407. การมาถึงของผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์
หวังหลินโกหกลี่มู่หวาน
เขาไม่อาจคิดหาหนทางเพื่อปกป้องลี่มู่หวานและทำให้วิญญาณของโจวลี่ยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดีไปได้
หากเขาดึงวิญญาณของโจวลี่ออกมา รัศมีแห่งความตายที่สร้างขึ้นตอนนั้นจะเป็นอันตรายต่อวิญญาณเซียนของลี่มู่หวาน แม้ว่าวิญญาณของนางจะสามารถทนได้ทว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและแทบใกล้จะแตกสลายหลังจากนั้นในไม่ช้า
เรื่องนี้ยังถือว่าเป็นรอง ขณะที่วิญญาณของโจวลี่ถอดออกมา ผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์จะเข้ามาหาด้วย เมื่อไร้วิญญาณของโจวลี่เป็นหน้ากากให้วิญญาณเซียนของลี่มู่หวาน ลี่มู่หวานจะเปิดเผยต่อหน้าสวรรค์โดยทันที
ในตอนนั้นเมื่อวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานไม่ฟื้นฟูได้เต้มที่ ดังนั้นกฎแห่งสวรรค์จะทำให้นางได้ผลกระทบมหาศาล
แผนแรกเดิมไม่ใช่แบบนี้ วิญญาณเซียนของลี่มู่หวานคาดว่าจะหลอมรวมกับเลือดเนื้อของเด็กทารก การทำเช่นนี้จะทำให้วิญญาณของนางเป็นของเด็กทารกนั้นซึ่งทำให้นางรอดพ้นจากกฎแห่งสวรรค์ไปได้
แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป นอกจากลี่มู่หวานจะกลืนกินวิญญาณของโจวลี่แล้ว ไม่มีอะไรสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
คำตอบของคำถามนี้สิ้นสุดที่คำว่าความตายเมื่อหวังหลินคิดค้นหาทางออกให้มาสี่ปี
ไม่มีข้อสงสัยในใจเขาว่าใครคือคนที่สำคัญกว่า เขาตัดสินใจไว้แล้วว่าจะเสียสละโจวลี่เพื่อให้ลี่มู่หวานตื่นขึ้น
ทางเลือกนี้โหดเหี้ยมและเจ็บปวดอย่างมากต่อหวังหลินเช่นกัน ทว่าหวังหลินเป็นสัตว์ประหลาดที่ฝึกฝนเซียนมาห้าร้อยปีแล้ว หลังดิ้นรนมาสี่ปี จิตใจจึงแข็งแกร่งดังเหล็ก
หวังหลินมองโจวลี่ซึ่งครุ่นคิดบนก้อนหินอย่างเงียบๆ และเขาคิดกับตัวเอง ‘โจวลี่ ข้าจะไม่ลืมความเมตตาครั้งนี้ ข้าจะให้ครอบครัวของเจ้าอยู่ดีกินดีไปสิบชั่วอายุคน พวกเขาจะปกครองแคว้นซู…’
ราวกับนางได้ยินเสียงหวังหลิน ร่างกายของนางสั่นเทาและหันหน้ามาทางเขา หยดน้ำตาไหลออกมาจากต่อมน้ำตาแต่ใบหน้ากลับปรากฎรอยยิ้มกว้าง
สองปีสุดท้ายผ่านวันคืนอย่างเชื่องช้า วันที่ผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์จะมาถึงค่อยๆคืบคลานเข้ามา
หลังมาถึงดวงจันทร์(ดาวดวงนี้) หวังหลินไม่เคยกลับไปซูซาคุเลยดังนั้นจึงไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เกิดขึ้นในแคว้นซูซาคุ
แคว้นซูซาคุในตอนนี้กล่าวได้ว่าปกคลุมอยู่ในไฟแห่งสงคราม
สำนักละทิ้งอมตะได้เคลื่อนตัวออกมาพร้อมกับชาแมนเก้าใบไม้ซึ่งมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับเซียนขั้นเทวะและเริ่มการต่อสู้กับแคว้นซูซาคุอย่างดุเดือด
