368. หายนะอันยิ่งใหญ่!
ที่ใดที่หนึ่งในแคว้นเซียนระดับหนึ่งในดาวเคราะห์ซูซาคุ ผู้เฒ่าหน้าตามอมแมมกำลังกินน่องไก่พลันกระอักจนพ่นอาหารในปากออกมา เขายืนขึ้นด้วยใบหน้าหดหู่ แต่หลังครุ่นคิดสักเล็กน้อยจึงนั่งลง
เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความคับแค้น “ศิษย์พี่ ท่านและข้าต่างต่อสู้กันตลอดทั้งชีวิต เราจะต่อสู้กันไปอีกไหมหากเรากำลังจะตาย…ตอนนั้นข้าแพ้การต่อสู้เพื่อฉายาซูซาคุจนท่านได้มันไปครอบครอง…แต่ท่านไม่ควรผลักดันจนเกินไป! เมื่อหวังหลินสามารถกลับมาจากดินแดนสวรรค์ได้ เขาคือคนที่ข้าเลือก! ถ้าท่านทำลายเขา ข้าจะทำลายเฉียนเฟิง!”
เขาโยนน่องไก่ในมือออกไปและดวงตาเปล่งประกายด้วยความโกรธ
“ถึงเช่นนั้นข้าสงสัยยิ่งนักว่าเจ้าหนูหวังหลินจะเปลี่ยนสาวน้อยหลิวเหมยให้กลายเป็นเตาหลอมเซียนของเขาได้หรือไม่…ศิษย์พี่ มาดูกันว่าศิษย์ที่ท่านเลือกหรือคนที่ข้าเลือกจะเหนือกว่า นั่นเป็นเรื่องน่าสนุกยิ่ง!”
หวังหลินกำลังนั่งหลับตาบ่มเพาะอยู่บนหลังอสูรยุง หลังผ่านไปพักใหญ่เขาลืมตาและถอนหายใจ
“อาการบาดเจ็บทางร่ายกายข้าถือว่าดี แต่อาการบาดเจ็บที่วิญญาณถือว่าเป็นปัญหา อีกทั้งข้ารู้สึกถึงอันตรายในซูซาคุแห่งนี้ ความรู้สึกนี้ค่อนข้างแน่ชัด”
“อาการบาดเจ็บของผีเสื้อสีชาดคล้ายกับข้า แต่นางได้เกิดความก้าวหน้า หากข้าไม่สามารถบรรลุระดับปลายได้ตอนที่นางออกจากการปิดด่านฝึกตน ข้ากลัวว่าข้าจะไม่สามารถป้องกันนางได้เลย”
หวังหลินคิดอย่างใคร่ครวญจนใบหน้าพลันเปลี่ยนไป เจ้ายุงหยุดบินและมองไปรอบๆด้วยความงุนงง
“เคลื่อนย้ายกระบวยใหญ่!” น้ำเสียงชราพลันตะโกนขึ้นและค่ายกลยักษ์ปรากฎในท้องฟ้า
หวังหลินไม่ลังเลที่จะเก็บอสูรยุงและเคลื่อนที่พริบตาหนีไป ทว่าเขาหนีมาได้ถึงหนึ่งพันฟุตก่อนจะถูกป้องกันไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น
หลังจากนั้นไม่นานนักค่ายกลในท้องฟ้าเคลื่อนไหวและพลังปราณอันแข็งแกร่งพรั่งพรูออกมา หวังหลินตกใจและถูกดูดเข้าไปในค่ายกล
ร่างเขาหายวับเข้าไปยังค่ายกลในพริบตา
ค่ายกลค่อยๆหายไปและผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ เขาพึมพำ “แคว้นเฉว่ยี่ เจ้าเป็นหนี้ตาเฒ่าคนนี้แล้ว!”
