Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 589

Cover Renegade Immortal 1

589. เดิมพัน 2

เสียงครั้งที่เจ็ดนี้แตกต่างอย่างมากจากหกครั้งแรก ดูเหมือนจะมีจิตสังหารซุกซ่อนไว้ในส่วนลึกภายใน ใบหน้าสงบนิ่งของโม่เฟยเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรกและเขาถอยกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่มีอาการลังเล

ขณะที่ถอยกลับ เกราะบนร่างระเบิดออกเป็นเถ้าถ่านและเลือนหายไป ใบหน้าโม่เฟยค่อนข้างซีดแต่เขาหยุดร่างตัวเองไว้ ส่งเสียงคำรามและพุ่งออกไปอีกครั้ง คราวนี้ฝ่ามือสร้างผนึก พลังหลายเส้นสายออกมาจากร่างกายก่อเป็นรูปกระจกผลึกหมุนเป็นวงกลมล้อมรอบตัว

เขาตีกลองด้วยนิ้วมือและเสียงกลองปิศาจดังขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่แปดแล้ว!

แม้กระนั้นเกิดการสะท้อนรุนแรงเข้าใส่โม่เฟยทำให้กระจกผลึกทั้งหมดที่ล้อมรอบร่างเขาแตกกระจายโดยสิ้น พลังสะท้อนพุ่งผ่านกระจกเข้ามาแต่เมื่อกระทบบนร่างโม่เฟยมันยังทำให้เขาล่าถอยไปมากกว่าพันฟุตก่อนจะตั้งมั่นตัวเองได้

หมวกเกราะแตกกระจายไม่เหลือซาก เผยใบหน้าอันหล่อเหลา

ดวงตาหวังหลินหรี่แคบในทันทีที่จ้องสายตาโม่เฟย แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยแสงอันลี้ลับ

“ลักษณะแบบนี้…”

หวังหลินนึกออกทันทีเพียงแค่ชำเลืองมองคนผู้นี้ซึ่งแทบจะเป็นคนเดียวกันกับชายผมดำในส่วนลึกของคุกเมืองฮ่อง

ร่างโม่เฟยสั่นเทา เขาฝืนกลืนโลหิตที่ขึ้นมาถึงลำคอ จากนั้นสูดหายใจลึกก่อนจะหันกลับมาเดินไปทางแม่ทัพปิศาจ

เสียงเชียร์ดังสนั่นออกมาจากลานประลอง เสียงดังรุนแรงนี้บดบังรัศมีทุกสิ่งทุกอย่าง

“โม่เฟย อันดับหนึ่งในหมู่แม่ทัพปิศาจ!”

“เขาถึงกับลั่นกลองได้แปดครั้ง โม่เฟยเป็นหมายเลขหนึ่งใต้หัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดโดยแท้!”

“ครั้งนี้โม่เฟยจะกลายเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุดแน่นอน! เขามีกองกำลังทหารจำนวนมากและเมื่อกลายเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุด เขาจะบรรลุความสำเร็จให้กับแคว้นปิศาจฟ้าของเราแน่นอน!”

หัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดสวรรค์ยังคงสงบนิ่งและไม่แสดงร่องรอยแห่งการประทับใจ ขณะที่หัวหน้าอีกเจ็ดคนทั้งหมดเผยใบหน้าชื่นชมพรสวรรค์ของโม่เฟย

“เด็กคนนี้สามารถลั่นกลองได้ถึงแปดครั้ง เขาถือได้ว่าอัจฉริยะในหมู่อัฉริยะ เยี่ยมมาก!”

“ใช่แล้ว จากการสังเกตการณ์ของข้า เด็กคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ หากเขาพยายามจริงอาจจะทำได้ถึงเก้าครั้ง!”

“มีเล่ห์เหลี่ยมตั้งแต่อายุน้อยเช่นนี้นับว่าหายากยิ่ง!”

รองหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดต่างพูดคุยกันและกัน รองหัวหน้าเหลืองยิ้มให้กับรองหัวหน้าซวนและเอ่ยขึ้น “ท่านยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีกหรือ?”

รองหัวหน้าซวนพ่นลมหายใจและเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “โม่เฟยคนนี้แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก! ข้ายังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ตอนที่อายุเท่าเขา! กล่าวได้ว่าเมื่อเขาผ่านการชำระที่ทะเลสาบมังกร เขาจะยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าข้าอีก!”

“แต่เปรียบเทียบคนที่ข้าเลือกไว้ โม่เฟยยังไม่เพียงพอ!”

รองผู้บัญชาการเหลืองเดิมทีไม่ได้สนใจอะไรเรื่องการเดิมพันนี้มากอยู่แต่เมื่อเห็นว่ารองผู้บัญชาการซวนผู้มีความแข็งแกร่งเท่ากับได้ยกย่องคนผู้นี้อย่างประหลาด เขากลับมีความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การยกย่องอีกต่อไปแต่แทบจะได้ยินความหวาดกลัวในน้ำเสียงของรองผู้บัญชาการซวน

จึงอดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจอย่างขีดสุด

รองผู้บัญชาการเหลืองยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “ก็ดี งั้นข้าก็อยากเห็นเหลือเกินว่าคนที่ท่านเลือกไว้จะลั่นกลองได้อีกครั้ง!”

รองผู้บัญชาการซวนครุ่นคิดพร้อมกับมองหวังหลินด้วยใบหน้าซับซ้อน เขาคิดเข้าข้างตัวเอง ‘โม่เฟยแค่แข็งแกร่ง แต่หวังหลินคนนี้สิน่าหวาดกลัว!’

‘เจ้าจะเทียบความแข็งแกร่งกับความหวาดกลัวได้หรือ?’

ชายเกราะทองมองดูโม่เฟยเดินกลับเข้าไปในกลุ่มแม่ทัพปิศาจ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมในพรสวรรค์ของโม่เฟย เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มขึ้นมา “ผู้ช่วยของแม่ทัพโม่เฟย ออกมา!”

เซียนชุดเขียวพร้อมดาบยักษ์ด้านหลังเดินออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นกระบี่ตอนที่ยืนตรงอยู่ที่นี่ ขณะที่ก้าวเดินเขาเปลี่ยนเป็นควันสีเขียวและพุ่งเข้าใส่กลองปศาจ

ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ไปที่ความว่างเปล่าทำให้กลองส่งเสียงหนึ่งครั้ง จากนั้นท่อนแขนเปลี่ยนเป็นฝ่ามือร่ายวิชาอันซับซ้อนกระแทกไปข้างหน้า ทำให้กลองส่งเสียงอีกครา

พลังสะท้อนกลับรุนแรงทำให้ใบหน้าซีดเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้ถอยกลับ ทว่ามือจับกระบี่ด้านหลังและตวัดเข้าใส่แทน ปราณกระบี่ตัดผ่านแรงสะท้อนกลับทำให้กลองเกิดเสียงอีกครั้ง

หลังลั่นเสียงกลองครั้งที่สาม ใบหน้าเซียนผู้นั้นซีดเผือดอย่างยิ่งจากพลังรุนแรง ทุกครั้งที่เขาตีกลองจะเกิดพลังสะท้อนกลับรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนหลาเยเท่าตัว เขายิ้มเกรี้ยวกราดก่อนจะถอยกลับโดยไม่ลังเลและไม่พยายามตีมันอีก

“ด้วยระดับบ่มเพาะของข้า สามครั้งเป็นเรื่องง่ายดาย หากข้าทุ่มสุดตัวอาจได้ถึงครั้งที่สี่ หากข้าพยายามไปถึงครั้งที่ห้า ข้าอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ชัยชนะของโม่เฟยถูกตั้งไว้แล้วมันคงไม่คุ่มค่าจริงๆที่ข้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเขา!” เซียนชุดเขียวขบคิดเล็กน้อยและเดินกลับเข้าไปในกลุ่มคน

สิบเอ็ดครั้ง!

