550. เหยาซีเชว่
ซือหม่าหยานกัดฟันกรอดและร้องตะโกน “แยกย้าย!”
คำพูดนี้ในค่ายทหารคืออำนาจเด็ดขาด!
ทหารปิศาจรอบด้านกว่าเก้าพันนายรีบล่าถอยอย่างเร่งด่วน เมื่อการล้อมกรอบหายไป ค่ายกลก็เลือนหายเช่นเดียวกัน
ชั่วขณะนั้นแสงกระพริบปรากฎที่กลางค่ายทหารพร้อมกับร่างผอมบางของผู้ดูแลกองทัพค่อยๆปรากฎ
เขาไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังมีชายชราสวมเสื้อลินินอยู่ด้วย เส้นผมพริ้วไสวและดูเหมือนทุกสิ่งอย่างเคลื่อนไปพร้อมกับเขา
ในจังหวะที่ชายชราปรากฎตัว หวังหลินลืมตาขึ้นทันที สายตามองทะลุผ่านทหารปิศาจและตกลงบนชายชราคนนั้นตรงๆ
ดวงตาชายชราหรี่แคบเช่นเดียวกันและมองไปทางหวังหลิน
สายตาจดจ้องของทั้งสองคนที่หวังหลินพบทำให้จิตใจเขาสั่นเทาชั่วขณะแต่ก็ฟื้นคืนมาได้อย่างรวดเร็ว หวังหลินเห็นผนึกสี่รูปแบบข้างในชายชราคนนั้น
ร่างของชายชราสั่นเทาเช่นกันและดวงตาส่องประกายสว่างจ้า เขาตกตะลึงยิ่งขึ้นเมื่อสายตาจากหวังหลินแทบทำให้ผนึกข้างในร่างเขาแตกสลาย
หลังจากผู้ดูแลกองทัพปรากฏตัว เขาก้าวเท้าหนึ่งครั้งและเคลื่อนที่พริบตามาถึงห่างจากหวังหลินไม่กี่สิบฟุตในทันที ชายชราก็ทำแบบเดียวกัน
ใบหน้าผอมแห้งของผู้ดูแลไม่เปลี่ยนไปเลยเมื่อเขาเห็นร่างศพบนพื้น
ซือหม่าหยานรีบพูด “ท่านผู้ดูแลกองทัพ ผู้บัญชาการสังหารหัวหน้ากองพันซุนโดยไร้เหตุผลและยังสังหารทหารปิศาจมากกว่าห้าร้อยนาย คนทั้งหมดที่นี่เป็นสักขีพยานได้!”
หวังหลินสะบัดแขนขวาและเศษหินหยกลอยเข้าหาผู้ดูแลกองทัพ เขาใส่ปราณปิศาจเข้าไปในหินหยกและมองเข้าไปจนเห็นภาพต่างๆปรากฎขึ้นในหัว
ภาพทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น!
ผู้ดูแลมองหวังหลินด้วยสีหน้าล้ำลึก ก่อนหน้านี้ที่เขาประเมินหวังหลินต่ำไปได้ถูกแทนที่ด้วยเจตนาอยากคบเป็นสหาย การกระทำของหวังหลินตั้งแต่แรกเริ่มได้นำพาเขามาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจพ่ายแพ้ได้
เขาเผยรอยยิ้มบางและเอ่ยออกมา “ขออภัยที่รบกวนท่านผู้บัญชาการหวง ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านแม่ทัพ คนที่กล้าก่อกบฏจะได้รับการลงโทษ!”
เขาคำนับฝ่ามือด้วยรอยยิ้มพร้อมกับจากไป ชายชราก็คำนับฝ่ามือเช่นกันและเอ่ยออกมา “ระดับบ่มเพาะของผู้บัญชาการหวังน่าอัศจรรย์โดยแท้ ข้าประทับใจ!”
