512. ฆ่า!
หวังหลินมองจุดที่ผู้อาวุโสตัวเตี้ยกำลังวิ่งหนีและตบกระเป๋านำกระบี่สวรรค์ออกมา จากนั้นน้ำเสียงโอหังของฉวี่ลี่กั๋วก็ดังขึ้น
“เจ้าหลานชาย อย่าวิ่งสิ! มาเล่นกับปู่ฉวี่ด้วยกันหน่อย!” ขณะที่เสียงออกมาจากกระบี่เหิน ดาบครึ่งจันทราพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสตัวเตี้ยอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก หวังหลินทำลายฝ่ามือโลหิต ทำลายศีรษะปิศาจและผู้อาวุโสตัวเตี้ยวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต เกิดขึ้นแทบในทันที
ชั่วขณะนั้นปราณกระบี่ของซีฟางก็เข้ามาใกล้หวังหลิน
หวังหลินหันตัวกลับไปเห็นวิญญาณดั้งเดิมของซีฟางซึ่งเป็นกระบี่เล็กๆด้านหลังปราณกระบี่ หวังหลินเพียงยกแขนซ้ายขึ้นโดยที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว ปราณสวรรค์โลหะออกมาจากแขนและเต็มไปทั้งหุบเขา
ในเวลาเดียวกันนั้นแขนซ้ายเป็นเสมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังปลดปล่อยแสงสีทองอันพร่ามัว วังวนแห่งหนึ่งค่อยๆลงมาที่ใจกลางฝ่ามืออย่างช้าๆ
“ปราณสวรรค์โลหะสี่โคจร!” หวังหลินกล่าวเบาๆขณะค่อยๆผลักฝ่ามือไปข้างหน้า
วังวนสีทองในฝ่ามือพุ่งออกไปและตรงเข้าปะทะกับปราณกระบี่จนเกิดเสียงดังสนั่น ชั่วขณะนั้นในหุบเขาเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่และพื้นที่รอบๆเริ่มพังทะลาย
ด้านหลังปราณกระบี่คือกระบี่เล็กที่มีรูปใบไม้แห้งสลักไว้ มันพุ่งผ่านอากาศและผ่านการปะทะเข้าหาพื้นที่ระหว่างคิ้วของหวังหลิน มันเร็วมากจนแม้แต่หวังหลินที่มีระดับกลางก็ไม่อาจต้องการยุ่งเกี่ยวกับเซียนระดับต้นที่รวมเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองกับวิชาช่วยชีวิต
แต่ทว่าจะเกิดปัญหาขึ้นหากเขาไม่มีแส้ฟาดวิญญาณ ตอนนี้หวังหลินพลันถอยกลัยขณะสัมผัสกระเป๋าและปรากฎเงาสีดำหนึ่งขึ้นมาทำลายกำแพงเสียง
ด้วยการสะบัดหนึ่งครั้งกระบี่เล็กสั่นสะท้านราวกับถูกตีด้วยพลังแข็งแกร่งและความเร็วของมันถูกบั่นทอนทันที
เสียงฟาดอีกครั้งหนึ่งตีเข้ากระบี่ เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวออกมาจากกระบี่พร้อมกับเพลิงสีเขียวควบแน่นรอบๆมัน มันทะลวงผ่านอากาศและปรากฎห่างจากหน้าผากหวังหลินไปสามนิ้ว
“โอ้? หมดหวังแล้วหรือ?” หวังหลินถอยตัวอย่างรวดเร็วขณะสะบัดแส้ฟาดด้วยความเร็วปานสายฟ้าเข้าหากระบี่
แส้ฟาดลงบนกระบี่เล็กพลันเกิดเสียงกรีดร้องโหยหวน ในที่สุดควันสีดำไหลออกมา มันหยุดพุ่งเข้าหาหวังหลินทันทีและพยามหลบหนี ตอนนี้แสงบนตัวกระบี่จางลงอย่างมาก
ควันสีดำที่ออกมาจากกระบี่นั้นเปลี่ยนเป็นรูปร่างซีฟาง ตอนนี้เขาอ่อนแออย่างมากราวกับหากมีลมเบาๆพัดไปก็ทำให้เขาแตกสลายได้
ซีฟางต้องการกลับเข้าร่างกายแต่หวังหลินไม่ยอมให้โอกาสนั้น ขณะที่วิญญาณดั้งเดิมของเขากำลังควบแน่น ฝ่ามือขวาหวังหลินชี้เข้าไปและลำแสงสีเขียวพุ่งออกมา เป้าหมายไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิมของซีฟางแต่เป็นร่างกายหยาบของเขา!