โม่เฟยและผู้ช่วยสามารถลั่นกลองได้ทั้งหมดถึงสิบเอ็ดครั้ง! ผลเช่นนี้ทำให้สีหน้าของแม่ทัพปิศาจจำนวนมากมืดมน เพื่อเอาชนะคะแนนนี้ แม่ทัพปิศาจและผู้ช่วยจะต้องลั่นกลองคนละหกครั้ง!

อย่างไรก็ตามนี่มันแทบจะกลายเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ ท่ามกลางแม่ทัพปิศาจทั้งหมดมีเพียงคนเดียวคือโม่เฟยเท่านั้น!

แม้แต่ใบหน้าโม่ลี่ไฮ่ยังซีดเผือดที่สุด เขามองกลองปิศาจอย่างขมขื่นจากนั้นหันไปมองหวังหลินด้วยใบหน้ามืดมน พลางถอนหายใจและกระซิบ “น้องหวัง ช่างเถอะ เพราะแพ้รอบนี้แล้ว!”

อีกคนหนึ่งท่ามกลางแม่ทัพปิศาจ ฉีเจี้ยนใบหน้ามืดดำจ้องกลองปิศาจและเอ่ยถาม “เฉินต้าว เจ้าสามารถลั่นเสียงกลองได้กี่ครั้ง?”

เฉินต้าวครุ่นคิดเล้กน้อย “หากข้ามีความแข็งแกร่งเต็มที่ ข้าสามารถลั่นเสียงกลองได้มากกว่าสิบครั้ง ”

“แต่ว่าตอนนี้…ด้วยผลของยา ข้าสามารถลั่นเสียงมันได้เจ็ดครั้งเท่านั้นซึ่งไม่ได้มากกว่าโม่เฟย! โม่เฟยคนนี้แข็งแกร่งจริง ในโลกแห่งเซียนเขาถือว่าเป็นอันดับหนึ่งใต้ขั้นเทวะ! แม้กระทั่งพวกเซียนเทวะยังต้องเป็นระดับกลางถึงเทียบกับเขาได้!”

ฉีเจี้ยนมองโม่เฟยพร้อมกับเผยจิตสังหาร โม่เฟยหลับตาฝึกฝนหลังจากกลับมาและพ่นลมหายใจเย็น

นอกจากพวกเขาแล้วยังมีอีกหลายคนท่ามกลางแม่ทัพปิศาจที่กำลังคำนวณจำนวนครั้งที่สามารถเอาชนะได้และเพิ่มหาโอกาสในการเข้าสู่สิบอันดับแรก!

ชายเกราะทองมองไปยังฝูงชนอย่างเยือกเย้น พร้อมกับชี้ไปที่หวังหลินด้วยสายตาประชดประชัน “เจ้า ออกมา!”

หวังหลินมาถึงด้านบนลานประลองด้วยท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาดุจประกายสายฟ้ามองชายเกราะทอง “ข้าไม่ได้ชื่อ ‘เจ้า’ ชื่อของข้าคือหวังหลิน!”

ชายเกราะทองไม่ได้ซ่อนจิตสังหารในแววตาและเอ่ยขึ้นมา “หวังหลิน เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าไหม!?”

หวังหลินเอ่ย “พูดมา!”