หลังจากทั้งสองคนจากไป ซือหม่าหยานขบคิดอย่างเงียบเชียบเป็นเวลานานก่อนจะกล่าวกับหวังหลินด้วยความนอบน้อม “เรื่องสำคัญเช่นนี้ข้าบุ่มบ่ามเกินไป ข้าหวังว่าผู้บัญชาการจะไม่เอาความ!”
หลังกล่าวประโยคนั้น เหล่าหัวหน้ากองทัพต่างมีแววตาประกายแสงลึกลับ หนึ่งในนั้นเข้าใจได้ทันทีและกล่าวกับหวังหลินด้วยความเคารพ “ผู้น้อยก็วู่วามไปเช่นกัน”
หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าหัวหน้ากองพันทั้งหมดก็กล่าวเช่นเดียวกัน
ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ถูกตัดสินตั้งแต่เริ่มต้น คนที่นี่ไม่ได้โง่และมองวิธีการของหวังหลินออกเรียบร้อย
ทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหากผู้บัญชาการคนใหม่ไม่ได้ทำสิ่งใดเกินเลย แต่เมื่อเขาลงมือกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้า หากเกิดการต่อสู้ประจัญบานต่อไป บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวหน้ากองพันซุนก็จะเกิดอีกครั้ง!
รวมถึงเมื่อเห็นระดับบ่มเพาะของผู้บัญชาการคนใหม่ ดูเหมือนว่าแม้ซือหม่าหยานจะต่อสู้เขาก็ไม่อาจเปรียบได้เลย ด้วยความคิดเช่นนี้คนจำนวนมากจึงเริ่มคิดประนีประนอม
หวังหลินยืนขึ้นและกดลงพื้นดินด้วยฝ่ามือขวา เสียงดังกึกก้องออกมาจากพื้นดินข้างใต้ค่ายทหารราวกับมีมังกรกำลังเคลื่อนไหว ชั่วขณะนั้นพื้นดินของทั้งค่ายทหารหดลงไปหนึ่งนิ้ว!
กองฝุ่นพุ่งพวยขึ้นใต้ฝ่าเท้าหวังหลิน!
ฝุ่นผงตลบอบอวนในอากาศราวกับปกคลุมโลกทั้งใบ
เจดีย์ที่ก่อเกิดจากฝุ่นพลันปรากฎขึ้นแทบในเสี้ยววินาทีและตั้งอยู่ในค่ายทหาร
เจดีย์แห่งนี้มีสองชั้น แม้ว่าจะเรียบง่ายแต่กลับให้สัมผัสแห่งอำนาจออกมา
เพียงสะบัดมือหนึ่งครั้งหวังหลินก็สามารถนำฝุ่นผงหลายนิ้วจากทั้งค่ายทหารมาสร้างเป็นเจดีย์แห่งนี้ ไม่เพียงแต่ซือหม่าหยานจะตกใจแต่เหล่าหัวหน้ากองพันรวมถึงทหารปิศาจเก้าพันนายก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
“พวกเจ้าทั้งหมดไปได้!” หลังจากทิ้งคำพูดไว้ หวังหลินหันตัวกลับและเดินเข้าไปในเจดีย์
ฉือซานติดตามไปอย่างรวดเร็ว ส่วนฮัวเป่ามองไปรอบๆอย่างเยาะเย้ยก่อนจะติดตามหวังหลินเข้าไปในเจดีย์เช่นกัน จิตใจเขารู้สึกดีมากเพราะความโกรธเกรี้ยวกว่าครึ่งเดือนได้รับการระบายออกในวันนี้
ความเคารพต่อหวังหลินยิ่งมากขึ้น!
