Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 274

Cover Renegade Immortal 1

274. ภายใต้รูปปั้นน้ำแข็ง

เมื่อวิญญาณเบญจธาตุปรากฎ ชายชราที่ตรึงกับก้อนหินดำพลันหัวเราะน่าขนลุก เขาลอยเข้าไปในอากาศทันทีพร้อมกับลากก้อนหินมาด้วย

วิญญาณวารีขยับเคลื่อนไหวทันทีโดยไร้ซึ่งแรงผันผวนพลังปราณ มันเปลี่ยนไปเป็นน้ำพุสดใสและเคลื่อนเข้าหาชายชรา

ขณะเดียวกันวิญญาณธาตุอีกสามดวงเลือกหนึ่งในสี่สำนักและลอยเข้าหาพวกเขา มีเพียงวิญญาณอัคคีที่เปลี่ยนไปเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินและลอยเข้าหาคนเถื่อนยักษ์

ไม่นานหลังจากนั้นเหล่าเซียนเฉว่ยี่แต่ละคนเลือกหนึ่งในสี่สำนักและเริ่มห้ำหั่นกัน

คลื่นความหนาวเย็นออกมาจากหิมะและน้ำแข็งบนพื้น เมื่อสมาพันธ์สี่สำนักสัมผัสเข้าไปพวกเขารู้สึกหนาวเย็น แต่สำหรับเซียนของเฉว่ยี่แล้วมันคืออาวุธชั้นยอด พลังงานความหนาวเย็นนี้ช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูพลังปราณได้หลายระดับ

ตลอดท้องฟ้าของพื้นที่สมาพันธ์สี่สำนักถูกปกคลุมอยู่ในแสงกระพริบสมบัติวิเศษ ตำแหน่งของสำนักหมึกวารี เมฆาขาว พฤกษาเขียว และวิญญาณมืดกลายเป็นตำแหน่งสุดท้าย

คนธรรมดาบางส่วนเอาชีวิตรอดได้อย่างโชคดีกลับซ่อนตัวอยู่ในบ้านตนเอง พวกเขาไม่มีความคิดที่จะออกไปไหนและไม่เคยเห็นเซียนมากมายในชีวิตมาก่อน

แคว้นรอบๆส่งเซียนแข็งแกร่งออกมาไว้และล้อมรอบพื้นที่พันธมิตรสี่สำนัก พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งแน่ เพียงแค่ต้องการเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเซียนคนไหนจะออกจากพื้นที่พันธมิตรสี่สำนักได้ ไม่ว่าจะเป็นของทางพันธมิตรสี่สำนักเองหรือเซียนของเฉว่ยี่

มีเพียงทางเดียวที่จะออกมาได้คือผู้ชนะ

คนเถื่อนตัวยักษ์วิ่งไปรอบๆสนามรบและหวดแขนใหญ่ๆของมัน ทุกครั้งที่พวกมันเหวี่ยงจะถูกเซียนเฉว่ยี่หลายคน คนเถื่อนยักษ์มีทั้งหมด 99 ตน

พวกมันต่อสู้กับเซียนของเฉว่ยี่ภายในพื้นที่ของสี่สำนัก

แม้ว่าคนเถื่อนยักษ์มีพลังมหาศาลและแฝงเขตแดนของคนเอง พวกมันยังคงกลัวไฟที่สร้างจากวิญญาณอัคคีอย่างมาก

ยักษ์ตัวเดียวสามารถเป่าเซียนของเฉว่ยี่สองคนจนกลายเป็นฝุ่นได้ แต่ทันทีที่ถูกล้อมรอบไปด้วยไฟ ทั้งร่างพวกมันจะปลดปล่อยควันสีขาวและด้วยเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ยักษ์เถื่อนก็หายไปจนเหลือเพียงเซียนที่อยู่ข้างใน แต่เขาไม่สามารถหนีออกมาได้จนถูกไฟคลอกและกลายเป็นขี้เถ้า

เรื่องนี้ประหลาดนัก แม้ไฟจะร้อนระอุมากแค่ไหนแต่กลับไม่มีผลต่อหิมะบนพื้นเลย

หลังจากค่ายกลยักษ์ในท้องฟ้าถูกทำลายออกไป พายุหิมะสายหนึ่งออกมาจากรอยแยกจนหิมะเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ

สตรีชุดขาวไม่ได้เพียงแค่นำสมบัติที่แข็งแกร่งออกมาเท่านั้น เซียนของเฉว่ยี่คนอื่นๆได้เตรียมการนำสมบัติที่รุนแรงออกมาเช่นกัน

ที่การต่อสู้กับสำนักเมฆาขาว หญิงชราผมขาวสะบัดแขนเสื้อและร่ายมนต์ที่ซับซ้อน สายลมรุนแรงออกมาจากรอยแยกและหิมะภายในขอบเขตหนึ่งร้อยตารางฟุตลอยขึ้นไปในอากาศ

ผลลัพธ์ภายใต้สายลมอันรุนแรงจนหิมะส่องแสงแพรวพราวและกลายเป็นน้ำแข็ง ไม่นานนักแววตาหญิงชราส่องสว่างขึ้นและนางตบไปที่หน้าผากตนเอง วิญญาณเซียนออกจากร่างกายและเข้าไปในก้อนน้ำแข็งยักษ์

