370. ทำลายทั้งสองฝ่าย
บรรพชนสำนักมารยักษ์กู่ร้องคำราม เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็เดินออกไปจากรอยแยกและไล่ตามซุนไท่
ในทวีปซูซาคุส่วนทิศเหนือจะเห็นลำแสงสองเส้นบินผ่านน่านฟ้า
ซุนไท่วิ่งหนีไปด้วยพร้อมกับสาปแช่ง “เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะกลัวเจ้า?!” ฝ่ามือขวาวาดผนึกและกดมันลงบนหน้าผากหวังหลิน จากนั้นโยนร่างหวังหลินเข้าไปในป่าทึบเบื้องล่าง
จังหวะที่หวังหลินถึงพื้น เขาพยายามลืมตาขึ้นและนั่งลงในท่านั่งดอกบัว หวังหลินเริ่มบ่มเพาะเพื่อตอบโต้เขตแดนของลี่หยวนและผนึกของซุนไท่
ตอนนี้เขาตื่นตัวและรู้ว่าซุนไท่ไม่ได้มีเจตนาดี การให้ซุนไท่มาช่วยหวังหลินยังดีกว่ารอความตาย
บรรพชนสำนักมารยักษ์ตามหลังพวกเขามา เพียงสะบัดขวานยักษ์เขาก็ส่งคลื่นพลังปราณจากขวานได้ทันที เกิดเสียงดังปัง พื้นที่ว่างเบื้องหน้าซุนไท่ระเบิดจนเกิดรอยแยกเล็กๆนับไม่ถ้วน
ซุนไท่สาปแช่ง เขาชี้กลางอากาศและลำแสงสีเขียวสามเส้นลอยออกมา ลำแสงทั้งสามเปลี่ยนไปเป็นซากศพสามตัวพุ่งเข้าหาบรรพชนสำนักมารยักษ์
ซุนไท่ร้องตะโกน “จงระเบิดเพื่อข้า!”
ปัง! ปัง! ปัง!
เกิดแรงระเบิดสั่นสะเทือนสวรรค์ขึ้นกลางท้องฟ้า พลังรุนแรงจากการระเบิดได้ผลักบรรพชนสำนักมารยักษ์ออกไปหลายสิบฟุต
ซุนไท่พุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความกราดเกรี้ยว ในเวลาเดียวกันมือขวาเปลี่ยนเป็นฝ่ามือยักษ์กดลงบนบรรพชนสำนักมารยักษ์
บรรพชนต่างใบหน้ามืดมัว เขาเป็นเพียงแค่ขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นเท่านั้น หากไม่ใช่ว่าเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังสายเลือด เขาคงไม่กล้าขโมยมันมาจากเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง อย่างไรก็ตามหวังหลินสำคัญสำหรับสำนักของเขาเช่นกันดังนั้นจึงต้องสู้เท่านั้น
ฝ่ามือยักษ์บรรจุพลังอันแข็งแกร่งจากพลังปราณมหาศาล เหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณไม่ได้ใช้พลังปราณจากฟ้าดิน พวกเขาใช้พลังปราณสวรรค์เพื่อเพิ่มระดับบ่มเพาะของตนเอง
ดังนั้นแล้วการโจมตีของพวกเขาจะบรรจุพลังปราณสวรรค์แทรกเข้าไปด้วยในแต่ละครั้ง
ก่อนหน้านั้นตอนที่ลี่หยวนและบรรพชนโจมตีหวังหลิน พวกเขาไม่ได้ใช้พลังปราณสวรรค์เลยเพราะพลังปราณสวรรค์ไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้เว้นแต่จะมีหยกสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช้มันอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้
