Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 415

Cover Renegade Immortal 1

415. ขั้นแปลงวิญญาณ (2)

ระหว่างทาง หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและเห็นเซียนหลายคนมีใบหน้าไม่ชอบใจซึ่งดูเหมือนจะซ่อนความกังวลของตัวเองเอาไว้ แม้พวกเขาจะพบเจอคนที่รู้จักก็ต้องรีบพูดคุยกันอย่างรวดเร็วและมุ่งไปยังทิศทางของตนเอง

ขณะที่หวังหลินเหาะเหิน เขาขมวดคิ้วทันที มีเซียนมากกว่าสิบคนได้เชื่อมสัมผัสวิญญาณแต่ละคนเข้าด้วยกันด้วยวิธีลึกลับเพื่อกวาดผ่านทั่วพื้นที่

ในเหล่าเซียนทั้งสิบคนนี้มีสามคนที่เป็นขั้นตัดวิญญาณและที่เหลือเป็นขั้นวิญญาณแรกกำเนิด

พวกเขาไม่ได้ชี้เป้าไปทุกคนแต่ดูเหมือนจะตรวจสอบเฉพาะเหล่าเซียนทุกคน

ตอนที่ระยะตรวจสอบเข้ามาหาหวังหลิน เขาไม่มีเวลาพอจะแยกแยะดังนั้นจึงก้าวเท้าและหลบเลี่ยงสัมผัสวิญญาณพวกนั้น

ไม่มีใครรับรู้สิ่งผิดปกติดังนั้นจึงกวาดผ่านพื้นที่ต่อไป

ความเร็วของหวังหลินถือว่าเร็วมากดังนั้นจึงมาถึงด้านนอกสำนักหลอมวิญญาณในเวลาไม่นานนัก ค่ายกลป้องกันสำนักถูกกระตุ้นไว้เรียบร้อย มันสร้างก้อนเมฆสีดำล้อมรอบสำนักเอาไว้และก้อนเมฆนี้ดูเหมือนเต็มไปด้วยภูติผีปิศาจ

คลื่นเสียงกรีดร้องดังออกมาเป็นพักๆจากก้อนเมฆ สถานที่แห่งนี้ดูน่ากลัวมากราวกับอยู่ใต้นรก

ไม่มีเซียนคนไหนในแคว้นพิลูเข้ามาใกล้ที่นี่ พวกเขามักจะอ้อมไปเสมอ

ตอนที่หวังหลินเห็นค่ายกลป้องกันสำนักถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก นี่หมายความว่าทุกสิ่งในสำนักยังคงปลอดภัยดี เขากระตุ้นวิชาผนึกวิญญาณและอ้าปากพ่นควันสีดำออกมาสายหนึ่งให้มันเปลี่ยนไปเป็นธงวิญญาณสูงสามสิบฟุต

“เข้าไป!” หวังหลินชี้ผืนธงและมันเริ่มเคลื่อนไหว มันห่อหุ้มรอบตัวหวังหลินและพาเขาผ่านค่ายกล

เมื่อผืนธงพุ่งเข้าหาสายหมอกสีดำ เหล่าดวงวิญญาณสร้างห้องขึ้นมาเพื่อทำให้หวังหลินผ่านเข้าไปได้ จากนั้นหวังหลินได้หายวับเข้าไปในส่วนลึกพร้อมกับค่ายกลของสำนักหลอมวิญญาณ

หลังจากนั้นไม่นานนักเมฆสีดำกลับคืนสู่ปกติ ช่องที่ได้เปิดขึ้นถูกผนึกกลับอย่างรวดเร็ว

ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปมากนักตั้งแต่ที่หวังหลินอยู่ที่นี่ครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีศิษย์น้อยลงซึ่งหนึ่งในสิบส่วนมีให้เห็นในปัจจุบัน

เมื่อมองออกไปไกลแล้วจากวงแหวนทองทั้งเก้าวง เหลือเพียงแค่สาม…

“เจ้ากลับมาแล้ว…” น้ำเสียงแก่ชราดังออกมาจากความว่างเปล่า วงแหวนโลหิตปรากฎเบื้องหน้าหวังหลินและตุ้นเทียนเดินออกมา

ตุ้นเทียนดูแก่ชรามากกว่าเมื่อก่อน ทั้งร่างกายปลดปล่อยรัศมีแห่งความตายอันหนาแน่น ตอนนี้เขาดูแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่หวังหลินเห็นเขามากมายนัก