ซีฟางมองดูลำแสงสีเขียวที่เปลี่ยนเป็นอสูรกายยักษ์ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดของมันคือปากอันคมกริบ
ในจังหวะนั้นปากอันแหลมคมเคลื่อนที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าลอยลงมาจากเบื้องบนและแทงทะลุศีรษะของซีฟางลึกลงไปในร่างกาย
พลังชีวิต เลือดเนื้อพร้อมกับพลังปราณสวรรค์ที่เหลืออยู่บางส่วนถูกดูดกลืนและแห้งเหี่ยวในทันที
ในที่สุดหลงเหลือแต่เพียงร่างศพ
วิญญาณดั้งเดิมของซีฟางที่พึ่งก่อตัวจากกระบี่เล็กพลันตะลึงงันกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาหันหน้าไปมองหวังหลินด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะลอยเข้าหาพวกเด็กๆที่อยู่ห่างออกไป
มีพวกเด็กหนุ่มอยู่สี่คน สองบุรุษและสองสตรี ซีฟางไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าหากั๋วซิงยี่
กั๋วซิงยี่งุนงง เข้าไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสถึงพุ่งเข้าหาเขา วิสัยทัศน์ของตัวเองมืดลงและทันใดนั้นเกิดรอยแผลบนหน้าผาก มันเป็นกระบี่เล็กที่แทลงทะลุเข้าไป
ร่างกั๋วซิงยี่สั่นเทาและดวงตาหม่นแสง ทว่าสายตาส่องสว่างขึ้นอีกครั้งแต่มีสัมผัสอ่อนแอออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อมองฉากเหตุการณ์นี้ด้วยความน่าสนใจ กล่าวได้ว่าการครอบครองร่างไม่ใช่เรื่องง่าย แม้กระทั่งซือถูหนานยังต้องใช้เวลามากกว่าสิบวันเพื่อให้ครอบครองร่างได้สมบูรณ์ ทว่าผู้อาวุโสคนนี้สามารถฟื้นคืนสติได้ในทันทีและดูราวกับครอบครองร่างเสร็จสิ้นกระบวนการ
ตรงจุดนี้ทำให้หวังหลินประหลาดใจ
ชั่วขณะนั้นใบหน้ากั๋วซิงยี่ซีดเผือด เขาจ้องหวังหลินและรีบเอ่ยออกไป “สหายเซียนหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของข้า หากเจ้าปล่อยข้าไปข้าจะให้วิชาครอบครองร่างเร่งรัดให้ ข้าสาบานด้วยวิญญาณของข้าว่าจะไม่พูดคุยเรื่องในวันนี้ออกมา!”
เช่นนั้นซีฟางสะบัดแขน นอกจากเฉียนฉินแล้วอีกสองคนระเบิดตัวตายทันที
“สหายเซียนหวัง หญิงสาวคนนี้ยังบริสุทธิ์ ข้ามีวิชาที่สามารถใช้ความบริสุทธิ์เพื่อเยียวยาบาดแผลของเจ้าได้ หากเจ้าปล่อยข้าไปข้าจะมอบให้เจ้าเป็นของขวัญด้วย!” จิตใจซีฟางเต้นรัวกลองอย่างรวดเร็วขณะมองหวังหลิน หากเขาไม่ถูกบังคับให้จนมุมก็คงไม่ต้องอ้อนวอนเช่นนี้
ร่างเฉียนฉินสั่นเทาหลังจากได้ยินคำพูดของซีฟาง นางมองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อนก่อนจะกัดฟันแน่น คุกเข่าลงกับพื้นและเอ่ยเบาๆ “ข้าขอวอนผู้อาวุโสโปรดสังหารมันและผู้อาวุโสสำนักกระบี่ต้าหลัวอีกคน เฉียนฉินไม่มีสิ่งใดจะให้แต่ข้าจะขอยกชีวิตของข้าบริการผู้อาวุโสเยี่ยงสัตว์เดรัชฉานก็ได้”
ใบหน้าซีฟางมืดมัวและแววตาแฝงจิตสังหาร
หวังหลินเอ่ยช้าๆด้วยสีหน้าดังเดิม “เจ้ารู้เรื่องผิดปกติอันใดตอนเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวกลับจากดินแดนสวรรค์เมื่อสองร้อยปีก่อนไหม?”
“สองร้อยปีก่อน…” ซีฟางตกตะลึง เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาส่องสว่างขึ้น พลันมองหวังหลินและเอ่ยถาม “หรือว่าท่านหมายถึงวิญญาณกระบี่ตนนั้น?!”
สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะเอ่ยออกมา “บอกข้ามา”
ซีฟางขบคิด หลังจากนั้นสักพักก็เอ่ยอย่างขมขื่น “ข้าได้ยินมาเท่านั้นจึงไม่รู้รายละเอียดนัก ข้าได้ยินว่าเซียนกระบี่พบกับความยุ่งยากหลังจากกลับมา จากนั้นเกิดการสังหารขึ้นภายในสำนัก ท้ายที่สุดวิญญาณกระบี่ไม่ทราบนามปรากฎขึ้นและเกิดการต่อสู้ขนาดใหญ่กับเซียนกระบี่ หลังจากนั้นวิญญาณกระบี่หายตัวไปโดยไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน”
หวังหลินมองซีฟาง คนผู้นี้ไม่ได้เล่าความจริง
หวังหลินกล่าวสงบนิ่งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “นำวิธีครอบครองร่างเร่งรัดใส่ในหินหยกและส่งมันให้ข้า!”
