304. การพังทลายของหนึ่งส่วนดินแดนสวรรค์
ซุนเล่ยคาดคำนวณไว้ดีมาก เขารอมานานแล้วจนในที่สุดก็ได้แสดงพลังของพัดนี้ เป้าหมายของเขาคือใช้หวังหลินเป็นเหยื่อหล่อเพื่อให้เหล่าอาหารอสูรสวรรค์ไล่ล่าหวังหลินและเขาจะสามารถหนีได้
ไม่เช่นนั้นแม้เขาจะได้สมบัติมาครอบครองก็ยังถูกพวกมันไล่ล่าอีก นอกจากนั้นเมื่อได้สมบัติมา พวกมันจะบ้าคลั่งและไล่ล่าเขาอย่างแรงกล้ามากกว่าสองครั้งก่อนเสียอีก
เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เมื่อได้สมบัติมาเขาจะโยนกระดูกไปที่หวังหลิน เขาเชื่อว่าอาหารพวกนั้นจะเข้าไปหาหวังหลินซึ่งอยู่ใกล้มากกว่าเขา
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาระมัดระวังซุนเล่ยตลอดเวลาดังนั้นจะปล่อยให้ซุนเล่ยสำเร็จได้อย่างไร? แม้น้ำแข็งสีดำนี้จะแปลกประหลาดจริงๆเขามีไม้แกะสลักอยู่ในมืออยู่แล้ว
จังหวะที่น้ำแข็งสีดำผนึกรอบบริเวณ เขตแดนแห่งเวลาจากไม้แกะสลักจึงถูกปลดปล่อย
ดำเนินไปข้างหน้า ดำเนินไปข้างหลังและหยุดนิ่งเป็นส่วนหนึ่งของกาลเวลาเช่นกัน สิ่งที่ทำให้เขตแดนแห่งกาลเวลาทรงพลังนั่นก็คือ การจัดการกับเวลาได้ตามต้องการ
หวังหลินฝึกฝนในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ามานานมากและเข้าใจการจัดการกับเวลาได้อย่างดีซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถสร้างเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลาลงไปในไม้แกะสลักได้
แสงอันลึกลับกระจายออกมาจากไม้แกะสลักและเผชิญกับน้ำแข็งสีดำที่กำลังผนึกรอบบริเวณ แม้ว่าน้ำแข็งสีดำจะแข็งแกร่ง หวังหลินไม่ได้ต่อต้านมันและเพียงแค่พยายามคลายมันออกดังนั้นมันจึงไม่ยากจนเกินไป
เมื่อยืมเศษเสี้ยวพลังจากเขตแดนแห่งกาลเวลา หวังหลินไม่ได้ถูกน้ำแข็งสีดำหยุดลงเหมือนที่ซุยเล่ยคิด ขณะที่ซุนเล่ยตะโกนประโยคที่เอ่ยไปออกมา หวังหลินก็เดินออกมาแล้ว
และเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วมากกว่าซุนเล่ยเล็กน้อย ผ่านฝูงอาหารอสูรสวรรค์และปรากฎตัวที่ทางเข้าถ้ำ
“สหายเซียนซุนเล่ย เจ้ายังไม่ได้ให้ไม้ชำระล้างเลย เช่นนั้นทำไมถึงรีบนักเล่า?”
