Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 591

Cover Renegade Immortal 1

591. หัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์เคลื่อนไหว

“ทว่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะตัดแขนข้าไป!” ชายเกราะทองสูดหายใจลึกก่อนจะมองหวังหลินและส่ายศีรษะ “หากเจ้าสามารถลั่นเสียงกลองได้สิบห้าครั้ง ข้าสาบานต่อปิศาจฟ้าว่าข้าจะตัดแขนตัวเองให้เจ้า!”

“หากเจ้าทำไม่ได้ก็จงหุบปากซะ! หากเจ้ายังส่งเสียงหนวกหูต่อไป อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!” ชายเกราะทองพ่นลมหายใจเย้น

หวังหลินมองชายเกราะทองด้วยสายตาเย้นชา ระดับบ่มเพาะของชายผู้นี้สูงมาก ตอนที่หวังหลินทนรับหอกทองนั้นเขาสามารถบอกได้ว่าระดับบ่มเพาะของชายเกราะทองอยู่ที่ขั้นเทวะระดับกลางสูงสุด ห่างจากระดับปลายเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น!

แม้ว่าระดับบ่มเพาะของเขาจะเหนือกว่ารองผู้บัญชาการซวนอยู่หนึ่งระดับ สำหรับหวังหลินแล้วระดับบนี้เป็นช่องว่างที่กว้างใหญ่มาก!

นี่เป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือวิชาที่ชายเกราะทองฝึกฝนถือได้ว่าโหดเหี้ยมอย่างที่สุด ตอนที่หวังหลินทนรับหอกอาทิตย์ เขารับรู้ถึงพลังลึกลับสายหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้น วิชาของชายเกราะทองคล้ายคลึงกับเพลิงหยาง ด้วยวิชานี้รวมกับระดับบ่มเพาะของเขาได้ทำให้เขาสามารถต้านทานเหล่ายอดเซียนขั้นเทวะระดับกลางได้ เขากระทั่งแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสู้เซียนขั้นเทวะระดับปลายโดยเฉลี่ยได้แน่!

คงยากอย่างยิ่งที่จะเอาชนะเขา เว้นแต่จะพบเซียนขั้นเทวะที่สุดยอด!

แน่นอนว่าการต่อสู้กับเขาในตอนกลางวันและกลางคืนมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงด้วยเช่นเดียวกัน! หากเป็นยามกลางวัน หวังหลินจะพ่ายแพ้โดยไม่มีข้อสงสัย! แต่หากหวังหลินต่อสู้กับเขาในเวลากลางคืนและอยู่ในสถานที่ที่มีพลังหยินแข็งแกร่ง มันก็คงง่ายดายขึ้น

หวังหลินถอนสายตาและไม่ก่อกวนชายเกราะทองอีก จากนั้นจรดสายตาลงบนเกราะปิศาจแทน หวังหลินลั่นเสียงไปแล้วแปดครั้ง แรงสะท้อนจากครั้งที่แปดได้ทะลวงผ่านผนึกชีวิตเกือบสามพันชั้น

“แม้ว่าโม่ลี่ไฮ่ไม่สามารถเข้ามาได้ ข้าได้ลั่นเสียงกลองไปแล้วแปดครั้ง อย่างมากข้าก็แค่ลั่นเสียงมันอีกครั้งเพื่อเข้าสู่สิบอันดับแรกและไม่ทำต่อไป หากข้าทำต่อและได้รับบาดเจ็บมันจะไม่คุ้มกัน…”

“แต่ตอนที่ข้าลั่นเสียงกลองปิศาจ มันก่อกวนจิตใจข้า เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ข้าฟังเสียงพิณที่ข้างแม่น้ำ…หรือว่าเสียงกลองนี้ช่วยเต๋าของข้าเช่นกัน…”

“เสียงกลองไม่ได้ไปตามเต๋าของข้าแต่การสะท้อนของกลองเป็นรูปแบบของการต่อต้าน พลังที่ข้าใช้ลั่นเสียงกลองเป็นการทำตามความต้องการฟ้าดิน แต่การสะท้อนกลับเป็นการฝืนสวรรค์!”

“การชักนำและฝืนกันได้ก่อให้เกิดการโคจรสวรรค์อย่างลึกลับ…” ดวงตาหวังหลินเผยประกายแสงลี้ลับขณะที่จ้องมองกลองปิศาจ ชั่วขณะนั้นเขาไม่ลังเล สูดหายใจลึกและตีเข้าที่กลองอีกครั้ง

ตึงงงงงง! เสียงกลองครั้งที่เก้าดังออกมา!

