Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 569

Cover Renegade Immortal 1

569. ปฐมบทความโกลาหลในเมืองหลวง

ขณะที่เสียงม้ากระชั้นขึ้นมาจากถนนทหารเบื้องหน้า กลุ่มม้าศึกมากกว่าสิบคนพุ่งเข้ามา มีสองคนอยู่ด้านหน้ากลุ่มม้าศึก หนึ่งในนั้นสวมเสื้อเกราะสีฟ้า เส้นผมสีม่วงพริ้วไสวปลดปล่อยใบหน้าชั่วร้ายตามฉบับ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาจนให้ความรู้สึกราวกับปิศาจ!

ทว่าด้านขวาของใบหน้ากลับมีรอยแผลเป็นซึ่งทำลายภาพลักษณ์ของเขาโดยสิ้น

รัศมีงดงามหายไปและถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายรุนแรง!

มีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้าศึกใกล้ๆกับชายหน้าบาก เขามีใบหน้าผอมบางและซีดเผือดแต่ดวงตาส่องประกาย เมื่อเขาเห็นหวังหลินกำลังควบม้าศึก ดวงตาพลันเผยประกายแสงลึกลับ

คนทั้งสองกลุ่มไม่ได้ลดความเร็วลงเลยและมุ่งหน้าเข้าหากันและกัน ทั้งสองราวกับอสูรปิศาจดุร้ายสองตัวที่กำลังเข้าห้ำหั่น

ชายปิศาจที่มีรอยแผลจ้องกลับไปที่โม่ลี่ไฮ่ ในสายตาเขาไม่มีใครสำคัญไปกว่าโม่ลี่ไฮ่!

ในตอนนี้ดูเหมือนพื้นดินกำลังสั่นเทา สองฝั่งกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น!

ขณะที่ทั้งสองกำลังปะทะ โม่ลี่ไฮ่หัวเราะออกมาจากนั้นฝ่ามือขวากำหมัดและส่งกำปั้นออกไป กำปั้นเคลื่อนไหวราวกับสายลมคำรามที่สามารถพังทำลายทุกสิ่งและพุ่งตรงไปที่ชายปิศาจคนนั้น!

หลายคนสามารถได้ยินกำแพงเสียงกำลังแตกสลายก่อนที่กำปั้นจะได้เข้าใกล้ชายปิศาจ เจตนาอันแข็งแกร่งได้ปรากฏขึ้นภายในหมัดนี้!

ชายปิศาจไม่ได้เปลี่ยนท่าที เขายกแขนขวาใช้นิ้วชี้ออกไป จากนั้นชี้มาข้างหน้าด้วยนิ้วกลางอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเขาก็ทำแบบเดียวกันกับทั้งห้านิ้ว ปลายนิ้วทั้งห้าของเขารวมกันเป็นรูปทรงกรวยและชี้มาข้างหน้าด้วยกัน!

เสียงดังอู้อี้ดังออกมาจากทั้งสอง!

จากนั้นเกิดระลอกคลื่นกระจายออกมา ระลอกคลื่นกระจายออกมาเพียงสามสิบฟุตและเลือนหายไปที่ขอบถนนทหาร มันจึงไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารใด

ทั้งสองคนได้ควบคุมความแข็งแกร่งของตนได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อมั่นใจว่าคลื่นกระแทกจะเล็กที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ร่างชายปิศาจขยับออกมาพร้อมกับม้าศึกที่ขี่อยู่ร้องอย่างเจ็บปวดเพราะขาทั้งสี่ข้างของมันแตกหัก จากนั้นร่างของม้าก็ระเบิด ร่างชายปิศาจถอยไปสามก้าว แต่ละก้าวทำให้พื้นดินสั่นไหว!

เขาจ้องโม่ลี่ไฮ่และเอ่ยขึ้น “เจตนาหมัดสิบพินาศ!”

ร่างโม่ลี่ไฮ่สั่นสะท้านเช่นกันและเขาเริ่มถอยกลับขณะที่ม้ายังอยู่ดี สายตาหวังหลินส่องสว่างขณะที่ฝ่ามือขวาชูชึ้นมาชี้ไปที่โม่ลี่ไฮ่ พลังที่หวังหลินใช้กลับสลับซับซ้อนและสามารถสลายพลังที่เข้าสู่โม่ลี่ไฮ่ได้จำนวนมาก

โม่ลี่ไฮ่สูดหายใจลึกทำร่างกายให้ตั้งมั่น จากนั้นลงจากหลังม้าและเผชิญหน้ากับทั้งสองคนอย่างมุ่งมั่น!

