Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 630

Cover Renegade Immortal 1

630. ร่างสีเทา

ร่างเงาโลหิตเคลื่อนไหวพุ่งเข้าหาร่างเงาปิศาจ ปราณปิศาจหนาแน่นซึมออกมาจากร่างเงาโลหิตเปลี่ยนกลายเป็นเพลิงปิศาจโอบล้อมทั่วบริเวณจนมิอาจมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นข้างในได้

หวังหลินอยู่ด้านนอกเปลวเพลิง ตอนนี้สูญเสียโลหิตไปมากและอ่อนแอยิ่ง ทว่าวิชาหอกของร่างเงาไม่ได้หยุดไปเลย มันเพียงแค่โดนเพลิงปิศาจหยุดไว้ชั่วขณะก่อนจะพุ่งเข้าหาหวังหลินต่อ

พลังสังหารควบแน่นบนนิ้วหวังหลินและกดเข้าต้านกับปลายหอกโดยไม่มีความลังเล!

แรงระเบิดจากหอกพุ่งเข้าสู่แขนหวังหลิน พลังสังหารในร่างหวังหลินถูกใช้งานอย่างมากมาย ขณะเดียวกันพลังสังหารก็เข้าไปในหอกและเริ่มทำลายมันไปด้วย

เกิดแรงระเบิดขึ้นหนึ่งชุดดุจสายฟ้าดังสนั่นระหว่างหวังหลินและปิศาจโบราณ เมื่อพลังสังหารหนึ่งล้านสายกำลังแตกสลาย ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ถอนนิ้วมือและล่าถอยไปหลายฟุต พลังสังหารบนมือหวังหลินได้รับช่วงเวลาฟื้นฟู เมื่อพลังไม่รู้จักจบสิ้นนั้นพุ่งขึ้นมาอีกครั้งจึงทำให้หวังหลินฟื้นตัวได้เล็กน้อย

ดัชนียื่นออกไปอีกครั้งร่อนลงบนหอกที่เข้ามาใกล้

หวังหลินทำเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปจนกระทั่งถอยออกมาได้มากกว่าหนึ่งพันฟุต ในที่สุดพลังของหอกก็อ่อนแอลงจนถูกพลังสังหารหนึ่งสายของหวังหลินทำลายไปได้

หวังหลินมีสีหน้าขาวซีดเนื่องจากสูญเสียเลือดไปมากและกำลังหายใจหนักหน่วง ทว่าแทนที่จะหยุดพักหวังหลินกลับออกห่างไปให้เร็ว

หวังหลินกำลังพุ่งตัวเข้าหาเทือกเขาปิศาจที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง

ลำดับแรกคือการทำลายม่านปิศาจรอบเมืองหลวง ลำดับสองคือการเข้าไปในระยะห้าร้อยฟุตระหว่างปิศาจโบราณเพื่อหยิบยืมกลิ่นอายของตนเรียกร่างเงาโลหิตของเป้ยหลัวออกมา ลำดับสามคือการเข้าไปในสถานที่ซ่อนตัวของปิศาจโบราณเพื่อนำวิญญาณปิศาจโบราณที่ถูกกักขังไว้ออกมา!

หวังหลินไม่มีความตั้งใจที่จะดูการต่อสู้ระหว่างสองปิศาจโบราณในสายหมอก เขาเคลื่อนไหวดุตสายฟ้าเข้าไปในดินแดนศักดิ์ของแคว้นปิศาจอัคคี นั่นก็คือหุบเขาปิศาจ!

หุบเขาปิศาจเป็นสถานที่สงบเงียบอย่างที่สุด ส่วนลึกของหุบเขามีรูปปั้นยักษ์ที่เต็มไปด้วยปราณปิศาจตั้งอยู่ พลังปราณปิศาจจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเข้าหาร่างปิศาจโบราณเพื่อช่วยต่อสู้กับเป้ยหลัว

หวังหลินก้าวเข้าไปแต่รีบหยุดชะงัก ระลอกคลื่นหนึ่งกระจายออกมาจากรูปปั้นและเมื่อระลอกคลื่นนี้กระจายตัวออกมา ปราณปิศาจที่กำลังออกมาจากรูปปั้นได้หยุดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปราณปิศาจรวมเข้าด้วยกันก่อเกิดเป็นร่างอวตารปิศาจโบราณขนาดเท่ากับหวังหลิน!