แรงสะท้อนจากกลองเข้าสู่ร่างหวังหลินดุจน้ำหลาก มันเป็นพลังต่อต้านและขณะที่ผ่านร่างหวังหลินเข้าไป ผนึกชีวิตที่รวบรวมบนร่างกายต่างแตกกระจายอย่างรวดเร็ว หนึ่งร้อยชั้น แปดร้อยชั้น หนึ่งพันชั้น สองพันชั้น สามพันสี่ร้อยชั้น…จนกระทั่งแตกสลายไปมากกว่าสามพันหกร้อยชั้น แม้ว่าพลังสายนี้จะอ่อนแอลงอย่างมาก ทว่ายังมีพลังหลงเหลืออีกมากกว่าครึ่งที่ยังพุ่งเข้าใส่หวังหลิน

ผนึกชีวิตมากกว่า 3,700 ชั้นได้แตกสลายโดยสิ้นเชิงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่หวังหลินได้รับมา

ขณะที่ผนึกชีวิตส่วนสุดท้ายพังทลาย พลังสะท้อนได้แทงลึกเข้าสู่ร่างหวังหลินและเคลื่อนไปในเส้นชีพจร ราวกับร่างหวังหลินอยู่ในพายุยักษ์ ร่างกายและเสื้อผ้าพัดกระพืออย่างรุนแรง

ร่างหวังหลินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว สี่ก้าวจนกระทั่ง 19 ก้าวหวังจึงหยุดยั้งตัวเองไว้ได้!

ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงและใช้เวลาอยู่สักพักจึงจะกลับมาดังเดิม

หลังเห็นเช่นนี้ จิตใจชายเกราะทองผ่อนคลายเล็กน้อยและใบหน้าเหยียดยิ้มขึ้นอีกครั้ง พลางคิดเข้าข้างตัวเอง “เด็กคนนี้ไม่สามารถลั่นกลองได้ถึงสิบห้าครั้ง เพียงแค่ครั้งที่เก้าเขาก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว ข้ายืนยันได้ว่าครั้งที่สิบเป็นขีดจำกัดของเขา!”

รอบด้านเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกันหลังจากลั่นเสียงครั้งที่เก้าดังไปทั่วสนามประลอง ผลลัพธ์นี้ได้ก้าวข้ามแม่ทัพโม่เฟยที่เป็นอันดับหนึ่งไปได้และทุกคนต่างรู้ว่าตั้งแต่วันนี้ต่อไป ชื่อ ‘หวังหลิน’ จะเจิดจรัสในแคว้นปิศาจฟ้า!

ต้องกล่าวว่าจักรพรรดิปิศาจไม่สนใจว่าผู้คนจะมาจากไหน ซึ่งหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดสวรรค์ต่างก็เป็นเซียนไม่ใช่หรือ?

ไม่มีใครพูดและสายตาทุกคนจับจ้องไปบนหวังหลิน

โม่ลี่ไฮ่จ้องหวังหลิน การเปลี่ยนแปลงของหวังหลินที่ผ่านมาไม่กี่เดือนนี้ยิ่งใหญ่มหาศาลอย่างมาก

“เก้าครั้ง…ข้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้…” โม่ลี่ไฮ่ถอนหายใจอย่างขื่นขม

ขณะที่หวังหลินยืนอยู่ใจกลางลานประลอง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เขาแต่หวังหลินเมินเฉยสายตาทั้งหมดโดยสิ้น ตอนนี้ใบหน้าหวังหลินมืดมนและบิดเบี้ยว เขาค่อยๆขมวดคิ้ว

หลังจากพลังสะท้อนอ่อนแอลงไปด้วยผนึกชีวิตมากกว่า 3,700 ชั้น พลังที่เข้าสู่ร่างเขาไม่ได้มากมาย! เขาเพียงแค่ต้องโคจรปราณสวรรค์เล็กน้อยเพื่อให้กลับมาดังเดิม

แต่ขณะที่พลังสะท้อนเข้าสู่ร่างหวังหลินนั้น หวังหลินรู้สึกถึงกลิ่นอายประหลาดภายในพลังสะท้อนได้ มันแฝงจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้และให้ความรู้สึกกำลังต่อต้านอำนาจเหนือสวรรค์

พลังสะท้อนออกมาจากกลิ่นอายโอหังรุนแรงและไม่ยอมแพ้ ใครที่กล้ากระตุ้นมันจะได้รับการโจมตีที่ทุกข์ทนทรมานแสนสาหัส แม้ท้องฟ้าจะพังทลายมันก็จะรั้งไว้และฉีกกระชาก!

มันคือเจตจำนงจากกลิ่นอายนี้!

