549. แสดงอำนาจ
“เราต้องมีความคิดแบบนั้นด้วยหรือ? คนผู้นั้นไร้ค่า ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงเขาหรอก!” คนที่พูดขึ้นเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีดูถูกและมองลงบนผู้บัญชาการคนใหม่ในจิตใจ
กล่าวให้ถูกต้อง เขาไม่นับคนต่างถิ่นคนใดว่ามีคุณค่าอยู่แล้ว!
“หัวหน้ากองพันซุนเข้าใจผิดเสียแลว้ ผู้บัญชาการคนใหม่นี้อาจจะเป็นคนคิดคำนวณ การที่ยังพักอยู่และไม่ทำสิ่งใดถือได้ว่าไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถทนได้!” ชายชราผมขาวคนหนึ่งกล่าวขึ้น
แม้เขาจะดูแก่ชราทว่าเกราะสีดำทำให้เขาดูสงบนิ่งและมั่นคงอย่างมาก
หัวหน้ากองพันซุนพ่นลมหายใจเย็นและกล่าวออกมา “เจ้าก็ทำให้กังวลมากไป”
ทุกคนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหวังหลินแต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีความคิดแบบเดียวกัน ซือหม่าหยุนบีบขมับตัวเอง “ก็ได้ ทั้งหมดจงจำไว้ว่าอย่าไปกระตุ้นเขาถี่เกินไป ข้าเพียงไม่เชื่อว่าเขาจะอยู่เงียบได้นานสักเท่าไหร่ ตราบใดที่เขาเป็นคนที่เริ่มต้นเอง เราจะหาทางรับมือกับเขา”
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและในพริบตาหวังหลินก็บ่มเพาะในค่ายทหารของกองทัพอยู่ครึ่งเดือน ในครึ่งเดือนนี้หวังหลินไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เขาเพียงนั่งอยู่ที่นี่และบ่มเพาะอย่างเงียบๆ ค่ายทหารดูเหมือนจะกลายเป็นพื้นที่บ่มเพาะของเขาไปเสียแล้ว
จิตใจของฉือซานสงบนิ่งลงขณะที่ฝึกฝนกับหวังหลินเช่นกัน
ทว่าความโกรธของฮัวเป่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากไม่ใช่ว่าเขากังวลเรื่องความคิดเห็นเกี่ยวกับหวังหลินเขาคงนำธงวิญญาณของตนเองออกไปสู้ห้ำหั่นเสียแล้ว
ความเงียบของหวังหลินทำให้สายตาดูถูกในเหล่าทหารนับหมื่นนายเพิ่มขึ้น
ทว่าหวังหลินไม่ใส่ใจเรื่องราวเหล่านี้
ณ วันนี้หัวหน้ากองพันซุนผ่านหวังหลินขณะที่กำลังฝึกฝนไป หัวหน้ากองพันซุนไม่ได้ซ่อนอาการดูถูกและรังเกียจที่เขามีต่อหวังหลิน เขามองผู้บัญชาการคนใหม่จากเบื้องลึกของจิตใจ ตอนที่เขากำลังผ่านไปก็อดไม่ได้ที่จะถุยน้ำลายและสบถคำว่า “ขยะ!”
เหล่ากองทัพหารเห็นการกระทำของหัวหน้าและเริ่มหัวเราะ เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความถูดูกเหยียดหยัน
ขณะที่น้ำลายนั้นตกถึงพื้น หวังหลินลืมตาขึ้น สายตาสงบนิ่งและน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม “หัวหน้ากองพันซุน เจ้าพูดว่าอะไร?”