โม่ลี่ไฮยิ้ม “หกดัชนีกระบี่ปิศาจมีดีเพียงแค่นี้เท่านั้น!”

ชายปิศาจเลื่อนสายตาจากโม่ลี่ไฮ่มามองหวังหลิน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าคนต่างแดนชื่ออะไร?!”

หวังหลินมองเขาและไม่ได้กล่าวคำใด

ชายปิศาจขมวดคิ้ว ตอนนี้คนผอมบางข้างๆพลันเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เขาชื่อหวังหลิน!”

โม่ลี่ไฮ่สายตาหรี่แคบขณะมองหวังหลินและชายร่างผอม

ชายท่าทางชั่วร้ายเอ่ยถาม “โอ้? เจ้ารู้จักกันหรือ?”

ชายร่างผอมมองหวังหลินและค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “เขาคือศิษย์น้องของข้า!”

“ไม่เจอกันนานพี่ซุนต้าว ดูเหมือนว่าท่านต้องปิดด่านฝึกตนไปหลายปีเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บสาหัส!” หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งจนไม่อาจรู้ได้แน่ชัดว่ามีความสุขหรือกำลังโกรธ ตอนที่เขาเห็นซุนต้าว หวังหลินสังเกตได้ทันทีว่าซุนต้าวได้รับบาดเจ็บและอาการบาดเจ็บนั้นมีผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิม แม้จะถูกระงับเอาไว้แต่ระดับบ่มเพาะของซุนต้าวก็ตกจากขั้นเทวะระดับกลางมาที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด!

ซุนต้าวมองหวังหลินอย่างระมัดระวังและจากนั้นอาการตกใจก็ค่อยๆสงบนิ่งลง ตอนที่เขาเห็นหวังหลินครั้งแรกได้ค้นพบว่าระดับบ่มเพาะของหวังหลินกระโดดขึ้นมาสองก้าวจากระดับกลางมาถึงระดับปลายสูงสุด

ซุนต้าวเอ่ยขึ้น “น้องหวังดูเหมือนเจ้าจะเจอโชคดี! แต่เจ้าต้องระวังคนจากสำนักกระบี่ต้าหลัวในเมืองปิศาจฟ้าเอาไว้ ข้าบาดเจ็บก็เพราะพวกมัน!” น้ำเสียงแฝงความโกรธเกรี้ยว แต่ความโกรธเกรี้ยวนี้ไม่ได้ตรงไปที่หวังหลินแต่เป็นสำนักกระบี่ต้าหลัว

หวังหลินครุ่นคิดก่อนจะตบกระเป๋าและนำขวดยาออกมา แม้เม็ดยาเหล่านี้จะไม่ได้ช่วยซุนต้าวมากนัก การกระทำของหวังหลินก็เต็มไปด้วยความหวังดี เขาโยนขวดยาให้ซุนต้าวและขี่ม้าศึกตรงออกไปโดยไม่ได้กล่าวคำใดอื่น

โม่ลี่ไฮ่มองทั้งสองคนอย่างสนใจก่อนจะนำหน้าคนรอบๆและไล่ตามทันหวังหลิน

ชายใบหน้าชั่วร้ายมองด้านหลังโม่ลี่ไฮ่กับพรรคพวกพร้อมกับถามขึ้น “เขาเป็นอย่างไร?”

ซุนต้าวเก็บเม็ดยาจากนั้นครุ่นคิดเล็กน้อย “หากข้าไม่บาดเจ็บ ข้าก็สามารถฆ่าเขาได้!”

“อย่าประเมินเขาต่ำไป โม่ลี่ไฮ่มีวิชาทรงพลังทั้งหมดสามวิชา! วิชาแรกคือเจตจำนงหมัดสิบพินาศ วิชาที่สองคือร้อยคลื่นทะเลปิศาจ และวิชาที่สามเป็นสิ่งที่จักรพรรดิปิศาจยังสอนเขาเป็นการส่วนตัว มันจึงทรงพลังมาก!” ชายใบหน้าชั่วร้ายถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “หากเจ้าไม่บาดเจ็บ ข้ามั่นใจว่าจะชนะในการแข่งขันครั้งนี้แน่!”

ซุนต้าวขบคิดเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานก็เอ่ยขึ้นมา “หากข้าได้วัตถุดิบเพียงพอ ข้าสามารถปลอมเม็ดยาสวรรค์เมฆาที่สามารถฟื้นฟูระดับบ่มเพาะให้ถึงขั้นเทวะระดับต้นได้ในช่วงเวลาอันสั้น!”

