Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 369

Cover Renegade Immortal 1

369. เหตุผล

ฮีฮู่รีบเข้ามาเบื้องหน้าหวังหลินและเตะเขาจนปลิวออกไปไกล แรงเตะไม่เพียงแต่ไม่ทำให้หวังหลินได้รับอันตรายมันยังส่งพลังปราณให้เขาอีกระลอก

“น้องเซิ่ง หนีไปทางทิศใต้!” น้ำเสียงกระวนกระวายดังขึ้นในหูหวังหลิน

บุรุษวัยกลางคนเห็นทุกอย่างและพ่นลมหายใจ

บรรพชนของสำนักมารยักษ์พุ่งออกมาและร้องตะโกน “ฉีฮู่เจ้าทำอะไร?!”

ฉีฮู่เคลื่อนร่างเพื่อขัดขวางบรรพชนของเขา เขาร้องตะโกนโต้ตอบด้วยแววตาแจ่มชัด “ท่านบรรพชน เข็มทิศดวงดาวเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้เซิ่งหนิว เขาไม่ได้ขโมยไปมัน ข้าฉีฮู่เป็นสุภาพบุรุษพอ! เซิ่งหนิวช่วยข้าไว้หลายครั้งในดินแดนสวรรค์และเขาเป็นสหายข้า จะให้ข้าปล่อยเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

บรรพชนแห่งสำนักมารยักษ์หัวเราะอย่างโกรธเคือง เขากำลังจะอ้อมฉีฮู่ออกไป

ทว่าฉีฮู่ร้องคำรามและภาพขวานบนหน้าผากกระพริบวาบ เขาก้าวไปข้างหน้าบรรพชนและร้องตะโกน “เข็มทิศดวงดาวนั่นไร้ประโยชน์สำหรับเรา! เช่นนั้นจะเป็นอะไรถ้าข้าจะให้คนอื่นไป? ท่านได้กระบี่เขามาแล้ว! นั่นยังไม่พออีกหรือ?!”

บรรพชนหันกลับมาทันใดและจ้องตาฉีฮู่ เขายื่นมือออกมาและทันใดนั้นฉีฮู่รู้สึกว่าตัวเองถูกกักขังไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

“หากเจ้าไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์แห่งมารยักษ์ วันนี้ข้าคงสังหารเจ้าไปแล้ว เจ้ามันเนรคุณ! เมื่อเรากลับไปยังสำนัก เจ้าจะถูกลงโทษด้วยการปิดด่านฝึกตนหนึ่งร้อยปีและรับรู้ความเจ็บปวดของการปรับแต่งร่างกาย!”

สิ้นคำพูดเขาไล่ตามหวังหลินที่กำลังหนีไป

ฉีฮู่กำหมัดแน่นและมองไปทางจุดที่หวังหลินหนีไป

“น้องเซิ่ง ข้า…พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว…” ฉีฮู่รู้สึกละอายใจ เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะมีชีวิตรอด เหตุผลที่เขาทำให้ท่านบรรพชนขุ่นเคืองก็เพราะไม่ต้องการผิดคำพูดของตัวเอง

“ข้าฉีฮู่ เป็นชายผู้มีเกียรติ! เซิ่งหนิวถือว่าเป็นสหายข้าคนนึง ข้าจึงไม่สามารถทำเป็นนิ่งเฉยได้”

หวังหลินฟื้นฟูพลังปราณมาได้บางส่วนจากการช่วยเหลือของฉีฮู่และใช้มันเพื่อหลบหนี

ขณะที่เหาะเหินไปหวังหลินชี้ระหว่างคิ้วของตนเองและถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าศัตรูจะวางค่ายกลอะไรอีก ตอนนี้รู้เพียงแค่ไม่สามารถเปิดมิติว่างหรือเคลื่อนที่พริบตาได้ และเขากระทั่งรู้สึกมีบางสิ่งป้องกันไม่ให้เข้าไปในมิติลูกปัด อย่างน้อยตอนนี้เขายังไม่สามารถเข้าไปได้

ค่ายกลแห่งนี้ลึกลับมาก ไม่ใช่เพียงแค่หวังหลินไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตา แม้แต่บรรพชนสำนักมารยักษ์ที่วางค่ายก็ไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตาได้เช่นกัน

“กระบี่สวรรค์ถูกขโมย…หากวันนี้ข้ามีชีวิตรอด ข้าจะต้องเอามันคืน!” ร่องรอยความเกลียดชังปรากฎในแววตาหวังหลิน

ทว่าขณะนั้นเองบุรุษวัยกลางคนไล่ตามหวังหลินทันและเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เจ้าจะไม่สามารถรอดไปได้ ข้าจะส่งเจ้าไปสู่ความตาย!”