“ผู้อาวุโส ท่าน…” สายตาหวังหลินเผยความเคร่งเครียดขณะตรวจสอบตุ้นเทียน เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอายุขัยของตุ้นเทียนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว

“เจ้าเห็นมันแล้ว…ไม่ใช่ปัญหา ข้ายังเหลือชีวิตอีกไม่กี่ปี ข้าจะไม่ตายในเร็วๆนี้หรอก” ตุ้นเทียนหัวเราะและขณะนั้นรัศมีแห่งความตายรอบตัวเขาดูเหมือนจะจางลง

“ไม่เลว ในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ปีนี้ระดับบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก เจ้าได้บรรลุถึงจุดที่เจ้าต้องดูดซับพลังปราณสวรรค์และปรับแต่งร่างกายแล้ว หากเจ้ามีหินหยกสวรรค์จำนวนมากเมื่อนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วที่เจ้าจะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้!” ตุ้นเทียนมองหวังหลินใกล้ๆ สิ่งที่เขาเห็นทำให้ตกใจและดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสมีหินหยกสวรรค์บ้างไหม?”

ตุ้นเทียนมองไปบนฟ้าและหัวเราะ “เจ้าเป็นอะไรเซิ่งหนิว เจ้ากลับมาสำนักหลอมวิญญาณเพื่อหินหยกสวรรค์ หากเจ้ามีหินหยกสวรรค์เพียงพอ ข้ากลัวว่าเจ้าแม้แต่จะไม่กลับมาเสียอีก”

หวังหลินยิ้มบางและส่ายศีรษะ “ข้ายังคงต้องกลับมาเพื่อธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง”

สายตาตุ้นเทียนสว่างขึ้น เขาจ้องหวังหลินด้วยสายตาชื่นชมและยิ้มออกมา “เยี่ยม ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงเป็นของเจ้า เสี้ยววิญญาณของข้าจะกลายเป็นของเจ้าในอีกไม่กี่ปี ดังนั้นแล้วทั้งสำนักก็เป็นของเจ้า! หากเจ้าไม่ชอบที่นี่ก็ทิ้งสำนักหลอมวิญญาณไว้ที่นี่ แต่เจ้าจงจำไว้ว่าข้าทำดีกับเจ้าไว้อย่างไรและเจ้าต้องรักษาสัญญา”

“ผู้เฒ่าคนนี้เพียงต้องการให้เจ้าสัญญาไว้สิ่งหนึ่งและนั่นคือการเก็บรักษาธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงให้ปลอดภัย ตราบใดที่ธงวิญญาณนี้ปลอดภัยเมื่อนั้นสำนักหลอมวิญญาณของข้ายังคงอยู่ ดาวเคราะห์นี้เล็กเกินไปที่จะรั้งคนเช่นเจ้า เซิ่งหนิว ตอนที่เจ้าจากไปจากที่นี่ เจ้าต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมต่อสำนักหลอมวิญญาณของข้าเพื่อเติบโตขึ้นอีกครั้ง เจ้าต้องสร้างหอคอยสูงเทียมสวรรค์จำนวน 999 แห่งเพื่อเติมเต็มความฝันของสำนักให้กลายเป็นแคว้นเซียนระดับหก”

“ฟังข้าให้ดี เซิ่งหนิว!”

หวังหลินมีดวงตาสงบนิ่ง ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีในโลกใบนี้หากท่านต้องการบางอย่าง ท่านก็ต้องจ่ายมันออกไป หลังขบคิดเล็กน้อยหวังหลินตกลงกับประโยคของตุ้นเทียน เขาพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ข้าจะทำมัน!”

ตุ้นเทียนมองหวังหลินอย่างละเอียดและถอนหายใจออกมา เขามองไปบนท้องฟ้าและคิดขึ้น ‘ศิษย์พี่ ข้าเดิมพันทุกอย่างบนการพยากรณ์ของท่าน ข้าหวังว่าข้าจะไม่เสียทุกอย่างไปกับการเดิมพันครั้งนี้…’

เขาสูดหายใจลึก โบกแขนเสื้อและเอ่ยออกมา “ตามมา!”

