416. ประเพณี
เริ่มปรากฎรอยร้าวบนหินหยกสวรรค์ทั้งสองก้อน รอยร้าวกระจายออกและหินหยกค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเทาอย่างช้าๆ
จนวันนี้เส้นพลังปราณสวรรค์เส้นสุดท้ายถูกแยกออกมาจากหินหยกสวรรค์ข้างหน้าหวังหลิน เสียงดังปัง หินหยกแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกิดเป็นภูเขาฝุ่นย่อมๆเบื้องหน้า
ในเวลาไล่เลี่ยกันหินหยกสวรรค์ด้านหลังเขาก็แตกสลายเช่นเดียวกัน
เส้นผมหวังหลินพริ้วไสวโดยไม่ต้องมีแรงลม พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดในร่างกายเขาตอนนี้มีมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่าตัว กลิ่นอายแข็งแกร่งเริ่มกระจายออกจากร่างกายผลักดันธงขาวทั้งเจ็ดผืนออกไปเพราะพวกมันไม่สามารถต้านทานได้
หวังหลินเงยหน้าขึ้นช้าๆ เมื่อยืนขึ้นดวงตาปลดปล่อยแสงสีอำพันก่อนจะสงบนิ่งลง
“ข้าเสร็จสิ้นกระบวนการไปแล้วถึงหนึ่งในสามส่วน…” สายตาหวังหลินจรดลงบนตุ้นเทียนซึ่งนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง
ตุ้นเทียนลืมตาและยิ้มออกมา “เยี่ยมมาก ตอนนี้ติดตามข้าไปขโมยหินหยกสวรรค์กัน แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะยุ่งยากเนื่องจากสงคราม บางสงครามก็มิอาจหยุดประเพณีของสำนักหลอมวิญญาณเราได้”
ตุ้นเทียนหัวเราะพร้อมกับฉีกกระชากอากาศเบื้องหน้าจนเกิดวังวนสีดำและเขาเดินเข้าไป
หวังหลินยิ้มบางขณะติดตามเขาเข้าไปในวังวน
เมื่อทั้งสองปรากฎตัวอีกครั้งก็มาถึงด้านนอกสำนักหลอมวิญญาณแล้ว ตุ้นเทียนเอามือไพล่หลังขณะเหาะเหินไปข้างหน้าพร้อมกับขับขี่อยู่บนก้อนเมฆ
หวังหลินติดตามด้านหลังตุ้นเทียนอย่างกระชั้นชิด เขารู้สึกถึงพลังปราณที่เปลี่ยนไปในร่างกายตนเองได้
ตอนนี้ไม่ได้มีพลังปราณหลงเหลือในร่างกายเขามากนัก ส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปเป็นพลังปราณสวรรค์จนเกือบหมด อย่างไรก็ตามเขาต้องเต็มพลังปราณสวรรค์ในร่างกายให้เต็มเปี่ยมดังนั้นจึงยังจำเป็นต้องใช้หินหยกสวรรค์จำนวนมากในการทะลวงระดับขั้น
ทิศตะวันตกด้านข้างแคว้นพิลูมีสิ่งมีชีวิตอยู่กลุ่มใหญ่ ที่นี่เป็นดินแดนแห่งความตายซึ่งท่านจะไม่เห็นผู้คนอาศัยอยู่ภายในระยะหนึ่งหมื่นลี้
สถานที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ของเหล่าแมลง มีแมลงพิษจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่จนแม้กระทั่งเหล่าเซียนไม่กล้าเข้าไปตอแย
ที่แห่งนี้มักจะเห็นฝูงแมลงกลุ่มใหญ่บินว่อนไปรอบๆ พวกมันคือราชาของที่นี่
มีอสูรอีกชนิดที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ซึ่งเป็นพิษด้วยเช่นเดียวกัน ทว่าพวกมันไม่สามารถเปรียบกับเหล่าแมลงได้ดังนั้นจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ข้างในและปกติจะไม่ค่อยออกมา