ซุนเล่ยตกตะลึงและใบหน้าไม่พอใจ ทว่าเขาเป็นคนที่แน่วแน่คนหนึ่ง โดยไม่ต้องเอ่ยพลันตบกระเป๋าและโยนไม้ชำระล้างออกมา
หวังหลินรับไว้และเดินเข้าไปในถ้ำ
ซุนเล่ยสาปแช่งในใจแต่เขารู้ว่าเวลามีน้อยและครึ่งนึงผ่านไปแล้วดังนั้นจึงรีบเร่งพุ่งเข้าไป
หลังเข้ามาเขาเห็นหวังหลินหยิบเศษโลหะจากหน้าอกของโครงกระดูกและไม่ต้องเอ่ยคำใด เขาเดินเข้าไปคว้ากระบี่สวรรค์
แต่ในขณะที่ฝ่ามือสัมผัสกับกระบี่สวรรค์ เขากรีดร้องโหยหวนออกมาขณะที่มีรูหลายจุดปรากฎบนฝ่ามือ
หวังหลินไม่ได้มองเขาและพุ่งออกไปนอกถ้ำ เขานำธงกฎเกณฑ์ออกมาซึ่งซึ่งเกิดเป็นมังกรหลายตัว พวกมันล้อมรอบหวังหลินและจากนั้นเขาพุ่งตรงขึ้นไปและผ่านผนังหลายชั้น
แววตาซุนเล่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่ร้องคำรามด้วยความไม่เต็มใจและยื่นมือเข้าหากระบี่อีกครั้ง ครานี้เขาต้านทานกับความเจ็บปวดและในที่สุดก็คว้ากระบี่สวรรค์ได้ ทว่าหลังจากนั้นเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับฝ่ามือถูกทิ่มแทงไปหลายครั้ง พลังบางส่วนจากกระบี่แทงเข้าใส่ฝ่ามือเขาและตีขึ้นหน้าอกทำให้เกราะเงินที่สวมอยู่หลอมละลาย
ซุนเล่ยรีบถอนฝ่ามือออกและยอมแพ้ต่อกระบี่ เขาร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวขณะพุ่งออกไป คำนวณได้ว่าเวลาแปดลมหายใจผ่านไปแล้วและหากเขาต้องการจะออกไปตอนนี้เขายังสามารทำได้ หากช้ากว่านี้นับว่าอันตรายแล้ว
แต่ไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถคำนวณได้อย่างถูกต้องทุกอย่าง อาหารอสูรสรดำได้ทำลายน้ำแข็งดำจนเป็นอิสระ ร้องคำรามแหลมคมและพุ่งเข้าหาซุนเล่ย
ท่าทางซุนเล่ยเปลี่ยนไปทันทีโดยไม่เชื่อสายตา อาจารย์ของเขาได้พูดว่าสมบัติชิ้นนั้นจะสามารถแช่แข็งพื้นที่ได้สิบลมหายใจ มันก็ควรจะเป็นสิบลมหายใจ แล้วมันน้อยลงได้อย่างไร?
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าตัวนี้ได้ดูดซับบอลสายฟ้าจากคางคกสายฟ้าเข้าไป มันได้รับพลังสวรรค์เล็กน้อยดังนั้นเวลาสิบลมหายใจจึงลดลงไปหนึ่งลมหายใจ
เขตแดนแห่งกาลเวลาของหวังหลินทำให้น้ำแข็งสีดำชะลอตัวลงเล็กน้อยซึ่งทำให้มันสั้นขึ้นอีกหนึ่งลมหายใจ
ซุนเล่ยตกตะลึง ไม่มีเวลาให้หลบหลีกเขาสัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังเข้าใกล้และขณะที่เฝ้าดูหวังหลินจากไป สัมผัสความไม่พอใจอันรุนแรงเกิดขึ้นในใจเขา
อาการบ้าคลั่งปรากฎในแววตาขณะตบหน้าผากและลูกปัดสีดำลอยออกมา พลันเผยใบหน้าอันเศร้าเสียใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต
ลูกปัดสีดำนี้ถูกสร้างขึ้นผ่านการฝึกฝนของเขามาหลายร้อยปีและในที่สุดมันก็กลายเป็นลูกปัดเมื่อเขาบรรลุขั้นตัดวิญญาณ จากวิธีการฝึกฝนของสำนักเขา ลูกปัดสีดำนี้คือกุญแจหลักในการสร้างวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง เมื่อเขาสูญเสียลูกปัดนี้ระดับฝึกฝนของเขาจะตกลงไปอย่างมากจากขั้นตัดวิญญาณระดับกลางไปสู่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิด
ซุนเล่ยหลับตาและเอ่ยขึ้นว่า “ระเบิด!”
