511. ต่อสู้!
ผู้อาวุโสสำนักกระบี่ทั้งสองคนแทบกระอักโลหิตออกมาในเวลาเดียวกัน ขณะที่ร่างกายกระเด็นไปข้างหลังทิ้งไว้แต่เพียงรอยฝ่าเท้าลึกบนผืนดิน
รอยเท้าทุกคนได้ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเบาๆ
ขณะที่ควันสีเทากระจายตัว มีควันเส้นหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระบี่ เป้าหมายของมันไม่ใช่สองผู้อาวุโสแต่เป็นชายชราลิ่วซ่งยี่ขั้นตัดวิญญาณที่กำลังพยามเก็บเกี่ยวผลทองคำพิสุทธิ์
ใบหน้าลิ่วซ่งยี่เปลี่ยนไปมหาศาล เขารู้ตัวว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทันดังนั้นจึงเริ่มเคลื่อนที่พริบตา เขารู้ว่าการเคลื่อนที่พริบตาที่นี่อันตรายอย่างมากแต่ชั่วขณะนั้นเขาไม่อาจคิดอะไรมากเกินไปได้ ร่างกายเริ่มบิดเบือนและกำลังเลือนหายไป
ทว่าลมหายในหนาวเย็นออกมาจากภายในควันสีเทาขณะที่มันกำลังพุ่งเข้าหาเขา
หลังพ่นลมหายใจ ควันสีเทาก็เข้ามาใกล้ขึ้นและทะลวงผ่านมิติบิดเบือน มันพุ่งผ่านร่างลิ่วซ่งยี่ในพริบตาก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนที่ออกห่างไปได้
“เจ้า!” ใบหน้าลิ่วซ่งยี่เปลี่ยนไปมหาศาลและเขากำลังจะเอ่ยออกมา แต่ร่างกายสั่นสะท้านทันทีและเริ่มขยายออกราวกับบอลลูน
ฉากเหตุการณ์นี้แปลกเกินไป ร่างลิ่วซ่งยี่ขยายออกจนเกิดขีดจำกัดก่อนที่จะ ตู้มมมม! เซียนขั้นตัดวิญญาณสำนักกระบี่ต้าหลัวถูกฝืนให้ระเบิดออกมาเช่นนั้น
ปัง ปัง ปัง! เสียงยังดังสะท้อนภายในหุบเขาขณะที่ก้อนเลือดก้อนเนื้อโปรยลงมาบนพื้นจำนวนมาก
ฝนโลหิตบางๆค่อยๆปกคลุมทั่วบริเวณ
ในหมอกโลหิตมีร่างสีม่วงผู้หนึ่งเดินเข้าไปในหุบเขาอย่างช้าๆ!
คนผู้นี้มีผมยาวพริ้วไสวด้านหลัง ใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาแต่กลับให้ความรู้สึกไม่มีใครเทียบ นิ้วมือมีควันสีเทาสองเส้นเคลื่อนไหวราวกับมังกรตัวเล็กสองตัว
บนเอวมีป้ายสิทธิ์สีม่วงสลักด้วยคำว่า “เจ็ด”!