ชายใบหน้าชั่วร้ายพยักหน้าและเอ่ยตอบ “ไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบ ข้าส่งคนไปรวบรวมมาแล้ว!” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ “ศิษย์น้องของเจ้าเป็นอย่างไร?”

ซุนต้าวเผยใบหน้าอันซับซ้อนก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งมาก! แม้แต่ตอนที่ระดับเขายังเป็นระดับกลางก็อย่าไปยั่วยุเขาจะดีกว่า!”

สายตาชายท่าทางชั่วร้ายพลันหรี่แคบลง เขาติดต่อกับซุนต้าวมานานและนี่เป็นครั้งแรกที่ซุนต้าวได้ประเมินคนอื่นไว้แบบนี้!

บนถนนทหาร โม่ลี่ไฮ่มองหวังหลินและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณน้องหวังสำหรับการช่วยเหลือเมื่อครู่ ไม่เช่นนั้นม้าศึกของข้าต้องกลายเป็นกองเลือดไปด้วย”

หวังหลินส่ายศีรษะ “นั่นมันแค่เรื่องเล็กน้อย พี่โม่ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”

โม่ลี่ไฮ่เอ่ยขึ้น “คนผู้นั้นชื่อฉีเจี้ยน(石箭 Shí jiàn) พลังวิชาของเขาคือหกดัชนีกระบี่ปิศาจที่มิอาจคาดเดาได้! ด้วยการช่วยเหลือของศิษย์พี่เจ้า เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามหลักของข้าครั้งนี้!”

ทั้งหมดเคลื่อนไปตามถนนทหารและเมื่อผ่านไปเวลาหนึ่งก้านธูปก็มาถึงหน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ใหญ่แต่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาและแม่น้ำของปลอมมันก็ยังดูสวยวาม

หวังหลินอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งทางใต้ฝั่งตรงข้ามกับภูเขา

โม่ลี่ไฮ่จัดแจงคนรับใช้สองคนให้กับหวังหลินก่อนจะขอตัวไปพบจักรพรรดิปิศาจ เขาสนทนากับหวังหลินก่อนจะจากไปและตกลงว่าจะมาดื่มด้วยกันเมื่อกลับมา

หวังหลินนั่งสมาธิในห้อง นอกจากการช่วยโม่ลี่ไฮ่แล้วเป้าหมายอีกอย่างระหว่างการเดินทางมาเมืองหลวงก็คือการได้รับตำแหน่งแม่ทัพปิศาจ ที่นี่เป็นเมืองหลวงของแคว้นปิศาจฟ้า ดังนั้นจึงมีผู้เก่งกาจมากมายราวกับก้อนเมฆ มีเพียงการทำให้ตัวเองโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นๆเท่านั้นจึงจะทำให้เขาได้รับตำแหน่งแม่ทัพปิศาจโดยง่าย

“แม้กระทั่งซุนต้าวที่มีระดับบ่มเพาะขั้นเทวะระดับปลายยังได้รับบาดเจ็บจนต้องลดระดับมาที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด เขาบอกว่ามันมาจากคนของสำนักกระบี่ต้าหลัว สำนักกระบี่ต้าหลัวเข้ามาที่นี่มากกว่าสิบคนและไม่มีทางที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เว้นแต่จะรวมกลุ่มหลายคนมารุมซุนต้าว…”

หลังคิดอยู่นานหวังหลินจึงสูดหายใจยาว เหตุผลที่เขาให้เม็ดยากับซุนต้าวไปก็เพื่อส่งแสดงความหวังดี แม้จะมีสถานะแตกต่างกันตอนที่อยู่ที่นี่แต่ทั้งคู่ก็มาจากสำนักเดียวกัน เมื่อเผชิญกับการคุกคามของสำนักกระบี่ต้าหลัว พวกเขาไม่อาจมาสู้กันได้

หลังคิดเป็นเวลาพักใหญ่ หวังหลินหลับตาและเริ่มฝึกฝน

โม่ลี่ไฮ่กลับมาในเวลาใกล้ค่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความสุข เขาสนทนากับหวังหลินด้วยเหล้าและพูดคุยเรื่องวิชาหลายอย่าง โม่ลี่ไฮ่ทั้งยังเล่าให้หวังหลินฟังเรื่องวิชาของแม่ทัพปิศาจคนอื่นๆหลายคน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงกระพริบตาหวังหลินก็อยู่ในคฤหาสน์ของโม่ลี่ไฮ่มาสี่วันแล้ว หวังหลินใช้เวลาทั้งหมดในการเปลี่ยนปราณปิศาจให้กลายเป็นปราณสวรรค์เพื่อทำให้รากฐานเขาเสถียรมากขึ้นกว่าเดิม