ปิศาจโบราณตัวนี้มีสองเขาและลอยตัวอยู่กลางอากาศ ปราณปิศาจหลายเส้นสายลอยอยู่เบื้องหลังอวตารและเชื่อมต่อกันกับรูปปั้น

มันมองหวังหลินด้วยสายตาชั่วร้ายเยือกเย็น

หวังหลินมองปิศาจโบราณ หลังจากขบคิดได้เล็กน้อยจงล่าถอย แม้ว่าปิศาจโบราณตัวนี้จะเป็นเพียงร่างอวตารเท่านั้นทว่ามันกลับทรงพลังอย่างยิ่ง หวังหลินคำนวณไว้ว่าเขาไม่สามารถต่อสู้กับมันได้เลยเว้นแต่จะใช้ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว

“หวังหลิน ทำลายรูปปั้นนั่นและช่วยข้าหลอมรวมกับมัน หากเจ้าทำได้เจ้าจะไม่ต้องช่วยข้าอีกกับเรื่องการหลอมรวมกับปิศาจโบราณอีกเจ็ดตน ส่วนสิ่งที่ข้าสัญญากับเจ้า ข้าจะทำทันทีหลังจากข้าหลอมรวมได้แล้ว!”

“เจ้าไม่ต้องการสืบทอดการรู้แจ้งของปิศาจโบราณหรือ? ทำลายรูปปั้นนั่นและเมื่อข้าหลอมรวมกับมันได้ ข้าจะนำสัมผัสวิญญาณของเจ้าประทับในตัวข้า ซึ่งมันจะทำให้เจ้ามีสองมรดกที่มีผลประโยชน์อย่างยิ่งกับเจ้า อีกทั้งข้าได้ช่วยเจ้าไปหลายครั้งแล้วและแค่ครั้งนี้เท่านั้น หวังหลิน ช่วยข้า!!”

เสียงของเป้ยหลัวดังก้องในจิตใจหวังหลิน หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา ผลประโยชน์ที่เป้ยหลัวสัญญาเอาไว้นั้นความจริงแล้วเขาได้ช่วยหวังหลินผ่านสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถึงสองครั้งซึ่งเพียงพอให้หวังหลินลงมือ

ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เคลื่อนปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวหนึ่งสายเข้าสู่นิ้วมือ แสงสีทองเรืองรองจากการปลดปล่อยปราณกระบี่และส่องสว่างขึ้นไปทั้งหุบเขาปิศาจ

ร่างอวตารปิศาจโบราณที่สร้างขึ้นจาปราณปิศาจเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียด จากนั้นขยับแขนสองข้างวาดสัญลักษณ์หลายอย่างกลางอากาศ

หวังหลินสูดหายใจลึกและไม่มีความลังเลใดๆอีก เขาโยนปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวออกไป ชั่วขณะนั้นทั้งหุบเขาปิศาจเต็มไปด้วยปราณกระบี่ ปราณปิศาจแตกสลายภายใต้ปราณกระบี่สายนี้

เจตนากดขี่จากปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวได้ระเบิดพุ่งออกมาและเปลี่ยนกลายเป็นพายุที่กวาดผ่านหุบเขาปิศาจ เสียงแตกร้าวออกมาจากปราณกระบี่ขณะที่พายุพัดผ่านพื้นที่ไปและรอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนปราณกระบี่ด้วย

ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ ปราณปิศาจถูกปั่นเป็นชิ้นๆ

สัญลักษณ์ที่ร่างอวตารปิศาจโบราณวาดขึ้นมาส่องแสงสว่างเจิดจ้า มันมีสายฟ้าเส้นเล็กๆเชื่อมด้วยกันเป็นตาข่ายเพื่อป้องกันปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวไม่ให้เข้ามาใกล้

อย่างไรก็ตามปิศาจโบราณของแคว้นปิศาจอัคคีได้ใช้สัมผัสวิญญาณส่วนใหญ่ไปกับการต่อสู้กับเป้ยหลัว และร่างอวตารที่ทิ้งไว้อยู่ที่นี่เป็นเพียงเซียนขั้นเทวะระดับปลายเท่านั้น หากหวังหลินไม่ได้มีปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว การต่อสู้นี้นับว่าไม่มีหวังเสียแล้ว ทว่าด้วยปราณกระบี่นี้หวังหลินไม่อาจหยุดยั้งได้!

