Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 56

Cover Renegade Immortal 1

56. ลงสนาม (6)

น่าเสียดายที่คำอ้อนวอนของเขาไม่เป็นจริงเพียงหวังหลินกระพริบตาวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงสร้างเป็นมือข้างหนึ่งจับที่ยางยี่จากนั้นระเบิดก็โยนไปบนบนอากาศ ลอยโค้งไปตกลงบนศีรษะยางยี่

ยางยี่รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเขาราวกับถูกดูดอากาศออกและพลังสายหนึ่งกดเขาจากทุกทิศทางทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ จนทำได้แต่จ้องระเบิดที่ลอยเข้ามาหา

ตูมมมมมม!

เสียงดังสะท้อนเต็มสองหูเมื่อระเบิดปะทะเข้ากับยางยี่ ใบหน้าทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีดำและร่างกายเต็มไปด้วยเมือกโคลนขยะแขยง

แยกไม่ออกว่าหน้าดำหรือว่ากลิ่นเหม็นใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว รู้สึกถึงพลังบีบรัดยางยี่ใช้พลังทั้งหมดในร่างเพื่อหนีเป็นอิสระ ในใจบีบรัดพลางคิดขึ้น ‘หัตถ์จับมังกรแข็งแกร่งเกินไป ข้าแพ้แล้ว ให้ข้าออกไปเถอะ!’

หวังหลินยิ้มไปที่ยางยี่และพูดขึ้น “ยังเหลือเวลามากกว่าสิบวินาที เจ้ายังต่อได้”

ยางยี่กัดฟันกรอดและแสดงสีแดงถ่มออกมาจากปากแสดงสีแดงขยายขนาดใหญ่และยาวขึ้นกระบี่แสดงสีแดงบินตรงไปหาหวังหลินด้วยพลังปราณกระบี่อันแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน เขาเคลื่อนไหวอีกครั้งและโยนยันต์เซียนออกมาเต็มกำมือ ยันต์เซียนขยายออกและกระตุ้นวิชาเซียนพุ่งลงไปหาหวังหลิน

หวังหลินเหยียดยิ้มเขาเรียกใช้งานวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงและสร้างเป็นมือข้างหนึ่งโบกครั้งนึงก็ทำลายยันต์เซียนทั้งหมดบนอากาศจากนั้นสร้างมืออีกข้างหนึ่งจับลำแสงสีแดงลำแสงสีแดงกระจายหายไปและเผยร่างที่แท้จริงขึ้นหวังหลินตรวจสอบกระบี่เหินและพบว่ามันมีเศษสัมผัสวิญญาณข้างในเหมือนกับระเบิดของหลี่ชานเขาลบร่องรอยสัมผัสวิญญาณอย่างง่ายดายและใช้วิชาเซียนแรงโน้มถ่วงเข้าไปเพิ่มอีกนิดหน่อย

แกร๊ก!

กระบี่เหินแบ่งครึ่งเป็นสองส่วนและตกลงไปบนพื้น

สีหน้าของยางยี่เปลี่ยนไปและไออกมาเป็นเลือดคำโตเขาก้าวถอยหลังไม่กี่ก้าวและพูดขึ้น “วิชาเซียนโบราณของพี่หวังหัตถ์จับมังกรแข็งแกร่งยิ่งนั้น แต่ข้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!สิ่งที่ข้าแพ้ไม่ใช่ท่าน แต่เป็นวิชาเซียนโบราณของท่านต่างหาก!”

หวังหลินตกตะลึงแต่เขากลับยิ้มขึ้น “วิชาเซียนโบราณหัตถ์จับมังกรหรือ? นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อนี้!”

