Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 425

Cover Renegade Immortal 1

425. เด็กหนุ่ม

จูเซว่จื่อขบคิดเล็กน้อย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นยุ่งยากก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาไม่กล้าทดสอบทฤษฎีของเขาจริงๆ จูเซว่จื่อกระทืบเท้าบนพื้นรอยแตกร้าวปรากฎกลางท้องฟ้าขณะจดจ้องทางแคว้นพิลูอย่างดุร้าย

“ซูซาคุรุ่นที่สอง…” จูเซว่จื่อเหาะเหินไปทางภูเขาซูซาคุ

ภายในสำนักหลอมวิญญาณในแคว้นพิลู

ร่างหวังหลินโอนเอนและหล่นจากท้องฟ้าหลังจากมั่นใจว่าจูเซว่จื่อจากไปแล้ว

ตุ้นเทียนตกใจและรีบเข้าไปรับหวังหลิน ตอนนี้ใบหน้าหวังหลินซีดขาวและดวงตาปิดสนิท ชัดเจนว่าตกอยู่ในความเจ็บปวด

ตุ้นเทียนมองใกล้ๆอีกครั้งจากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องตะโกน “การยึดครองร่าง!”

เขากัดฟันแน่นและยกฝ่ามือขึ้น กำลังจะกดมือลงหน้าผากหวังหลินเพื่อช่วยให้เข้าต่อสู้กับการครอบครองร่างกาย ทว่าขณะที่กำลังจะกดลง หวังหลินลืมตาขึ้น ดวงตาตอนนี้ชัดเจนและไม่มีเค้าโครงเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้

หวังหลินเอ่ยอย่างอ่อนแรง “ผู้อาวุโส หยุด”

ตุ้นเทียนจ้องหวังหลินพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“เจ้าใจร้อนเกินไปเด็กน้อย เจ้าไม่เห็นความรุนแรงของสถานการณ์หรือ? หากข้ามีนิสัยเดิม ข้าคงตบเจ้าทีเดียวก็สังหารได้แล้ว! อย่าคิดว่าเพราะอายุขัยของเจ้ากำลังจะหมดลงแล้วข้าไม่สามารถให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติชีวิตที่ค่อยๆไหลออกไปได้นะ!”

น้ำเสียงอวดดีดังออกมาจากคิ้วหวังหลิน หลังจากนั้นไม่นานแสงสีเขียวลอยออกมาจากหน้าปากและยืนอยู่ด้านข้าง แสงสีเขียวนี้เกิดเป็นรูปร่างชายกลางคนใบหน้าหยาบกร้านและตัวใหญ่ เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นจึงปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลัง

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีทันที ผลกระทบจากกลิ่นอายของเขาทำให้เหล่าก้อนเมฆเกิดขึ้นจนเห็นสายฟ้าและสายฝนเริ่มสาดลงมา

ชายกลางคนยกศีรษะขึ้นมองท้องฟ้าและตะโกน “แตกกระจายไปซะ! ข้าให้เจ้าตกหรือไง?”

เพียงร้องตะโกนคำเดียว ก้อนเมฆในท้องฟ้ากระจายหายไปโดยไร้ร่องรอย แม้กระทั่งสายฝนที่กำลังตกก็ถูกพัดออกไป ไม่เหลือให้ตกลงพื้นสักหยด

ร่างตุ้นเทียนสั่นเทารุนแรงขณะที่จ้องฉากเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างโง่งม เขาไม่อาจพูดอะไรได้สักคำ

หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่นและไอออกมา ตอนที่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งซูซาคุร่อนลงมา วิญญาณดั้งเดิมของเขากลับคืนสู่ร่างกายเรียบร้อยและบรรลุขั้นแปลงวิญญาณทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่มีวิธีช่วยเหลือการต่อสู้ระหว่างตุ้นเทียนและจูเซว่จื่อ ดังนั้นเมื่อเปลวเพลิงปรากฎจึงซ่อนตัวอยู่ในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า

เมื่ออยู่ในนั้น ซือถูหนานจึงตื่นขึ้น!

ซือถูหนานพึ่งตื่นขึ้นมีภาพลักษณ์ดุร้ายแต่ความจริงเขาอ่อนแอมาก ก่อนที่ซือถูหนานจะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก ทั้งสองไม่มีเวลาพูดคุยกัน เขาเข้าควบคุมร่างหวังหลินและทำให้จูเซว่จื่อหวาดกลัวหนีไป

กล่าวได้ว่าทักษะการแสดงของจูเซว่จื่อนั้นเยี่ยมมาก

ตอนที่ซือถูหนานให้จูเซว่จื่อตัดนิ้ว หวังหลินเคร่งเครียดมากแต่ซือถูหนานไม่กังวลเลยขณะที่เขาจองหองอย่างที่เป็นตลอดเวลา

หลังจากนั้นหวังหลินจึงถามว่าทำไมถึงต้องบอกให้จูเซว่จื่อทิ้งนิ้วของตัวเองไว้ เขาไม่กลัวจูเซว่จื่อกลับมาเอาคืนหรือ?