ลูกปัดดำพลันปลดปล่อยแสงสีดำและระเบิดในทันที วงแหวนแสงสีดำกระจายออกมา เหล่าอาหารอสูรสีดำควบแน่นกลายเป็นบอลเพื่อป้องกันการระเบิดครั้งนี้
แต่เหล่าอาหารอสูรสวรรค์เบื้องหลังมันที่พึ่งทำลายน้ำแข็งออกมาได้พลันหายไปโดยยังไม่ได้ต่อสู้
แม้กระทั่งถ้ำรอบๆก็หายไปโดยไร้ร่องรอย
พลังการระเบิดของลูกปัดนี้ได้พุ่งขึ้นถึงขีดสุดซึ่งเกินกว่าดินแดนสวรรค์ส่วนนี้จะรับไหว ดังนั้นมันจึงเริ่มพังทลาย
รอยแยกนับไม่ถ้วนปรากฎในท้องฟ้าและพวกมันขยายออกใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น
บนพื้นดิน ลาวาระเบิดและพุ่งไปบนอากาศ ท้องฟ้าและพื้นฟินสั่นไหวอย่างรุนแรงและแสงแห่งความตายปรากฎในน่านฟ้า
หลังจากนั้นไม่นานพื้นที่ท้องฟ้าและผืนดินขนาดใหญ่หายวับไปราวกับกำลังถูกกลืนกิน
จังหวะที่ซุนเล่ยทำให้ลูกปัดสีดำระเบิด ร่างกายเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนหวังหลินขณะที่กำลังหลบหนี เขาสัมผัสพลังทำลายล้างจากเบื้องล่างได้และพลังลึกลับที่ป้องกันการเคลื่อนที่พริบตาได้หายวับไป
หวังหลินตกใจและกำลังจะใช้เคลื่อนย้ายพริบตาก่อนจะบังคับให้ตัวเองหยุดลง เขารู้สึกพื้นดินรอบๆกำลังสั่นและเกิดคลื่นเสียงดังกึกก้อง
“ดินแดนสวรรค์ส่วนนี้กำลังพังทะลาย?” หวังหลินดีใจที่ไม่ได้เคลื่อนที่พริบตาไม่เช่นนั้นเขาอาจจะได้เข้าไปอยู่ในรอยแยกอวกาศ
หวังหลินลอบสาปแช่ง ใช้กฎเกณฑ์ล้อมรอบตัวเองและพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า การไม่มีพลังลึกลับอยู่ที่นี่ทำให้ความเร็วของเขากลับมาเป็นปกติ
แต่การพังทะลายของพื้นดินรวดเร็วมาก หวังหลินสังเกตได้ทันทีด้วยสัมผัสวิญญาณว่ามีเพียงสิ่งเดียวภายในระยะหนึ่งพันฟุตคือพื้นที่ว่างเปล่าอันมืดมิด
พื้นที่ว่างเปล่านี้ราวกับปากขนาดใหญ่ที่กำลังกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
เขาตกใจทันที การล่มสลายของแดนสวรรค์ส่วนนี้ดำเนินต่อไปและในพริบตาพื้นที่ว่างเปล่าอยู่ห่างไปห้าร้อยฟุต
หวังหลินสูดลมหายใจอันหนาวเหน็บขณะเหาะเหินขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว
การล่มสลายดำเนินต่อไป ห้าร้อยฟุต สามร้อยฟุต สองร้อยฟุต หนึ่งร้อยฟุต…
ใบหน้าหวังหลินซีดเผือด เขายังอยู่ห่างไกลจากเหนือพื้นดิน ความเร็วการกลืนกินนับว่าเร็วเกินไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถหนีไปทันเวลาได้
หวังหลินเผยแววตาอันเหี้ยมโหดขณะนำเศษผลึกชิ้นเล็กออกมาจากกระเป๋า สิ่งนี้นับว่าเป็นปราณสวรรค์
การกลืนกินเข้ามาใกล้มากขึ้น หนึ่งร้อยฟุต ห้าสิบฟุต สามสิบฟุต…
หวังหลินเห็นสิ่งที่อยู่ห่างออกไปสามสิบฟุตซึ่งดูเหมือนจะเป็นปากที่อ้าเปิดออกไปแล้ว
หวังหลินกลืนผลึกและนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเจ็บปวดในจิตวิญญาณ ความเจ็บปวดนี้เกิดขึ้นมาจากการที่มีพังปราณสวรรค์มากเกินไปในร่างกาย
