Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 63

Cover Renegade Immortal 1

63. อำนาจ

“แตกสลายไปซะ! ทำลาย! ทำลาย!” ใบหน้าพั่วหนานจื่อกลายเป็นเคร่งเครียด แขนทั้งสองกวาดเป็นวงสวิงให้พายุทอร์นาโดยักษ์กระแทกลงบนภูเขา

เหล่าผู้คนทั้งหมดรอบเมืองและหมู่บ้านต่างกลัวที่จะออกไปข้างนอกดังนั้นพวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านบางคนมีความกล้าหาญที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นภูเขายักษ์ลอยบนอากาศขณะที่กำลังกระแทกลงบนพื้น

เสาหยกสีขาวอีกอันแตกออกและผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นกระอักออกมาเป็นเลือดคำโตและตกลงบนพื้น

พั่วหนานจื่อหยิบน้ำเต้าสีม่วงออกมามือข้างหนึ่งสร้างเป็นผนึกและกล่าวขานเป็นคำร่ายอันซับซ้อนน้ำเต้าสั่นและของเหลวสีแดงไหลออกมา ขณะที่ของเหลวนั้นปรากฎขึ้นมันก็กลายเป็นไฟและล้อมรอบพายุทอร์นาโดนั้น

“ทำลาย!” พั่วหนานจื่อกู่ร้อง และพายุทอร์นาโดอัคคีก็กระแทกลง เสียงดังสนั่น เศษชิ้นส่วนกำแพงแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาและเริ่มแตกสลาย

เสาหยกขาวอีกสองต้นแตกออกและผู้อาวุโสสองคนก็ตกลงบนพื้น

จาก 8 เสาเหลือเพียง 4 เสาด้านสองผู้อาวุโสขั้นแตกหน่อและสองผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นต่างมีใบหน้าซีดเผือกและร่างกายสั่นสะท้านพวกเขาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

ฮวงหลงได้นำเหล่าศิษย์สายในมาที่นี่ทั้งหมดแล้วใบหน้าทุกคนต่างเต็มไปด้วยอาการตกใจและตื่นกลัวหวังเฮ่าก็อยู่ในเหล่าคนพวกนั้น ใบหน้ายังซีดเผือกแต่ดีกว่าคราวก่อนมากนักเมื่อเขาเห็นหวังหลินจึงได้เดินเขาหาและจดจ้องไปบนฟ้าโดยไร้คำพูดใดๆ

ใบหน้าพั่วหนานจื่อมืดมนเมื่อเขาลอยอยู่บนท้องฟ้าความแข็งแกร่งของค่ายกลป้องกันนี้เกินความคาดหมายของเขาเขารู้ว่าค่ายกลนี้ไม่มีพลังอำนาจเต็มที่แล้วถ้ามีเซียนขั้นผลิดอกควบคุมมัน มันอาจจะมีพลังมากมายกว่านี้

ตอนนี้ค่ายกลนี้เพียงทำได้แค่ป้องกันและทำอะไรอื่นไม่ได้ แต่หากมีเซียนขั้นผลิดอกอยู่ที่นี่ พลังของมันจะน่าสะพรึงกลัวนัก

ผู้อาวุโสใบหน้าสีแดงมองดูขั้นสร้างลำต้นตกลงไปทีละคนทีละกันเจ็บแปลบในใจ พลันตะโกนขึ้น ”ท่านพั่วหนานจื่อสำนักซวนต้าวมักจะมีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักเหิงยั่วเสมอมาท่านต้องการสังหารพวกเราทั้งหมดหรือ?“

พั่วหนานจื่อพูดขึ้น “หลิวเหวินจวี่(劉文舉 Liúwénjǔ) เจ้าก็เป็นคนหนุ่มกว่าข้าเมื่อห้าร้อยปีก่อนที่เป็นสมาชิกหลักของสำนักเหิงยั่วและแม้จะได้อยู่ชั้นแตกหน่อมันน่าอายนักที่จะทำลายค่ายกลนี้ ถ้าเจ้าเปิดมันด้วยตัวเองเรื่องพวกนี้ก็คงง่ายดายสำหรับเจ้า”

ผู้เชี่ยวชาญขั้นแตกหน่อ หลิวเหวินจวี่ลังเลขึ้นและหญิงชราตะโกนขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “ท่านพั่วหนานจื่อ ข้ามิอาจทำตามได้!”

พั่วหนานจื่อหัวเราะบ้าคลั่งใบหน้าลดต่ำลงและตะโกนขึ้น “ก็ดี! ค่ายกลป้องกันนี้ข้าจะทำลายมันเอง!” พูดเช่นนี้เขาก็โบกมือข้างหนึ่งส่งทอร์นาโดยักษ์ขึ้นไปบนอากาศสูงใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่ปลดปล่อยพลังขั้นผลิดอกออกมาและทอร์นาโดเริ่มขยายใหญ่โตมากขึ้น

“ลงไป!” มือพั่วหนานจื่อเปลี่ยนเป็นผนึกและชี้ให้ทอร์นาโดลงไปตำแหน่งนั้น

ทอร์นาโดยักษ์ส่งเสียงหึ่งและราวกับโดนดึงลงไปอย่างรุนแรง

เสียงแตกสะท้อนดังขึ้น เศษกำแพงแสงแตกออกมากขึ้นและเสาหยกสีขาวอีกต้นพังสลาย ผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นตกลงไปอีกคน

ทอร์นาโดยักษ์จมลงไปอีกนิ้ว และผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นคนสุดท้ายไอออกมาเป็นเลือดและตกลงไป

“ทำลาย” พั่วหนานจื่อตะโกนขึ้นทอร์นาโดยักษ์กดลงไปและจมลงสามนิ้วทั่วทั้งยอดภูเขาสนสั่นสะเทือนด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามทั้งภูเขาจมลงไปมากกว่าสิบเมตรลงกับพื้น