หัวหน้ากองพันซุนตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่หวังหลินพูดขึ้นมาในครึ่งเดือน เขาเยาะเย้ยในใจและกล่าวด้วยคำเย้ยหยัน “ข้าพูดว่าเจ้าขยะ…”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส แต่ก่อนที่จะได้ทันพูดจบ สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเผยรอยยิ้มกระตุ้นต่อมความคิด ฝ่ามือยื่นออกไปเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าทำให้พลังล่องหนปรากฎขึ้นทันที
ร่างของหัวหน้ากองพันซุนถูกจับด้วยพลังล่องหนและถูกลากเข้าหาหวังหลินโดยไร้การต่อต้าน
สีหน้าของหัวหน้ากองพันซุนเปลี่ยนไปทันทีและพยายามดิ้นรน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหรือแม้แต่ใช้ปราณปิศาจทั้งหมดของเขามันกลับไร้ประโยชน์ พลังที่จับเขาไว้ราวกับเหล็กกล้า ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นและแน่นขึ้น
ร่างเขาลอยเข้าหาหวังหลินและลำคอถูกหวังหลินจับไว้ทันที
“เจ้า…” โลหิตพุ่งขึ้นสู่ศีรษะและใบหน้าแดงเถือก ฝ่ามือบนลำคอเขาราวกับประตูแห่งความตายที่ขังเขาเอาไว้
แม้กระทั่งด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเขายังถลึกตาจ้องมองหวังหลิน เขาไม่เชื่อว่าคนผู้นี้จะกล้าฆ่าเขาแต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวระดับบ่มเพาะของหวังหลินเสียแล้ว หวังหลินเคลื่อนไหวครั้งเดียวแต่เขาไม่อาจต่อต้านได้เลย แม้กระทั่งผู้บัญชาการซือหม่าก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
เมื่อเห็นว่าหัวหน้ากองพันของตนถูกจับ ทหารปิศาจพันนายเคลื่อนไหวและพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที
สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเฉยชาและเอ่ยขึ้น “ฉือซาน ท่องกฏกองทัพข้อแปดของแคว้นปิศาจฟ้าออกมา!”
ฉือซานจดจำเนื้อหาในหินหยกได้แล้ว ตอนที่หวังหลินถามคำถามออกมาเขาก็รีบตอบทันที “ใครที่ก่อกบฏต่อหัวหน้า ให้ฆ่าซะ!”
ร่างของหัวหน้ากองพันซุนสั่นเทาและความรู้สึกแย่เกิดขึ้นในใจ เขาต้องการพูดออกมาแต่มือของหวังหลินกุมเหนือลำคอจนเขาไม่สามารถกล่าวอะไรเต็มประโยคได้
สายตาหวังหลินเยือกเย็นสุดขั้วพร้อมกับเผยรอยยิ้มขนลึก หวังหลินใส่แรงเข้าฝ่ามือขวาและเกิดเสียงแกร๊ก ลำคอของหัวหน้ากองพันซุนเหลวแหลกทันทีก่อนจะได้ทันพูดอะไร ขณะเดียวกันหวังหลินกระจายปราณสวรรค์ออกมาอย่างบ้าคลั่งเข้าสู่ร่างของมันเพื่อทำลายระดับบ่มเพาะ
แม้กระทั่งตอนที่เขาตาย หัวหน้ากองพันซุนยังไม่เชื่อสายตา เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าผู้บัญชาการที่แต่งตั้งขึ้นมาใหม่จะกล้าฆ่าเขา!
หวังหลินสูดหายใจลึกจากนั้นปราณปิศาจหลายเส้นออกมาจากร่างหัวหน้ากองพันและถูกหวังหลินดูดซับ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ขณะที่ฉือซานกำลังพูดจบ หวังหลินก็สังหารเขาโดยไม่ลังเลไปแล้ว
ขณะนั้นเหล่าทหารปิศาจที่กำลังพุ่งออกมาทั้งหมดหยุดชะงักที่ทางเดิน สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโกรธ พวกทหารมีไหวพริบรวดเร็วจึงเปลี่ยนสายตามาหาหวังหลิน
หวังหลินโยนร่างของหัวหน้ากองพันซุนส่งมาข้างหน้า จากนั้นมองไปที่เหล่าทหารปิศาจด้วยสายตาเย็นชาและไม่ได้กล่าวอะไร
ร่างกายร่อนลงข้างหน้าพวกทหารปิศาจ เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังสับสนของหัวหน้ากองพันซุน ความโกรธในใจทหารแต่ละคนก็พุ่งพล่านโดยเฉพาะคนที่ได้รับการดูแลภายใต้หัวหน้าคนนี้
หนึ่งในเหล่าทหารปิศาจรีบตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว “ท่านพี่ ให้พวกเราล้างแค้นให้หัวหน้ากองพัน!”