ขณะนี้เองหวังหลินรู้สึกราวกับวิญญาณดั้งเดิมของเขาสามารถแตกสลายได้ตลอดเวลาแต่ท่ามกลางความเจ็บปวดนี้ เศษเสี้ยวแห่งพลังได้กำเนิดขึ้น พลังนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับสามารถยกโลกไว้ในกำมือได้
ความว่างเปล่ารอบๆเข้าใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น สามสิบฟุต ยี่สิบฟุต สิบฟุต…
ร่างหวังหลินพุ่งขึ้นข้างบนทันทีราวกับอุกกาบาต จังหวะที่พื้นที่ว่างเปล่าเคลื่อนมาถึงหวังหลิน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าและพุ่งออกไปจากพื้นดิน
ขณะที่เขาพุ่งออกมาจากพื้น พื้นดินส่วนใหญ่ของดินแดนส่วนนี้ได้พังทลายเข้าสู่พื้นที่ว่างเปล่าไปเรียบร้อยแล้ว
เบื้องล่างเขาเป็นอวกาศพร้อมกับเสาไม่กี่แห่งที่ดูเหมือนกำลังคำ้จุนท้องฟ้าเอาไว้ แต่พวกมันกำลังหดลงและค่อยๆหายไป
ท้องฟ้าตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแยกอวกาศ
แต่หวังหลินไม่สามารถรับรู้พวกมันได้เนื่องจากเขาอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งเช่นนี้และพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าอุกกาบาต
มีรอยแยกอวกาศหลายแห่งในท้องฟ้าแต่กลับมีเศษชิ้นส่วนความว่างเปล่ากำลังสร้างขึ้นเมื่อรอยแยกอวกาศหลายแห่งเชื่อมเข้าด้วยกัน
การบินของหวังหลินราวกับฟินิกซ์กำลังบินขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ทันใดนั้นรอยแยกอวกาศหลายแห่งเชื่อมกันเบื้องหน้าเขาเกิดเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่
ทันใดนั้นหวังหลินพุ่งเข้าไปข้างใน เขาถูกความมืดมิดล้อมรอบและคลื่นความหนาวเย็นแทรกเข้าในร่างกาย ด้วยมีอากาศเย็นกระตุ้นเตือนทำให้ความคิดหวังหลินกระจ่างชัดทันที
โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดเขาควบคุมร่างกายให้กลับไป หลังจากต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่งหวังหลินพุ่งออกมาจากรอยแยกที่ยังไม่ได้ปิดตัวลง
ใช้จังหวะที่เกิดความชัดเจนนี้เขาหลบรอยแยกอวกาศทุกแห่งได้หมด เมื่อดินแดนสวรรค์ส่วนนี้ได้แตกสลายอย่างสมบูรณ์ หวังหลินได้พุ่งออกไปและหายตัวสูงขึ้นไปในท้องฟ้า
เขาเหาะสูงขึ้นและสูงขึ้นจนกระทั่งเห็นวังวนยักษ์เบื้องบน นี่คือตำแหน่งที่เขาเข้ามาในดินแดนสวรรค์คราก่อน
ข้างใต้วังวนมีแท่นอยู่แห่งหนึ่งและบนท่อนนั้นมีคนบางส่วนจ้องที่เขาอย่างตกตะลึง
ร่างกายหวังหลินหายไปและปรากฎตัวอีกครั้งบนแท่นแห่งนั้น เขากระอักโลหิตออกมาและฟุบลง ใช้พลังที่เหลืออยู่น้อยนิดชี้ไปที่คิ้วและวิญญาณเร่ร่อนนับไม่ถ้วนออกมาจากหน้าผาก
หวังหลินได้รวบรวมวิญญาณเร่ร่อนหลายหมื่นตนในระหว่างการเดินทางสู่สนามรบต่างแดน พวกมันทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาในตอนนี้เกิดเป็นพายุทอร์นาโดสีดำล้อมรอบตัวหวังหลิน เหตุการณ์นี้ทำให้ใบหน้าทุกคนบนแท่นเปลี่ยนไปและถอยกลับทันที
หวังหลินตกลงบนพื้น เขาตะเกียกตะกายให้นั่งลงในท่านั่งดอกบัวก่อนจะกินเม็ดยาเจ็ดถึงแปดขวดและเริ่มฝึกฝน