608. เม็ดยาวิญญาณโลหิต
ชั่วร้ายของชุดเกราะที่ชายชราสวมใส่ เขาไม่ใช่ปิศาจดังนั้นพลังชั่วร้ายที่เขาช่วยสร้างขึ้นมาจึงไม่ได้บริสุทธิ์ นั่นหมายความว่าเคียวที่ปรากฏนี้ไม่ได้สมบูรณ์พร้อม ทว่าภาพมายาที่ออกมาจากระหว่างคิ้วของเขาคือส่วนหนึ่งของดวงวิญญาณปิศาจของจริง ด้วยดวงวิญญาณปิศาจตนนี้แม้แต่เหล็กธรรมดาก็สามารถเปลี่ยนเป็นดาบปิศาจได้ นับประสาอะไรกับเคียวที่สร้างจากพลังชั่วร้าย
หลังดวงวิญญาณปิศาจหลอมรวมกับเคียว มันเปลี่ยนกลายเป็นเคียวปิศาจ! ตอนนี้ถึงกับมีเต๋าแห่งปิศาจอยู่ข้างในด้วย!
ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวและเคียวปิศาจของวิญญาณปิศาจ สิ่งใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน
แสงปราณกระบี่กระพริบหนึ่งคราเมื่อปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวลอยออกมาจากนิ้วหวังหลิน ปราณกระบี่นี้ทรงพลังอย่างยิ่ง เพียงแค่ปรากฏขึ้นมาก็ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีได้แล้ว!
ชั่วขณะนั้นราวกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหยุดเคลื่อนไหว กระทั่งวิชาสายลม สายฝน สายฟ้า กับแม่น้ำอเวจีที่อยู่บนท้องฟ้ายังสลัวลง!
ชั่วขณะแสงกระบี่ปรากฏ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยปราณกระบี่! ปราณกระบี่หนาแน่นมากจนแม่น้ำอเวจีกลับเข้าไปในร่างหวังหลิน พลังสังหารหนึ่งแสนสามหมื่นเส้นดังทลาย วิญญาณแม่น้ำอเวจีกลับคืนสู่รูปวิญญาณร้อยล้านดวง
วิชาสามสายลมสายฝนและสายฟ้าเป็นเช่นเดียวกัน สายฟ้าดำแตกกระจายทันที สายฝนพร้อมด้วยประกายแสงสีดำได้ถูกบดขยี้ กระทั่งวังวนสายลมยังถูกปราณกระบี่แทงทะลุจนแตกกระจายในพริบตา
ขณะที่ปราณกระบี่ปรากฏ วิชาอื่นทั้งหมดต้องหลีกทางและไม่แม้แต่จะทำให้มันสนใจ นี่คือเต๋าของหลิงเทียนโฮวที่อยู่ภายในปราณกระบี่!
เต๋าแห่งทรราชย์!
หลิงเทียนโฮวภาคภูมิใจทั้งชีวิตตัวเองและเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกับความเผด็จการ ความเผด็จการที่อยู่ภายในปราณกระบี่ของเขาคืออำนาจสวรรค์!
ภาพมายาปิศาจบนเคียวปิศาจเผยสีหน้าเคร่งเครียด เคียวพลิกกลับและพุ่งตรงไปที่หวังหลิน
ปราณกระบี่พร้อมกับเต๋าแห่งทรราชย์กวาดเข้าหาเคียวทันที!