หลังกล่าวประโยคนั้น ทหารปิศาจส่วนใหญ่คำรามอย่างโกรธแค้น ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่หวังหลินโดยไม่มีความลังเลและปลดปล่อยกลิ่นอายปิศาจออกมา ในสายตาแต่ละคน หวังหลินคือศัตรู!
แววตาหวังหลินยิ่งเยือกเย็นกว่าเดิมและเอ่ยเสียงเบา “ก่อกบฏต่อหัวหน้าพวกเจ้า!”
จากนั้นเผยรอยยิ้มน่าขนลุก หวังหลินไม่ได้ลอยตัวขึ้นแต่ตบกระเป๋านำกระบี่สวรรค์ออกมา เพียงกวัดแกว่งหนึ่งครั้งปราณกระบี่เส้นหนึ่งก็พุ่งออกไปราวกับกำลังแยกสวรรค์ ดาบครึ่งจันทราติดตามอย่างรวดเร็วและพุ่งตรงเข้าใส่ทหารปิศาจ
เสียงกรีดร้องเริ่มบังเกิดขึ้นดังก้องภายในบริเวณ สำหรับกระบี่สวรรค์ที่รับมือพวกทหารปิศาจซึ่งมีระดับขั้นแกนลมปราณแล้วนับว่าเป็นเรื่องง่ายดาย เพียงแสงกระพริบหนึ่งครั้งศีรษะของทหารปิศาจหลายคนก็หล่นลงพื้น
ความโกลาหลที่นี่ได้ถูกทหารปิศาจกองพันอื่นเห็นเข้าทันที สายตาแต่ละคนตกลงบนหัวหน้ากองพันตามลำดับ หัวหน้ากองพันที่เหลือเก้ากองรีบพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วและมีเหล่าทหารปิศาจติดตามมาด้านหลังด้วย
หนึ่งในหัวหน้ากองพันที่เหลืออยู่รีบตะโกน “หยุด!”
ห้าสิบลี้ไม่ได้เป็นระยะทางยาวเกินไป ในไม่ช้าจึงเกิดควันฝุ่นห่างออกไปพร้อมกับเหล่าทหารเก้าพันนายพุ่งเข้าหาตำแหน่งของหวังหลิน
หวังหลินอ้าแขนออกโดยไม่ได้มองพวกเขา ปราณปิศาจและปราณสวรรค์ในร่างกายก่อเกิดเป็นวังวน ชั่วขณะนั้นปราณปิศาจในร่างทหารปิศาจนับร้อยที่ถูกกระบี่สวรรค์และดาบครึ่งจันทราฆ่าไปก็ออกจากร่างกาย ปราณปิศาจลอยเข้าหาหวังหลินและถูกเขาดูดซับ
ปราณปิศาจหนาแน่นและเกิดเป็นวงวนโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อทหารเก้าพันนายมาถึง หวังหลินก็ดูดซับปราณปิศาจเสร็จสิ้น เขาชี้นิ้วไปที่อากาศทำให้กระบี่สวรรค์และดาบครึ่งจันทราลอยกลับมา ทั้งกระบี่และดาบลอยอยู่เหนือศีรษะและปลดปล่อยแรงสั่นสะเทือนแหลมคม
ในช่วงเวลาสั้นๆมีทหารปิศาจของหัวหน้ากองพันซุนมากกว่าครึ่งตกตายไป!
หัวหน้ากองพันทั้งเก้าคนต่างสวมชุดเกราะสีดำ สายตาแต่ละคนตกลงบนศพของหัวหน้ากองพันซุนทันที
ทหารปิศาจทั้งหมดเก้าพันนายกระจายตัวออกไปและล้อมรอบตำแหน่งของหวังหลิน จิตสังหารเข้มข้นพลันเต็มไปทั่วบริเวณ พวกเขาไม่ได้ล้อมหวังหลินเฉยๆแต่กำลังสร้างค่ายกลและเป้าหมายคือหวังหลิน!