จากนั้นเขานำทางไปและหวังหลินติดตามด้านหลังอย่างใกล้ชิด

ทั้งสองคนเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าพร้อมกับผ่านสำนักหลอมวิญญาณเข้าไปและมาถึงด้านหลังภูเขา

ตุ้นเทียนส่งผนึกออกไปทำให้รอบๆสั่นเทาและวังวนสีดำปรากฎออกมา วังวนมีสายฟ้าดำปะทุผ่านไปมา กลิ่นอายอันตรายกระจายออกมาจากมันอย่างรวดเร็ว

“นี่คือพื้นที่ต้องห้ามของสำนักหลอมวิญญาณ มีเพียงคนที่เชี่ยวชาญวิชาผนึกวิญญาณเท่านั้นถึงอนุญาตให้มาที่นี่ได้ ดังนั้นการพาเจ้ามาที่นี่จึงไม่ผิดกฎของสำนัก” หลังตุ้นเทียนพูดจบเขาหายตัวเข้าไปในวังวน

หวังหลินครุ่นคิดสักพัก แม้ว่าใบหน้าจะสงบนิ่งแต่เขาระมัดระวังตัวขึ้นพร้อมกับติดตามตุ้นเทียนเข้าไปข้างใน

ขณะที่เข้าไปในวังวน เขารู้สึกราวกับเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย วิสัยทัศน์พร่ามัวและเมื่อชัดเจนอีกครั้งเขาก็อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งแล้ว

ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มาก บนกำแพงเบื้องหน้าเขามีแผ่นจารึกสร้างจากหินหยกสวรรค์มากกว่าสามสิบแผ่น

“แผ่นจารึกเหล่านี้คือเซียนขั้นแปลงวิญญาณที่ผ่านมาของสำนักหลอมวิญญาณ” ตุ้นเทียนโค้งคำนับต่อเหล่าแผ่นจารึก

หวังหลินโค้งคำนับด้วยเช่นกัน

สายตาตุ้นเทียนแฝงความชื่นชมและพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเดินไปด้านข้างและกดฝ่ามือลงบนผนัง เสียงครืนๆดังออกมาจากทุกทิศทาง

“เซิ่งหนิว นั่งลงในท่านั่งดอกบัว สำนักหลอมวิญญาณของเราไม่ได้มีหินหยกสวรรค์เหลือไว้นัก แม้เราจะเก็บไว้จำนวนมากตอนที่ย้ายมาจากดาวเคราะห์สี่นักบุญ หลังจากนั้นหลายหมื่นปีและมีเซียนขั้นแปลงวิญญาณมากกว่าสามสิบคน ของที่เราเก็บไว้จึงถูกใช้ไปจนหมด หินหยกที่เหลือต่างก็เป็นของที่ศิษย์พี่และข้าได้มาจากดินแดนสวรรค์ตอนที่เรายังเยาว์วัย ข้ากลัวว่าพวกมันอาจจะไม่เพียงพอสำหรับเจ้า แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกังวล แม้มันจะไม่เพียงพอข้าจะพาเจ้าออกไปขโมยมันมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องบรรลุขั้นแปลงวิญญาณในไม่ช้า”

“สำนักหลอมวิญญาณของข้าไม่เคยกังวลเกี่ยวกับการไม่มีหินหยกสวรรค์เพียงพอนั่นก็เพราะตอนที่มีใครพร้อมจะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ เราแค่เลือกสำนักหนึ่งและนำธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงออกไปขโมยเท่าที่เราต้องการ หากสำนักเดียวไม่เพียงพอ เราจะไปเยี่ยมสำนักที่สอง หากไม่พออีกเราจะไปสำนักที่สาม ในไม่ช้าเราก็จะมีหินหยกสวรรค์เพียงพอเอง”

“ตอนที่ข้าบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ อาจารย์ของข้านำธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงออกมาและขโมยมาจากสำนักทั้งหมดในแคว้นระดับห้าทั้งสามแห่ง” ขณะที่ตุ้นเทียนเอ่ยพลันมีความภูมิใจในแววตาคู่นั้น

หวังหลินเพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาคิดว่าสำนักหลอมวิญญาณช่างโหดร้ายจริงๆ ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงเป็นสิ่งที่แม้แต่ซูซาซุยังหวาดกลัว เพียงมีมันสำนักหลอมวิญญาณสามารถกวาดล้างดวงดาวและไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขา ไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาสามารถสร้างเซียนขั้นแปลงวิญญาณมากมายได้อย่างไร หินหยกสวรรค์ทั้งหมดที่พวกเขาใช้ก็ขโมยมาจากคนอื่น