ในเวลาเดียวกันมีข่าวน่าตกใจอีกข่าวหนึ่งดังไปทั้งดาวเคราะห์ซูซาคุ ข่าวส่วนใหญ่มีแต่คำว่า “การทรยศ”
แคว้นเซียนหัวเรือใหญ่หลากหลายแห่งและเหล่าบรรพชนสำนักต่างได้ทรยศแคว้นซูซาคุ
เนื่องจากเกิดการทรยศหรือหักหลังหลายกลุ่มซึ่งเป็นกุญแจหลักของการต่อสู้ แคว้นซูซาคุจึงถูกบังคับให้ล่าถอยหลายครั้ง
ตอนนี้มีข่าวลือหนึ่งกำลังกระจายไปทั้งดาวเคราะห์ซูซาคุ
นานมากแล้ว สำนักละทิ้งอมตะมีวิชาหนึ่ง ใช้การเสียสละสมาชิกของสำนักจำนวนมากเปลี่ยนไปเป็นเซียนบ่มเพาะเพียงหนึ่งคน
ในหลายปีเหล่านั้น สำนักละทิ้งอมตะได้เปลี่ยนคนจำนวนเก้าคน เพราะพวกเขาไม่ได้มีร่างกายแบบสำนักละทิ้งอมตะจึงไม่ได้ถูกผนึกไว้ ดังนั้นจึงออกไปด้านนอกและเข้าร่วมกับสำนักหลากหลายแห่ง
เรื่องนี้เป็นแพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักละทิ้งอมตะสำหรับสงครามครั้งนี้
ดวงจันทร์ตอนนี้สงบเงียบกว่าดาวเคราะห์ซูซาคุมากมายหลายเท่า เหลือเพียงอีกสามเดือนเท่านั้นที่จะถึงวันแห่งโชคชะตา
โจวลี่ไม่พูดอะไรตลอดทั้งปี เวลาที่นางหลับเพิ่มมากขึ้นจนตอนนี้กิจวัตรส่วนใหญ่ของนางคือการหลับ
เจ้าขาวน้อยยังอยู่ข้างๆนาง ความโศกเศร้าในแววตาของมันกลับเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน
ส่วนเจ้าม่วงน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ดังนั้นมันจึงนอนอยู่บนพื้นและมองโจวลี่และเจ้าขาวน้อยด้วยความงุนงง
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินจับจ้องบนโจวลี่เพื่อจับตาดูวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานตลอดเวลา เขายังทำให้สภาพร่างกายอยู่ในช่วงดีที่สุดเพื่อให้สามารถต่อกรกับผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
ร่างหลักของเขาทำสิ่งเดียวกันอยู่ในแกนหลอมละลายส่วนลึกของดวงจันทร์ เขาไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้กับผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ไปได้
ขณะที่โจวลี่กำลังหลับ บางครั้งนางก็ละเมอและยังพูดว่า “ท่านลุง ข้ากลัว!” แต่คำพูดนี้เริ่มถี่น้อยลงและน้อยลง
ส่านใหญ่นางจะพึมพำอะไรสักอย่างออกมา ตอนที่นางพูดอะไรแบบนี้หยดน้ำตาจะไหลออกมาเสมอ
โจวลี่เติบโตขึ้นจนมีอายุสิบเก้าปี แม้ว่านางจะไม่ได้น่ารักงดงามมากมายนักแต่ว่านางมีความรู้สึกแห่งความไร้เดียงสาและใสซื่อ
โจวลี่ใช้เวลาเดือนสุดท้ายทั้งเดือนเพื่อหลับไหล
นางไม่ตื่นขึ้นมาเลยตลอดเดือนนี้ วิญญาณของลี่มู่หวานเริ่มกลืนกินนาง
เจ้าขาวน้อยและเจ้าม่วงน้อยถูกหวังหลินผนึกห่างออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันรบกวนการตื่นของลี่มู่หวาน หวังหลินอยู่ข้างกายโจวลี่แล้วในตอนนี้ หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวดขณะที่มองไปยังเด็กน้อยเบื้องหน้า
“ท่านลุง ท่านเป็นใคร?”
