักสั่นไหวและท้องฟ้าเปลี่ยนสี ทุกวิชาที่เซียนขั้นตัดวิญญาณใช้ขึ้นมามีพลังพอจะเคลื่อนภูเขาและท้องทะเล ทำให้เกิดคลื่นกระแทกของหลายวิชากระจายออกไปกระทบทุกคนภายในระยะโดยไม่เลือกฝ่าย คนโชคดีจะเพียงแค่บาดเจ็บหนักและคนโชคร้ายจะตายทันที
การต่อสู้ระหว่างสองแคว้นได้แบ่งสนามรบออกเป็นสองแห่งแตกต่างกัน แห่งหนึ่งเป็นระหว่างเหล่าขั้นต่ำกว่าตัดวิญญาณซึ่งต่อสู้บนพื้น และอีกแห่งเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณที่แลกเปลี่ยนวิชากันบนฟ้า
นี่เป็นการรบที่รุนแรงที่สุดที่หวังหลินเคยเห็น เขายังคงซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหิมะขณะมองเซียนขั้นตัดวิญญาณที่แข็งแกร่งใช้วิชาที่บรรจุเขตแดนของตนเองไปด้วย หวังหลินเฝ้ามองอย่างระมัดระวังและศึกษาเขตแดนหลากหลายชนิด
การต่อสู้ของเหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณตามปกติไม่ได้อยู่ในที่แห่งหนึ่งอยู่แล้ว พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวไปได้ระยะทางหนึ่งหมื่นเมตรทันที ไม่นานนักเหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณกระจายตัวเองและใช้พื้นที่ของพันธมิตรสี่สำนักเพื่อต่อสู้ถึงชีวิต
แววตาดูถูกในหญิงสาวชุดขาวยิ่งมากขึ้น นางสร้างผนึกและแสงสีขาวปรากฎในฝ่ามือ ทว่าขณะนั้นจุดแสงเก้าจุดปรากฎรอบตัวนางทันที
ขณะที่จุดแสงปรากฎ พวกมันเชื่อมต่อกันและกันจนเกิดเป็นเงาร่างทั้งเก้าคน
ชายผู้ควบคุมขอบเขตข้ามผ่านกาลเวลาก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
เมื่อร่างเก้าคนปรากฎ ใบหน้าหญิงสาวชุดขาวยิ่งน่าเกลียดทันที นางเปล่งลมหายใจออกมาจากนั้นโบกแขนขวาพลันเกิดพัดขนนกขนาดใหญ่เจ็ดชิ้น
สายตาหญิงสาวเรืองแสงขึ้น นางโบกพัดและขนนกชิ้นหนึ่งลอยออกมาด้วยตัวเองกลายเป็นเมฆควัน ทันใดนั้นร่างมหึมาปรากฎขึ้น แม้ว่าร่างนั้นจะมีส่วนโค้งอยู่บางแต่มันยังเป็นเพียงแค่เงาหนึ่ง
นางปล่อยลมหายใจอ่อนและร่างทั้งเก้าทั้งหมดสั่นไหวพร้อมกับพ่นโลหิตออกมาจากปาก แต่ไม่มีใครก้าวถอยหลังเลยสักคน
ในเวลาเดียวกัน ทั้งเก้าคนส่งเสียงร้องพร้อมกับเขตแดนที่แตกต่างกันเก้าอย่างพุ่งเข้าหาหญิงสาว
ในตอนนี้เอง เซียนขั้นตัดวิญญาณทั้งหมดจากเฉว่ยี่ที่เห็นเหตุการณ์นี้ต้องการเข้าไปช่วยเหลือทันที แต่เซียนของพันธมิตรสี่สำนักไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเนื่องจากีน่เป็นส่วนหนึ่งในแผนของพวกเขา
ใบหน้าหญิงสาวเปลี่ยนไปทันที นางโบกพัดในมือทำให้ขนนกบินออกมา ทว่ามันสายเกินไป ค่ายกลสังหารนี้เป็นสิ่งที่พันธมิตรสี่สำนักเตรียมการไว้เพื่ออัจฉริยะของเฉว่ยี่โดยเฉพาะ
จังหวะที่อัจฉริยะของเฉว่ยี่ตายไปจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในการรบแห่งนี้ หากนางตายเฉว่ยี่จะสูญเสียการสนับสนุนของซูซาคุ แม้ว่าอาจจะทำให้ซูซาคุโกรธจนทำให้แคว้นพวกเขาถูกกวาดล้างออกไปก็ตาม
จังหวะที่คนทั้งเก้าโจมตี เซียนหลายคนที่ประคับประคองค่ายกลก็ตายลงไปเนื่องจากได้รับส่วนการโจมตีของหญิงชุดขาว