เขายกแขนขวาขึ้นและกดลงด้วยนิ้วโป้ง พลังรุนแรงพรั่งพรูออกมาจากนิ้ว แต่ก่อนที่พลังสายนั้นจะปะทะกับหวังหลิน เขตแดนทรงพลังเป็นระลอกเข้ามาหาเขาด้วย

เขตแดนแห่งนี้มีกลิ่นหอมของชา เป็นการผลักดันประสบการณ์ชีวิตผ่านความพยายามทั้งหมดเพื่อเข้าถึงรสชาและต้องคลุกคลีกับชาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของหวังหลินปรากฎทันที แต่เมื่อนำมาต่อต้านกับเขตแดนของเซียนขั้นแปลงวิญญาณ มันมิอาจเปรียบได้ เขากระอักโลหิตออกมาและวิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหายอีกครั้ง

ร่างหวังหลินหล่นลงจากท้องฟ้าในทันที

รอยรูปร่างใบชาปรากฎบนใบหน้าหวังหลิน ทุกครั้งที่มันส่องแสง ร่างกายหวังหลินจะอ่อนแอ วิญญาณดั้งเดิมของเขาค่อยๆแตกสลายอย่างช้าๆ

ในตอนนี้เองบรรพชนแห่งสำนักมารยักษ์ก็ตามมาทันพลันก้มหน้ามองหวังหลิน

“เราเสียเวลาไปมากแล้ว หลังเจ้าสังหารเขา ข้ายังมีสิ่งอื่นที่ต้องทำ สหายลี่ ไปเถอะ”

ดวงตาบุรุษวัยกลางคนสว่างขึ้นและยิ้มออกมา “เจ้าจะไม่ลงมือเพราะเจ้ากลัวภูเขาซูซาคุ ก็ดี เมื่อนั่นเป็นแผนของข้า ข้าจะทำมันเอง!”

สิ้นคำพูดเขาชี้ไปที่หวังหลินเพื่อจบชีวิตของเขา

ทว่าในตอนนั้น เสียงดังสนั่นออกมาจากท้องฟ้าและรอยแยกขนาดยักษ์ถูกฉีกออก โลงศพสีม่วงและดำคล้อยลงมาจากภายในรอยแยกนั้น

เสียงเย็นชาดังออกมาจากโลงศพ “ค่ายกลผนึกมารแห่งสวรรค์และความตาย หากข้าไม่รู้จักค่ายกลนี้คงยากนักที่ข้าจะเข้ามาได้”

ผู้เฒ่าชุดแดงจ้องทั้งสามคนเบื้องล่างด้วยดวงตาเรืองรอง หลังเห็นบรรพชนสำนักมารยักษ์และบุรุษวัยกลางคน ใบหน้าเขาพลันมืดมนและสาปแช่ง “เซิ่งหนิวเจ้าไม่มีอะไรดีไปกว่าการหาเรื่องให้ตัวเองใช่ไหม?! ข้าต้องพูดว่าพวกเจ้าสองคนไม่อายลมตดตัวเองหรือที่ต้องรวมกันมาสังหารเด็กขั้นตัดวิญญาณนี่?”

“สำนักซากศพ!” บุรุษวัยกลางคนถอนนิ้วมือ ดวงตาเปล่งประกายจ้องผู้เฒ่าเบื้องบน

ผู้เฒ่าชุดแดงคือหัวหน้าผู้อาวุโสแห่งสำนักซากศพ ซุนไท่!

ซุนไท่ใบหน้าบูดบึ้งมองบุรุษวัยกลางคนเบื้องหน้า จากนั้นเลื่อสายตาไปหาบรรพชนสำนักมารยักษ์ เขาลอบสาปแช่ง แม้ว่าบรรพชนสำนักมารยักษ์จะเป็นเพียงขั้นแปลงวิญญาณระดับต้น เขารู้ว่าสมาชิกของสำนักนี้จะได้รับพลังสายเลือดตอนที่บรรพลุขั้นแปลงวิญญาณ แม้ตัวเองจะเป็นระดับกลางทว่าพลังพวกมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อกรด้วยง่ายๆ

ซุนไท่กล่าว “ข้าจะเอามันไป!”

