Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 542

Cover Renegade Immortal 1

542. การทดสอบของแม่ทัพปิศาจ

ตอนนี้ทหารจากข้างในและนอกเมืองพลันออกมาเต็มไปด้วยจิตสังหารและล้อมรอบหวังหลิน บางส่วนรายงานเรื่องนี้ให้กับเบื้องบนแล้ว

คนที่กำลังรอเข้าเมืองต่างรีบกระจัดกระจายและเตรียมเฝ้าดูการแสดงดีดี

หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉือซาน!”

ฉือซานรีบเดินกลับมาด้วยท่าทางเคารพยิ่ง แม้หวังหลินจะดุด่า เขาก็ไม่มีข้อโต้แย้ง

หวังหลินส่งเสียงต่ำ “การชกของเจ้าผิดพลาด!”

ฉือซานรีบเอ่ย “ในสายตาฉือซาน ใครก็ตามที่หยาบคายต่อท่านบรรพชนคือศัตรูของข้า!”

ฮัวเป่าขบคิดอยู่ด้านข้าง ก่อนหน้านี้เขาเศร้าใจที่ไม่เร่งรีบเหมือนที่ฉือซานทำ ทว่าตอนที่เห็นหวังหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ลงมือเพราะคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำให้ท่านบรรพชนโกรธ

หวังหลินส่ายศีรษะ “แม้เจ้าจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้าในกำปั้นนั้น พลังสี่ในสิบส่วนล้วนสูญเปล่า นั่นหมายความว่าเจ้ายังไม่เชี่ยวชาญมันเต็มที่ ไม่อย่างนั้นทหารปิศาจนั่นจะทนรับแรงของเจ้าได้อย่างไร? เขาคงตายไปแล้วหากเจ้าลงมือให้ถูกต้อง!”

ฉือซานตกตะลึงแต่เขารีบพยักหน้าและเริ่มครุ่นคิด

ตอนนี้มีทหารปิศาจมากกว่าสิบคนที่รวมตัวกันล้อมรอบหวังหลิน ไม่มีใครรู้จักแต่หนึ่งในนั้นส่งเสียงคำรามออกมาและพุ่งเข้าใส่ด้วยอาวุธในมือ

ด้านนอกประตู พลังปราณปิศาจกำลังถูกปลดปล่อย ดินทรายถูกพัดขึ้นกลางอากาศและจิตสังหารแข็งแกร่งปรากฎออกมาขณะที่เหล่าทหารปิศาจพุ่งตัวออกไป เหล่าทหารปิศาจพวกนี้ทั้งหมดผ่านสงครามมาแล้วดังนั้นตราบใดที่ระดับบ่มเพาะไม่ต่างกันมากเกินไป แม้จะมีพลังมากกว่าพวกเขาก็จะถูกกดดันด้วยกลิ่นอายดุร้าย

“จงดูให้ดี แม้ว่าปรับแต่งร่างกายจะแตกต่างจากวิชาอื่นมันก็ยังมีส่วนคล้ายกัน แม้ข้าจะไม่ได้ปรับแต่งร่างกายแต่กำปั้นข้าจะมีผลลัพธ์คล้ายคลึงกัน” เช่นนั้นหวังหลินกำหมัดด้วยมือขวาและโยนออกไปอย่างลวกๆ

กำปั้นนี้ปะทะเข้าใส่อากาศ แต่เกิดกระลอกเริ่มคลื่นกระจายออกมาโดยมีกำปั้นเป็นจุดศูนย์กลาง เปล่าทหารปิศาจที่พุ่งออกมาพลันชะลอตัวลงทันทีหลังจากถูกระลอกคลื่นนี้เข้าใส่ ราวกับอากาศรอบๆพวกเขาถูกรวมกันแน่น

แต่ในไม่ช้า ระลอกคลื่นก็สั่นรุนแรงและทหารปิศาจทั้งหมดถูกกระเด็นถอยกลับไปด้วยความเร็วมากกว่าเข้ามานับสิบเท่า

ขณะที่พวกเขาถูกกระเด็นกลับ ใบหน้าแต่ละคนซีดขาวและกระอักโลหิตจำนวนมากออกจากปาก

หวังหลินไม่ได้ถอนกำปั้นแต่อ้ามือออก โลหิตที่พวกทหารปิศาจกระอักออกมาไม่ได้หล่นลงบนพื้นแต่รวบรวมเข้าหาหวังหลิน และในไม่ช้าจึงเกิดเป็นลูกแก้วโลหิตบนฝ่ามือ

