Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 500

Cover Renegade Immortal 1

500. ต่อสู้กับเซียนเทวะ

เสียงคำรามแทงผ่านชั้นสวรรค์ ศิษย์ทั้งหมดของอีกหกกองกำลังต่างตื่นตกใจ พวกเขาไม่เคยเห็นสมบัติเช่นนี้มาก่อนดังนั้นหลังจากได้ยินเสียงคำรามที่ไม่อ่อนข้อต่อผู้ใดนี้ ตำแหน่งหวังหลินในใจพวกเขาก้าวขึ้นมาอีกขั้น

แม้แต่แขกบางส่วนยังเผยแสงลึกลับในดวงตา ผู้เฒ่าบางคนยังเผยใบหน้าครุ่นคิดด้วย

แม้กระทั่งเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวยังเผยอาการตกใจเมื่ออสูรวิญญาณปรากฎตัว

หวังหลินลอยตัวกลางอากาศและร้องตะโกน “กินเขาซะ!”

อสูรวิญญาณร้องคำรามขณะพุ่งตัวออกไปข้างหน้า มันพุ่งเข้าหาเฉินต้าวด้วยความเร็วเหนือชั้นมาก

ความตั้งใจต่อสู้ปรากฎในสายตาเฉินต้าว ฝ่ามือสร้างผนึกและลูกแก้วสีม่วงปรากฎในฝ่ามือทันที ชั่วขณะที่อสูรวิญญาณมาถึง ลูแก้วสีม่วงในมือเฉินต้าวก็แตกสลาย

ตู้มมมมมม!

คลื่นกระแทกทำให้เหล่าเซียนโดยรอบแสบแก้วหู เฉินต้าวยืนนิ่งไม่ไหวติงแต่เสื้อผ้ามีรูหลายจุดทำให้เขาดูกระเซอะกระเซิงไปอีก

ส่วนอสูรวิญญาณมันถูกผลักออกไปหลายร้อยฟุต ร่างกายสั่นไหวและร้องคำรามพร้อมกับพรุ่งเข้าไปอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง คราวนี้เกิดโซ่ล่ามบนร่างกายของมันหลายเส้นและถูกตรึงไว้อย่าสมบูรณ์ มีเส้นหนึ่งเชื่อมต่อกับร่างมันและราชรถ

เจตนาการต่อสู้ในดวงตาเฉินต้าวรุนแรงขึ้นขณะหัวเราะออกมา “อสูรอะไรกัน! น่าสนใจจริงๆ!”

สิ้นคำเขาฉีกเสื้อส่วนบนและเผยร่างกายออกมา พลางตบกระเป๋าและเสื้อคลุมสีดำยาวปรากฎในฝ่ามือ ผ้าคลุมนี้ราวกับสิ่งมีชีวิต ขณะที่มันปรากฎพลันเกิดกลิ่นคาวและปลดปล่อยรัศมีเดียวดาย

“เจ้าอสูร เอ็นมังกรปฐพีของข้าเอาชีวิตรอดบนดาวเคราะห์มารด้วยตัวเองเป็นเวลาห้าร้อยปี มันถูกแยกออกมาจากศพมังกรมาร ข้าอยากเห็นว่าเจ้าสามารถหลบหนีจากเอ็นมังกรนี้ได้หรือไม่!” เช่นนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าและตวัดเอ็นมังกรตรงไปที่อสูรวิญญาณขณะที่เมินเฉยหวังหลินโดยสิ้นเชิง

อสูรวิญญาณร้องคำรามและพุ่งออกไป มันหลบหลีกเอ็นมังกร ปรากฎตัวข้างเฉินต้าวในพริบตาและพยายามกลืนกินเขา

เฉินต้าวหัวเราะออกมา จากนั้นร่างส่องประกายกรพริบและเคลื่อนไหวหลุดออกมา เขาตวัดเอ็นมังกรด้วยองศาที่เป็นไปไม่ได้และห่อหุ้มรอเจ้าอสูรวิญญาณในทันที

ขณะเดียวกันเฉินต้าวเคลื่อนร่างตัวเองไปบนศีรษะอสูรวิญญาณ เขาคว้าเอ็นมังกรด้วยท่าทีดุร้ายและเอ่ยขึ้น “เจ้าอสูร ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะวิ่งหนีไปไหนได้!”