หินหยกสวรรค์นั้นยากนักจะได้มาครอบครอง
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่ได้มีเซียนขั้นแปลงวิญญาณมากนักและเป็นอีกเหตุผลที่มีการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายระหว่างพวกเขาน้อยยิ่ง
กล่าวโดยทั่วไปแล้วเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณจะไม่ใช้พลังปราณสวรรค์แต่เมื่อถึงคราวต้องลงมือ พลังอำนาจนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก
การใช้พลังปราณสวรรค์เป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณและสูงขึ้นไป มันเป็นเหมือนกับเขตแดนของเซียนขั้นแปลงวิญญาณซึ่งได้เปลี่ยนพลังให้มีคุณภาพสูงขึ้น
แม้ว่าฝ่ามือจากซุนไท่จะเป็นฝ่ามือเรียบง่ายที่ไร้วิชาทรงพลังใดๆซ่อนอยู่ หากมันเป็นการโจมตีปกติจะไม่มีผลอะไรแต่เพราะมันบรรจุพลังปราณไว้ส่วนหนึ่ง พลังอำนาจของมันจึงยิ่งใหญ่มหาศาล
แม้จะเป็นแค่วิชาบอลอัคคีง่ายๆแต่หากบรรจุพลังปราณสวรรค์เอาไว้มันจะกลายเป็นสิ่งน่ากลัวโดยทันที พลังปราณสวรรค์ได้ทำให้บรรพชนสำนักมารยักษ์ตกใจอย่างมาก
แววตาเขาพลันส่องสว่างและพลังปราณสวรรค์เข้าไปในฝ่ามือขวาเล็กน้อย เขาสับขวานลงเพื่อปะทะกับฝ่ามือ
ตูมมม!
หลังระเบิดดังกึกก้อง พื้นดินแตกกระจายและลำแสงสายรุ้งเต็มฟากฟ้าจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกกระจายออกมา
ภูเขาใกล้เคียงกว่าครึ่งแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
คลื่นกระแทกโผล่ออกมาอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมันไม่กระจายออกไปไกลนักนอกจากว่าพวกเขาจะใส่พลังปราณสวรรค์เข้าไปมากกว่านี้
ร่างกายบรรพชนสำนักมารยักษ์สั่นเทาและโลหิตซึมออกมาจากมุมปาก เขาโกรธเกรี้ยวแต่ไม่ได้พุ่งเข้าหาซุนไท่ ทว่าพุ่งไปทางป่าที่กำลังพังทลายแทน
“ข้าเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถสังหารเจ้าได้! เมื่อข้าสังหารเจ้าข้ามั่นใจว่าจะศพของสำนักมารยักษ์ขายได้ราคาดีเป็นแน่!” ซุนไท่พ่นลมหายใจขณะพุ่งไปเบื้องหน้าและยื่นมือออกไปกลางอากาศ “อัสนี!”
ปัง!
สายฟ้าสีดำหนึ่งสายปรากฎขึ้นในท้องฟ้าและคล้อยต่ำลงมา
ซุนไท่ตะโกน “เขตแดนสายฟ้าของข้ากว่าจะได้มาต้องจ่ายราคาไปหนักหนาสาหัสเพื่อบ่มเพาะในดาวเคราะห์สายฟ้าสวรรค์ถึงร้อยปี เจ้าเป็นแค่สำนักมารยักษ์สาขาย่อยแท้ๆ จงตายเพื่อข้าซะ!”
สีหน้าบรรพชนมืดมนเมื่อเห็นสายฟ้าดำ เขาร้องคำรามออกมาทำให้ร่างกายสูงขึ้นอีกสามสิบฟุตและชกเข้าใส่สายฟ้า
ตูมมมม!