ในตอนนี้ เกิดเสียงดังก้องขึ้นเรื่อยๆและพื้นดินเริ่มแตกร้าว หินหยกสวรรค์สองก้อนออกมาจากพื้น แต่ละชิ้นมีขนาดเท่าคนหนึ่งคน

พลังปราณสวรรค์พวยพุ่งเต็มพื้นที่ หวังหลินมองเข้าไปใกล้และพบว่าคุณภาพของหินหยกสวรรค์สองชิ้นนี้ไม่ได้ดีเท่ากับหินหยกของเขา แต่ว่าพวกมันมีความหนาแน่นมากดังนั้นจึงบรรจุพลังปราณสวรรค์ได้มากเป็นธรรมดา

หวังหลินสูดหายใจลึกและเริ่มดูดซับพลังปราณสวรรค์

หินหยกหนึ่งชิ้นอยู่ด้านหน้าและอีกชิ้นอยู่ด้านหลัง ทั้งสองต่างปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์อย่างสวยงามซึ่งเขาดูดซับได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับว่าร่างกายเขาเป็นวังวนขนาดใหญ่

พลังปราณสวรรค์ออกมาจากหินหยกสวรรค์ซึ่งมีมากมายจนมันกลายเป็นเส้นสีขาวที่มองเห็นได้เชื่อมต่อกับหินหยกด้วยกันเองและหวังหลิน

ตุ้นเทียนซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพลันพยักหน้า เขาตบกระเป๋าและนำธงสีขาวผืนเล็กออกมาเจ็ดผืน จากนั้นโยนออกไปและธงสีขาวทั้งเจ็ดร่อนลงรอบๆหวังหลิน

เส้นสายควันสีขาวออกมาจากธง เชื่อมต่อเข้าด้วยกันสร้างเป็นรูปร่างไม่เป็นระเบียบ

ตุ้นเทียนชี้กลางอากาศและเอ่ยคำว่า “ตั้ง!”

เส้นสีขาวออกมาจากเส้นที่กำลังเชื่อมกับธงและล้อมรอบหวังหลินอย่างสมบูรณ์

“เซิ่งหนิว ด้วยค่ายกลนี้ ความเร็วที่เจ้าสามารถดูดซับและการเปลี่ยนพลังปราณของเจ้าจะเพิ่มขึ้น ข้าคนนี้ไม่เคยรั้งเจ้าไว้”

พลังปราณสวรรค์จำนวนมากไร้ที่สิ้นสุดเข้าไปในร่างกายหวังหลินและร่างเขาปรับแต่งมันอย่างต่อเนื่องทำให้พลังปราณข้างในเปลี่ยนแปลงไป

หวังหลินค่อยๆลืมเลือนวันเวลาและจดจ่อตัวเองกับการดูดซับพลังปราณสวรรค์และแปลงพลังปราณ ตลอดขั้นตอนนี้เขาจะได้ความเข้าใจพลังปราณสวรรค์อย่างลึกซึ้ง

การบรรลุขั้นแปลงวิญญาณหมายถึงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของเหล่าเซียน มีเพียงการเปลี่ยนแปลงพลังปราณและควบคุมพลังปราณสวรรค์เท่านั้นถึงจะนับว่าเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง

เหล่าเซียนชั้นแปลงวิญญาณสามารถควบคุมพลังปราณสวรรค์ได้ ดังนั้นสมบัติหลายอย่างที่ใช้พลังปราณจึงไร้ประโยชน์เพราะพวกมันไม่สามารถทนต่อพลังปราณสวรรค์ได้

เช่นเดียวกัน มีสมบัติบางชิ้นที่ไม่สามารถกระตุ้นได้ด้วยพลังปราณสวรรค์ แต่พวกมันสามารถกระตุ้นให้ใช้งานได้ด้วยพลังปราณสวรรค์เพียงเท่านั้น

กระบี่สวรรค์และราชรถสังหารเทพเป็นเช่นนั้น

วันเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะมีหินหยกสวรรค์มากมายเท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้วพวกมันจะถูกดูดซับออกไป วันนี้เกิดเสียงแตกร้าวเบาๆขึ้นพร้อมกับรอยร้าวปรากฎบนก้อนหินหยกสองชิ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version