เขาผลักมือขวาออกไปทำให้ลูกแก้วโลหิตลอยออกไปราวกับสายฟ้าเข้าปะทะกำแพงเมือง

ชั่วขณะที่ลูกแก้วโลหิตกำลังปะทะใส่ น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากข้างในประตู ไม่นานหลังจากนั้นร่างสีแดงปรากฎนอกประตูเมือง เขาชี้ไปที่อากาศทำให้ลูกแก้วแตกสลายกลับเป็นโลหิตก่อนจะกระแทกกำแพงทันที

หวังหลินใบหน้าปกติเหมือนเดิมพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ข้าประหลาดใจจริงๆที่พบคนที่มาจากที่เดียวกันกับข้า”

แสงสีแดงเลือนหายไปเผยเป็นสตรีคนหนึ่ง!

หลังจากนางปรากฎตัว ทหารปิศาจรอบๆทั้งหมดคุกเข่าลงและเอ่ยออกมา “ขอคำนับ ผู้บัญชาการเหยา!”

ดวงตานางเปล่งประกายราวกับฟินิกซ์และแฝงจิตสังหาร นางสวมชุดสีขาวทั้งตัว เส้นผมสีดำขลับอยู่ด้นาหลังขณะมองหวังหลินด้วยสายตาเย็นชา นางขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น “หวังหลิน!”

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นบางๆและมองนางอย่างละเอียด เขาเห็นสตรีคนนี้มาก่อนนอกทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออก นางมีพื้นที่อยู่เป็นของตนเองซึ่งทำให้นางเป็นจุดสนใจซึ่งเป็นเหตุผลที่หวังหลินสังเกตนางได้ นางเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณณะดับปลายและแม้จะไม่ใช่ระดับสูงสุดก็อยู่ห่างไม่ไกล

“ดูเหมือนว่ามีไม่กี่คนบนดาวเทียนหยุนที่รู้จักชื่อข้า!” หวังหลินยิ้มและเดินเขาหา

เพียงก้าวเดียวพลันปรากฎกลิ่นอายโหดเหี้ยมด้านหลังและกระจายออกอย่างบ้าคลั่ง

สตรีชุดขาวมองหวังหลินอย่างเย็นชา จากนั้นนางขมวดคิ้วพลันก้าวถอยหลังและเอ่ยขึ้น “งั้นเจ้าก็อยู่ในแคว้นมารฟ้า เจ้าต้องมาที่เมืองปิศาจโบราณเพื่อมารับกองกำลังทหารสินะ ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างเราสองคนไม่มีความหมาย!”

เมื่อนางพูด พลันหันตัวกลับและเดินเข้าไปในเมือง

หวังหลินยิ้มบางขณะเดินผ่านประตูเมืองเข้าไป ฉือซานและฮัวเป่าติดตามไปด้วยอย่างเร่งรีบ

ความเร็วของสตรีชุดขาวไม่ได้เร็วมาก นางไม่ได้ตรงเข้าไปในเมืองแต่เข้าไปหาจัสตุรัส และที่นี่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ตั้งอยู่

มีทหารปิศาจรักษากาณณ์ค่ายกลเคลื่อนย้าย เมื่อพวกเขาเห็นนางต่างก็คุกเข่าลงทั้งหมดและทำตัวเคารพอย่างยิ่ง

ข้างในค่ายกลเคลื่อนย้าย นางหันกลับมาและกล่าวกับหวังหลินอย่างเฉยชา “ตามข้าไปพบแม่ทัพปีกซ้าย ในเมืองปิศาจโบราณมีเพียงแม่ทัพปิศาจที่สามารถให้ตำแหน่งเจ้าได้!”