ปราณกระบี่พรั่งพรูและปลดปล่อยแสงสีทองสว่าง ชั่วขณะที่ปราณกระบี่สัมผัสสัญลักษณ์นั้น สัญลักษณ์ทั้งหมดแตกสลายทีละชิ้น

ปราณกระบี่แทงทะลุผ่านสัญลักษณ์และพุ่งตรงไปที่ร่างอวตารของปิศาจโบราณ สีหน้ามันเปลี่ยนไปอย่างมากและเปลี่ยนร่างกลายเป็นมวลปราณปิศาจก้อนนึง พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งและล้อมรอบปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว

เสียงหึ่งๆดังออกมาจากปราณปิศาจหนาแน่น หวังหลินก้าวเท้าและร่อนลงเบื้องหน้ารูปปั้นในทันใด

และประทับมือขวาลงบนรูปปั้นโดยไม่มีอาการลังเล!

“หยุดซะ!” สองเสียงดังกว่าฟ้าฝ่าเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน หนึ่งมาจากท้องฟ้าและหนึ่งมาจากหมอกปิศาจที่กักขังปราณกระบี่ ทั้งสองเสียงเปล่งออกมาในเวลาเดียวกันขณะเดียวกันก็ดุจสายฟ้ากำลังคำราม

แขนยักษ์ข้างหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าและตกใส่หวังหลินด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก หมอกปิศาจยังสร้างศีรษะปิศาจโบราณพุ่งเข้าใส่หวังหลินเพื่อหวังจะกลืนกิน!

หวังหลินเปล่งสายตาส่องสว่างขึ้นและปราณสวรรค์ในร่างกระตุ้นออกมา ขณะที่แขนและศีรษะพุ่งเข้าใส่หวังหลิน ปราณสวรรค์ในร่างได้ไหลเข้าไปในรูปปั้นแล้ว

เสียงแตกร้าวเกิดออกมาหนึ่งชุดและรอยร้าวปรากฏบนรูปปั้น จากนั้นปราณปิศาจจำนวนมหาศาลได้หลุดออกมาผ่านรอยแตกร้าวนั้น! ในชั่วขณะนี้ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวพุ่งออกมาจากหมอกปิศาจและแทงทะลุผ่านศีรษะที่กำลังเข้ามาหาหวังหลิน จากนั้นเพียงแค่หวังหลินคิด มันก็ตกลงใส่รูปปั้น

ปังงงง!

เกิดเสียงดังสนั่นและรูปปั้นแตกสลายอย่างสมบูรณ์!

ขณะที่มันแตกสลาย แขนที่กำลังเข้ามาหาหวังหลินพลันหายไปและเกิดเสียงคำรามไม่ยินยอมจากท้องฟ้าตามมาทันที หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเสียงวิชาหลายอย่างกำลังปะทะกัน เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเป้ยหลัวได้ทำให้เจ้าปิศาจนั่นไม่อาจก่อกวนหวังหลินได้

รูปปั้นแตกสลายและปราณปิศาจจำนวนมหาศาลพุ่งออกมา หวังหลินเห็นกระดูกแขนข้างหนึ่งอยู่ภายในปราณปิศาจหนาแน่นนี้ด้วย!

ดวงตาส่องสว่างจากนั้นยื่นมือเข้าไปคว้ากระดูก!

ในขณะที่สัมผัสกระดูก พลังมหาศาลเหนือจินตนาการพุ่งพุ่งตรงเข้าสู่ร่างหวังหลินทันทีและกระแทกเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิม วิญญาณหวังหลินสั่นสะท้านทันทีและจากนั้นเขาเข้ามาในมิติลึกลับแห่งหนึ่ง

ที่นี่ไม่มีท้องฟ้าหรือผืนดิน มีเพียงความว่างเปล่าไร้ขอบเขตสิ้นสุด แม้ว่าจะเป็นแบบนี้กลับมีพลังลึกลับห่อหุ้มพื้นที่เอาไว้ เมื่อความคิดหวังหลินอยู่ที่นี่เขาสัมผัสความละเอียดที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้

เหตุการณ์หนึ่งชุดปรากฏในความว่างเปล่าด้านหน้า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้บางส่วนเป็นวิชาที่เขาเรียนรู้มาตลอดในทั้งชีวิต

หนึ่งในเหตุการณ์นั้นคือเด็กหนุ่มผู้เยาว์คนหนึ่งกำลังโบกแขนและค่อยๆยกหินก้อนใหญ่ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่ทำการควบคุมหินก้อนนั้นอย่างต่อเนื่อง