ซีฟางเงยศีรษะมองหวังหลิน “ท่านตกลงจะปล่อยข้าไปแล้วใช่ไหม?”
หวังหลินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นั่นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เจ้าประทับใส่หินหยกว่าเป็นของจริงหรือหลอกลวง!”
ซีฟางกัดฟันแน่นขณะนำหินหยกออกมาประทับวิชาครอบครองร่างและวิชาฟื้นฟูลงไป จากนั้นโยนหินหยกให้หวังหลินตรงๆ
หวังหลินยกแขนรับไว้และเริ่มอ่านมันด้วยสัมผัสวิญญาณ เขาข้ามวิชาฟื้นฟูที่ใช้ความบริสุทธิ์และเพ่งพินิจบนวิชาครอบครองร่าง
ดวงตาซีฟางส่องสว่างและเริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่มีความลังเล เขาพุ่งออกไปและกำลังจะออกจากหุบเขา
หวังหลินชี้นิ้วซ้ายเข้าใส่เขาโดยไม่หันไปมอง ควันสีเทาที่หมุนเป็นวงกลมรอบนิ้วมือพลันพุ่งเข้าหาซีฟาง รวดเร็วจนทำลายกำแพงเสียง
ซีฟางรับรู้ได้ทันที ศีรษะหันกระตุกกลับมาและร้องตะโกน “หวังหลิน เจ้ายังเป็นเซียนอยู่ไหม!?”
ร่างเขากระพริบและกำลังเคลื่อนที่พริบตา แต่เขาพึ่งเสร็จสิ้นการครอบครองร่างกายนี้ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ขณะที่ร่างกายเริ่มใช้พลังปราณสวรรค์ ควันสองเส้นพลันเร่งความเร็วขึ้นทันทีและเข้ามาใกล้เขาด้วยความเร็วเหนือความคาดหมาย
รูม่านตาซีฟางหดเล็กลงจากนั้นร่างสั่นเทาเล็กน้อยและหยุดเคลื่อนไหว ควันสีเทาสองสายเข้าไปในร่างกายเรียบร้อยและโคจรผ่านร่างกายไปตามเส้นโลหิตอย่างบ้าคลั่ง
เสียงดังปัง! หลังผ่านไปสามลมหายใจร่างของซีฟางก็แตกสลายทันที
โลหิตและก้อนเนื้อจำนวนมากกลายเป็นสายฝนปรอยลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง ควันสีเทารวบรวมจากเลือดเนื้อและกลับเข้าสู่หวังหลิน
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นและถอนสัมผัสวิญญาณออกจากหินหยก
“วิชาครอบครองร่างเร่งรัดมีคุณค่าอยู่บ้าง” หวังหลินเก็บหินหยกกลับไปและมองออกไปด้านนอก
ที่นั่นเป็นตำแหน่งที่ดาบครึ่งจันทราและกระบี่สวรรค์อยู่ ผู้อาวุโสตัวเตี้ยถูกขังเอาไว้และรอให้หวังหลินตั้งคำถาม
หวังหลินไม่ได้เข้าไปในทันทีแต่เดินไปด้านข้างของหุบเขาอย่างช้าๆ ที่นั่นเป็นจุดที่ดอกไม้ทั้งหมดอยู่ หวังหลินนั่งย่อหยิบผลขึ้นมาหนึ่งผลและดมกลิ่นมัน
การกระทำของหวังหลินทำให้เจ้าอสูรยุงที่พึ่งกินร่างซีฟางเริ่มกระพือปีกอย่างรวดเร็ว มันส่งสายตาอ้อนวอน
แม้แต่ผู้หญิงชื่อเฉียนฉิงก็เคร่งเครียดเมื่อมองผลทองคำพิสุทธิ์ในมือหวังหลิน นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ สำนักของนางใช้กำลังและความพยายามไปมากมายเพื่อค้นหาผลทองคำพิสุทธิ์แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอคนของสำนักกระบี่ต้าหลัว เดิมทีนางคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงไร้ประโยชน์แล้วแต่ทันใดนั้นผลลัพธ์กลับเป็นฉากที่อยู่เบื้องหน้านางตอนนี้
การปรากฎตัวของศิษย์ลำดับเจ็ดแห่งกองกำลังสีม่วงสำนักชะตาสวรรค์โดยทันทีนั้นได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยง่ายดาย!
หวังหลินกระซิบเบาๆ “ไม่ต้องห่วง!”
หลังเจ้ายุงได้ยินเช่นนี้มันผงกหัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาแฝงความคลั่งไคล้ออกมา
ขณะที่หวังหลินถือผลทองคำพิสุทธิ์ไว้ เขาต้องการทดสอบว่าผลไม้นี้สามารถเติมเต็มธาตุโลหะของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้หรือไม่ หากไม่ได้เขาก็จะให้มันเป็นอาหารเจ้ายุงแทน
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าขาดแค่เพียงธาตุโลหะเท่านั้น หลังจากการต่อสู้ที่สุสานซูซาคุมันยังขาดอีกครึ่งนึง