ท่าทางหวังหลินยังคงสงบนิ่ง พลันยกฝ่ามือขึ้นสร้างผนึกและชี้ไปที่ราชรถและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ราชรถสังหารเทพ ผนึกที่ห้า ปลดปล่อย!”

สิ้นคำปรากฎแสงกระพริบสีดำบนฝ่ามือหวังหลินและขณะเดียวกันอสูรวิญญาณยักษ์ก็สั่นเทาทันที หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของมันปรากฎความดุร้ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

มันเงยศีรษะตัวเองขึ้นร้องคำรามอย่างดุร้าย ไม่เพียงแต่เสียงคำรามนี้จะบรรจุการไม่อ่อนข้อต่อสิ่งใด มันยังเต็มไปด้วยความสุขที่ได้รับการปลดปล่อยหลังถูกกักขังานานหลายหมื่นปี

ก่อนที่หวังหลินจะได้รับราชรถสังหารเทพมา เขายังได้รับสืบทอดคุณสมบัติในการใช้มัน ทว่าหวังหลินอ่อนแอเกินไปและมันอยากกินเขามากกว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บเสียอีก

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินถึงไม่เคยเปิดผนึกราชรถสังหารเทพเลย

วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดผนึกหนึ่งในห้า ทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!

ราชรถสังหารเทพเป็นสิ่งที่สามารถสังหารเหล่าเทพสวรรค์ได้ เช่นนั้นมันจะอ่อนแอได้อย่างไรเล่า? เมื่อผนึกทั้งห้าส่วนถูกปลดปล่อย พลังของมันเหนือจินตนาการ

ทว่าด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินในปัจจุบัน แม้จะแค่เปิดผนึกแรกก็ถือว่าอันตรายมากแล้ว หากไม่สามารถควบคุมมันได้ คงไม่ต้องพูดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากพูดมันแว้งกัด

อย่างไรก็ตามเพราะระดับบ่มเพาะของหวังหลินบรรลุถึงระดับกลางขั้นแปลงวิญญาณ เขามีความมั่นใจมากขึ้นไม่เช่นนั้นคงไม่ตัดสินใจปลดปล่อยผนึกง่ายๆเช่นนี้

ไม่เพียงแต่กลิ่นอายของอสูรวิญญาณเปลี่ยนไปตอนที่ผนึกแรกถูกปลดปล่อย แต่หนามแหลมบนราชรถเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

หนามแหลมเหล่านั้นเริ่มเติบโตขึ้นและยาวขึ้นทำให้มันดูโหดร้ายยิ่งกว่าเดิม รวมถึงยังมีแสงสีดำออกมาจากหนามพวกนั้นด้วย

แสงสีดำเคลื่อนไหวพร้อมกับโซ่ล่ามและเข้าไปในร่างอสูรวิญญาณ

อสูรวิญญาณร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งและร่างกายของมันขยายขนาดขึ้นหลายเท่า จากสูงไม่กี่สิบฟุตกลายไปเป็นหลักร้อยฟุต มันยืนอยู่ราวกับหอคอยอสูรและร่างกายสั่นรุนแรง

เป็นครั้งแรกที่เฉินต้าวซึ่งกำลังยืนอยู่บนมันได้เปลี่ยนสีหน้าทันที

คลื่นแสงสีดำออกมาจากอสูรวิญญาณและพุ่งเข้าหาเฉินต้าว

เฉินต้าวถือเอ็นมังกรด้วยมือเดียวและมืออีกข้างสร้างผนึกเป็นลูกแก้วสีม่วงปรากฎล้อมรอบเขา

ขณะที่แสงสีดำพุ่งเข้าใส่ ลูกแก้วสีม่วงทั้งหมดพังทะลายทันทีจนเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง เฉินต้าวร้องคร่ำครวญอยู่ในลำคอ

ชั่วขณะนี้ร่างยักษ์ของอสูรวิญญาณถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำ จากนั้นอสูรวิญญาณแตกกระจายกลายเป็นลำแสงสีดำราวกับร่างกายกำลังแตกสลาย

ท้ายที่สุดเหลือเพียงเฉินต้าวที่กำลังถือเอ็นมังกรโดยไม่มีอะไรยึดจับซึ่งเขากำลังมีใบหน้าบูดบึ้ง