“ฮึ่ม ท่านอย่าปฏิเสธไปหน่อยเลยวิชาเซียนหัตถ์จับมังกรของท่านได้เห็นผ่านตาอาจารย์ลุงของข้าแล้ว!” ยางยี่เดินลงจากสนามประลองและเดินไปทางเหล่าศิษย์สำนักซวนต้าวทั้งหมดกลิ่นบนร่างเขาน่าสะอิดสะเอียนเหลือทน

ผู้อาวุโสโอวหยางใบหน้าแดงเล็กน้อยเขาไอและพูดอย่างเคร่งขรึม “หวังหลินวิชาเซียนที่เจ้าใช้มันคือหัตถ์สยบมังกรจริงๆวิชาเซียนพวกนี้เดาทางไม่ได้และมีอานุภาพมาก ข้าเพียงได้เห็นมันในตำราเก่าๆไม่เคยคิดว่าสำนักเหิงยั่วจะมีวิชาที่สูญหายไปเป็นพันปีเช่นนี้อานุภาพไม่น้อยกว่าสำนักเมื่อห้าร้อยปีก่อนเป็นแน่!”

เมื่อเขาพูดอยู่นั้นแม้แต่ตัวเองก็เริ่มจะเชื่อขึ้นมาแม้จะรู้ว่านั่นไม่ใช่หัตถ์สยบมังกร มันต้องเป็นวิชาเซียนโบราณแน่นอนไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีพลังรุนแรงขนาดนี้

หวังหลินตื่นตะลึง เขาแค่ฝึกวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงมากกว่ายี่สิบปีในมิติความฝัน ดังนั้นพลังมิอาจจะอ่อนแอได้

นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสิ่งสำคัญในการประลองครั้งนี้ที่ทำให้หวังหลินตกใจก็คือความแข็งแกร่งปัจจุบันของเขาเองซือถูหนานพูดกับหวังหลินว่าเขาอยู่ขั้นครึ่งก้าวขั้นย้ายวิญญาณหรือก็คือระดับ 14 ขั้นรวบรวมลมปราณในแคว้นจ้าวนี่หมายความว่าอีกเพียงก้าวเดียวเขาก็เข้าถึงระดับสูงสุดขั้นรวบรวมลมปราณแล้ว

ส่วนที่ว่าทำไมเขารู้สึกว่ายังอยู่ที่ระดับสามนั้นแม้แต่ซือถูหนานก็เดาไม่ถูกว่าเกิดผิดพลาดอะไรหวังหลินนำแต่เรื่องที่ศิษย์พี่จางพูดขึ้นเกี่ยวกับการละทางโลกแต่ก็พบกับคำดูถูกซือถูหนานบอกเขาว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้นนั่นเป็นเพียงข่าวลือที่กระจายในหมู่ศิษย์แคว้นฝึกเซียนขนาดเล็กเท่านั้นการฝึกเซียนคือการฝืนลิขิตฟ้า ต่อต้านสวรรค์เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่สำคัญอะไร

เขาได้พูดมาว่า ในแคว้นของซือถูหนานมีผู้ฝึกเซียนคนหนึ่งอยู่ในขั้นเซียนสร้างวิญญาณแต่ก็ไม่ได้ตัดสัมพันธ์กับครอบครัวตัวเองได้ดังนั้นเขาจึงได้พักที่บ้านและสนุกกับชีวิตครอบครัว ในตอนท้ายที่สุดเขายังเข้าถึงขั้นเซียนเปลี่ยนวิญญาณหลังจากผ่านไปไม่กี่ปี

การดำเนินชีวิตเช่นนั้นกลายเป็นความน่าเบื่อหลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนานนอกจากนั้น ช่วงชีวิตของผู้ฝึกเซียนจะกว้างกว่าชีวิตคนปกติดังนั้นถ้าเทียบกับคนธรรมดาดูเหมือนว่าผู้ฝึกเซียนจะไม่ได้ใส่ใจอะไรแบบนั้น

ในที่สุดซือถูหนานก็สรุปได้ว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเพราะว่าหวังหลินฝึกฝนในมิติของลูกปัดนานมากมันจึงไม่ได้เชื่อมกันระหว่างมิติความฝันและโลกความจริงดังนั้นขณะที่ความแข็งแกร่งของหวังหลินอยู่ที่ระดับ 14 แต่ร่างกายของเขายังแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ระดับ 3 เท่านั้น