เสียงกังกึกก้องอีกครั้ง สายฟ้าแล่นผ่านร่างบรรพชนทำให้ใบหน้าเขาซีดเผือด โลหิตซึมออกมาจากมุมปากมากกว่าเดิมพร้อมกับจดจ้องซุนไท่ไปด้วย
ในตอนนี้เองลี่หยวนจากเฉว่ยี่เคลื่อนที่พริบตาเข้ามาอย่างเงียบเชียบถัดจากหวังหลินบ่มเพาะ เขายอมือขึ้นเพื่อหวังจะสังหารหวังหลิน
หวังหลินลืมตาขึ้นทันใดและจ้องมองอย่างโหดเหี้ยม เขาพึ่งได้พยายามฟื้นฟูแต่กลับพบว่าเขตแดนชาของเขาและผนึกจากซุนไท่ได้รวมกันเกิดเป็นผนึกอันแข็งแกร่ง ทำให้เขาไม่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้เลย แม้จะกินโอสถเขาไปมันก็สูญสลาย พลังปราณได้ถูกผนึกดูดซับออก
จำนวนพลังปราณที่เขามีในปัจจุบันกลับน้อยกว่าเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณเสียอีก เขามีพลังปราณเท่ากับเซียนขั้นรวบรวมลมปราณขั้นที่สามเท่านั้นและมันกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อพลังปราณทั้งหมดถูกดูดออกจากร่างกาย เขาคงเหมือนกับคนธรรมดาและถูกชาวยุทธ์สังหารได้ง่ายดาย
วิญญาณดั้งเดิมของเขาอ่อนแอมากและสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกจากกายหยาบได้ นี่เป็นอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดที่เขาเคยประสบมาในชีวิตนอกจากครั้งที่สูญเสียร่างกายไป
ดวงตาลี่หยวนพลันสว่างขึ้นและกดฝ่ามือขวาลงไป
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำเช่นนั้น สายฟ้าดำพลันเคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า ใบหน้าลี่หยวนเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับใช้พลังทั้งหมดเพื่อหลบหนี ทว่าสายฟ้านั้นเหมือนมีหลายตาและไล่ล่าเขาตามไป
พริบตาเดียวทั้งสายฟ้าและลี่หยวนหายวับไปเหนือเส้นขอบฟ้า
“ฮึ่ม เจ้ากล้าลักลอบเข้ามา!” ซุนไท่เยาะเย้ยและสร้างผนึกในฝ่ามือ เขาตัดสินใจปล่อยบรรพชนสำนักมารยักษ์ที่กำลังตกใจไว้ก่อนจะปักหลักเพื่อรับมือพร้อมกับหวังหลิน
เขาตัดสินใจไว้แล้วว่าครั้งนี้จะผนึกหวังหลินเอาไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณดั้งเดิมของเขาถูกทำลาย
ดวงตาบรรพชนสำนักมารยักษ์เผยแสงลึกลับ เขามองซุนไท่และเอ่ยขึ้น “ข้าจะนำเขาไปและคืนให้ท่านในเจ็ดวัน!”
ซุนไท่เอ่ยโดยไม่ลังเล “ไม่ได้!” จะปล่อยให้คนผู้นี้นำตัวหวังหลินไปได้อย่างไร? นี่มันเหมือนกับเอาวิญญาณดั้งเดิมของเขาไว้กับคนอื่นแท้ๆ
บรรพชนสำนักมารยักษ์ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “เป็นเพราะท่านบังคับข้า นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้าใช้พลังแห่งสายเลือดตั้งแต่ที่บรรลุขั้นแปลงวิญญาณรับการโจมตี!”
หลังเอ่ยจบ เขาสูดหายใจลึกและเส้นโลหิตบนศีรษะโป่งพองออกมาราวกับเขากำลังทนรับความเจ็บปวดมหาศาล ในไม่นาน วังวนยักษ์ปรากฎเบื้องหลังเขาทันที
วังวนหมุนอย่างช้าๆพร้อมกับส่องแสงสีดำข้างใน พลังงานลึกลับกระจายออกมาจากมัน
ใบหน้าซุนไท่เปลี่ยนไป ขณะนั้นเองบรรพชนสำนักมารยักษ์ร้องตะโกนขึ้น “เปลี่ยน!”
วังงวนเบื้องหลังเขาพลันเริ่มหมุนอย่างรวดเร็วและพลังดึงดูดอันแข็งแกร่งปรากฎขึ้น ทว่าพลังดึงดูดนี้ไม่มีผลต่อบริเวณใกล้เคียง มันมีผลต่อซุนไท่เท่านั้น
ซุนไท่สัมผัสพลังดึงดูดจากวังวนได้ทันทีและรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงเข้าไป เขากัดฟันกรอดและใช้พลังปราณสวรรค์ในร่างกายโดยไม่สงวนไว้ เขาชี้กลางอากาศและโลงศพสีแดงปรากฎ
ฝ่ามือปะทะเข้ากับโลงศพทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างเด็กชายลอยออกมาจากโลงศพ
“เปลี่ยน!” บรรพชนสำนักมารยักษ์ร้องตะโกนอีกครั้ง เส้นโลหิตบนร่างกายโป่งพองมากขึ้น ความสามารถทางสายเลือดได้ทำให้ร่างกายตึงเครียดและบีบรีด เนื่องจากระดับฝึกตนของเขาไม่สูงเพียงพอจึงทนได้ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
วังวนเริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่งและซุนไท่ถูกลากเข้าไป เขาเผยใบหน้าอึกอักและร้องตะโกน “มารน้อย สังหารเขา!”