หวังหลินพึมพำ “ต่อต้าน…”

“ก่อนหน้านี้ข้าทำผิดพลาด การใช้ผนึกชีวิตเพื่อต้านทานพลังต่อต้านเท่ากับต่อต้านการฝืนลิขิตในหัวใจข้าเอง…” สายตาหวังหลินเผยพลังอันลี้ลับ จากนั้นมองกลองปิศาจอย่างเงียบเชียบ

ในจังหวะนั้นหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดสวรรค์ลืมตาขึ้นเบาบางและมองไปที่หวังหลิน

หวังหลินขบคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวต่อหนึ่งก้าว ผ่านไป 19 ก้าวเขาก็มาถึงเบื้องหน้ากลองปิศาจ หวังหลินไม่ได้ตีกลองในทันทีแต่ใช้ฝ่ามือสัมผัสมันเบารู้สึกถึงผิวขรุขระ

เศษเสี้ยวเจตนาไม่อ่อนข้อค่อยๆเข้าสู่หวังหลินผ่านฝ่ามือเขา

หวังหลินหลับตาอย่างเชื่องช้า ในจังหวะเดียวกันหวังหลินได้หลอมรวมเข้ากับกลองปิศาจและกลิ่นอายของเขาค่อยๆหายไป

ชายเกราะทองขมวดคิ้วจากนั้นเอ่ยเสียงเยาะเย้ย “ทำซะลึกลับไปหมด เฮอะ? ถ้าเพียงแค่สัมผัสกลองแล้วบอกว่าเจ้าลั่นมันถึงสิบห้าครั้ง เช่นนั้นคนรับใช้ที่ทำความสะอาดกลองทุกวันก็คงลั่นกลองไปมากกว่าร้อยครั้งไปแล้ว! ไร้สาระ!”

เขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนี้ แม้กระทั่งหัวผน้าผู้บัญชาการทั้งหมดก็ขมวดคิ้วด้วย

หัวหน้าผู้บัญชาการซวนตะลึงงัน “เด็กนั่นกำลังทำอะไร?”

หนึ่งในหัวหน้าผู้บัญชาการหัวเราะออกมา “จะบอกเซียนคนนี้กำลังสื่อสารกับกลองปิศาจงั้นหรือ?”

หัวหน้าผู้บัญชาการสตรีเพียงคนเดียวตำแหน่งเมืองจักรวาลได้เอ่ยอย่างนุ่มนวล “เขาไม่ได้กำลังสื่อสารกับมัน แต่กำลังทำความเข้าใจมัน ตอนที่ข้าลั่นเสียงกลองปิศาจ ข้าก็รู้สึกกลิ่นภายข้างในมันเช่นกัน หรือว่าพวกท่านทั้งหมดได้ลืมเลือนกันเสียแล้ว?”

หลังนางกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของหัวหน้าผู้บัญชาการเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

ผู้ชมกำลังเฝ้าดูจากที่นั่งทนความเงียบไม่ได้อีกต่อไปและเริ่มกระซิบกันเบาๆ

ท่ามกลางเหล่าแม่ทัพปิศาจ ดวงตาโม่เฟยส่องสว่างขึ้น จ้องไปยังหวังหลินและเอ่ยเบาๆ “หรือว่าเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายด้วยเช่นกัน…”

ขณะที่หวังหลินหลับตา กลิ่นอายแข็งข้อยิ่งกลับกลายเป็นเด่นชัด

กลิ่นอายค่อยๆรวบรวมในร่างกายเขาและรวมเข้ากับวิญญาณดั้งเดิม หวังหลินจมดิ่งลึกในกลิ่นอายนี้โดยสิ้นเชิงและเขารวมตัวเองเข้าด้วยกันกับกลองปิศาจ

“ข้าไม่ควรต่อต้านกลิ่นอายจากกลองนี้ ข้าควรจะรวมเข้ากับมันแทน หากข้าสามารถเข้าใจกลิ่นอายต่อต้าน เช่นนั้นการสะท้อนของมันจะไม่สามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้และจะช่วยข้าปรับแต่งร่างกายไปด้วย!” หวังหลินลืมตา ดวงตาเต็มไปด้วยความกระจ่างใสพร้อมกับยกมืขึ้นและทุบลงอย่างเบามือ

ตึงงงง! เสียงลั่นกลองครั้งที่สิบดังสนั่นกระจายไปทั้งสนามประลอง

หวังหลินเผชิญเข้ากับพลังสะท้อนที่มิอาจจินตนาการถึงจากกลองปิศาจ ขณะนั้นหวังหลินถอนผนึกชีวิตออกมาและยอมให้พลังนั้นเข้าสู่ร่างกายตรงๆ