ฉือซานและฮัวเป่ายืนขึ้นทันทีพร้อมสายตาเย็นชา โดยเฉพาะฮัวเป่าที่เลียริมฝีปากนำธงวิญญาณออกมาและจ้องมองรอบด้าน
หวังหลินยังคงนั่งในท่านั่งสมาธิอยู่บนพื้น แม้แต่ตอนที่เขาสังหารก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ยืนขึ้น ขณะนี้แม้จะถูกทหารเก้าพันนายล้อมรอบเอาไว้แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งและเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าทั้งหมดจะก่อกบฎต่อผู้บังคับบัญชาใช่ไหม?”
หัวหน้ากองพันทั้งเก้าคนพลันจิตใจหนาวเย็น รอยโลหิตบนพื้นยังไม่เหือดแห้งและยังมีศีรษะที่ตัดขาดวางอยู่ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้ภาพของหวังหลินในจิตใจหัวหน้ากองพันทั้งเก้าคนเปลี่ยนไปทันที
หลังได้ยินประโยคของเขา ทั้งหมดต่างมองหน้ากันเองและไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา
ชั่วขณะนั้นบังเกิดเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวออกมาจากระยะไกล ซือหม่าหยานเคลื่อนไหวราวกับพายุคลุ้มคลั่งพุ่งออกมา เขาผ่านเหล่าทหารและมาถึงด้านหน้าทันที เมื่อเห็นฉากนองเลือดที่เกิดขึ้นที่นี่จึงทำให้ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นมืดมนสุดขั้ว
ก่อนหน้านี้เขากำลังนั่งสมาธิและเมื่อได้ยินความโกลาหลในค่าย เขาก็หยุดทันที ว่าเขาไม่ได้ปรากฎตัวทันทีแต่ใช้วิชาลับเพื่อติดต่อกับผู้ดูแลกองทัพ เขารอจนกว่าหวังหลินจะถูกล้อมกรอบก่อนจะปรากฎตัวขึ้น
ซือหม่าหยานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านผู้บัญชาการ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หลังจากที่ท่านสังหารหัวหน้ากองพันซุนก็ยังฆ่าทหารของตนเอง ข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้แน่!”
ท่าทางของหวังหลินยังเฉยเมยและยิ้มบางเบา “ฉือซาน ท่องกฏกองทัพข้อที่สิบสามของแคว้นปิศาจฟ้า!”
ฉือซานรีบท่อง “พวกคนที่ล้อมค่ายทหารต้องล่าถอยภายในเวลาสามสิบลมหายใจ หากไม่เช่นนั้นก็จงฆ่าซะ!”
“กฏกองทัพข้อที่สองของแคว้นปิศาจฟ้า!”
“การใช้ค่ายกลระดับสังหารเซียนหรือสูงกว่าเพื่อกิจการภายในโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องหยุดภายในเวลายี่สิบลมหายใจ ไม่เช่นนั้นถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง!”
ท่าทางหวังหลินสงบนิ่งแต่เป็นใบหน้าซือหม่าหยานที่มืดมนยิ่งกว่าเดิม เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้คนตรงหน้าถึงไม่ทำอะไรเลยอยู่ครึ่งเดือน เขากำลังรอ รอโอกาสลงมือเพื่อทำให้ทุกคนตกอยู่ในความวิบัติ!
ในหมู่หัวหน้ากองพันทั้งเก้าคน มีสามคนที่ก้าวถอยหลังทันที พวกเขาทั้งสามมองหน้ากันเองและเห็นแววตาหวาดกลัว พวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการขัดแย้งกับคนตำแหน่งผู้บัญชาการ
“ฉือซาน เริ่มนับเวลา!” หวังหลินลับตาและไม่ได้มองซือหม่าหยานเลย
ฉือซานกล่าวช้าๆด้วยสายตาสงบนิ่ง “สิบสามลมหายใจผ่านไปแล้ว สิบหก สิบห้า สิบสี่ สิบสาม….”