สะพานหินที่เชื่อมกับสำนักเหิงยั่วหลุดเป็นสองส่วนและตกลงไปบนหน้าผา

ขณะเดียวกันค่ายกลของสำนักเหิงยั่วในที่สุดก็ไม่อาจรับแรงกดดันใดได้อีกและแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนหายไป

เสาหยกสีขาวสองเสาแตกหัก หลิวเหวินจวี่และหญิงชราตกลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าขมขื่น ไม่มีคำพูดใด

พั่วหนานจื่อปล่อยลมเย็นทางจมูก เขาลอยไปบนพื้นช้าๆและทอร์นาโดยักษ์ยังลอยไปบนอากาศ กำลังปลดปล่อยพลังกดดันอันแข็งแกร่งออกมา

หลังจากพั่วหนานจื่อถึงพื้น เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นเฉียบ “ที่นี่ใครคือหวังหลิน?”

หวังหลินที่ได้รวมกลุ่มกับเหล่าศิษย์สายใน เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งแรกที่เซียนขั้นผลิดอกอยากจะทำคือการมองหาเขา

เหล่าศิษย์ทั้งหมดโดยรอบจ้องมาทางเขาพั่วหนานจื่อตรวจสอบทั้งกลุ่มและสายตาตกลงไปบนหวังหลินเขายกคิ้วขึ้นและคิดว่าคนคนนี้ต้องเป็นหวังหลินก่อนนี้โอวหยางได้พูดถึงหวังหลินอยู่หลายครั้งและพูดได้ว่าศิษย์ทั้งหมดได้พ่ายแพ้ให้กับหวังหลินดังนั้นเขาจึงต้องการชักชวนหวังหลินจริงๆ

พั่วหนานจื่อต้องการพื้นที่ของสำนักเหิงยั่วเสมอมาตอนนี้เขาคิดถึงเวลานั้นว่าเพียงโจวเผิงก็มั่นใจได้ว่าจะชนะและนำพื้นที่ของเหิงยั่วมาได้โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง

แต่หวังหลินปรากฎตัวขึ้นทำลายแผนของเขาและบังคับให้เขามาที่นี่คือใช้ความรุนแรงเอามา

ท่าทางของพั่วหนานจื่อเยือกเย็นและถามขึ้น “เจ้าคือหวังหลินเช่นนั้น?”

หวังหลินสูดหายใจลึก เขาคำนับด้วยสองมือและพูดอย่างนอบน้อม “ศิษย์คือหวังหลิน และขอทักทายผู้อาวุโสพั่วหนานจื่อ”

พั่วหนานจื่อพยักหน้าเขาหันไปหาหลิวเหวินจวี่และหญิงชราขั้นแตกหน่อ “เหล่าบรรพบุรุษขั้นผลิดอกของสำนักเหิงยั่วตายในการต่อสู้กับแคว้นอื่นหมดแล้วพวกเจ้าไม่อาจอยู่ที่ภูเขาเหิงยั่วได้อีกต่อไป แทนที่จะโดนสำนักอื่นแย่งไปทำไมถึงไม่ให้สำนักซวนต้าวของข้า?”

ลิ่วเหวินจวี่มองหญิงชราด้วยสีหน้าขมขื่นและพูดขึ้น “ท่าน โปรดพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสองสำนักและไม่…”

โดยไม่รอให้หลิวเหวินจวี่พูดจบพั่วหนานจื่อขัดจังหวะเขาและพูดอย่างใจร้อน “ออกไปซะ!คนอื่นสามารถออกไปได้! ถ้าเจ้ายังรบกวนข้าอีกอย่าคิดว่าข้าจะไม่กวาดล้างทั้งสำนัก!”

หญิงชราใบหน้าเคร่งเครียดและกำลังจะพุ่งเข้าใส่แต่หลิวเหวินจวี่ได้หยุดเธอไว้ เขาสูดหายใจลึกและพูดอย่างยำเกรง “ผู้น้อยเชื่อฟังแต่ภูเขาเหิงยั่วนี้อยู่กับสำนักเรามาหลายพันปีแล้วและผู้น้อยไม่มีสิทธิ์ที่จะยกให้ท่านได้ถ้าเพียงท่านตกลงที่จะยืมมัน หากในอนาคต…”

พั่วหนานจื่อเยาะเย้ย เขาขัดจังหวะอีกครั้งและพูดขึ้น “ยืม? ก็ดี สำนักซวนต้าวจะยืมมันเป็นเวลาแสนปี!”

ศิษย์สายในทั้งหมดเคร่งเครียดแต่ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาพวกเขารู้สึกตกต่ำอย่างมากและเงียบเสียงศิษย์บางคนถึงกับเริ่มคิดถึงตัวเอง

ใบหน้าพั่วหนานจื่อกวาดไปและลงไปที่ฮวงหลง “เจ้า กระบี่จันทร์ม่วงข้างหลังเจ้าเอาออกมา น้องโอวหยางข้ามีสายตาแหลมคมนัก”

ฮวงหลงเก็บความอัปยศไว้และกัดฟันกรอดเขามองทางหลิวเหวินจวี่และหญิงชรา เมื่อพบว่าพวกเขากำลังรอคำตอบพลันถอนหายใจหยิบกระบี่ขึ้นมาและโยนมันลงไปบนพื้น

พั่วหนานจื่อยกมือขวาออกมาและกระบี่จันทร์ม่วงก็ลอยไปบนมือเขาขณะที่เขาจับเข้ากับกระบี่ควันสีม่วงพุ่งพวยออกมาจากกระบี่ก่อตัวเป็นมังกรยักษ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version