เบื้องหน้าเขาเป็นลำแสงสีดำหมุนเป็นวงกลม แทบกระพริบตาลำแสงสีดำกลับคืนร่างเป็นอสูรวิญญาณตัวใหญ่ห่างจากเฉินต้าวไปร้อยฟุต

หลังเปิดผนึกขั้นแรก อสูรวิญญาณไม่พึ่งพาการโจมตีด้วยการกลืนกินแต่เพียงอย่างเดียว มันสามารถใช้ความสามารถของมันตามธรรมขาติได้บางส่วน

แม้ว่าใบหน้าเฉินต้าวจะบูดบึ้งแต่เจตนาการต่อสู้ในแววตายิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม เขาหันศีรษะมามองหวังหลินและเอ่ยด้วยความมืดมน “ศิษย์น้อง ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์น้องของข้า! แต่ว่าคุณสมบัติเหล่านี้มีราคา!”

หวังหลินจ้องเฉินต้าวและเอ่ยขึ้นบางเบา “ท่านไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์พี่ของข้า!”

เฉินต้าวมองหวังหลินพลางหัวเราะ “ต่อสู้กับอสูรตัวนี้เป็นการเสียเวลานิดหน่อย แต่ตราบใดที่ข้าจับเจ้าได้ อสูรตัวนี้ก็ไม่อาจหนีพ้น!”

ฝ่ายตรงข้ามเป็นเซียนขั้นเทวะ ดังนั้นหวังหลินจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถเปรียบได้แต่เขาไม่อาจยอมแพ้เช่นนี้ได้ หากเขาพ่ายแพ้ หวังหลินยังต้องการจะบอกคนเขาว่าไม่ควรมาตอแย

ชั่วขณะนั้นเฉินต้าวพุ่งออกไป ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งและไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เขายกฝ่ามือขวาขึ้นแทน คราวนี้เป็นนิ้วก้อย

ซือถูหนานลังเลอยู่นานก่อนที่จะสอนวิชาสังหารวิชาสุดท้ายให้หวังหลิน ซือถูหนานบอกเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่าไม่ให้ใช้วิชานี้ก่อนที่จะบรรลุระดับปลายขั้นแปลงวิญญาณ หากเขาพยายามใช้มันตอนที่เป็นระดับต้น ก่อนที่จะทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บ เขาจะเจอการสะท้อนกลับที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นไม่สามารถทนได้

มีเพียงหลังจากบรรลุระดับกลางเท่านั้นที่เขาเกือบสามารถใช้มันได้แต่ไม่ควรใช้มันด้วยพลังเต็มที่ไม่เช่นนั้นจะเกิดการสะท้อนกลับรุนแรง

แม้กระทั่งเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายยังต้องระมัดระวังที่จะใช้วิชาสังหารวิชาที่สามนี้!

มีเพียงหลังจากบรรลุขั้นเทวะเท่านั้นที่จะใข้วิชานี้ได้ตามต้องการ!

นิ้วก้อยขวาหวังหลินชี้ไปที่เฉินต้าว ชั่วขณะนี้ไม่มีพลังปราณสวรรค์หลงเหลือในร่างกายและแม้กระทั่งกลิ่นอายแห่งชีวิตก็ค่อยๆจางหายไป ไม่มีร่องรอยแห่งชีวิตในร่างกายเขาหลงเหลืออยู่เลย

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เล่าเซียนรอบด้านต่างตกตะลึง

แม้กระทั่งดวงตาของเทียนหยุนก็มองพินิจอย่างเคร่งขรคม

เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวจ้องหวังหลินและเผยรอยยิ้มลึกลับ

“เด็กคนนี้ไม่เลว!”

สำหรับเหล่าเซียนรอบด้าน มีชายชราใบหน้าแดงที่มีน้ำเต้าแดงแนบไว้ด้านหลัง เขาเรอออกมาขณะมองหวังหลินและพึมพำ “ทำไมวิชาเขาใช้ถึงดูเหมือนกันกับที่เจ้าคนบ้านั่นใช้ออกมาตอนที่ข้าพบระหว่างทางมาที่นี่?”

เมื่อเฉินต้าวอยู่ห่างจากหวังหลินไปห้าฟุต เขาพลันรู้สึกถึงอันตรายกำลังย่างกรายเข้ามาซึ่งเขาไม่เจอความรู้สึกนี้มานานมากแล้ว ครั้งล่าสุดที่เขารู้สึกคืการเผชิญกับเหล่าอาจารย์เฒ่า

กลิ่นอายแห่งชีวิตทั้งหมดของหวังหลินหายไป เหลือเพียงดาวงตาที่ส่องสว่างแต่เต็มไปด้วยความตายอันเย็นชา สายตานี้ทำให้เฉินต้าวตื่นตะลึง!