การปรากฎตัวของหวังหลินทำให้ทั้งหุบเขากลายเป็นเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง
ใบหน้ากั๋วซิงยี่ซีดเผือดโดยไม่มีเส้นเลือด ร่างกายสั่นเบาๆ ฝ่ามือที่จับกระบี่จนนิ้วมือก็ซีดไปด้วย
ศิษย์น้องของเขาเผยใบหน้าหวาดกลัว ท้ายที่สุดนางไม่อาจยืนได้อีกต่อไปและคุกเข่าอ้วกลงบนพื้น ใบหน้าซีดจางอย่างที่สุด
ส่วนชายหนุ่มชุดคลุมสีฟ้าครามซึ่งดูไม่เหมือนว่ามาจากสำนักกระบี่ เขาดูมึนเมามากกว่าเดิมก่อนจะสูดหายใจลึกสูดรสชาติโลหิตเข้าไป
นอกจากทั้งสามคนนี้ หญิงสาวนามว่าเฉียนฉินก็เผยใบหน้ายุ่งเหยิงและดิ้นรน
ระดับบ่มเพาะของผู้น้อยและจิตใจไม่ได้แข็งแกร่งเพียงพอให้เทียบเท่ากับผู้อาวุโสสองคน แม้ว่าทั้งสองคนใจสั่นและพึ่งตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าพวกเขาสงบนิ่งและน่าเกลียดอยู่เล็กน้อย
สายตาหวังหลินกวาดผ่านไปแต่ละคน จากนั้นใช้มือชี้กลางอากาศอย่างสุ่มๆและควันสีเทาหลายเส้นออกมาจากเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายในหุบเขาและรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ก้อนเมฆสีเทาขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาและรวมตัวเข้าหานิ้วมือของหวังหลินโดยพลัน
ควันสีเทาจำนวนมากรวมตัวกันเข้าหานิ้วมือหวังหลินจนเกิดเป็นลูกแก้วลูกหนึ่งที่ปลายนิ้ว ลูกแก้วนี้ขุ่นมัวและมีพลังลึกลับบรรจุไว้ ดังนั้นเมื่อมองมันก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเข้าไป
หวังหลินค่อยๆบีบนิ้วด้วยสายตาสงบนิ่ง พลังผันผวนออกมาจากข้างในลูกแก้วทำให้มันหดลงจนเหลือขนาดเท่าเล็บมือ หวังหลินคว้ามันด้วยฝ่ามือและเมื่อผายออก ลูกแก้วสีเทาก็หายไปแล้ว
ซีฟางแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวมองไปที่ป้ายสิทธิ์บนเอวหวังหลินก่อนจะเอ่ยออกมา “สำนักชะตาสวรรค์ ศิษย์ลำดับเจ็ดแห่งกองกำลังสีม่วง หวังหลิน!”
หวังหลินถอนมือออกมาจากนั้นมองไปที่ซีฟางและเอ่ยขึ้น “จงตอบข้าหนึ่งคำถามและวันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าหนึ่งคนไป!”
ซีฟางเริ่มหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องขบขันที่สุดในโลก ฝ่ามือสร้างผนึกชี้ไปที่ท้องฟ้า จากนั้นปราณกระบี่ทรงพลังออกมาจากฝักกระบี่ด้านหลัง ปราณกระบี่เป็นสีเขียวและขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
ซีฟางเยาะเย้ย “หวังหลิน แม้เจ้าจะเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง ด้วยระดับต้นของเราสองคนพร้อมกับสมบัติกระบี่จากสำนัก แม้เจ้าจะสังหารเราก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วเจ้าจะไปทะเลวิญญาณมารทิศตะวันออกได้อย่างไรเมื่อมันจะเปิดในอีกเดือนครึ่ง!”