เมื่อวิญญาณเซียนเข้าไปในน้ำแข็ง น้ำแข็งสั่นเทาและกลายร่างไปเป็นยักษ์น้ำแข็ง

แววตายักษ์ส่องสว่างและทุบลงพื้นด้วยมือของมันจนทำให้หิมะจำนวนมากลอยขึ้นไปบนอากาศ

หิมะลอยขึ้นไปบนอากาศมากขึ้น ขณะนั้นราวกับมีบางสิ่งกำลังควบคุมหิมะและกลายรูปเป็นหอกยาวให้ยักษ์น้ำแข็งใช้งาน

จากนั้นเซียนเฉว่ยี่รอบๆทำสิ่งเดียวกัน เช่นนั้นจึงเกิดยักษ์น้ำแข็งหลายตัวในสนามรบ

เหล่าเซียนระดับต่ำของพันธมิตรสี่สำนักในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าทำไมเฉว่ยี่ถึงจำเป็นต้องราดหิมะมากมายในแคว้นก็เพื่อต่อสู้นี่เอง วิชาเซียนและมนตราจำนวนมากของเฉว่ยี่จำเป็นต้องใช้หิมะ

ฉากเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอีกสามสำนักที่เหลือ ยักษ์น้ำแข็งตัวใหญ่ถูกควบคุมด้วยเหล่าเซียน วิญญาณเซียนต่อสู้กับเซียนของพันธมิตรสี่สำนัก ทันใดนั้นการรบกลายเป็นยุ่งเหยิง

มีเพียงสตรีชุดขาวที่ยังยืนในอากาศขณะมองการต่อสู้หลายแห่งด้วยแววตาเยือกเย็น

มีวิญญาณธาตุโลหะกำลังต่อสู้กับชายชราที่อยู่บนยอดหม้อทองแดง ชายชราวางมือตัวเองบนหม้อและลวดลายบนหม้อเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ลวดลายเคลื่อนไหวภายใต้การควบคุมของชายชราและเริ่มต่อสู้กับวิญญาณธาตุโลหะ

วิญญาณธาตุพฤกษาต่อสู้กับน้ำพุโคลนยักษ์จากสำนักพฤกษาเขียว

อสรพิษสีดำนับไม่ถ้วนขยายออกมาจากโคลน เซียนเฉว่ยี่ถูกอสรพิษสีดำสัมผัสจะตายทันที

แม้กระทั่งวิญญาณธาตุพฤกษายังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ชายผู้แปลกประหลาดที่สุดที่เป็นชายหนุ่มจากสำนักวิญญาณมืด วิญญาณธาตุปฐพีกำลังต่อสู้กับเขาและมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน ชายหนุ่มไม่ไหวติง มีเพียงฝ่ามือที่เคลื่อนไหวไปพร้อมกับพู่กันหมึก

แต่ทุกเส้นที่ลากไป วิญญาณธาตุปฐพีจะหลบหนีเหมือนมันหวาดกลัว ในที่สุดชายหนุ่มก็หลับตา

หากมองเข้าไปใกล้ๆพวกเขาจะเห็นได้ว่าชายหนุ่มไม่เคลื่อนไหว มีเพียงพู่กันที่กำลังขยับด้วยตัวมันเอง

ณ ตอนนี้เองมันเพียงแค่เริ่มการต่อสู้ ดังนั้นเซียนขั้นตัดวิญญาณจากทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เซียนขั้นตัดวิญญาณของฝ่ายพันธมิตรสี่สำนักกำลังรออยู่ หากนี่คือที่เฉว่ยี่มีทั้งหมด เช่นนั้นโอกาสที่พันธมิตรสี่สำนักจะถูกกวาดล้างออกไปนับว่าไม่มากนัก

กล่าวได้ว่าเซียนขั้นตัดวิญญาณทั้งหมดของพันธมิตรสี่สำนักนั้นโดยเฉพาะอสูรร้ายขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย กำลังจ้องหญิงสาวในท้องฟ้าโดยสงสัยว่านางคืออัจฉริยะที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้หรือ

เมื่อพวกเขายืนยันได้ จะเริ่มก้าวแรกในแผน ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่แน่ใจนัก

หวังหลินกำลังรออยู่เช่นกัน เขากำลังมองดูการต่อสู้ขณะซ่อนตัวในภูเขาหิมะ หวังหลินเห็นเซียนนับไม่ถ้วนตายไปมากแล้ว

ทว่ามีปรากฎการณ์ประหลาดมากอย่างหนึ่งที่จับความสนใจของหวังหลิน

เมื่อเหล่าเซียนจากทั้งสองฝ่ายตายไป แม้ร่างพวกเขาจะปลิวว่อนเป็นชิ้นๆทว่ากลับแข็งค้างและจมเข้าไปในหิมะทันที

หากเป็นเพียงแค่นั้นมันคงไม่ได้รับความสนใจจากหวังหลิน แต่หลังจากมองดูอย่างใกล้ชิดเขาจึงรับรู้พลังปราณผันผวนเล็กน้อยขณะที่ร่างเหล่านั้นจมลงไป