หลังจากผ่านไปสักพัก การไม่ประสานกันแบบนี้ก็จะจบลง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่

ด้วยพลังขั้นรวบรวมลมปราณระดับ 14 และการฝึกวิชาแรงโน้มถ่วงอย่างหนักมากกว่ายี่สิบปีนี้ไม่สงสัยเลยว่าพลังที่ควรจะมีนั้นจะประหลาดใจแค่ไหน

ฮวงหลงหรี่ตาแคบลงและพูดกับหวังหลิน “หวังหลิน วิชาเซียนที่เจ้าใช้คือวิชาเซียนโบราณจริงๆหรือ?” ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาหาว่าชื่อวิชาเซียนที่ใช้คืออะไรแต่เขาแค่ต้องการทำให้สำนักซวนต้าวหน้าแตกเท่านั้น

หวังหลินส่ายหัวและยิ้ม “ท่านจ้าวสำนักวิชาเซียนที่ผู้น้อยใช้เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาแรงโน้มถ่วงส่วนวิชาหัตถ์สยบมังกรนั่น ศิษย์ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

ฮวงหลงแอบยกย่องหวังหลินว่าเป็นคนฉลาดเขามองไปยังสามผู้อาวุโสของสำนักซวนต้าวและหัวเราะ “สหายโอวหยางข้าบอกท่านได้ว่าวิชานี้ไม่ใช่หัตถ์สยบมังกรหรอกแต่วิชาพื้นฐานส่วนใหญ่ของสำนักเราก็คือวิชาแรงโน้มถ่วงศิษย์ของท่านไม่อาจต่อต้านวิชาพื้นฐานของสำนักเหิงยั่วได้ก็เท่านั้นและยังมีหน้ามาสร้างหัตถ์สยบมังกรเพื่อหลอกเด็กอีก”

ผู้อาวุโสโอวหยางอับอายอย่างมากแต่บนใบหน้าไม่อาจยกลงได้ เขาโต้ตอบ “สหายฮวงหลง ท่านอย่าปฏิเสธไปเลย ฮึ่ม!ข้าเห็นแล้วว่ามันคือหัตถ์สยบมังกร!”

ต้าวซิ่วส่งเสียงหัวเราะและพูดกับจ้าวสำนักฮวงหลง “ท่านจ้าวสำนัก ข้าก็คือว่าชื่อนี้ดีนักทำไมเราไม่เปลี่ยนชื่อวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงเป็นหัตถ์สยบมังกรไปเลยหล่ะ?”

สายตาของฮวงหลงเบิกกว้างและมองต้าวซิ่วอย่างยกย่อง “ดีมาก! จากวันนี้ไปสำนักเหิงยั่วของข้าจะเปลี่ยนชื่อวิชาแรงโน้มถ่วงเป็นหัตถ์สยบมังกรข้าขอบคุณสำนักเหิงยั่วมากสำหรับชื่อที่ดีเช่นนี้!”

ใบหน้าของโอวหยางและสองผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความปวดแสบปวดร้อน เขาส่ายหัวอย่างเงียบๆ

หวังหลินยืนบนลานประลองขบคิดว่าหลังจากการประลองสองครั้งล่าสุดเขาจึงมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับอ่อนแอเกินไปที่จะทดสอบพลังเต็มที่ของเขาแม้ว่าพลังปราณของเขาจะเทียบเท่ากับขั้นรวบรวมลมปราณระดับ 14 ก็ตามเขายังใช้วิชาเซียนน้อยเกินไปและมีเพียงแค่วิชาเซียนแรงโน้มถ่วงวิชาเดียวเท่านั้น

การที่จะทดสอบว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน จึงได้พูดขึ้นมา “เหล่าพี่น้องสำนักซวนต้าวทั้งหมดเข้ามาพร้อมกันเถอะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version