เขาได้ยินข่าวลือเรื่องคนที่ถูกเลือกให้เข้าทะเลวิญญาณมารทิศตะวันออกแล้ว เขาได้ยินว่ามีศิษย์ลำดับเจ็ดกองกำลังสีม่วงที่ได้รับเข้ามาใหม่ก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับเลือกด้วย
ตอนนี้ที่เขาเห็นหวังหลิน เขาจึงตัดสินใจเดิมพัน! เขาเดิมพันว่าหวังหลินไม่กล้าลงมือโดยพละการเพราะทั้งสองคนสามารถตอบโต้ด้วยพลังเต็มที่และผลักดันเขาให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะเป็นการทำให้การเดินทางของหวังหลินสู่ทะเลวิญญาณมารเป็นไปด้วยความลำบาก
ผู้อาวุโสตัวเตี้ยไม่ได้พูดขึ้นมาเลยตั้งแต่หวังหลินปรากฎตัว แต่ดวงตาจับจ้องบนหวังหลิน ตอนนี้ที่ได้ยินคำพูดหวังหลินเขาจึงลอบตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ จากการสังเกตการณ์ของเขา คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนจะลงมือ แทนที่จะเสียเวลาคุยกับเขา ใช้โอกาสนี้โจมตีเสียดีกว่า โอกาสชนะเซียนระดับกลางด้วยเซียนระดับต้นสองคนไม่ได้สูงอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสตัวเตี้ยกัดฟันแน่นและเร่ิมเคลื่อนไหวโดยไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ เขาตบกระเป๋าปรากฎธงสีแดงโลหิตในฝ่ามือ เพียงสะบัดหนึ่งครั้งหมอกโลหิตก็ออกมาจากธงและปกคลุมทั้งร่างทันที
“ยอมรับความตายซะ!” ผู้อาวุโสตัวเตี้ยร้องตะโกนขณะที่ฝ่ามือสร้างผนึกและผลักออกไปรุนแรง ประทับฝ่ามือโลหิตกลิ่นคาวเลือดปรากฎขึ้นภายในหมอกโลหิตและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสตัวเตี้ยกัดลิ้นเล็กน้อยและพ่นโลหิตออกมาจำนวนหนึ่ง สีโลหิตนี้เป็สีทองและหลังจากกระอักออกมาเขาก็เริ่มร่ายบทมนต์ บทดสวนี้ราวกับภูติผีมันได้ยินยากมากแต่พลังลึกลับปรากฎขึ้นมาทันทีราวกับตกลงมาจากสรวงสวรรค์
“กลืนปิศาจสวรรค์!” หลังจากร่ายจบ ดวงตาผู้อาวุโสตัวเตี้ยส่องสว่างขึ้น เสียงตะโกนดังก้องนั้นทำให้โลหิตสีทองจางๆเริ่มเคลื่อนไหวด้วยวิธีอันลึกลับ มันเลือนหายไปในพริบตา
ศีรษะมายาสูงราวร้อยฟุตปรากฎขึ้นด้านหลังผู้อาวุโสตัวเตี้ย ศีรษะนี้ขนาดใหญ่มากและมีสีดำแกมเขียว ศีรษะนี้ไม่มีเส้นผมขึ้นเลยสักเส้นและดูราวกับภูติผีปิศาจอันดุร้าย แม้ว่าจะเป็นภาพมายามันกลับดูเสมือนจริงและปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นเฉียบ
จังหวะที่ศีรษะปรากฎขึ้น มันร้องคำรามและพุ่งออกไปจากเบื้องหลังผู้อาวุโสเข้าหาหวังหลิน!
ผู้อาวุโตตัวเตี้ยร้องตะโกน “โจมตี!”
ซีฟางกัดฟันแน่น เขาสร้างผนึกขึ้นมาและตวัดลงไป กระบี่ด้านหลังส่งเสียงกระหื่มสั่นสะเทือนปฐพีและพุ่งเข้าหาหวังหลินราวกับมังกรโหดเหี้ยม
ในเวลาเดียวกันซีฟางยังพบว่าโอกาสนี้ยังไม่ดีพอดังนั้นจึงพ่นโลหิตออกมาจากปาก จากนั้นนั่งสมาธิลงและรับโลหิตไว้ใจกลางฝ่ามือ เขาส่งเสียงคำรามและตบมันบนหน้าผาก
ด้วยเสียงตบดังลั่น ร่างซีฟางสั่นเทาและแสงกลมๆสีเขียวออกมาจากหน้าผาก ในแสงสีเขียว วิญญาณดั้งเดิมของซีฟางลอยออกมาจากปาก แสงสีเขียวเปลี่ยนเป็นกระบี่ในไม่นานโดยไม่ใบไม้แห้งสลักไว้บนตัวกระบี่ วิญญาณดั้งเดิมของเขาเข้าไปในกระบี่และไล่ตามหลังปราณกระบี่ที่พึ่งส่งออกไป
“ยอมรับความตายซะ!”