ปรากฎกาณณ์นี้ทำให้หวังหลินบูดบึ้งมาก เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่เมื่อเห็นร่างที่กลายเป็นน้ำแข็งหายไปในพื้นดินจึงทำให้เขาสัมผัสอันตรายได้

หลังจากครุ่นคิดชั่วขณะ ร่างหวังหลินจมลงไปโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง เขาต้องหารจะดูว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

หวังหลินไม่สามารถกระตุ้นพลังงานเต็มที่ภายในหิมะได้ ดังนั้นหวังหลินจึงใช้เวลาสองชั่วโมงเพื่อไปถึงพื้นดิน เมื่อเขามาถึงหวังหลินไม่ลังเลและลงไปลึกๆด้วยวิชาหลบหนีปฐพี

เมื่อไปถึงสี่ร้อยฟุตใต้พื้นดินหวังหลินจึงหยุด ใบหน้าเขาปกคลุมไปด้วยอาการยุ่งเหยิงและประหลาดใจเล็กน้อย เขารับรู้ว่าใต้ผืนดินห้าพันฟุต มีบางคนทำการขุดถ้ำไว้ ถ้ำแห่งนี้ดูเหมือนจะมีขนาดไร้ก้นบึ้ง หวังหลินเดาได้ว่ามันทอดยาวตลอดทั้งพื้นที่พันธมิตรสี่สำนัก

ทุกหนึ่งพันฟุตข้างในถ้ำจะมีรูปปั้นน้ำแข็งหนึ่งตน แต่ละรูปปั้นมีความสูงราวสิบฟุตและปลดปล่อยแสงประหลาด ที่น่าสังเกตสิ่งหนึ่งก็คือรูปปั้นน้ำแข็งทั้งหมดมีรูปร่างเหมือนกัน ใบหน้าแต่ละตัวมีท่าทางดุร้ายและพวกมันมีแขนเป็นมนุษย์ขณะที่ร่างกายเป็นอสรพิษ

หวังหลินตรวจสอบอย่างหยาบๆและพบว่ามีรูปปั้นน้ำแข็งจำนวนมากและตำแหน่งที่พวกมันตั้งอยู่หมายถึงบางอย่าง

ศพทั้งหมดที่หายไประหว่างการต่อสู้ได้ปรากฎขึ้นที่นี่ แต่เมื่อพวกมันปรากฎกลับถูกรูปปั้นน้ำแข็งใกล้ๆดูดซับ

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เดิมทีเขาไม่เชื่อว่าพันธมิตรสี่สำนักจะไม่รู้เรื่องนี้ก่อน แต่หวังหลินก็ไม่สามารถตรวจพบถ้ำแห่งนี้ได้เช่นกัน

กล่าวได้ว่าสัมผัสวิญญาณของหวังหลินมีระดับเท่าเทียบกับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย ดังนั้นแม้เขาจะไม่สามารถมองผ่านมันได้ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่มีใครในแคว้นอันดับสี่จะมองออก

หวังหลินสูดหายใจลึก เขาถอยกลับอย่างช้าๆและกลับไปสู่พื้นผิวด้านบน หวังหลินเงยศีรษะขึ้นไปที่ท้องฟ้า จากนั้นครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตบกระเป๋าและนำหินหยกสื่อสารออกมา

นี่คือสิ่งที่โจวหวู่ไท่ทิ้งไว้ให้เขามาหลายปีก่อน หวังหลินทิ้งข้อความในหินหยกก่อนจะโยนมันและมองมันหายลับไป

ในเวลาเดียวกันใบหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงดวงอัคคียักษ์ในท้องฟ้า คนเถื่อนยักษ์ถูกไฟคลอกจนเป็นขี้เถ้าไปหนึ่งราย

แม้ว่ายักษ์จะตายไป ดวงไฟไม่ได้หยุด มันพุ่งไปที่หวังหลิน

แววตาหวังหลินส่องว่างและร่างกายถอยกลับ ฝ่ามือสร้างผนึกและเสาวารีหนึ่งต้นปรากฎเบื้องหน้าเพื่อป้องกันเปลวไฟ

หวังหลินใช้เวลานี้เคลื่อนย้ายพริบตาห่างไปมากกว่าสองพันฟุต ระยะทางเคลื่อนย้ายพริบตาของเขาทำได้ไกลมากกว่าเมื่อก่อน

เสาวารีทำได้เพียงแค่กันเปลวไฟไว้ได้ชั่วขณะก่อนที่มันจะกลายเป็นหมอกสีขาว เปลวไฟหมุนรอบเป็นวงกลมในพื้นที่ครั้งนึงก่อนจะเหาะเข้าหาสำนักเมฆาขาว

หวังหลินไม่อยากที่จะให้ตนเองเป็นที่รู้จักตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ดับเปลวไฟและวิ่งหนีแทน ก่อนที่เซียนขั้นตัดวิญญาณจากทั้งสองฝ่ายจะเคลื่อนไหว หวังหลินจะไม่ลงมือเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version