เหล่าเซียนทั้งหมดในแคว้นพิลูต่างรู้ว่าไม่ควรก้าวเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ ที่ห้ามไม่ใช่เพราะมันอันตรายแต่เพราะว่าดินแดนนี้เป็นบ้านของสำนักแมลงปิศาจ
สำนักแมลงปิศาจตั้งอยู่ในบึงแห่งหนึ่ง
สำนักแมลงปิศาจเป็นสำนักที่แปลกประหลาดมาก แทนที่จะมีห้องโถงหลักแต่ว่าสิ่งก่อสร้างต่างๆกระจายไปทั้งบึง
บนพื้นดินแข็งๆมีจุดสว่างอยู่ไม่กี่จุด จุดเหล่านี้เป็นศิษย์สำนักแมลงปิศาจอาศัยอยู่ พวกเขาต่างกระจายตัวไปทั้งบึง
เหล่าศิษย์ของสำนักแมลงปิศาจไม่ได้มีสนิทสนมต่อคนด้วยกันมากนัก วิธีการบ่มเพาะของพวกเขาเกี่ยวพันกับเหล่าแมลง ดังนั้นแมลงพิษจำนวนมากในบึงจึงทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคยมากกว่า
วันนี้สองร่างปรากฎกลางท้องฟ้าเหนือขอบบึง หนึ่งเยาว์วัยและหนึ่งแก่ชรา ชายชราสวมชุดคลุมสีดำ เส้นผมสีเทาและดูผอมบางมาก เขาไพล่มือด้านหลัง ดวงตาเยือกเย็นและกลิ่นอายที่ออกมาจากตัวเขาทำให้เหล่าแมลงทั้งหมดหนีออกไปด้วยความหวาดกลัว
คนด้านข้างเป็นชายหนุ่ม เขาสวมชุดสีขาวและเส้นผมพริ้วไสวด้านหลัง แม้จะไม่หล่อมากแต่เขามีกลิ่นอายไม่ธรรมดา ดวงตาสดใสเป็นพิเศษ เพียงถูกมองก็ทำให้จิตใจคนสั่นสะท้านได้แล้ว
ทั้งสองคนคือตุ้นเทียนและหวังหลิน
เห็นได้ชัดว่าตุ้นเทียนคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เพราะเขานำหวังหลินตรงมาที่นี่ เขามองหนองบึงเบื้องล่างและถอนหายใจ “เซิ่งหนิว แม้พวกมันทั้งหมดจะซ่อนตัวเหมือนหนูแต่อย่ามองลงไปบนพวกศิษย์สำนักแมลงปิศาจซะหละ ข้าจะบอกเจ้าว่าเหล่าคนพวกนี้ชาติที่แล้วต้องรวยสักห้าสิบเท่าได้ ตอนที่อาจารย์ข้าพามาที่นี่ หินหยกสวรรค์ที่พวกเราขโมยมาได้มีมากกว่าที่เรานำมาจากสำนักอื่นถึงสามเท่า”
สิ้นคำเขายื่นมือออกไปหาอากาศว่างเปล่าและธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงปรากฎในฝ่ามือ หลังคว้าธงวิญญาณไว้ กลิ่นอายของตุ้นเทียนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาจ้องหนองบึงเบื้องล่างและโบกสะบัดผืนธง วิญญาณนับไม่ถ้วนลอยออกมาปกคลุมทั่วพื้นที่ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีและกาลเวลาราวกับถูกหยุด
ทั่วทั้งพื้นที่ถูกห้อมล้อมด้วยดวงวิญญาณซึ่งปลดปล่อยเสียงร้องไห้ราวกับภูติผีอย่างต่อเนื่อง คลื่นเสียงกระจายไปทั้งบึง การโจมตีของพวกมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสมบัติวิเศษเลย
ดวงวิญญาณสีม่วงทองมากกว่าสิบดวงพุ่งออกมาด้วยสายตาตื่นเต้นและพุ่งออกไปด้านข้างโดยไม่ต้องออกคำสั่ง แมลงพิษทั้งหมดวิ่งหนีราวกับเจอศัตรูตามธรรมชาติ
ดวงตาตุ้นเทียนส่องสว่างและร้องตะโกน “เหล่าหนูแห่งสำนักแมลงปิศาจ ปู่ของพวกเจ้าตุ้นเทียนมาถึงแล้ว! กฎเหมือนเดิม ส่งหินหยกสวรรค์มาเร็วๆ!”