เขาคือคนที่นั่งถัดจากกงซุนโป้ เขาเป็นผู้อาวุโสต่างแดน
ในพื้นที่อ้างว้างแห่งหนึ่งทางปลายขอบทิศเหนือทวีปซูซาคุ ค่ายกลยักษ์พลันเปิดขึ้นและคนผู้หนึ่งถูกโยนออกไป
หวังหลินหยุดร่างไว้กลางอากาศ เขามองรอบๆและใบหน้ามืดมน
มีบุรุษวัยกลางคนเบื้องหน้าเขาพร้อมกับโต๊ะ เก้าอี้และชุดชา
บุรุษวัยกลางคนนั่งอยู่บนโต๊ะขณะหยิบถ้วยชาขึ้นจิบและเอ่ยออกมา “เจ้าหนูเซิ่งหนิว ข้าเป็นอาจารย์แห่งสำนักเฉว่ยี่ หลี่หยวนเฟิง ข้าอยู่ที่นี่เพื่อเอาชีวิตของเจ้าให้ผีเสื้อสีชาด!”
“ขั้นแปลงวิญญาณ!” หวังหลินสามารถบอกระดับฝึกตนของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นได้เพียงแค่ชำเลืองมอง ใบหน้าเขาพลันมืดมนมากกว่าเดิม เขาลองเปิดรอยแยกอวกาศขึ้นมาโดยไม่ลังเลเพื่อที่จะหนีด้วยเข็มทิศดวงดาว
หวังหลินรู้ว่าเขาไม่สามารถต่อกรกับเซียนขั้นแปลงวิญญาณเขา เขาทำได้เพียงแค่หนีเท่านั้น
ทว่าดวงตาหวังหลินฉายแววเยือกเย็น เดิมทีด้วยระดับฝึกฝนของเขา การจะฉีกอากาศว่างๆเพื่อเปิดรอยแยกเป็นเรื่องง่ายแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำได้แม้จะใช้พลังทั้งหมด
สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับระดับฝึกฝนของเขาที่ตกลง นอกเหนือจากนั้นเขายังเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นดังนั้นเขาควรจะเปิดมันได้ง่ายๆสิ
บุรุษวัยกลางคนวางถ้วยชาและส่ายศีรษะ “เจ้าหนู เพื่อป้องกันการหลบหนีของเจ้า ข้าได้ตั้งค่ายกลปิดผนึกรอยแยกในพื้นที่แห่งนี้แล้ว เข็มทิศดวงดาวอาจจะเป็นแค่เศษขยะเท่านั้น”
หวังหลินเปลี่ยนไปเคลื่อนที่พริบตาโดยไร้คำพูดแต่แววตาพลันเยือกเย็นยิ่งขึ้นเนื่องจากเขาไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตาได้
เข็มทิศดวงดาวไร้ประโยชน์และเคลื่อนที่พริบตายังไร้ประโยชน์ไปด้วย เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ค้นคว้ามาอย่างดีเพื่อวางกับดักป้องกันไม่ให้หวังหลินหลบหนี
หวังหลินก้าวเท้าและรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
บุรุษวัยกลางคนรินถ้วยชาอีกแก้วอย่างลวกๆ จากนั้นเป่าน้ำชาเบาๆพลันดื่มขึ้นจิบ วางมันลงไปและยืนขึ้น เขาส่ายศีรษะ “ปกติแล้วข้าจะไม่ลงมือแต่เมื่อลงมือแล้วจะไม่ทิ้งความรอบคอบของข้าลงเพียงเพราะเป้าหมายคือขั้นตัดวิญญาณหรอกนะ เซิ่งหนิว คราวนี้เจ้าตายแน่นอน!”