หวังหลินพยักหน้าพลันกล่าวกับฉือซานและฮัวเป่า “พวกเจ้าทั้งสองรอข้าในเมือง” เช่นนั้นเขาก็เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย

ขณะที่หวังหลินเดินเข้าไป ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ถูกกระตุ้น หวังหลินสตรีคนนั้นเลือนหายไปในคลื่นแสงสีขาว

หวังหลินถูกเคลื่อนย้ายจนเกิดติดขัดเล็กน้อย หลังกลับคืนสู่ปกติเขามองไปรอบๆที่ที่ถูกส่งมา หวังหลินสังเกตสิ่งก่อสร้างอันงดงามที่แทงทะลุสู่ยอดฟ้านั้นได้

ที่นี่คือพระราชวังขนาดยักษ์และมีรูปปั้นยักษ์ตนหนึ่งอยู่ข้างในคล้ายกับแทงขึ้นสู่สวรรค์ มันเป็นรูปปั้นของบุรุษสวมชุดเกราะและปลดปล่อยกลิ่นอายปิศาจทรงพลัง ทั้งท้องฟ้าถูกหมุนปั่นด้วยกลิ่นอายปิศาจนี้จนเกิดเป็นวังวนในก้อนเมฆ

สตรีชุดขาวเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย “ท่านแม่ทัพปิศาจ ข้าพาคนผู้หนึ่งมาที่นี่!”

ขณะที่นางกล่าวจบ เสียงหัวเราะหนึ่งระเบิดออกมาจากข้างในพระราชวัง หลังจากนั้นไม่นานร่างหนึ่งก็กระโดดออกมาจากรูปปั้นยักษ์

ร่างนี้รวดเร็วอย่างมากและหยุดลงกลางท้องฟ้าทันทีทันใด คนผู้นี้ดูธรรมดาแต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมากลับทรงพลัง เขาสวมชุดคลุมสีม่วง ท่อนแขนขนาดใหญ่มากและปลดปล่อยกลิ่นอายผู้บัญชาการเพียงแค่ยืนอยู่ที่นี่

เขามองหวังหลินด้วยดวงตาส่องสว่างราวกับคบไฟและเผยรอยยิ้ม “งั้นเจ้าก็คือคนต่างถิ่นที่กำลังโจมตีทหารปิสาจของข้านอกกำแพงน่ะหรือ?”

รูม่านตาหวังหลินหดเล็ก คนผู้นี้มีพลังปราณปิศาจเก็บในร่างกายอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่สามารถรับรู้ได้ แต่ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินจึงบอกได้ว่าบุคคลผู้นี้ทรงพลังมาก พลังปราณจำนวนมากในร่างกายเขามีความแข็งแกร่งระดับหลักแสน หากไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนขั้นเทวะก็ใกล้เคียงกัน!

ต้องกล่าวก่อนว่าสามดาวเท่ากับระดับหนึ่ง

ระดับ 3 เท่ากับขั้นพื้นฐานลมปราณ

ระดับ 30 เท่ากับขั้นแกนลมปราณ

ระดับ 300 เท่ากับขั้นวิญญาณแรกกำเนิด

ระดับ 3,000 เท่ากับขั้นตัดวิญญาณ​

ระดับ 30,000 เท่ากับขั้นแปลงวิญญาณและระดับ 300,000 เท่ากับขั้นเทวะ

หวังหลินเงยศีรษะขึ้น พลันเอ่ยอย่างเคร่งเครียดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ข้าเอง!”

ชายร่างกำยำพลันดวงตาเคร่งขรึมและหัวเราะออกมา เขาก้าวไปข้างหน้าและโยนกำปั้น “เยี่ยม! งั้นก็จงให้แม่ทัพคนนี้เห็นว่าเจ้ามีทักษะอะไรบ้าง!”

กำปั้นเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าแต่ส่งเสียงประหลาด แม้ว่ามันปะทะเข้ากับอากาศแต่เกิดแรงพุ่งเข้าใส่หวังหลิน

หวังหลินไม่ได้เผยอาการตื่นตกใจบนใบหน้าขณะที่ยกนิ้วโป้งขวาขึ้นและกดเข้าใส่อากาศ!

“ดัชนีแห่งความตาย!” ดวงตาสตรีชุดขาวสว่างขึ้น

พื้นที่รอบหวังหลินหนึ่งร้อยฟุตกลายเป็นกลิ่นอายแห่งความตายราวกับชีวิตในพื้นที่นั้นถูกดัชนีนี้ดูดซับ

ชั่วขณะที่เขาใช้ดัชนีแห่งความตาย พลันเกิดเสียงดังปังในอากาศระหว่างเขาและชายร่างกำยำ หวังหลินถูกถอยหลับไปสามก้าวและดวงตาเยือกเย็น

จากนั้นมองไปที่ชายร่างกำยำกลางท้องฟ้า ชายคนนั้นถอนกำปั้นขวาและร่างโอนเอนเล็กน้อย พลันเอ่ยขึ้นด้วยสายตาราวกับสายฟ้า “เยี่ยม! ข้าต้องใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อให้มีความได้เปรียบเหนือเจ้า ด้วยดัชนีนั้นเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะกลายเป็นผู้อาวุโสภายใต้ข้า!”