ร่างหลิงเทียนโฮวคล้ายปรากฏเบื้องหลังปราณกระบี่ในขณะที่ปราณกระบี่และเคียวปิศาจปะทะกัน แน่นอนว่าภาพมายาปิศาจเขาเดียวปรากฏด้านหลังเคียวปิศาจด้วย
ขณะที่ทั้งคู่ปะทะกัน พื้นดินแตกสลายทันที จากนั้นรอยแยกขนาดยักษ์บนผืนปฐพีปรากฏออกมาและกระจายตัวอย่างรวดเร็ว
ก้อนเมฆในท้องฟ้าเลือนหายไป ทั้งท้องฟ้ามืดมัว
ภาพมายาปิศาจเบื้องหลังเคียวปิศาจได้สิ้นท่าก่อนที่จะแตกสลาย จากนั้นเคียวปิศาจพังทลายไปด้วยเช่นกัน
ปราณกระบี่หลิงเทียนโฮวในตอนนี้สลัวจนเหลือเพียงเศษแสงสีเงิน ทว่าเศษแสงสีเงินยังคงแฝงเต๋าของหลิงเทียนโฮวอยู่!
ขณะที่เคียวปิศาจพังทลาย ปราณกระบี่ที่เหลือกวาดเข้าหาหอคอยทมิฬ
หลังจากหวังหลินปลดปล่อยปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวไปแล้ว เขาล่าถอยโดยไม่ลังเล ที่เขาต้องล่าถอยก็เพราะไม่มีทางเลือก! หลังจากหวังหลินฟื้นคืนสติมาเขารู้สึกถึงความหวาดกลัว หากก้าวเข้าไปในหอคอยตอนที่เขาบ้าคลั่งเมื่อตอนนั้น หวังหลินคงจะตายโดยไม่ต้องสงสัย!
ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ได้ถอยหนีก็เพราะชายชราเกราะดำกำลังเฝ้ามอง ทว่าตอนที่หวังหลินปลดปล่อยปราณกระบี่ออกไป นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะถอย!
เมื่อเคียวปิศาจแตกสลาย ชายชราเกราะดำกระอักโลหิตคำโตออกมา เขาดูอ่อนแอมากแต่เมื่อเห็นหวังหลินกำลังหนีจึงกัดฟันแน่นและต้องการไล่ตาม แต่ก็ต้องหยุดชะงักทันที สีหน้าเปลี่ยนไปและพุ่งตรงไปที่ปราณกระบี่
ปราณกระบี่มุ่งตรงเข้าหาหอคอยทมิฬ เขารู้ว่าหอคอยทมิฬสำคัญมากแค่ไหน!
แม้ว่าความเร็วของชายชราจะถือว่าเร็วมาก แต่ปราณกระบี่เร็วยิ่งกว่า ปราณกระบี่เข้ามาถึงใกล้หอคอยในพริบตา สายลมเย็นพัดออกมาจากหอคอยทำให้ปราณกระบี่สั่นเทาแต่มันไม่ได้จางหายไป ปราณกระบี่เต๋าแห่งทรราชย์ยอมให้พลังลมหายใจเย็นแทงทะลุผ่านไปและมันตกลงไปบนหอคอย
“เอ๊ะ?“ เสียงอุทานออกมาจากข้างในหอคอยทมิฬ แม้ว่าที่นี่ไม่ได้แตกสลายแต่กลับปรากฏรอยร้าวขึ้น
“ปราณกระบี่ทรงพลังอะไรกันนี่! คนที่สร้างปราณกระบี่นี้ขึ้นมากระทั่งแข็งแกร่งกว่าข้าตอนที่มีพลังเต็มเปี่ยมเสียอีก!”
ชายชราเกราะดำถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นปราณกระบี่เลือนหายไปและหอคอยไม่ได้ถูกทำลาย ชั่วขณะนั้นพลังชั่วร้ายหนาแน่นออกมาจากหอคอยตรงเข้าสู่ร่างชายชรา เกราะสีดำที่สวมอยู่เรืองแสงชั่วร้ายยิ่ง
ร่างกายเริ่มบวมเป่งขึ้นทันทีและในไม่นานเขาขยายตัวออกจนสูงขึ้นถึงสามสิบฟุต ชุดเกราะขยายไปตามลำตัวด้วย เขาสีดำงอกออกมาบนหน้าผากชายชราและปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็น
ตอนนี้ชายชราดูไม่เหมือนมนุษย์อีกแล้ว! เขาส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดก่อนจะหันกลับมามองหวังหลินที่กำลังล่าถอย ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา!