การตอบของซือถูหนานก็คือ “เพราะข้าคือซือถูหนาน!”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเกือบทำลายแผนของข้าด้วยการใช้วิญญาณดวงที่สี่นั่น เจ้าหนูน้อย หากข้าให้โจรกระจอกนั่นมองข้าออกจนหมด ข้าคงต้องกลับไปหลับอีกหลังจากพึ่งตื่นมางั้นหรือ! ส่วนเรื่องวิญญาณลำดับสี่ เมื่อข้าเจอร่างและฟื้นฟูระดับบ่มเพาะ ข้าจะกลับไปไล่ฆ่าภูเขาซูซาคและขโมยมันกลับคืนมาให้เจ้า!” ซือถูหนานชำเลืองตุ้นเทียน

ตุ้นเทียนไม่ได้ถูกเรียกว่าเจ้าหนูน้อยมาหลายพันปีแล้ว เขาได้แต่ยิ้มอย่างสุขุมและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสคือ?”

ซือถูหนานยกศีรษะขึ้นและพูดอย่างจองหอง “หวังหลิน บอกเจ้าหนูนี่ซิว่าข้าเป็นใคร!”

หวังหลินยิ้มอย่างขบขัน เขามองตุ้นเทียนและเอ่ยออกมา “เขาคือซือถูหนาน”

“ซือถูหนาน?” ตุ้นเทียนคิดอยู่เป็นเวลานานและนึกไม่ออกว่าเซียนที่เก่งกาจคนไหนชื่อซือถูหนาน

จากนั้นหวังหลินเอ่ยขึ้น “ซูซาคุรุ่นที่สอง!”

ร่างกายตุ้นเทียนสั่นเทาและเดินเซถอยหลังไป สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมจูเซว่จื่อถึงได้กวาดกลัวนัก

ชื่อเสียงของซูซาคุรุ่นสองนับว่าโดดเด่นมหาศาล อีกนัยหนึ่งมันกระทั่งก้าวข้ามเกินกว่าซูซาคุรุ่นแรกเสียอีก

หลังจากนั้นไม่นานตุ้นเทียนสูดหายใจลึก เขาโค้งคำนับต่อซือถูหนานอย่างนอบน้อมและเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยตุ้นเทียนแห่งสำนักหลอมวิญญาณขอคำนับผู้อาวุโส”

ซือถูหนานพยักหน้า “ถือว่าเจ้าปกป้องหวังหลินและให้ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงกับเขา ข้าขอสัญญาว่าหากมีโอกาส ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นฟูสำนักหลอมวิญญาณ!” ซือถูหนานระลึกถึงอดีตที่ผ่านมา หากไม่มีสหายที่ดีจากสำนักหลอมวิญญาณ เขาคงไม่มีเวลาหลบหนีเข้าไปในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าระหว่างการต่อสู้กับเหล่าเซียนต่างแดนพวกนั้น

ใบหน้าตุ้นเทียนเผยรอยยิ้ม เขายกชีวิตทั้งหมดให้กับสำนักหลอมวิญญาณและมันก็เป็นสิ่งที่เขากังวลมาตลอดในชีวิต นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อตีสนิทหวังหลิน นั่นก็เพื่อหาทางทำให้สำนักหลอมวิญญาณยังดำรงอยู่ได้ต่อไป

การมาถึงของจูเซว่จื่อทำให้ตุ้นเทียนสิ้นหวัง อย่างไรก็ตามหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนเหมือนภาพยนต์ชีวิตกำลังจะหมดลง ตอนนี้ซูซาคุรุ่นสองให้สัญญากับเขาเป็นการส่วนตัวว่าจะทำให้สำนักหลอมวิญญาณดำรงอยู่ต่อไป ตุ้นเทียนพึงพอใจอย่างที่สุด

เขานั่งลงในท่านั่งดอกบัวด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้าและหลับตาลงอย่างช้าๆ

“ศิษย์พี่ ท่านคาดการณ์ไว้ถูกต้อง…ข้าตุ้นเทียนสามารถพบท่าน อาจารย์และบรรพชนก่อนหน้าคนอื่นทั้งหมดด้วยรอยยิ้ม ตุ้นเทียนไม่ได้เป็นคนบาปของสำนักหลอมวิญญาณอีกแล้ว ข้าพบความหวังใหม่ให้กับสำนัก ข้าเห็นอนาคตนั้น อนาคตที่สำนักหลอมวิญญาณจะกลายเป็นแคว้นระดับหก ข้าตุ้นเทียนได้ทิ้งรอยเท้าของข้าไว้บนประวัติศาสตร์สำนักหลอมวิญญาณ….”