เขาเหาะเหินตามหลังหวังหลิน
บุรุษวัยกลางคนเหาะเหินด้วยความเร็วเดียวกับหวังหลิน เขากำลังไปจับเป้าหมายอย่างช้าๆราวกับแมวเล่นกับหนู
สีหน้าหวังหลินยิ่งมืดมนมากกว่าเดิม เขาตบกระเป๋านำหินหยกออกมาเติมเต็มด้วยพลังปราณทำให้เปลวไฟสีฟ้าล้อมรอบอย่างรวดเร็วและจากนั้นมันหายไป
“ซุนไท่ เข้ามาเร็ว!” หวังหลินถอนหายใจ
หลังจากนั้นไม่นานเขาหยุดลงทันที เบื้องหน้าเป็นคนยืนอยู่สามคน
ทั้งสามต่างสวมชุดคลุมสีดำทั้งหมดปกคลุมใบหน้า คนตรงกลางก้าวเข้ามาเบื้องหน้าจนเกิดความอึดอัด
“เซียนขั้นแปลงวิญญาณอีกคน!” หัวใจหวังหลินรู้สึกเจ็บแสบอย่างมาก
ขณะนั้นชายวัยกลางคนเข้ามาถึงจนหยุดห่างหวังหลินไปหนึ่งร้อยฟุตและเอ่ยขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้องหลบหนีเซิ่งหนิว วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
เช่นนั้นเขายกมือขวาขึ้นและชี้ไปหาหวังหลิน ลมหมุนพลันปรากฎและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินรีบถอยกลับ เขานำกระบี่สวรรค์ออกมาและตวัดลมหมุนนั้น ปราณกระบี่ทำให้ลมหมุนแตกกระจายและพุ่งเข้าหาบุรุษวัยกลางคน
บุรุษวัยกลางคนเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย เขารับปราณกระบี่ไว้ด้วยฝ่ามือและบดขยี้มัน
“นี่อะไร?” บุรุษวัยกลางคนตกตะลึงเล็กน้อย ฝ่ามือขวารู้สึกด้านชาเล็กๆ
หวังหลินถอนหายใจอีกครั้ง หลังจากระดับฝึกฝนตกลง พลังปราณของเขาก็น้อยลงด้วยอีกทั้งวิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหายหนักดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงพลังได้เท่าเดิมตอนที่ต่อสู้กับผีเสื้อสีชาด
หวังหลินกัดฟันแน่นและหันตัวกลับเพื่อจะหนีอีกครั้ง
ขณะนี้เองเซียนขั้นแปลงวิญญาณที่สวมชุดคลุมสีดำพลันพ่นลมหายใจออกมา เขาคว้าจับหวังหลินราวกับสายฟ้าและกระแทกหลังหวังหลินด้วยฝ่ามือ
หวังหลินร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เขามีเวลาเพียงแค่เพ่งสมาธิทั้งหมดเพื่อใช้พลังปราณที่เหลือในร่างกายบนแผ่นหลังและใช้ปราณกระบี่เพื่อป้องกัน ทว่าร่างกายเขายังคงถูกพลังรุนแรงและกระเด็นลงสู่พื้นดินห่างไปหนึ่งพันฟุต เขากระอักโลหิตคำโตพร้อมกับลิ่มเลือด
ใบหน้าหวังหลินแทบจะเหมือนคนตาย ตอนนี้มีอาการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากคราวก่อนมากนัก
คนผ้าคลุมสีดำยื่นมือออกมาคว้ากระบี่สวรรค์ของหวังหลินและเอ่ยขึ้น “นี่มันกระบี่ดี ถึงกับมีวิญญาณกระบี่ข้างใน ไม่เลวทีเดียว!”
บุรุษวัยกลางคนยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “กระบี่เล่มนี้เป็นของเจ้า แต่ธงที่สามารถเรียกทัณฑ์สวรรค์เป็นของข้า”
ผู้เฒ่าชุดดำหัวเราะ “ตกลง เข็มทิศดวงดาวนั้นเดิมทีเป็นของสำนักข้า เช่นนั้นข้าขอมันคืนแล้วกัน!”
บุรุษวัยกลางคนพยักหน้า “ย่อมได้”
หวังหลินดิ้นรนเพื่อลุกขึ้น ขาของเขาสั่นเทาเล็กน้อยเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
เขามองผู้เฒ่าชุดดำด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “สำนักมารยักษ์!”
ผู้เฒ่าชุดดำถอดหน้ากากเผยออกมาเป็นผู้เฒ่าผมสีเทาทว่าดวงตาเรืองแสงราวกับแสงจันทร์
เขามองหวังหลินและหัวเราะ “เจ้าหนูหวังหลิน ตาเฒ่าคนนี้มาจากสำนักมารยักษ์จริงๆ ตอนที่อยู่ในดินแดนสวรรค์ เจ้าขโมยเข็มทิศดวงดาวจากปรมาจารย์น้อยของเรา ดังนั้นข้ามาที่นี่คือนำมันกลับ ก็แค่หวังว่าเจ้าจะไม่คิดมาก”
หวังหลินจ้องตา ฝ่ามือสั่นเทานำเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและกินมันเบื้องหน้าเซียนทั้งสองคน จากนั้นเอ่ยด้วยความสงบนิ่ง “เจ้าแก่ขั้นแปลงวิญญาณสองคนรวมหัวกันเพื่อสังหารข้า เกียรตินี้ข้าจะจำมันไว้!”