“ข้าเดิมพันว่าเจ้าไม่สามารถลั่นกลองได้ถึงห้าครั้ง! หากเจ้าทำได้ข้าจะแนะนำเจ้าเป็นการส่วนตัวให้กับจักรพรรดิปิศาจและรับรองว่าอย่างน้อยเจ้าจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพปิศาจ แต่หากเจ้าแพ้เจ้าจะต้องรับผิดชอบการบาดเจ็บที่ทำไว้กับแม่ทัพปิศาจ! หากเจ้าไม่กล้าเดิมพันก็จงออกไปจากเวทีนี้และไสหัวไปจากเมืองปิศาจฟ้า! ข้าไม่ต้อนรับเจ้า!” หลังชายเกราะทองกล่าวจบ เสียงพูดคุยดังระงมไปทั่ว!

“ลั่นกลองถึงห้าครั้ง? แม้ว่าคนต่างถิ่นผู้นี้จะเอาชนะโอวตี้ได้ แต่การลั่นกลองเป็นการทดสอบของจริง! อย่างมากข้าคิดว่าเขาสามารถลั่นเสียงกลองได้สามครั้งก็ถือว่าดีมากแล้ว โอวตี้อย่างมากคงได้แค่ครั้งเดียว!”

“โอวตี้ถือได้ว่าเป็นแม่ทัพปิศาจระดับกลางเท่านั้น ฉีเจี้ยน โม่เฟย หยู่เสินและคนอื่นๆอีกหลายคนสามารถเอาชนะเขาได้ง่ายๆ หวังหลินเอาชนะโอวตี้ได้ไม่ได้มีความหมายอะไร”

“หัวหน้าทองกำลังสนใจเดิมพันกับคนต่างถิ่นคนนี้”

รองผู้บัญชาการเหลืองยิ้มให้กับรองผู้บัญชาการซวน “คนที่ท่านเลือกไว้ดูเหมือนจะเจอโชคร้าย”

รองผู้บัญชาการซวนมองหวังหลินก่อนจะพ่นลมหายใจและเอ่ยออกมา “หัวหน้าทองจะเจอเรื่องประหลาดใจใหญ่หลวงแน่!”

หวังหลินมองชายเกราะทองและค่อยๆเผยรอยยิ้มบาง ทว่าเมื่อรอยยิ้มนี้ถูกรองผู้บัญชาการซวนมองเห็น เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือก!

รองผู้บัญชาการซวนกัดฟันแน่นและคิดขึ้น ‘เขายิ้มแบบนี้เหมือนตอนที่โจมตีข้าเมื่อตอนนั้น!’

หวังหลินยิ้มบาง “ข้าไม่จำเป็นต้องให้ท่านแนะนำข้าต่อจักรพรรดิปิศาจ…”

ชายเกราะทองเผยท่าทางดูถูก “เจ้าไม่กล้าเดิมพันหรือ?!”

เสียงของหวังหลินดุจสายลมเย็นจากขุมนรกชั้นที่เก้า “ข้าต้องการแขนท่านหนึ่งข้าง!”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตื่นตกใจ ขณะนั้นหวังหลินก้าวเข้าหากลองปิศาจทันที!

ชายเกราะทองเผยดวงตาแฝงจิตสังหารและยิ้มขึ้น “หากเจ้าสามารถลั่นกลองได้มากกว่าห้าครั้ง ข้าจะยกแขนให้เจ้าข้างนึง บัดซบ หากเจ้าสามารถลั่นกลองได้ถึงสิบครั้ง ข้าจะให้แขนเจ้าสองข้าง ไม่มีปัญหา!”

“หวังหลินคนนี้ช่างหยิ่งยโสเหลือเกิน ข้ากลัวว่าเขาประเมินตนเองสูงไป กลองนี้จะลั่นเสียงได้ง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร?”

“เมื่อเขาได้พบการย้อนกลับจากกลองปิศาจ เขาจะรู้เองว่าตัวเองคิดผิด!”