“สหายเซียน…” บุรุษวัยกลางคนจากเฉว่ยี่กำลังจะเอ่ย

ซุนไท่มองเขาและตะโกนก้อง “หุบปากเน่าๆของเจ้าและไปซะ! เป็นแค่เซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นแท้ๆและฝืนบรรลุขั้นมา ไม่คู่ควรจะคุยกับข้า!”

ใบหน้าบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนจากน้ำเงินเป็นแดง ตั้งแต่ที่เขาบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ เขาก็เหมือนกับราชาในเฉว่ยี่ แม้จะพบเจอเซียนขั้นแปลงวิญญาณคนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้

ซุนไท่พ่นลมหายใจและหันสายตาไปหาบรรพชนแห่งสำนักมารยักษ์

ใบหน้าบรรพชนผู้นั้นพลันจ้องมองซุนไท่อย่างบูดบึ้ง หลังขบคิดเล็กน้อยเขาส่ายศีรษะและกล่าวออกมา “ไม่ได้ มันต้องตายและศพมันต้องเป็นของข้า!”

บุรุษวัยกลางคนจากเฉว่ยี่ตื่นตะลึง เขาหันศีรษะมามองบรรพชนแห่งสำนักมารยักษ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดว่าต้องการร่างศพ

ซุนไท่พ่นลมหายใจและตะโกน “เจ้าไม่ใช่สมาชิกสำนักซากศพของข้า เจ้าจะเอาศพไปใช้ทำอะไร?!”

บรรพชนสำนักมารยักษ์จ้องซุนไท่และกล่าวอย่างแน่วแน่ “ข้ามีวิธีใช้ของตัวเอง!”

เขามีวิธีใช้ร่างศพจริงๆ แม้ทางเฉว่ยี่จะไม่มาขอให้เขาช่วย เขาก็ยังลอบลงมือสังหารหวังหลินอยู่ดี

เพราะเขารู้ว่าชื่อจริงของเซิ่งหนิวคือหวังหลิน!

การเอาเข็มทิศดวงดาวคืนเป็นแค่ข้ออ้างในการสังหารหวังหลิน เหตุผลจริงๆก็คือข่าวจากสมาชิกในสำนักคนหนึ่งได้นำกลับมาจากการเปิดสนามรบต่างแดนเมื่อห้าร้อยปีก่อน!

“ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเป็นสมบัติที่แม้กระทั่งพันธมิตรแห่งเซียนยังต้องการ! หากสำนักมารยักษ์ของข้าได้มันและยกให้กับสมาพันธ์แห่งเซียน เราจะได้รับสถานะแคว้นอันดับหกแน่นอน เมื่อนั้นเราจะออกจากซูซาคุและได้รับดาวเคราะห์มารยักษ์ของตนเอง จากนั้นสำนักของข้าจะมีเหล่าเซียนขั้นเทวะ”

“ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าตกอยู่ในมือหวังหลินคนนี้!” ความคิดทั้งหมดนี้แล่นผ่านสมองเขา เขาตั้งมั่นไว้แล้วว่าวันนี้หวังหลินจะไม่ถูกคนอื่นขโมยไป!

ในปีนั้นสมาชิกสำนักที่รายงานข่าวถูกเขาสังหารทันทีและค้นดูในวิญญาณมันอย่างละเอียด หลังมั่นใจแล้วว่าสมาชิกคนนั้นไม่ได้บอกคนอื่นและคนที่รู้มีน้อยมากจึงตัดสินใจไม่สังหารทุกคนและเฝ้าดูหวังหลินอย่างเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม แม้บรรพชนจะมีความแข็งแกร่งมากแต่หวังหลินก็ดูเหมือนค่อยๆเลือนหายไป ซึ่งซูซาคุกว้างใหญ่เกินไปจนเขาไม่อาจค้นพบ จากข้อมูลพื้นฐานของสมาชิกในสำนัก หวังหลินหายไปตัวเข้าไปในรอยแยกอวกาศที่อยู่ในสนามรบต่างแดน

ดังนั้นเขาจึงเข้าไปในสนามรบต่างแดนเป็นการส่วนตัวและค้นหาภายในรอยแยกอวกาศเป็นเวลาถึงร้อยปีแต่ยังไม่พบเจอสิ่งใด

เขาค่อยๆปล่อยวางเรื่องนี้และรู้สึกเศร้าเสียใจ เขาเชื่อว่าหวังหลินต้องตายไปโดยไม่มีอะไรหลงเหลือและลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้หายไปอีกครั้ง

ทว่าเรื่องทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเซิ่งหนิวปรากฎตัว เขาพบว่าสิ่งที่ฉีฮู่พูดนั้นประหลาดยิ่งนัก หลังใช้สถานะของเขาที่เป็นบรรพชนเพื่อบังคับฉีฮู่จนในที่สุดก็เล่าความจริง

เขาพบพิรุธทันที หลังไตร่ตรองอยู่นานจึงพบว่าเซิ่งหนิวคือหวังหลิน!