“ท่านอาจารย์ ข้าทำตามที่ข้าสัญญาไว้กับท่านได้สำเร็จ ข้าตุ้นเทียนจะขอลบล้างจิตสำนึกเพื่อเข้าสู่ธงวิญญาณชั่วนิรันดร!”

ค่ำคืนแห่งสายฝนบนถนน เหล่าโจรสังหารทุกคน ในท่ามกลางซากปรักหักพังมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังร่ำไห้…

เสียงร้องไห้ยาวนานจนมีชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากฟากฟ้า เขาลูบศีรษะเด็กหนุ่มอย่างเบามือ พลันเผยรอยยิ้มโอนโยนและเอ่ยเพียงประโยคเดียว

“เจ้ามากับข้าไหม?”

เด็กหนุ่มเติบโตขึ้นภายในสำนักหลอมวิญญาณ พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มโดดเด่นออกมาท่ามกลางศิษย์คนอื่นๆ เขาทำทุกอย่างเพียงเพราะประโยคนั้นประโยคเดียว

การติดตามรอยเท้าชายชรานั้น เขาฝึกฝนอย่างหนักทุกๆวัน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า เขาบ่มเพาะต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้แจ้งกฎสวรรค์และบรรลุขั้นตัดวิญญาณ เขากลายเป็นศิษย์ของชายชราคนนั้นและถูกอาจารย์ตั้งชื่อว่าตุ้นเทียน เขาติดตามชายชายชราไปทุกหนทุกแห่ง

กาลเวลาราวกับบทเพลงหนึ่งเพลง จะมีวันหนึ่งที่เพลงสิ้นสุดและผู้คนจากไป ก่อนที่อาจารย์เขาจะเข้าไปในธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง เขาได้ให้สัญญาว่าจะปกป้องสำนักหลอมวิญญาณตลอดชีวิตที่เหลือเหมือนประโยคเดียวในวัยเด็ก

“เจ้ามากับข้าไหม?”

“อาจารย์ ศิษย์…กำลังไปหา…” ตุ้นเทียนยิ้มออกมาพลันหลับตา พลังชีวิตสุดท้ายของเขาในที่สุดก็หายไป…

ลำแสงสีม่วงทองเส้นหนึ่งออกมาระหว่างคิ้ว ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงปรากฎขึ้นทันทีและเพียงมันสะบัดหนึ่งครั้ง แสงสีม่วงทองหายวับเข้าไปข้างใน

แม้ว่าธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงจะสูญเสียดวงวิญญาณไปถึงหนึ่งในสามส่วน วิญญาณหลักสิบดวงและวิญญาณดวงที่สี่ มันก็ยังเป็นธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง!

ธงวิญญาณสามสิบฟุตนี้แสดงถึงรากฐานของสำนักหลอมวิญญาณ ดูเหมือนมันจะมีความคิดเป็นของตัวเองและลอยเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินชูฝ่ามือขวาขึ้นและคว้าธงวิญญาณไว้ จากนั้นมองตุ้นเทียนที่กำลังยิ้มด้วยใบหน้าซับซ้อนและสะเทือนใจ เขาคุกเข่าลงและหมอบคลานต่อตุ้นเทียน

“แม้ว่าท่านไม่ใช่อาจารย์ของข้า ท่านอบรมสั่งสอนข้าเหมือนกับเป็นศิษย์ท่าน…ข้าจะไม่ลืมเรื่องนี้ตลอดกาล…” ความเศร้าโศกในสายตาหวังหลินยิ่งรุนแรงขึ้น ความจริงเขาใช้เวลากับตุ้นเทียนไม่ได้นานนักแต่ความเมตตาของตุ้นเทียนสำหรับเขามันถูกสลักไว้ในใจไปแล้ว

“จูเซว่จื่อ วันหนึ่งข้าจะหาทางทำให้เจ้าชดใช้ที่กวาดล้างสำนักหลอมวิญญาณอย่างแน่นอน!” หวังหลินมองไปยังทิศทางของแคว้นซูซาคุและสายตาเย็นชา

เพียงสายลมพัดคราหนึ่ง ศพของตุ้นเทียนเริ่มแตกสลายอย่างช้าๆราวกับทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขากำลังจะหายไป มีเพียงร่างของตุ้นเทียนที่ยังอยู่ในความทรงจำของหวังหลินเท่านั้น…

“การที่เจ้าพบคนผู้นี้ถือว่าเป็นบุญวาสนาของเจ้า เขาคู่ควรที่จะจดจำ…” ซือถูหนานถอนหายใจ น้ำเสียงไม่ได้มีความเย่อหยิ่งอีกขณะที่เขากำลังคิดเรื่องสหายดีดีในอดีต

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและมองไปทางซือถูหนาน “ท่านมีแผนอะไร?”