หลังจากหวังหลินได้ยินเช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง มีกฎที่ตั้งไว้เพื่อขโมยหินหยกสวรรค์จริงๆหรือนี่?
หวังหลินไม่รู้ว่าสำนักหลอมวิญญาณนั้นชอบออกคำสั่งเช่นนี้ ตอนที่อาจารย์ของตุ้นเทียนพาเขามาที่นี่ อาจารย์ได้พูดแบบนี้เหมือนกันและมันก็เล่าลือกันไปว่าอาจารย์ของอาจารย์ก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน
ในไม่นานมันก็กลายเป็นกฎไปจริงๆ
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวออกมาจากหนองบึงก่อนจะมีร่างสองคนลอยออกมา ดวงวิญญาณพยายามหยุดพวกเขาแต่ถูกรัศมีที่ออกมาให้ถอยร่นกันจนหมด
ทว่าทั้งสองคนรู้ตัวว่าทำอะไร พวกเขาเพียงแค่ผลักดวงวิญญาณให้ถอยไปโดยไม่ให้ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
หนึ่งในนั้นเป็นชายชราสวมชุดคลุมสีม่วงและมีแมลงป่องสีแดงโลหิตสองตัวรอบกาย เขารีบตะโกนขึ้น “เจ้าผีเฒ่าตุ้นเทียน ไม่มีหินหยกสวรรค์แล้ว!”
อีกคนเป็นหญิงชราสวมชุดราตรีราวกับอยู่ในวัง แม้ว่าใบหน้านางจะเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแต่สายตาสว่างไสว นางกระแอมเพื่อตัดบทชายชราด้านข้างจากนั้นมองไปทางตุ้นเทียนและเอ่ยขึ้น “เจ้าผีเฒ่าตุ้นเทียน เราไม่สามารถให้หินหยกสวรรค์แก่เจ้าได้ ตอนที่เผ่าละทิ้งอมตะโจมตี ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและใช้หินหยกสวรรค์ไปมากเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เมื่อพิจารณาถึงอนาคตแล้วพวกเราไม่สามารถให้อะไรเจ้าได้”
สายตาตุ้นเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจับจ้องบนหญิงชรา เขาชี้ที่หน้าผากตัวเองและรัศมีแห่งความตายที่กดเอาไว้ถูกปลดปล่อยออกมา เขาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแหบพร่า “หยานฮ่อง ข้าเหลือเวลาชีวิตน้อยกว่าสองปีแล้ว”
หญิงชราสั่นเทาและสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ใบหน้าชายชราผ้าคลุมม่วงเปลี่ยนไปน่าเกลียดและพึมพำ “เจ้าคนสำนักหลอมวิญญาณทั้งหมดช่างบ้าบอ เมื่ออายุขัยเจ้าใกล้สูญสิ้น เจ้าใช้ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงนั้นไปขโมยหินหยกสวรรค์จากคนอื่นๆ…”
ตุ้นเทียนหัวเราะ “นั่นก็ถูก ข้าเพียงเหลือว่าชีวิตน้อยกว่าสองปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่กลัวตายเป็นธรรมดา ยกหินหยกสวรรค์มาและข้าจะจากไป หากเจ้าไม่ให้อะไรข้าเลย ข้าจะไม่สู้กับเจ้าแต่จะกวาดล้าแมลงทุกตัวที่นี่ให้หมด”
ชายชราผ้าคลุมม่วงหัวเราะน้ำเสียงโกรธและกำลังจะเอ่ยขึ้นมา ทว่าหญิงชรากระแอมและเอ่ยขึ้นก่อน “เจ้าผีเฒ่า ทำไมต้องเป็นเช่นนี้? ไม่เพียงแต่เราสองคนจะกวาดล้างสำนักหลอมวิญญาณของเจ้าได้ เจ้าเด็กคนนี้ข้างเจ้าจะตายแน่นอน”
หวังหลินยิ้มบางขณะฝ่ามือขวาชี้กลางอากาศ กระบี่สวรรค์ลอยเหาะเหินกวัดแกว่งออกมา หวังหลินใช้พลังปราณสวรรค์ในการกวัดแกว่งนั้น แม้เขาจะไม่ได้บรรลุขั้นแปลงวิญญาณเขายังสามารถใช้พลังปราณสวรรค์ได้สักเล็กน้อย
กระบี่สวรรค์จำเป็นต้องใช้พลังปราณสวรรค์เพื่อเรียกใช้งานมันโดยธรรมขาติ เมื่อพลังปราณสวรรค์ถูกใช้ไปมันปลดปล่อยแสงสีทองพร่ามัวและแรงกดดันแห่งสวรรค์รั่วไหลออกมา ปราณกระบี่ตกลงมาราวกับสายฟ้า
หญิงชราใบหน้าเปลี่ยนไปมาก นางยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าและนำกระดองเต่าขึ้นมาป้องกันปราณกระบี่ไว้
ตู้มมมม!