บุรุษวัยกลางคนยิ้มบาง “ก็ถูกแล้ว แม้ว่าเจ้ากำลังจะตายก็ควรตายด้วยรอยยิ้ม ส่วนสมบัติของเจ้าช่างน่าสนใจอย่างยิ่ง” สิ้นคำเขาชี้ไปที่หวังหลินอีกครั้ง
คราวนี้พลังปราณรุนแรงพุ่งออกมาจากนิ้วเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินฟื้นฟูพลังปราณได้เล็กน้อยดังนั้นจึงนำธงกฎเกณฑ์ออกมาโบกสะบัด ควันกฎเกณฑ์สร้างเป็นกำแพงกฎเกณฑ์เพื่อป้องกันพลังปราณรุนแรงนี้
ควันกฎเกณฑ์หลายชั้นถูกสลายไปแต่มันสามารถหยุดพลังปราณที่มุ่งเข้าหาหวังหลินได้
แววตาบุรุษวัยกลางคนพลันสว่างขึ้นขณะมองดูธงกฎเกณฑ์ในฝ่ามือหวังหลินและยิ้มออกมา “ธงเล็กนี่มันดีอะไร ข้าต้องศึกษามันอย่างละเอียด!”
จากมุมมองของเขา เซิ่งหนิวน่าจะตายแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่เซียนขั้นแปลงวิญญาณสองคนจะไม่สามารถสังหารแค่เซียนขั้นตัดวิญญาณคนเดียว
ใบหน้าหวังหลินซีดขาวมากขึ้นและความสิ้นหวังปรากฎในใจ ร่างหลักของเขาไม่สามารถมาได้แน่นอน หากไม่คิดเรื่องระยะทาง ร่างหลักของเขาก็ยังไม่สามารถมาที่นี่ได้อยู่ดีไม่เช่นนั้นเขาจะตายจริงๆ
เขาต้องยื้อเวลาไว้จนกว่าซุนไท่จะมาถึง นี่เป็นทางเดียวเท่านั้น!
ทว่าเขาใช้พลังปราณไปจนหมดตอนที่ใช้ธงกฎเกณฑ์ ตอนนี้ไม่มีพลังปราณใดหลงเหลืออยู่ในร่างเขาเลย
บุรุษวัยกลางคนกำลังจะชี้นิ้วอีกครั้งทว่าหนึ่งในคนชุดดำด้านข้างผู้เฒ่าพลันเอ่ยอย่างเคารพ “ท่านบรรพชน ให้ผู้น้อยสังหารเขาเพื่อแก้แค้นให้ตัวข้าเองเถอะ!”
บุรุษวัยกลางคนลดมือลงและมองไปทางบรรพชนของสำนักมารยักษ์
บรรพชนมองเขาและพยักหน้า
คนชุดดำหันกลับมาและถอดหน้ากาก มันคือฉีฮู่!
ฉีฮู่เหาะเหินเข้าหาหวังหลินด้วยสายตาเยือกเย็น
“ฉีฮู่!” ขณะที่หวังหลินถือธงกฎเกณฑ์ไว้ในมือ ดวงตาพลันเกิดความรู้สึกอันซับซ้อน
“เซิ่งหนิว ยอมรับความตายของเจ้าซะ!” ฉีฮู่ร้องตะโกนแต่สายตาเผยประกายลึกลับ ฝ่ามือเขาพุ่งออกไปเป็นคลื่นพลังปราณ
เมื่อหวังหลินเห็นสายตาของฉีฮู่ หัวใจหยุดเต้นไปพักนึง
คลื่นพลังปราณที่ลอยเข้าหาหวังหลินนั้นไม่มีพลังโจมตี มันถูกร่างกายหวังหลินดูดซับ ไม่นานนักพลังปราณจึงเริ่มเติมเต็มในร่างกายหวังหลิน