ฉากเหตุการณ์สั่นเทาและแตกสลาย จากนั้นเด็กหนุ่มเดินออกมาจากฉากและมองไปที่หวังหลิน เขาเผยรอยยิ้มและนั่งลงข้างหวังหลิน ทว่าฝ่ามือขยับต่อเนื่องใช้วิชาดึงดูดโคจรรอบตัวเอง

อีกเหตุการณ์หนึ่งคือตอนที่ชายหนุ่มดูเย็นชา เส้นผมยาวไสว ดวงตาปิดสนิทแต่เมื่อลืมตาขึ้นมาพลันเกิดแสงเยือกเย็นกระพริบวาบ จิตสังหารเหนือจินตนาการปรากฏขึ้นในสายตา เบื้องหน้าเป็นเซียนขั้นแกนลมปราณนับไม่ถ้วนที่แกนของพวกเขาแตกสลายทีละคนจนกระทั่งตายในที่สุด

ชายหนุ่มคนนี้เดินออกมาจากฉากเหตุการณ์เช่นกัน หลังจากมองหวังหลินเขาก็นั่งลงด้วย เส้นผมพริ้วสะบัดในสายลม จิตสังหารของขอบเขตจวี่กระพริบวาบในร่างกาย

ยังมีเหตุการณ์ที่หวังหลินกำลังใช้ดัชนีแห่งความตาย ดัชนีมารและแม่น้ำอเวจีรวมอยู่ด้วย หวังหลินที่กำลังใช้วิชาหลายอย่างได้เดินออกมาทั้งหมดและนั่งลงไป

นอกจากนี้ยังมีอีกฉากเหตุการณ์ที่ทำให้จิตใจหวังหลินตื่นตะลึง มันคือตอนที่หวังหลินสวมเสื้อคลุมสีเทา เขาคือคนที่มีพลังสังหารหนึ่งล้านสายล้อมรอบตัวเองและทุกที่ที่เขาก้าวไปจะเต็มไปด้วยการทำลายล้าง

เขาดูเหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของหวังหลินและหันกลับมามอง ดวงตาเป็นสีเทาสนิท!

หวังหลินจากทุกเหตุการณ์ได้เดินออกมาและต่างกระจัดกระจายตัวออกไป บางคนหลับตาและฝึกฝน บางคนกำลังแสดงพลังวิชาของตนเอง หนึ่งในนั้นใช้วิชาเทพยับยั้งของจริงด้วย!

หวังหลินตกตะลึงกับฉากเหตุการณ์เบื้องหน้า เขาไม่คุ้นเคยกับฉากเหตุการณ์นี้เลย ตอนนั้นที่หวังหลินกำลังเลือกวิชาจากเทียนหยุนเขาก็เห็นสิ่งเดียวกันนี้ เทียนหยุนแต่ละคนกำลังใช้วิชาที่แตกต่างกัน!

อย่างไรก็ตามหวังหลินตื่นจากอาการตกใจและสังเกตความแตกต่างได้!

ร่างภายในความคิดของเทียนหยุนเป็นรูปร่างราวกับคนจริงๆ จนมิอาจบอกถึงความแตกต่างได้! ทว่าร่างของหวังหลินเองอยู่ระหว่างความจริงและดูไม่จริง บางครั้งก็เป็นรูปร่างและบางครั้งก็โปร่งใสราวกับภาพมายา

“รูปธรรมและนามธรรม…หรือมันจะเป็น…หรือว่านี่คือวิชาที่จะสร้างขึ้นตอนที่บรรลุก้าวแรกระดับสูงสุดและเกี่ยวกับการเข้าสู่ขั้นมายาหยินและตัวตนหยาง…ข้าสามารถได้รับประสบการณ์นี้ก่อนเนื่องมาจากการรู้แจ้งจากมรดกของปิศาจโบราณ…” หวังหลินสูดหายใจลึก

หวังหลินเพียงแค่กำลังคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้เท่านั้นและไม่มีทางที่จะรู้ความจริงได้ ทันใดนั้นร่างเหล่านี้เริ่มเลือนหายจนกระทั่งไม่เหลือใครสักคน หนึ่งในร่างที่จางหายเร็วที่สุดคือร่างหวังหลินชุดสีเทาที่กำลังฝึกฝนศาสตร์สังหารเทพ

ในชั่วพริบตานั้น หวังหลินมองเห็นโอกาสและเคลื่อนร่างไปข้างหน้า รวมร่างกับตัวเขาชุดสีเทาที่กำลังใช้ศาสตร์สังหารเทพ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version