แรงสะท้อนเคลื่อนผ่านในร่างหวังหลินอย่างบ้าคลั่งและหยดเหงื่อสีดำออกมาจากรูขุมขนบร่าง หวังหลินรู้สึกร่างกายสดชื่นจากการถูกชำระ มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สัมผัสอีกเลยตั้งแต่บรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ

ทว่าความรู้สึกนี้กินเวลาไม่ยาวนาน พลังที่เข้าไปในร่างหวังหลินเปลี่ยนเป็นดุดันในทันที ขณะที่เคลื่อนผ่านร่างหวังหลินนั้นมันได้ทำให้ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว

“ชำระกระดูก!! เด็กคนนี้กำลังใช้กลองปิศาจเพื่อชำระกระดูก!” หัวหน้าผู้บัญชาการหลายคนต่างตกตะลึงตาค้าง

ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขา แต่กระทั่งเกิดเสียงออกมาจากแม่ทัพปิศาจ สายตาฉีเจี้ยนที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขายกแขนขึ้นหลายครั้งแต่ก็ต้องลังเลและลดมือลง

สายตาชายเกราะทองเปลี่ยนเป็นเย็นชาพลางเยาะเย้ยและคิดขึ้น ‘ชำระไขกระดูก…ข้าเองติดตามจักรพรรดิปิศาจมานานและท่านจักรพรรดิได้บอกว่าสามารถชำระไขกระดูกได้ด้วยเสียงกลองปิศาจ ทว่าท่านเจ้าจะต้องมีระดับบ่มเพาะสูงเพียงพอ ไม่เช่นนั้นแล้วหากฝืนชำระมันจะเกิดอาการบาดเจ็บสาหัส!’

สายตาหัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์ในตอนนี้เปิดเพียงครึ่งเดียว เขาเผยท่าทางผิดหวังเล็กน้อยและจากนั้นหลับตาอีกครั้ง

ขณะที่เขาหลับตาจึงพลันถอนหายในอยู่ในความคิด “ไม่มีอะไรที่ต้องจับตาดูเด็กนี่อีกแล้ว…”

ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดราวกับคนตายแต่สายตาส่องประกายเจิดจ้า!

“มีจิตสำนึกบางส่วนอยู่ภายในพลังต่อต้านของกลองปิศาจ หากข้าหลอมกับมันอย่างสมบูรณ์โดยไม่คิดแม้ว่าจะถือเป็นการต่อต้าน แต่ก็ยังอยู่บนเส้นทางของกลองปิศาจ ไม่ใช่ของตัวข้าเอง!”

“ข้าได้รับบาดเจ็บจากการชำระไขกระดูกเพราะขาดระดับบ่มเพาะ แต่เพราะเต๋าของข้าแตกต่างกัน! ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นเซียนหรือสิ่งมีชีวิตอื่น ตราบใดที่ฝึกฝนเพื่อฝืนลิขิตสวรรค์ ก็จะต้องฝืนลิขิตของตัวเองเป็นธรรมดา!”

“แม้ว่ามันจะเป็นคำว่า ‘ต่อต้าน’ ทุกคนต่างมีความเข้าใจของตัวเองและมีเต๋าอยู่นับไม่ถ้วน!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างราวกับไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าใบหน้าซีดเผือดแต่ในจังหวะนั้นราวกับเขตแดนได้หลอมรวมเข้ากับร่างกาย! แสงในแววตาค่อยๆเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความเศร้าหมองและโดดเดี่ยว

จากนั้นยกแขนขวาขึ้นและสัมผัสกับกลองปิศาจอย่างเบามือ!

ตึงงงงงง! เสียงกลองครั้งที่สิบเอ็ดดังออกมา

กลิ่นอายความเศร้ากระจายออกมาจากกลอง มันดังสะท้อนไปทั่วลานประบอง กระจายไปไกลเพียงพอที่จะส่งไปถึงทั้งเมืองปิศาจฟ้า

ความเศร้าดังสะท้อนออกมาจากกลองนี้ดุจความเศร้าจากเสียงพิณ มันส่งผลต่อจิตใจ!

ความเศร้าเข้าสู่จิตวิญญาณ วิญญาณก่อเกิดความต้องการ ความต้องการเอาชนะกลองและกลองแพร่กระจายเต๋าของเขาออกมา..

“เสียงกลองแฝงเจตนา…เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้! เขาสามารถบรรลุระดับนี้ได้อย่างไร? นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!!!” เป็นครั้งแรกที่สีหน้าชายเกราะทองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาก้าวถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับจดจ้องหวังหลิน

หัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์ลืมตาขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรกและยืนมองหวังหลิน! ทั้งสนามประลองมีเพียงคนเดียวที่เขาสนใจนั่นคือหวังหลิน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version