เสียงดังสนั่นกึกก้องพร้อมกับกระดองเต่ากลายเป็นผุยผง
ใบหน้าหญิงชราน่าเกลียดมาก แม้กระทั่งชายชราผ้าคลุมม่วงก็เช่นกัน เขาจ้องไปที่หวังหลิน
หวังหลินถามช้าๆ “เจ้าทั้งสองยังคิดหรือว่าข้าจะตายวันนี้แน่นอน?”
หญิงชราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เจ้าเป็นใคร?!” ปราณกระบี่แค่บรรจุพลังปราณสวรรค์เอาไว้แต่นางไม่ได้ตกใจเรื่องนั้น นางสังเกตเห็นแล้วว่าหวังหลินอยู่ในขั้นตอนระหว่างขั้นตัดวิญญาณและแปลงวิญญาณ
นางไม่คิดว่าเซียนเช่นนี้จะเป็นภัยคุกคาม แต่นางไม่เคยจินตนาการเลยว่าเขามีสมบัติสวรรค์
ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพอะไร ตราบใดที่สมบัติชิ้นนั้นใช้พลังปราณ มันจะถูกเรียกว่าสมบัติวิญญาณ
ในขณะเดียวกันสมบัติที่ใช้พลังปราณสวรรค์จะเรียกว่าสมบัติสวรรค์
การถูกเรียกว่าสมบัติสวรรค์นั้นคือสมบัติที่สามารถทนต่อพลังปราณสวรรค์ได้และแสดงพลังอำนาจของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ สมบัติแบบนี้หายากมาก สิ่งเดียวที่เซียนขั้นแปลงวิญญาณส่วนใหญ่ต้องการมากกว่าการบรรลุขั้นเทวะนั่นก็คือการหาสมบัติสวรรค์เพื่อตัวเอง
ในเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณ การมีสมบัติสวรรค์และไม่มีสมบัติสวรรค์นั้นถือว่าเป็นความแตกต่างขนาดใหญ่ สมบัติสวรรค์สามารถใช้พลังปราณสวรรค์ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่หากไม่มีมันพวกเขาต้องใช้วิชาเซียนของตัวเองซึ่งมักจะอ่อนด้อยกว่าสมบัติเสมอ
นอกจากนั้นยังมีสมบัติบางอย่างที่อยู่คั่นกลางระหว่างสมบัติวิญญาณและสมบัติสวรรค์ พวกมันสามารถกระตุ้นพลังงานได้ทั้งสองรูปแบบและแม้พวกมันจะไม่สามารถใช้ประโยชน์ของพลังปราณสวรรค์ได้เต็มที่แต่ยังแข็งแกร่งมากกว่าสมบัติที่ใช้พลังปราณธรรมดามากมายนัก สมบัติรูปแบบนี้เรียกกันว่าสมบัติสวรรค์เทียม
ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงและธงกฎเกณฑ์ต่างก็ถือว่าเป็นสมบัติสวรรค์เทียม