“นี่มันโชคร้ายสำหรับโม่ลี่ไฮ่เสียแล้ว ข้ากลัวว่าเพราะเขาคนนี้จะไม่มีหน้าไปเจอใครอีกสามร้อยปี”

หวังหลินก้าวเดินเข้าหากลองปิศาจด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาเดินนิ่งมากและหยุดลงเบื้องหน้ากลองปิศาจ เขาไม่ได้พยายามเอาชนะกลองจากระยะไกลเพื่อลดแรงตีกลับ

หลังจากมาถึงด้านล่างกลองปิศาจตรงๆ หวังหลินลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ มองไปที่กลองปิศาจยักษ์ ราวกับเขาสามารถสัมผัสกลิ่นคาวจางๆจากมันได้

ผิวหน้าของกลองนี้ไม่ได้เรียบเหมือนกระจกแต่กลับมีจุดเว้าและเส้นบอบบางหลายจุดเสมือนกับมีชิ้นส่วนอสูรซ่อนไว้ข้างใน!

“หนังของปิศาจโบราณ…” หวังหลินเอื้อมมือออกไปสัมผัสกลองปิศาจ เมื่อเขาสัมผัสมันจึงรู้สึกถึงคลื่นผลักกำลังดันกลับมา

ดวงตาหวังหลินหรี่แคบลง ผนึกพลังชีวิตทั้งหมดรวบรวมบนร่างกายล้อมรอบเขามากกว่าสามพันผนึก

“เดิมพันที่ข้าสามารถตีกลองได้มากกว่าห้าครั้ง…” หวังหลินสัมผัสกระเป๋าและนำเหล้าออกมาหนึ่งไห ไหเหล้านี้เต็มไปด้วยเหล้าอยู่เต็ม หวังหลินคว้ามันด้วยมือซ้ายและดื่มไปอีกใหญ่ จากนั้นยิ้มขึ้น “ท่านเกราะทอง จงดูให้เต็มตา!”

ฝ่ามือขวาหวังหลินสร้างผนึกขึ้นมาและชกเข้าใส่กลองปิศาจ!

ตึงงงงง! เสียงกลองดังก้องสะท้อนไปทั้งสนามประลองและพุ่งขึ้นฟ้าดุจสายฟ้าฟาด ร่างหวังหลินไม่ได้ขยับไปไหนเลยสักนิ้วพร้อมกับถอนสามนิ้วแรกออกมา และหลังจากนั้นเขาชกอีกครั้ง หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง!

ตึงงงงง! ตึงงงงง! ตึงงงงง! ตึงงงงง!

สี่ครั้งในคราเดียว!

เสียงกลองสี่ครั้งออกมาในเวลาเดียวกันไล่ทันเสียงแรกและรวมเข้าด้วยกันอย่างเงียบๆ มันก่อเกิดเป็นพายุเสียงที่กระจายไปเป็นวงกว้างโดยมีกลองปิศาจเป็นจุดศูนย์กลาง

สนามประลองเริ่มแตกกระจายทีละนิ้วราวกับมีมังกรดินตัวยักษ์กำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างใต้ กลางท้องฟ้าก่อเกิดสายฟ้าจากเสียงกลองที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ผู้คนนับไม่ถ้วนในสนามกระอักโลหิตออกมาพร้อมกับอวัยวะภายในได้รับความเสียหายตรงๆจากเสียงกลองห้าครั้งรวด!

มีหลายคนที่สลบไปโดยไม่รู้ตัวจากเสียงกลองนี้!

นอกจากหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดสวรรค์แล้ว เหล่าหัวหน้าผู้บัญชาการที่เหลือเจ็ดคนต่างยืนขึ้นและไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น ใบหน้าชายเกราะทองบนสนามประลองได้เปลี่ยนไปมหาศาล!

เสียงกลองดังสนั่นห้าครั้งไม่ได้เป็นตื่นตะลึงมากเท่าไหร่ ที่ทำให้ทุกคนตกใจจริงๆก็คือร่างหวังหลินไม่ขยับจากตรงนั้นเลยสักนิ้ว!

รองผู้บัญชาการเหลืองร้องตะโกน “นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version