สองผู้อาวุโสระดับต้นของสำนักกระบี่ต้าหลัวได้ร่วมมือกันเต็มกำลังทั้งหมด
หวังหลินยืนอยู่ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เขาก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นกดลงกลางอากาศและแสงสีดำปรากฎบนนิ้วมือ
ดัชนีแห่งความตาย!
เพียงหนึ่งนิ้ว วิญญาณนับหมื่นสูญสิ้น!
เพียงหนึ่งนิ้ว ดอกไม้ใบหญ้าในหุบเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาาล แม้กระทั่งใบไม้ที่แห้งเหี่ยวก็เริ่มแตกสลาย ไม่ใช่เพียงแค่ด้านนอกแต่รากของมันก็แตกสลาย
ฝ่ามือโลหิตหลายจุดที่กำลังพุ่งเข้าหาหวังหลินตอนนี้พังทะลายด้วยนิ้วมือเขาและพวกมันแตกสลายทันทีโดยไม่มีการหยุดชะงัก
ทว่าหากมันแค่ทำให้พังทะลายก็คงไม่เผยพลังที่แท้จริงของดัชนีแห่งความตาย! ประทับโลหิตที่ถูกทำลายแยกออกไปค่อยๆถอยกลับอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่มันจะถอยไปได้ไกลกว่านั้นมันถูกนิ้วมือหวังหลินดึงกลับมาด้วยดัชนีแห่งความตาย
ฉากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก มองจากข้างนอกมันเหมือนกับนิ้วโมงของหวังหลินกดลงบนฝ่ามือโลหิตจากนั้นถูกนิ้วโป้งของเขาดูดซับเอาไว้และมันกลายเป็นสีแดงโลหิตไปแล้ว
หลังจากดูดซับพลังของฝ่ามือโลหิต ดวงตาหวังหลินเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงแต่นิ้วมือเขาไม่หยุดลงแต่กลับเคลื่อนไหวเร็วขึ้น หวังหลินผ่านปราณกระบี่ของซีฟางและกดนิ้วโป้งลงระหว่างคิ้วของศีรษะปิศาจตัวนั้นทันที
ดวงตาศีรษะปิศาจปลดปล่อยแสงชั่วร้าย จังหวะที่นิ้วมือหวังหลินมาถึง มันอ้าปากและกลืนกินนิ้วโป้งของหวังหลินทันที
“เอ๊ะ?” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเผยรอยยิ้มออกมา “เมื่อเจ้าอยากกิน เช่นนั้นข้าจะให้เจ้ากินให้เต็มที่!”
นิ้วโป้งหวังหลินเริ่มเรืองแสงสีแดงขณะที่ผลักพลังทั้งหมดที่พึ่งดูดซับมาเข้าไปในศีรษะมัน ในเวลาเดียวกันพลังทำลายล้างเสี้ยวหนึ่งออกมาจากดัชนีแห่งความตายซึ่งสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในศีรษะมันด้วย
ศีรษะปิศาจเริ่มขยายออกทันที เสียงร่ำไห้ออกมาจากมันและเริ่มล่าถอย แต่มันถอยไปได้สามสิบฟุตก่อนจะระเบิดดังปัง!
วิชาแห่งชีวิตของผู้อาวุโสตัวเตี้ยถูกทำลายทำให้ใบหน้าขาวซีดโดยทันทีและกระอักโลหิตคำโตออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่หันตัวกลับและวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต
เขาหวาดกลัวโดยแท้จริง!
เขาใช้วิชากลืนปิศาจสวรรค์เพื่อต่อสู้กับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง แม้ว่าเซียนระดับกลางสามารถทำลายมันได้ในตอนท้าย เขาก็ยังตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา แต่หวังหลินสามารถทำลายมันได้ง่ายๆ เขาจะไม่หนีได้อย่างไร?