เหตุผลที่นางกล้าลอยในอากาศเป็นเพราะพัดนั้น ทว่านางทะเยอทะยานเกินไป หลังได้รับสมบัติชิ้นนี้มาจากแคว้นอันดับห้า ไม่มีใครที่เป็นศิษย์น้องซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปจะเป็นคู่แข่งของนาง
ในเหล่าร่างทั้งเก้าคน มีห้าคนที่มีขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย อีกสี่คนเป็นคนที่ควบคุมเขตแดนพิเศษ ไม่มีใครจะรอดชีวิตได้ในการโจมตีนี้ เว้นแต่พวกเขาจะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ
ภายใต้การจู่โจมของเขตแดนหลากหลาย หญิงสาวไม่มีพลังพอจะต่อต้านใดๆ นางจึงกลายเป็นศพทันที พัดที่หลงเหลือขนนกเพียงสองชิ้นถูกเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายคนหนึ่งคว้าเอาไว้ก่อนที่ร่างทั้งเก้าคนจะกลายเป็นจุดแสงและหายไป
ทั้งเก้าคนได้รับการโจมตีรุนแรงจากพัด ระดับฝึกฝนของพวกเขาจึงลดลงไปอย่างมหาศาลและจำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อฟื้นฟู
ความโกรธปรากฎในแววตาของเหล่าเซียนเฉว่ยี่ผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์นี้โดยไม่มีความเศร้า ความโกรธเกรี้ยวนี้ทำให้การรบของพวกเขายิ่งเข้มข้นขึ้น
หวังหลินเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเริ่มขมวดคิ้วหนัก เขาสังเกตการณ์ใบหน้าของเหล่าเซียนเฉว่ยี่และรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดพลาด
หญิงคนนี้บางทีไม่ใช่อัจฉริยะ
ขณะนั้นเองลำแสงสีรุ้งพุ่งออกมาจากพื้นดิน มีลำแสงทั้งหมด 108 เส้น ปรากฎข้ามผ่านพื้นที่พันธมิตรสี่สำนักในเวลาเดียวกัน หากใครมองจากข้างบนจะเห็นได้ว่าสิ่งนี้ได้สร้างค่ายกลที่ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่พันธมิตรสี่สำนัก
ที่ไหนสักแห่งซึ่งมีเสาแสงตั้งอยู่ เซียนนับไม่ถ้วนนั่งอยู่บนพื้นรอบๆ สายตาพวกเขาปิดสนิทและเทพลังปราณและระดับฝึกฝนของตนเองเข้าไปในค่ายกลนี้
ใจกลางพันธมิตรสี่สำนัก ปฐพีเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ที่นี่เป็นเทือกเขาเมฆาสวรรค์ แม้ว่ามันจะปกคลุมอยู่ในหิมะ เมื่อมันเริ่มสั่นไหว หิมะก็เริ่มหลุดออกไป แม้แต่ก้อนน้ำแข็งยักษ์ก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่นานนักเทือกเขาเมฆาสวรรค์ได้กลายเป็นมังกรดำยาวหนึ่งหมื่นฟุต
ขณะที่มังกรเงยศีรษะของมันขึ้น หิมะและน้ำแข็งทั้งหมดหลุดออกไปและมันจ้องไปที่เหล่าเซียนของเฉว่ยี่
บนหัวของมังกรดำมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ หวังหลินรู้จักเขาเพราะใบหูใหญ่คู่นั้น โจวหวู่ไท่
เหตุผลที่สถานะของโจวหวู่ไท่อยู่สูงมากในพันธมิตรสี่สำนักก็เพราะเขามีสายเลือดมังกรพิทักษ์ของพันธมิตรสี่สำนัก
เมื่อค่ายกลถูกกระตุ้น มีเพียงเขาที่สำเร็จการควบคุมมังกรดำและใช้มันเพื่อปกป้องแคว้น
มังกรดำส่งเสียงคำรามกระจายผ่านทั้งพื้นที่พันธมิตรสี่สำนัก เมื่อเหล่าเซียนจากฝ่ายพันธมิตรได้ยินเสียงำครามนี้ ขวัญใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นทันที
ตามแผนการ เมื่อเสียงคำรามกู่ร้อง การรบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น เซียนนับไม่ถ้วนออกมาจากทั้งสี่สำนักและเข้าร่วมการต่อสู้กับเหล่าเซียนเฉว่ยี่