สายตาซือถูหนานสว่างวาบและความอวดดีกลับคืนมาอีกครั้ง “ค้นหาร่างที่มีพรสวรรค์เหมาะสมกับข้า ฟื้นฟูระดับบ่มเพาะและค้นหาคนที่ทำให้ข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หากพวกมันตายไปนานแล้วข้าจะใช้ความโกรธแค้นของข้าลงบนลูกหลานของพวกมัน!”

นิสัยส่วนตัวของซือถูหนานเป็นเช่นนี้เสมอมา ตอนนั้นเขาก็สอนหวังหลินให้เดินบนเส้นทางการบ่มเพาะอันโหดเหี้ยมแบบนี้ เหตุผลที่หวังหลินสังหารผู้คนไปจำนวนมากส่วนใหญ่ก็เพราะมีอิทธิพลของซือถูหนาน

หวังหลินพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้หลอมรวมกับวิญญาณข้าและมันไม่อาจถอดออกมาได้…”

ไม่ต้องรอให้หวังหลินพูดจบ ซือถูหนานตัดบท “ไร้สาระ! ความผิดพลาดของลูกปัดบัดซบนั่นทำให้ข้าจบลงในสภาวะเช่นนี้ แม้เจ้าจะยกมันให้ข้า ข้าก็ไม่ต้องการ!”

หวังหลินมองซือถูหนานและกระซิบ “ซือถู”

“อะไรเล่า?” ซือถูหนานกรอกสายตา

“ขอบคุณ…”

ซือถูหนานครุ่นคิด ความจริงเขาก็เดาได้แล้วว่าลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเป็นสมบัติที่หายากมาก มันแทบจะเป็นสมบัติสวรรค์ด้วยซ้ำ

แต่ว่าแม้เขาจะเป็นคนเกรี้ยวกราดและอหังการแค่ไหน เขาให้คุณค่าต่อคนที่แสดงความเมตตาต่อเขามาก่อนเสมอ ซูซาคุรุ่นแรกแสดงความมีน้ำใจต่อเขาและนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาทิ้งดาวไว้ให้และปกป้องแคว้นซูซาคุ

ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหวังหลินถือว่ายุ่งยากแต่นั่นทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น พื้นฐานแล้วเขาเฝ้าดูหวังหลินเติบโตขึ้นจนเป็นเซียน ดังนั้นสำหรับเขาแล้วหวังหลินก็เหมือนกับศิษย์ของตนเอง!

ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เอ่ยถามเรื่องลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเลย!

ซือถูหนานพ่นลมหายใจขณะศีรษะมาและเอ่ยขึ้น “หากเจ้าต้องการขอบคุณข้าก็หาร่างเด็กหนุ่มให้ข้าสักคน รอเดี๋ยว ให้ข้าตรวจสอบว่ามีร่างที่เหมาะสมกับข้าบนดาวนี้หรือไม่ แม้ข้าจะไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูได้ ข้ายังมีมนต์คาถา ดังนั้นการค้นหาร่างนับว่าเป็นเรื่องง่าย” สิ้นคำแววตาซือถูหนานสว่างวาบและสัมผัสวิญญาณกระจายออกมา

สายตาหวังหลินสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “จูเซว่จื่อมีศิษย์อยู่คนหนึ่งนามว่าเฉียนเฟิง ร่างเขาควรจะใช้ได้ดีทีเดียว”

“ศิษย์ของจูเซว่จื่อ…ช่างเถอะ ข้าเป็นหนี้ซูซาคุรุ่นแรก หากเจ้าต้องการสังหารเขาข้าก็ไม่สนใจ แต่ให้ข้าทำมันก็เกินไปนิดหน่อย…เอ๊ะ? มีร่างกายแบบนี้บนดาวซูซาคุได้อย่างไร? แม้ว่าร่างนี้จะยังเป็นเด็กหนุ่มแต่มันเป็นวัตถุดิบการครอบรองร่างคุณภาพสูงทีเดียว! ไม่เลว! ร่างเด็กคนนี้สร้างมาเพื่อการครอบครองร่างโดยแท้!” ซือถูหนานมองไปทางเหนือด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสุข

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version