หลังจากกลุ่มหวังหลินทั้งสามคนเข้าไปในเจดีย์ ซือหม่าหยานกำหมัดแน่น หันกลับมาและจากไปโดยไร้คำพูด
ส่วนหัวหน้ากองพันทั้งเก้าคน พวกเขามองหน้ากันเองและตัดสินใจจากไปพร้อมกับคนใต้บังคับบัญชา
นับตั้งแต่วันนี้ หัวหน้ากองพันแปดคนที่ใกล้ชิดกับซือหม่าหยาน นอกจากหัวหน้ากองพันซุนที่ตายไปแล้วเหลือเพียงสามคนที่รักษาความสัมพันธ์อยู่ ขณะที่อีกสี่คนค่อยๆถอยระยะห่างจากซือหม่าหยาน
ตั้งแต่วันนี้ไป ตัวตนของหวังหลินค่อยๆชัดเจนในจิตใจทหารทุกนาย
ตั้งแต่ที่หวังหลินกลายเป็นผู้บัญชาการ เขาไม่ได้ออกคำสั่งสักครั้งแต่อำนาจของเขาค่อยๆเติบโตขึ้น
ในเมืองปิศาจโบราณ มีค่ายทหารทั้งสิ้นสิบหกค่าย พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะสีดำและมีเพียงเครื่องหมายเท่านั้นที่ต่างกันเล็กน้อย ตอนนี้ในค่ายทหารแห่งที่สาม เหยาซีเชว่ฝึกฝนอย่างเงียบๆข้างในบ้าน
กลางดึกคืนหนึ่ง เหยาซีเชว่ลืมตาขึ้น ดวงตางดงามของนางส่องประกายเจิดจ้า ด้านนอกประตูมีดวงจันทรากำลังเรืองแสงสีม่วง คืนนี้เป็นคืนปิศาจม่วง เล่าลือกันว่าเมื่อคืนปิศาจม่วงมาถึง ฟ้าดินจะเชื่อมต่อกัน
ส่วนที่ว่ามันทำได้อย่างไรไม่มีใครทราบ ข่าวลือนี้มาจากยุคโบราณแล้วและไม่มีใครสามารถอธิบายได้ชัดเจน
นางสูดหายใจลึกและยืนขึ้น หลังจากตรวจสอบรอบๆด้วยสัมผัสวิญญาณนางก็สัมผัสกระเป๋า ปรากฏเข็มทิศสีแดงบนฝ่ามือ
เมื่อมองเข็มทิศ นางเผยใบหน้าลังเล
“ข้าไปที่นั่นมาสามครั้งแล้วและทุกครั้งข้าถูกหยุดไว้ที่จุดเดียวกัน ท่านพ่อพูดว่าการจะเข้าไปที่นั่น ระดับบ่มเพาะของข้าต้องบรรลุขั้นเทวะเสียก่อน…จากแผนการของท่านพ่อ ข้าจะพักอยู่ที่นี่เพื่อดูดซับปราณปิศาจให้เพียงพอเพื่อทะลวงผ่านขั้นเทวะก่อนจะไปที่แห่งนั้น และด้วยการช่วยเหลือของเม็ดยาวิญญาณโลหิต ข้ามีโอกาสแปดในสิบสส่วนที่จะทะลวงผ่านสำเร็จ ทว่าเหรียญตรากลับปรากฎขึ้นอย่างไม่คาดคิดในช่วงเก็บเกี่ยว…”
คิ้วเรียวงามของเหยาซีเชว่ขมวดเป็นปมขณะที่ครุ่นคิดโดยมีเข็มทิศวางบนฝ่ามือ
“ตอนที่ท่านพ่อ เทียนหยุนและคนอื่นๆมาที่นี่หลายปีก่อน พวกเขาศึกษาสถานที่แห่งนี้จากหนึ่งในจักรพรรดิปิศาจ ครั้งล่าสุดพวกเขาไม่มีเวลาตรวจสอบและเข้าไปส่วนลึกของดินแดินวิญญาณปิศาจพร้อมกับคนอื่นๆ หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลอยู่หลายปี เขามั่นใจกว่าหกในสิบส่วนว่าที่นั่นเป็นของจริง…”
“ช่างเถอะ ข้าจะไปอีกครั้ง หากข้ายังไม่สามารถเข้าไปได้ข้าจะรอจนกว่าจะบรรลุขั้นเทวะ! นอกจากนั้นข้าใช้เม็ดยาวิญญาณโลหิตที่ท่านพ่อสร้างให้ไปสามเม็ดแล้วในสามครั้งนั้น ตอนนี้ข้าเหลือเพียงหกเม็ด ข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน ดังนั้นอย่างดีที่สุดคือไม่ทำให้เสียเปล่า หนึ่งเม็ดยาวิญญาณโลหิตคืออีกหนึ่งชีวิต!”