“สายตาแบบนี้มันอะไรกัน?! แม้แต่พวกเซียนที่ฝึกฝนเต๋าโหดเหี้ยมยังไม่มีสายตาแบบนี้ได้!”

หวังหลินเอ่ยเบาๆ “ดัชนีนรกานต์!”

ดัชนีนรกานต์เป็นวิชาสังหารสุดท้ายของซือถูหนาน!

การฝึกฝนวิชานี้ไม่เหมือนกับอีกสองวิชา สองวิชานั้นสามารถเรียนรู้ผ่านการทำความเข้าใจ ทว่าวิชาที่สามนี้สามารถเรียนรู้หลังจากฝึกฝนวิถีเซียนนรกและใช้มันเพื่อเข้าสู่นรกเท่านั้น มีเพียงหลังจากพบประสบการณ์การผ่านความเป็นความตายถึงสามารถจะเข้าใจวิชานี้

ก่อนนั้นซือถูหนานสามารถได้รับการรู้แจ้งในการผ่านความเป็นความตายขณะที่บ่มเพาะวิถีเซียนนรก จากนั้นเขารวมมันกับวิชาเทพเพื่อสร้างวิชาสังหารนี้ขึ้นมา

ซือถูหนานโอ้อวดอย่างภูมิใจสักครั้งแม้ว่าพลังอำนาจของวิชานี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าวิชาเทพที่พังเสียหาย มันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

เพราะว่าวิชานี้ผู้ใข้จำเป็นต้องบรรลุขั้นเทวะก่อนที่จะใช้มันได้อย่างอิสระ

ด้วยการชี้นิ้วก้อย ท้องฟ้าพลันมืดมัวและประกายสายฟ้าแล่นข้ามผ่านมา ขณะเดียวกันท้องฟ้าดูคล้ายกับถูกเปิดด้วยมือยักษ์หนึ่งคู่ ภูเขาและแม่น้ำขนาดยักษ์เคลื่อนปรากฎกลางท้องฟ้า

วิชาดัชนีนรกานต์กระตุ้นเขตแดนของหวังหลิน คลื่นควันสีเทาออกมาจากม้วนคัมภีร์อย่างบ้าคลั่งและเริ่มรวบรวมด้วยความเร็วน่าตื่นตะหนกก่อเกิดเป็นดัชนีนรกนิ้วที่สอง

เซียนรอบด้านบางคนอุทานออกมา “เขตแดนแห่งชีวิตและความตาย!”

ชั่วขณะนั้นสายตาเซียนทั้งหมดจับจ้องไปที่หวังหลิน

ดัชนีนรกานต์ทั้งสองเคลื่อนเข้าหาเฉินต้าวด้วยความรวดเร็ว

เจตจำนงการต่อสู้ในดวงตาเฉินต้าวทวีความรุนแรงมากขึ้นขณะที่ร่างกายเป็นประกายและยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมา แสงสีทองรูปทรงครึ่งพระจันทร์ทั้งสองข้างปรากฎบนฝ่ามือ

ขณะที่ดัชนีนรกานต์มาถึงเขาก็ป้องกันทั้งสองนิ้วนั้น

เสียงสั่นสะเทือนไปทั้งชั้นฟ้าดังกึกก้องเบื้องหน้าร่างเฉินต้าว ท้องฟ้าดูคล้ายถูกทอร์นาโดฉีกกระชาก เขตแดนแห่งชีวิตและความตายเลือนหายไป

ร่างกายหวังหลินถอยกลับไปหลายสิบฟุตและจากนั้นก็ถอยออกไปอีกหลายร้อยฟุตก่อนจะกระอักโลหิตออกมา พลังปราณสวรรค์ในร่างกายตกอยู่ในความโกลาหล เขามองไปที่เฉินต้าวและกล่าวอย่างมืดมัว “ข้ายอมแพ้!”