หวังหลินไม่ได้ถามว่าการต่อสู้ระหว่างแม่ทัพปิศาจะเริ่มเมื่อไหร่ เขาเข้าใจว่าเมื่อไหร่ที่โม่ลี่ไฮ่ต้องการจะมาถามเขาเอง ดังนั้นหวังหลินจึงไม่ได้รีบเร่ง นอกจากการฝึกฝนแล้วหวังหลินยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการครุ่นคิด สิ่งที่เขาคิดนั้นเกี่ยวกับศาสตร์สังหารเทพ หลังจากเข่นฆ่าในเมืองปิศาจโบราณ ระดับความเข้าใจในศาสตร์สังหารเทพก็ยิ่งล้ำลึกขึ้น

หวังหลินยังใช้เวลาสามเดือนที่เผ่าหลอมวิญญาณในการขบคิดเช่นนี้ ตอนที่เขาไม่ได้ฝึกฝนจะใช้เวลาที่เหลือไปกับการขบคิดเรื่องศาสตร์สังหารเทพ

สำหรับเขาแล้วการเปลี่ยนสถานที่ไม่ได้มีผลอะไรต่อจิตใจเลย

ความสงบนิ่งของหวังหลินทำให้คนรับใช้ทั้งสองคนสนในใจตัวหวังหลิน และค่อยๆเริ่มชื่นชม ในสายตาคนรับใช้ คนที่มีระดับบ่มเพาะเช่นหวังหลินนั้นกลับฝึกฝนอย่างหนัก เขาจะได้กลายเป็นแม่ทัพปิศาจในอนาคตแน่นอน

โม่ลี่ไฮ่ยุ่งวุ่นวายตลอดช่วงเวลานี้ เขาออกไปในยามเช้าแทบทุกวันและกลับมาในยามสาย เขาออกไปพบผู้บัญชาการสูงสุดและรองผู้บัญชาการสูงสุดตลอดจนสหายแม่ทัพปิศาจคนอื่นๆเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล

เขารู้สึกได้ว่าทั้งเมืองปิศาจฟ้าเสมือนกับชนวนระเบิดที่จะระเบิดตอนที่เริ่มการประลองระหว่างแม่ทัพปิศาจ!

หวังหลินพำนักอยู่ในคฤหาสน์แม่ทัพโม่อยู่สี่วัน หลังจากนั้นเขาก็หยุดการฝึกฝน นั่งอยู่ในลานกว้างและขยับแขนอย่างรวดเร็วสร้างผนึกขึ้นมา ผนึกแต่ละชิ้นบรรจุพลังอำนาจของศาสตร์สังหารเทพเอาไว้

หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่เป็นเวลาเจ็ดวัน!

ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น สองคนรับใช้มองหวังหลินห่างๆอย่างสงบนิ่ง แต่ในไม่ช้าทั้งสองก็เริ่มสัมผัสถึงจิตสังหารแข็งแกร่งอันบ้าคลั่งออกมาจากในใจ จิตใจแต่ละคนสั่นเทารุนแรงและสายตาแดงฉานเปิดเผยจิตสังหารอันแข็งแกร่ง สติของพวกเขาได้เลือนหายไปแล้ว

เมื่อจิตสังหารพุ่งขึ้นถึงขีดสุดและทั้งสองคนแทบระเบิดออกมา หวังหลินลืมตาขึ้นทันที สายตาเต็มไปด้วยความกระจ่างชัด

เมื่อทั้งสองคนเห็นสายตาหวังหลิน ราวกับถูกน้ำเย็นเทราดเข้าใส่บนศีรษะและพวกเขาก็ได้สติขึ้นมา แม้ว่าจะเงียบขรึมขึ้นแต่พลังบ่มเพาะจำนวนมากในร่างกายเลือนหายไป ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่กล้าเฝ้าดูหวังหลินฝึกฝนอีกเลย

“ศาสตร์สังหารเทพใช้หนทางแห่งการเข่นฆ่าเพื่อสร้างผนึกแห่งชีวิต จำนวนชีวิตที่ข้าได้มาไม่ใช่น้อยๆแต่ก็ยังไม่มาพอสำหรับกลิ่นอายสังหารนี้…มันต้องมีเหตุผลบางอย่าง!” หวังหลินครุ่นคิดอย่างละเอียดละออพร้อมกับรื้อฟื้นตอนที่เขาใช้ศาสตร์สังหารเทพได้สำเร็จทุกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version