“เจ้าสารเลว ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้!” สิ้นคำพูดเขาไล่ตามหลังหวังหลินในทันที
“ข้าเอาชนะก็เพราะผลทะยานสวรรค์ แต่ข้าพ่ายแพ้ก็เพราะผลทะยานสวรรค์เช่นเดียวกัน!” หวังหลินถอนหายใจออกมา พลันดวงตาส่องสว่างและคิดขึ้น ‘ข้าต้องเสี่ยงเท่านั้น!’ ฝ่ามือสัมผัสกระเป๋าและเม็ดยาขี้ผึ้งปรากฏในมือ
สัญลักษณ์นับไม่ถ้วนอยู่บนเม็ดยาขี้ผึ้งนี้ มันเต้นตุบๆตามอันตราการเต้นหัวใจของหวังหลิน
หวังหลินกัดฟันแน่นแบ่งสัมผัสวิญญาณของตัวเองบางส่วนออกมาและส่งเข้าไปในกระเป๋า เขากวาดผ่านกระเป๋าและจับจ้องบนกฏเกณฑ์ทรงกลมที่ผนึกเอาไว้นับไม่ถ้วน จากนั้นใช้สัมผัสวิญญาณส่งเข้าไปข้างใน
ภายในทรงกลม ใบหน้าเหยาซีเชว่แดงเข้ม หยดเหงื่อปกคลุมใบหน้านับไม่ถ้วน นางเผยใบหน้าประหลาดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสบาย ทั้งยังเปลี่ยนจากความอัปยศและดิ้นรนไปมาอยู่ด้วย
“เหยาซีเชว่ จงบอกวิธีใช้เม็ดยาวิญญาณโลหิตให้ข้ามา! หากเจ้าไม่ทำ ข้าจะบีบกระเป๋าข้าให้แหลกก่อนที่ข้าจะตาย กักขังเจ้าไว้ในมิติว่าง เจ้าจะประคับประคองสภาวะตอนนี้จนกว่าอายุขัยของเจ้าจะหมดลง!”
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินส่งข้อความเข้าสู่ดวงวิญญาณของเหยาซีเชว่ ข้อความของเขาดุจสายฟ้าฟาดทำให้นางได้สติขึ้นมาในชั่วขณะ ทว่านางเริ่มดิ้นรนทันทีราวกับกฏเกณฑ์บนร่างได้สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดที่กำลังทำให้นางแตกสลาย!
เหยาซีเชว่ฝืนกล่าวออกมา “ปลด…ปล่อย…กฏเกณฑ์…ข้า…จะบอก….เจ้า!” นางอดทนกล่าวทุกคำอย่างยากลำบาก
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินกวาดผ่านเหยาซีเชว่และกฏเกณฑ์บนร่างกายนางหายไปทันที นางถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าใบหน้ายังเป็นสีแดง แต่เมื่อไม่มีกฏเกณฑ์มาทรมาน นางจึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง
นางไม่เคยเห็นหวังหลินเคร่งเครียดเช่นนี้มาก่อน สายตานางเคลื่อนไหวและกำลังเริ่มต่อรองกับเขา
หวังหลินแบ่งสัมผัสวิญญาณออกมาดังนั้นจึงเป็นเพียงส่วนเดียวที่หายเข้ามาในกระเป๋าขณะที่ส่วนอื่นกำลังควบคุมร่างกาย ตอนนี้ชายชราเกราะดำกำลังไล่กวด ดวงตาหวังหลินกลับกลายเป็นเย็นชา ขวานสงครามลอยออกมาจากกระเป๋าทันที
นี่คือขวานสงครามจากเผ่ามารยักษ์ หวังหลินโยนมันออกไปและร้องตะโกน “ระเบิด!”