ส่วนเฉินต้าวถอนแขนตัวเองออกด้วยใบหน้าสงบนิ่งและมองหวังหลินด้วยสายตาไม่แยแส เจตจำนงการต่อสู้ในดวงตาไม่ได้ลดลงเลยแต่กลับรุนแรงมากขึ้น พลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมื่อเจ้าบรรลุขั้นเทวะ เจ้าและข้าจะต่อสู้กันอีกครั้ง น้องเจ็ด!”

เฉินต้าวสูดหายใจลคกและระงับพลังปราณสวรรค์รุนแรงในร่างกายไว้ การโจมตีของหวังหลินอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเฉินต้าวโดยสิ้นเชิง! หากไม่ใช่ว่าเขาเจอสมบัติดีดีระหว่างทางกลับมาที่นี่และบรรลุขั้นเทวะระดับกลาง แม้เขาจะสามารถยืนต้านได้แต่เขาจะได้รับบาดเจ็บแน่นอน!

เทียนหยุนมองหวังหลิน เขายิ้มขึ้นและเผยแววตาชื่นชมยิ่งกว่าเดิม “เจ้าทั้งสองต่างก็เป็นกองกำลังสีม่วงและเป็นศิษย์ของข้า ดังนั้นอย่าขัดข้องใจกันเลย เฉินต้าววันนี้เจ้าชนะ ดังนั้นเจ้าจะกลายเป็นศิษย์สายตรงของกองกำลังสีม่วง!”

เช่นนั้นเทียนหยุนชี้ไปที่จุดระหว่างคิ้วของตัวเอง ผลึกสีม่วงสดใสปรากฎจากหน้าผากและร่อนลงบนฝ่ามือ

เขาโยนผลึกออกไป มันลอยเป็นลำแสงสีม่วงเข้าหาเฉินต้าวและเข้าไปในจุดระหว่างคิ้วของเขา

เทียนหยุนเอ่ยช้าๆ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าได้รับตำแหน่งศิษย์สายตรง ดังนั้นค่อยๆเข้าใจมันด้วยตัวเอง!”

เฉินต้าวสูดหายใจลึก โค้งคำนับให้กับเทียนหยุนและเอ่ยอย่างนอบน้อม “ศิษย์ขอขอบคุณท่านอาจารย์!”

เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นสายตาร่อนลงบนเหล่าเซียนโดยรอบ เขาคำนับฝ่ามือและเอ่ยเบาๆ “ทุกๆคน งานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันเกิดของข้าตอนนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เหล่าสหายเซียนหากไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำ โปรดพักผ่อนที่สำนักชะตาสวรรค์ของข้าอีกสักสองสามวัน เราอาจจะได้พูดคุยเรื่องเต๋าและเทียบความเข้าใจของเรา!”

เหล่าเซียนรอบด้านหลายคนตอบสนองอย่างสุภาพแต่ส่วนใหญ่จากไปในทันที ในวันเดียวลำแสงหลายหมื่นเส้นลอยออกจากสำนักชะตาสวรรค์และออกไปไกล

เทียนกระบี่หลิงเทียนโฮวยิ้มออกมาขณะก้าวไปข้างหน้าเปลี่ยนเป็นลำแสงลอยออกไปไกล ขณะที่เหาะเหินพลางพูดขึ้น “เจ้าเฒ่าเทียนหยุน ตามคำสัญญาของเรา สามเดือนนับตั้งแต่บัดนี้เราจะเจอกันนอกประตูทะเลวิญญาณปิศาจฝั่งตะวันออก เจ้าส่งคนที่เจ้าเลือกมาให้ดี!”

สายตาเทียนหยุนเคร่งขรึมและพยักหน้า เขาหันมาหาหวังหลินและเอ่ยออกมา “หวังหลิน ตามข้าไปสักการะวิญญาณบรรพชน หลังจากนั้นอาจารย์จะสอนวิชาต้องห้ามให้เจ้าและยกสมบัติช่วยชีวิตให้ หลังจากนั้นเจ้าจะถือได้ว่าเป็นศิษย์ของข้าที่แท้จริง”

หวังหลินตอบสนองอย่างเคารพและดวงตาสว่างขึ้น

วิชาต้องห้าม!! มีเพียงหลังจากกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของเทียนหยุนและสักการะวิญญาณบรรพชนเท่านั้นถึงจะสามารถศึกษาวิชาต้องห้ามที่เทียนหยุนสร้างจากการเลียนแบบวิชาเทพ นี่เป็นโอกาสที่คนหลายหมื่นต่างใฝ่หา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version