เด็กคนนั้นลืมตาทันทีเผยประกายปิศาจ เขาก้าวหนึ่งครั้งมาถึงเบื้องหน้าผู้อาวุโสสำนักมารยักษ์ ความเร็วของมันเร็ววมากกว่าการเคลื่อนที่พริบตาหลายเท่า
บรรพชนสำนักมารยักษ์เพียงแค่เห็นเด็กน้อยแล่นลงปะทะกับหน้าอกเขา ทันใดนั้นรู้สึกพลังทำลายล้างปะทะกับร่างกาย
เขากระอักโลหิตคำโตออกมาพร้อมกับวิญญาณดั้งเดิมหลุดออกจากร่าง จากนั้นเจ้าเด็กน้อยเตะวังวนแห่งนั้นผ่านร่างกายบรรพชนสำนักมารยักษ์
อย่างไรก็ตามซุนไท่ถูกดึงเข้าไปในวังวนเรียบร้อย เขาส่งเสียงร้องไม่พอใจและหายตัวไปอย่างช้าๆ
พลังสายเลือดของสำนักมารยักษ์ไม่มีความสามารถในการโจมตีเนื่องจากระดับฝึกฝนของบรรพชนยังต่ำ อย่างไรก็ตามเขาสามารถเคลื่อนที่ผู้คนให้ออกห่างซูซาคุไปยังดาวระยะไกลได้
เมื่อวังวนหายไป ซุนไท่ก็หายไปเช่นกัน
เด็กน้อยเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ลอยค้างกลางอากาศหลังหยุดชะงักเขาไล่ตามบรรพชนสำนักมารยักษ์ทันที
บรรพชนสำนักมารยักษ์ไม่มีเวลาจับตัวหวังหลิน เขารีบหนีไปอย่างรวดเร็วหลังร้องคำรามอย่างผิดหวัง เด็กน้อยไล่ตามเขาไปอย่างรวดเร็วและทั้งสองคนหายวับไปเหนือเส้นขอบฟ้า
หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาพยายามลุกขึ้นยืนและเดินออกจากป่า เพียงก้าวไม่กี่ก้าวเขารู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังอ่อนแอและพลังปราณในร่างกำลังลดน้อยลง
เขตแดนของลี่หยวนเฟิงและผนึกของซุนไท่รวมเข้าด้วยกันแทบสมบูรณ์แบบ ภาพใบชาแปรเปลี่ยนเป็นรูปเป็นร่างจนมันกลายเป็นแผลเป็นบนหน้าผากหวังหลิน
แผลเป็นเกิดเป็นรูปทรงประหลาด เป็นรูปทรงผนึกของซุนไท่
หวังหลินยิ้มอย่างเจ็บปวดและพยายามเดินอยู่พักใหญ่ เขารู้สึกเหมือนแบกภูเขาไว้และทุกก้าวย่างล้วนยากลำบาก เมื่อถึงเวลาที่เขาออกจากป่า พลังปราณทั้งหมดในร่างกายถูกใช้จนหมด ไม่มีหลงเหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว
ร่างกายได้รับบาดเจ็บจนย่ำแย่ เขาสัมผัสความเจ็บปวดออกมาจากอวัยวะภายในและวิญญาณดั้งเดิมของเขาอ่อนแอจนเกือบจะพังทลาย เมื่อเขาเดินออกมาจากป่า แสงแดดส่องระทบบนร่างกาย ร่างกายเขารู้สึกอ่อนแอจริงๆ เขาหน้ามืดจากนั้นฟุบลงบนพื้น