ขวานสงครามสั่นสะท้านและระเบิดทันทีก่อเกิดเป็นคลื่นกระแทกทรงพลัง ชายชราเกราะดำขมวดคิ้วและพ่นลมหายใจเย็น โบกสะบัดแขนทำให้คลื่นกระแทกจากขวานเลือนหายไปทันที
ภายในกระเป๋า หวังหลินตะโกนออกมา “เจ้าจะพูดไหม?!” เพียงแค่คิด กฏเกณฑ์พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง หากนางปฏิเสธเช่นนั้นเขาก็เตรียมตัวทำให้นางดิ้นรนทุกข์ทรมานต่อไป
เหยาซีเชว่ใบหน้าแดงเข้มแต่สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางรีบเล่าวิธีใช้เม็ดยาวิญญาณโลหิตโดยไม่มีอาการลังเล
ขณะที่โลกภายนอก ชายชราเกราะดำกวาดผ่านคลื่นกระแทกจากขวานสงคราม จากนั้นยื่นมือเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินตั้งคำถามเหยาซีเซว่ในกระเป๋าอีกครั้งก่อนจะออกมา เขาบดขยี้เม็ดยาวิญญาณโลหิตในมือและโลหิตสีฟ้าหนึ่งหยดปรากฏขึ้น!
ไม่มีเวลาให้สูญเสีย หวังหลินกัดนิ้วและเริ่มวาดสัญลักษณ์อันซับซ้อนในอากาศด้วยโลหิตของตนเอง หลังจากสัญลักษณ์นี้ถูกสร้างขึ้น มันรวมเข้ากับหยดโลหิตสีฟ้าอย่างรวดเร็ว หวังหลินคว้ามันและกดเข้าระหว่างคิ้ว
ชายชราเกราะดำสูงสามสิบฟุตเข้ามาใกล้ในจังหวะนั้น สัญลักษณ์ลอยออกมาจากระหว่างคิ้วของหวังหลิน หวังหลินสะบัดสัญลักษณ์ออกไปหมื่นลี้และมันหายข้ามไปเหนือเส้นขอบฟ้า
หลังทำเรื่องทั้งหมดนั้น หวังหลินหันหน้ากลับมาและดวงตากระจ่างใสของเขาก็หายไป แทนที่ด้วยจิตสังหารอันบ้าคลั่งและเจตนาต่อสู้!
“แก่แล้วก็ตายเสียเถอะ!” สายตาบ้าคลั่งของหวังหลินเป็นสีแดงโลหิต ส่งเสียงคำรามดุร้ายออกมา แทนที่จะถอยหนีเข้ากลับพุ่งเข้าใส่ชายชรา
ตอนที่เขาพุ่งใส่ชายชรา เปลวเพลิงพลันปรากฏเหนือร่างกายทั้งหมด เพลิงนี้ออกมาจากภายในร่างกาย หนาแน่นและทรงพลัง!
สีหน้าชายชราเกราะดำเปลี่ยนไปทันที แทนที่จะเข้ามา เขาพลันถอยกลับและหลีกหนีต่อเนื่อง!
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” ดวงตาชายชราเต็มไปด้วยความตกใจ
ทำลายตัวเอง! การทำลายตัวเองของเซียนขั้นเทวะ! พลังการระเบิดนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ชายชรายังไม่ต้องการเผชิญหน้า!
พลังลึกลับของผลทะยานสวรรค์มีอยู่เต็มจิตใจ หวังหลินบ้าไปแล้วและวิญญาณดั้งเดิมตอนนี้กำลังเผาไหม้ น้ำทิพย์สวรรค์สี่หยดเริ่มเดือดพร้อมกับเผาไหม้วิญญาณดั้งเดิมไปด้วย
หวังหลินเคลื่อนร่างราวอุกกาบาตพุ่งตรงเข้าหาชายชรา สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปและถอยหนี!