เหยาซีเชว่เผยแววตามุ่งมั่น นางสวยงามดุจธิดา และตอนนี้แววตายิ่งมีความมุ่งมั่นจึงทำให้นางดูกล้าหาญและมีเสน่ห์อย่างที่สุด
นางวางเข็มทิศบนพื้นอย่างเบามือและสัมผัสกระเป๋าอีกครั้ง ยาขี้ผึ้งปรากฎในฝ่ามือทันที!
มีสัญลักษณ์เล็กๆหลายแถวบนยาขี้ผึ้ง สัญลักษณ์นี้ค่อยๆกระพริบถี่ตามลมหายใจและอัตราการเต้นหัวใจ มันดูประหลาดมาก
เหยาซีเชว่สูดหายใจลึกและบดขยี้ยาขี้ผึ้ง จากนั้นโลหิตสีฟ้าหนึ่งหยดปรากฎอย่างรวดเร็ว!
ยาขี้ผึ้งกำลังผนึกโลหิตสีฟ้านี้เอาไว้!
นางกัดนิ้วโดยไม่ลังเล สะบัดโลหิตออกมาและวาดสัญลักษณ์อันซับซ้อนกลางอากาศ หลังจากสัญลักษณ์ปรากฎขึ้นมันก็รวมเข้ากับโลหิตสีฟ้าอย่างรวดเร็ว เหยาซีเชว่คว้าสัญลักษณ์และประทับมันระหว่างคิ้ว พลันเผยใบหน้าเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปโดยใช้เวลาสักพัก
ขณะที่นางอ้าปากหายใจ นางยกนิ้วมือขึ้นจากนั้นสัญลักษณ์ลอยออกไปทันทีพร้อมกับเปลี่ยนกลายเป็นโลหิตสีฟ้าลอยคว้างกลางอากาศดังเดิม
นางสะบัดแขนขวา โลหิตสีฟ้าเลือนหายไปโดยไร้ร่องรอย จากนั้นกัดฟันแน่นก้าวเท้าขึ้นไปบนเข็มทิศที่อยู่บนพื้น แสงกระพริบเบาบางพลันปรากฎสัญลักษณ์จำนวนมากมายบนเข็มทิศและล้อมรอบไว้ราวกับห้อง
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้กินเวลาเพียงสามลมหายใจ หลังจากนั้นเหยาซีเชว่ก็เลือนหายไปพร้อมกับเข็มทิศ
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเชื่องช้า วิถีการดำรงชีวิตของหวังหลินไม่เปลี่ยนไปจากครั้งก่อน หายากนักที่เขาจะออกจากห้องและใช้เวลาทั้งวันเพื่อฝึกฝน หวังหลินค่อยหลอมรวมปราณปิศาจกับปราณสวรรค์ของตนเองเพื่อมุ่งมั่นก้าวไปสู่ขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย
มีอยู่หนึ่งสิ่งที่เป็นความจริงแท้แน่นอนเกี่ยวกับโลกใบนี้ เหตุผลหลักที่ราชาแห่งโลกคนธรรมดาถึงได้ทรงเกียรติและมีคนเคารพนั่นก็เพราะพวกเขามีระยะห่างจากทุกคนซึ่งทำให้ดูลึกลับยิ่ง!