“ท่านลุง ขอบคุณที่ช่วยข้าเอาไว้ …”
“ท่านลุง ท่านสัญญาจะจับเสือตัวใหญ่ให้ข้า…”
“ท่านลุง ข้ากลัว ท่านเอาคนตัวเล็กข้างในข้าออกไปได้ไหม…”
ความทรงจำของโจวลี่แล่นผ่านในใจเขา หวังหลินถอนหายใจยาวออกมา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเดือนสุดท้ายก็ค่อยๆสิ้นสุดลง
ในที่สุดวันสุดท้ายก็มาถึง หวังหลินรู้สึกได้ว่าวิญญาณของลี่มู่หวานได้ตื่นขึ้น ตอนนี้นางกำลังกลืนกินวิญญาณของโจวลี่
เมฆหมอกสีดำพลันปรากฎในท้องฟ้าเหนือดวงจันทร์ พวกมันเริ่มรวบรวมกันมากขึ้นและมากขึ้น
ภายในก้อนเมฆมีดวงตาหนึ่งคู่ปรากฎ หวังหลินคุ้นเคยกับดวงตาคู่นี้เป็นอย่างมาก
ผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์จากเมื่อสิบเก้าปีก่อนได้ลงมาอีกครั้งแล้ว
สายตาของมันกวาดผ่านหวังหลินและร่อนลงบนโจวลี่ ดวงตาคู่นั้นเรืองแสงขึ้นพร้อมกันมือยักษ์ยื่นออกมาหานาง
ดวงตาหวังหลินสว่างวาง เขากระโดดขึ้นไปในอากาศโดยไม่ลังเลและชี้ไปที่มือยักษ์ข้างนั้น
ม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายปรากฎในท้องฟ้า หวังหลินร้องตะโกน “ไปซะ!”
ควันสีเทาหนาหลายเส้นออกมาจากม้วนคัมภีร์และรวบรวมกันเบื้องหน้าหวังหลิน แขนยักษ์ของผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ลงมาถึงและปะทะเข้ากับควันสีเทา
ตู้มมมม!
เสียงดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่พร้อมกับควันสีเทาถูกผลักออกไปและแขนยักษ์กระดอนกลับไป
ดวงตาหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ส่งข้อความออกมาทางความคิด พื้นดินเริ่มแตกร้าว ร่างหลักพุ่งออกมาจากพื้นตามหลังแขนยักษ์และชกเข้าใส่อย่างจัง!
ตู้มมมม!
เสียงดังสั่นสะเทือนฟ้าดินอีกครั้ง ท้องฟ้าแยกออกและพื้นดินแตกกระจาย แขนที่กำลังถดถอยได้ถูกกำปั้นของร่างหลักซัดจนแตกกระจาย
ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายราวกับสายฟ้า พลางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “ครั้งนี้เจ้าจะไม่สามารถนำวิญญาณของลี่มู่หวานไปจากข้าได้!”
ดวงตาในเมฆหมอกไม่เปลี่ยนแปลงเลย คราวนี้แขนสองข้างพลันลงมาจากท้องฟ้า สายฟ้าสีแดงปะทุขึ้นไปทั่วแขนสองข้างนั้น
ดวงตาหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรคม ครั้งนี้ผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาเช่นกัน
แขนทั้งสองข้างเข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว หนึ่งข้างยื่นเข้าหาหวังหลินและอีกข้างยื่นเข้าหาร่างหลักของเขา
ร่างหลักร้องคำรามและเติบโตกลายเป็นยักษ์สูงมากกว่าร้อยฟุตในทันที ดวงดาวสีม่วงสามดวงบนหน้าผากเริ่มหมุนถี่พร้อมกับมันโยนกำปั้นออกมา
ปัง!