จากผลลัพธ์นี้ทำให้เขาแปรเปลี่ยนเป็นความสุขทันที แต่เนื่องจากการแทรกแทรงของซูซาคุเขาจึงไม่สามารถลงมือหรือทำอะไรได้

ถึงอย่างนั้นเขาลงมือสังหารอีกคนที่รู้เรื่องนี้ มันคือผู้ส่งสาส์นจากแคว้นเซียนระดับสี่ เมื่อบรรพชนสำนักมารยักษ์ค้นผ่านวิญญาณของผู้ส่งสาส์นคนนั้น เขาพบว่าผู้ส่งสาส์นไม่มั่นใจเรื่องข่าวจึงไม่ได้รายงานเรื่องลูกปัด หลังยืนยันเรื่องนี้เขาจึงผ่อนคลายและตัดสินใจรอจังหวะดีดีเพื่อสังหารหวังหลิน

วันหนึ่งลี่หยวนแห่งเฉว่ยี่มาขอให้เขาจัดตั้งค่ายกลเพื่อช่วยสังหารหวังหลิน เขาจึงยกข้ออ้างในการได้เอาเข็มทิศดวงดาวกลับคืนเพื่อให้สามารถเข้าใกล้หวังหลินได้

จากผลลัพธ์นั้น แม้ซูซาคุจะเข้าเฝ้าดูเรื่องนี้ เฉว่ยี่คงได้รับผลไปและเขาจะลอบนำลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าออกมา แม้หวังหลินจะตายเขาก็สามารถใช้วิชาลับเพื่อค้นหาว่าลูกปัดอยู่ที่ไหน

ดวงตาซุนไท่มืดลง เขาพ่นลมหายใจและลอยเข้าหาหวังหลิน

ลี่หยวนแห่งเฉว่ยี่รีบเหาะเหินเข้ามา เขานำนาฬิกาทองแดงออกมาและกำลังจะป้องกันซุนไท่

แต่ซุนไท่ตะโกนขึ้นเสียง “ไปซะ!” พลังสายหนึ่งพรั่งพรูออกมาจากร่างซุนไท่ทำให้ลี่หยวนหยุดกึกชั่วขณะ

“เจ้ากล้าดียังไง?!” บรรพชนสำนักมารยักษ์ส่งหมัดออกไป วังวนสีดำปรากฎขึ้นและเข้าใกล้ซุนไท่

ฝ่ามือขวาของซุนไท่ชี้ไปที่โลงศพเบื้องหลัง ฝาโลงเคลื่อนออกเล็กน้อยและร่างมัมมี่ลอยออกมาเพื่อต่อสู้กับบรรพชนสำนักมารยักษ์

เขาใช้โอกาสนี้เพื่อยื่นมือออกไปและคว้าหวังหลิน หวังหลินอ่อนแอมากในตอนนี้ ดวงตาเขาปิดสนิทและใบหน้าซีดจางราวกับคนตาย

ซุนไท่หันกลับและเหาะเหินเข้าไปในรอยแยกโดยไร้คำพูด

ลี่หยวนใบหน้ายุ่งเหยิง เขาลังเลเล็กน้อยและไม่ได้ลงมือ

บรรพชนแห่งสำนักมารยักษ์จะเฝ้าดูแกะอ้วนพีถูกขโมยไปจากมือเขาได้อย่างไร? เขาร้องคำรามกึกก้อง ขณะเดียวกันร่างกายแตกออกจนมีความสูงถึงหนึ่งร้อยฟุต ขวานยักษ์ปรากฎในฝ่ามือ เขาไล่ตามซุนไท่เข้าไปในรอยแยก กวัดแกว่งขวานลงจนเกิดเสียงดังกึกก้องในมิติว่าง

พลังปราณยักษ์พุ่งออกมาจนซุนไท่ใบหน้าดำคล้ำ เขารู้อยู่แล้วว่าการต่อสู้กับสำนักมารยักษ์นั้นประมือลำบาก ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและพุ่งเข้าใส่ปราณขวานแห่งนั้น

ตูมมมม!

หลังเกิดเสียงดังสนั่น ซุนไท่พุ่งออกไปจากรอยแยกทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version