ในสายตาของเหล่าผู้รับใช้ พระราชาคือคนที่อยู่สูงเหนือกว่าพวกเขาและเป็นตัวตนที่มิอาจเอื้อมถึงได้ มีความคิดหยั่งไม่ถึงและนั่นทำให้ราชาถึงดูองอาจและสมอำนาจ!
ตอนนี้หวังหลินชื่นชอบที่จะอยู่ข้างในค่ายทหารเกราะดำ
หายากมากที่จะเขาจะเผยใบหน้าตนเองแต่อำนาจของเขาค่อยๆกระจายออกวันแล้ววันเล่าจนกระทั่งมันบดบังซือหม่าหยานที่มักจะปรากฎตัวได้โดยสิ้น!
ในหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ฮัวเป่าเสมือนปลาในน้ำเมื่ออยู่ข้างในค่ายทหาร เขาออกไปข้างนอกเสมอจนเป็นนิสัยและแม้จะมีปัญหาบางอย่างในตอนเริ่ม สิ่งเหล่านั้นค่อยๆจางหายไปเมื่อเวลาผ่านไป การติดต่อกับกลุ่มในค่ายทหารค่อยๆเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อซิ่วหยู่ คนผู้นี้เป็นสตรีและในจังหวะที่เขาเห็นนางก็พลันตื่นตะลึง นับตั้งแต่นั้นเขาก็ตกหลุมรักนางเข้าเต็มเปา
ตรงข้ามกับฉือซานที่นั่งอยู่ในเจดีย์ เขาบ่มเพาะฝึกฝนตลอดทั้งวันเหมือนยามเฝ้าประตู เขาแสดงอาการไม่แยแสต่อใครอื่นคนนอกจากหวังหลิน
หลายเดือนผ่านไป ภายในค่ายทหารแห่งที่สาม ข้างในห้องของเหยาซีเชว่มีแสงสีฟ้ากระพริบวาขึ้น ในไม่นานแสงสีฟ้าก็เปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์สีฟ้า
สัญลักษณ์สีฟ้านี้หมุนอย่างรวดเร็วโดยมีหยดโลหิตสีฟ้าอยู่ใจกลาง หยดโลหิตหมุนปั่นต่อเนื่องราวกับกำลังเดือดและค่อยๆหนาแน่นขึ้น หยดโลหิตสีฟ้าขยายขนาดออกมาหลายเท่าจนกลายเป็นลูกแก้วสีฟ้าขนาดยักษ์
สัญลักษณ์รอบๆหมุนวงกลมอย่างรวดเร็วขึ้น หลังจากนั้นสักพักสัญลักษณ์ก็หยุดลงทันทีราวกับมีบางสิ่งกำลังเรียกหา พวกมันลอยเข้าหาลูกแก้วสีฟ้าและลอยเข้าไปข้างใน
เมื่อสัญลักษณ์ชิ้นสุดท้ายเข้าไป ลูกแก้วสีฟ้าหดเล็กอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้หดกลับเห็นหยดโลหิตแต่กลายเป็นร่างสตรีงดงามนางหนึ่ง
กระบวนการนี้กินเวลาไม่นานและเสร็จสิ้นในเวลาห้าลมหายใจ ลูกแก้วสีฟ้าเลือนหายไปและถูกแทนที่ด้วยร่างสตรี นางมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงามมาก นางน่ารัก ร่างกายเย้ายวนใจอย่างสมบูรณ์แบบ
นางคือเหยาซีเชว่!
“ข้าล้มเหลวอีกแล้ว หากไม่ใช่เพราะเม็ดยาวิญญาณโลหิต ข้าได้ตายไปสี่ครั้ง…แต่ครั้งนี้ข้าทะลวงผ่านไปได้มากกว่าครึ่ง หากมีคนช่วยข้า ข้าต้องสำเร็จแน่นอน…” เหยาซีเชว่ลืมตาและถอนหายใจ
ทว่าในไม่ช้าดวงตาก็หรี่แคบและเริ่มขบคิด
“หากมีสักคนมาช่วยข้า…หวังหลิน…”