คลื่นกระแทกอันทรงพลังกระจายออกมากลางอากาศ ร่างหลักกระเด็นกลับไปพร้อมกับสายฟ้าเต็มร่างกาย จากนั้นกระแทกเข้ากับภูเขาลูกหนึ่งทำให้ทั้งภูเขาสลายกลายเป็นฝุ่น
มือยักษ์ข้างนั้นถูกกระดอนกลับไปแต่คราวนี้ไม่ได้แตกกระจาย
ส่วนหวังหลินร่างอวตาร เมื่อแขนข้างนั้นเข้ามาถึง ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ไปที่แขนยักษ์ ม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายกลางอากาศพลันปิดลงและเคลื่อนที่มาข้างหน้าเพื่อป้องกันเขาไว้
มือยักษ์คว้าม้วนคัมภีร์เอาไว้ มันหยุดกึกชั่วครู่และกำลังจะเก็บม้วนคัมภีร์กลับคืน
ดวงตาหวังหลินแดงฉานพลันร้องตะโกน “สั่น!”
ม้วนคัมภีร์เขย่ารุนแรงและควันสีเทาจำนวนมากลอยออกมา เสียงซี่ๆดังออกมาจากแขนพร้อมกับควันสีขาว ในท้ายสุดแขนยักษ์นั้นต้องปล่อยม้วนคัมภีร์และถอนออกมา
ดวงตาคู่นั้นมองไปที่โจวลี่อย่างโหดเหี้ยมซึ่งตอนนี้อยู่เบื้องหลังหวังหลิน แขนยักษ์คู่นั้นฉีกกระชากก้อนเมฆออกมาเผยให้เห็นใบหน้ายักษ์ตนหนึ่ง
ใบหน้าดูธรรมดามากแต่เมื่อมองมันจะรู้สึกเคารพนับถือ ใบหน้านี้อาจจะแสดงถึงตัวตนแห่งสวรรค์ก็เป็นได้
มันจ้องหวังหลินอย่างเยือกเย็นและอ้าปากออกมา ลำแสงสีเทาพลันลอยออกมาจากปากและสร้างเป็นกงล้อ ขณะที่กงล้อนี้ปรากฎ ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสีและพื้นดินสั่นสะเทือน
รอยร้าวนับไม่ถ้วนเริ่มกระจายออกมาจากจุดที่มีหวังหลินอยู่ศูนย์กลางและพริบตาเดียวพื้นดินภายในรัศมีห้าร้อยลี้เริ่มแตกร้าว
รอยแยกอวกาศนับไม่ถ้วนปรากฎในท้องฟ้า รอยแยกเหล่านี้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันราวกับท้องฟ้ากำลังร่วงหล่นลงมา
ใบหน้าหวังหลินบึ้งตึง เพียงแค่คิด ร่างหลักก็มาถึงและรวมเข้ากับเขา หวังหลินตัวจริงปรากฎขึ้น!
ใบหน้ายักษ์ไม่ได้มองหวังหลิน มันขยับแขนเข้าหากงล้อและสัมผัสมัน เสียงลึกลับออกมาจากกงล้อและทั้งพื้นที่ดูเหมือนจะล้อมรอบด้วยพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่ง
สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป เขาคุ้นเคยกับพลังอำนาจนี้ มันเป็นพลังของวัฎจักรแห่งการเกิดใหม่
ขณะที่ร่างกายกำลังขยับ พลังแห่งการเกิดใหม่ที่รายล้อมทั้งหมดพลันรวบรวมเข้ามาและตกลงบนหวังหลิน
ซึ่งพลังของวัฎจักรแห่งการเกิดใหม่นี้ดูเหมือนจะสร้างเป็นคุกและหวังหลินถูกขังไว้ข้างใน
เขาไม่อาจขยับร่างกายได้แม้แต่เพียงหนึ่งนิ้ว เขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้วเพียงนิ้วเดียว
หลังแขนยักษ์นั้นเสร็จเรื่องกับกงล้อ มันเคลื่อนลงมาราวกับสายฟ้า เป้าหมายคือโจวลี่
หวังหลินไม่สามารถขยับร่างกายได้เลยแต่จิตใจกรีดร้อง “ไม่นะ!!!”
เขาตรากตรำอย่างหนักมาสิบเก้าปีเพียงเพื่อช่วงเวลานี้ แต่ในตอนนี้เขาเพียงได้แต่เฝ้าดูแขนยักษ์กำลังจะเอาวิญญาณของลี่มู่หวานจากไป