หวังหลินกล่าวด้วยท่าทีสงบ “ข้าไม่ต้องการตำแหน่งข้างใน!”

ใบหน้าชายร่างกำยำเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจากนั้นเผยรอยยิ้ม “เจ้าเข้าใจดินแดนวิญญาณปิศาจเกินกว่าที่ข้าคิด เจ้ารู้ความแตกต่างระหว่างตำแหน่งภายในและตำแหน่งภายนอก”

ในความทรงจำของลั่วหยุน บรรพชนของเขาเล่าถึงตำแหน่งภายในและตำแหน่งภายนอก ผู้อาวุโสและคนอื่นๆคือตำแหน่งภายในที่ไม่มีทหารคนใดอยู่ภายใต้ มีเพียงตำแหน่งภายนอกเท่านั้นเช่นผู้บัญชาการที่มีกองกำลังภายใต้คำสั่งของตน!

“จักรพรรดิปิศาจกล่าวไว้ว่าเราสามารถยกตำแหน่งใดก็ได้ให้คนต่างถิ่นตราบใดที่เจ้ามีความสามารถ สหายตัวน้อย หากเจ้าต้องการตำแหน่งภายนอก เช่นนั้นเจ้าต้องเผยความสามารถที่แท้จริงออกมาและดัชนีนั้นยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ!”

หวังหลินสูดหายใจลึกขณะที่เปลี่ยนเป็นมีสมาธิ “ท่านดำเนินต่อได้!”

ชายร่างกำยำเผยแววชื่นชม เขาไม่เสียเวลาอันใดพลันโยนกำปั้นออกไปก่อนจะดึงกลับด้วยความเร็วเพื่อส่งอีกกำปั้นออกมา

เขาส่งสิบกำปั้นออกมาในเสี้ยววินาที พื้นที่รอบตัวเขาเริ่มเผยอาการล่มสลายแต่มิติที่นี่แข็งแรงดังนั้นมันจึงไม่ได้พังทลายเพียงแค่สิบกำปั้น

“หากเจ้าสามารถทนรับเจตนาต่อสู้สิบพินาศของข้าได้ เจ้าก็สามารถเป็นผู้บัญชาการได้!” เขาส่งเสียงดังคำรามขณะที่ส่งมือออกไปราวกับยื่นผ่านมิติว่าง คว้าเอาพื้นที่ที่กำลังล่มสลายโยนใส่หวังหลิน

เจตนาต่อสู้สิบพินาศนี้ไม่ได้มีตัวตน มันเป็นส่วนหนึ่งของมิติว่าง บรรจุกลิ่นอายชั่วร้ายของสิบกำปั้นแห่งแม่ทัพปิศาจเอาไว้และเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

สิบกำปั้นทำให้ทำให้พื้นที่ยุบตัวทั้งหมดสิบครั้ง เมื่อถึงครั้งที่สิบ วิชานี้จะเกิดพลังแข็งแกร่งที่ไม่อาจจินตนาการ วิชารูปแบบนี้หายากอย่างยิ่งแม้แต่ในโลกแห่งเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินเผชิญหน้ากับสิ่งแบบนี้

แทบในทันทีที่เจตนาต่อสู้สิบพินาศกำลังลอยเข้าหาหวังหลิน เขาก็สามารถมองทะลุมันออกได้ ดวงตาหวังหลินส่องประกายเจิดจ้าและยื่นตั้งตรงราวกับต้นสนอายุหมื่นปี เขาไม่ได้ใช้สมบัติอันใดแต่มีควันสีเทาเริ่มเคลื่อนไหวที่แขนขวาและศาสตร์สังหารเทพถูกใช้

ในเวลาเดียวกันเขาชี้นิ้วและใช้วิชาดัชนีมาร พลังปราณสวรรค์ในร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นพลังปราณปิศาจอย่างรวดเร็วและรวบแน่นบนนิ้วชี้ของเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version