“ระเบิด!” เพลิงรอบร่างกายหวังหลินเผาไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น เขามองชายชราและร่างตัวเองที่ถูกปราณสวรรค์ทำลายอยู่ภายใน วิญญาณดั้งเดิมถูกทำลายไปพร้อมกับร่างกาย กำลังสร้างคลื่นกระแทกเหนือจินตนาการ
หากเป็นเซียนขั้นเทวะธรรมดาที่ทำลายตัวเอง อย่างมากแค่ทำให้ชายชราบาดเจ็บ ทว่าหวังหลินมีน้ำทิพย์สวรรค์สี่หยดในร่างกาย ดังนั้นความแตกต่างถือว่ามีมหาศาล!
พลังของการทำลายตัวเองกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง ร่างชายชราเป็นสิ่งแรกที่โดนเข้าใส่และเขากระอักโลหิตทันที เกราะบนร่างเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายและก่อตัวเป็นโล่ห์ด้านหน้าเพื่อต่อต้านพลังของการทำลายล้างนี้!
ทว่าโล่ห์เพียงคงอยู่ได้สามลมหายใจก่อนที่มันจะควบแน่นกลายเป็นภาพมายาของปิศาจตนหนึ่ง มันหนีจากร่างชายชราทันทีและลอยเข้าหาหอคอยทมิฬ
เมื่อไร้โล่ห์ปกป้อง ชายชราจึงถูกพลังทำลายตัวเองของหวังหลินกระทบโดนเต็มๆและร่างกายเขาแตกสลาย!
ขณะที่หวังหลินพัดพาตัวเองขึ้น ขณะที่ร่างกายกำลังระเบิด เขามองไปที่หอคอยทมิฬและโยนกำปั้นออกไป กำปั้นนี้ก่อขึ้นจากเต๋า ชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมของเขา กระทั่งบรรจุความตั้งใจของเทพโบราณเอาไว้ พลังทั้งหมดจากร่างกายเขาถูกใช้ในกำปั้นครั้งนี้
กำปั้นได้สร้างสายลมกรรโชกรุนแรงพุ่งตรงเข้าใส่หอคอยทมิฬ หอคอยสั่นไหวและรอยร้าวที่ปราณกระบี่หลิงเทียนโฮวทิ้งไว้ได้กระจายออกมา พริบตาเดียวทั้งหอคอยก็ล่มสลาย!
ชุดเกราะหนึ่งที่ขาดเกราะแขนลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ มีแสงชั่วร้ายกระพริบส่องสว่างและสัมผัสวิญญาณพุ่งออกมา
“เจ้ากล้าทำลายหอคอยปิศาจของข้า! แม้เจ้าจะมีความสัมพันธ์กับเขา ข้าก็จะฆ่าเจ้า!”
หอคอยปิศาจคือเครื่องมือสำคัญที่ให้พลังชั่วร้ายซึ่งสามารถทำให้สัมผัสวิญญาณข้างในชุดเกราะกระจายออกมาได้ เมื่อไม่มีหอคอยปิศาจมันจึงไม่อาจมีอำนาจปกคลุมดินแดนวิญญาณปิศาจเหมือนเมื่อก่อนได้!
ค่ายกลสีดำถูกเปิดให้เห็นอยู่บนพื้นที่เคยมีหอคอยตั้งอยู่ มีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่ในค่ายกล เส้นผมยาวไสวในสยลมและมีรอยสักสีม่วงทองอยู่บนร่างกาย
เกราะลอยกลางอากาศตกลงมาเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายดำและล้อมรอบตัวเขา พริบตาเดียวเกราะก็ถูกสวมและคนผู้นี้จึงลืมตาตื่นขึ้น!
ห่างออกไปอีกหลายร้อยลี้ หยดโลหิตสีฟ้าปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ขณะที่ที่หยดนี้ปรากฏขึ้นมันลอยออกไปอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นร่างหวังหลิน!