631. มิตรสหาย
ในพริบตาเดียวหลายเดือนผ่านพ้นไป การรบในแคว้นปิศาจอัคคีเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล แคว้นปิศาจฟ้าได้ถอยกำลังพลของตนเอง สงครามที่กินเวลาเกือบร้อยปีจบลงด้วยการที่ปิศาจโบราณกลืนกินปิศาจโบราณอีกตน
ปิศาจโบราณเป้ยหลัวกลืนกินครั้งแรกได้สมบูรณ์และรวมร่างกับปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจอัคคี เขาได้บรรลุพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งจนไม่จำเป็นต้องใช้เลือดของหวังหลินเพื่อสร้างร่างกายและออกมาได้ด้วยตัวเอง
หวังหลินนั่งสมาธิหลับตาอยู่ในทะเลสาบมังกรใกล้เมืองหลวงของแคว้นปิศาจฟ้า เขาสีหน้านิ่งไม่ไหวติงใดๆ
ตอนที่หวังหลินสัมผัสกระดูก หวังหลินได้เข้าสภาวะลึกลับหนึ่ง หลังจากเป้ยหลัวกลืนกินวิญญาณปิศาจโบราณอีกฝ่ายได้ เขาก็ใช้วิชาเพื่อนำหวังหลินมาที่นี่
เวลาเคลื่อนผ่านไปและอีกหลายเดือนผ่านไปอีกครั้ง จนวันนี้ในที่สุดหวังหลินก็ลืมตา
ขณะที่ลืมตาขึ้นมาพลันเกิดแสงสีทองกระพริบวาบอยู่ภายใน กลิ่นอายหวังหลินแตกต่างจากก่อนที่จะเข้าไปในแคว้นปิศาจอัคคี ตอนนี้หวังหลินดูคล้ายกับนักปราชญ์ ไม่มีปราณสวรรค์ใดในร่างกายทำให้ดูคล้ายกับคนธรรมดา
แต่มีกลิ่นหอมหนึ่งในร่างที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบาย
หลังลืมตาขึ้นมา หวังหลินอ้าปากพ่นกลิ่นเหม็นออก
“เผ่าปิศาจโบราณของข้ามีวิชาหนึ่งตั้งแต่เร่ิมต้นกาลเวลา วิชานี้ทำให้เรารู้แจ้งฟ้าดินและสร้างวิชาของตัวเองขึ้นมาได้ วิชานี้สามารถใช้กับร่างชีวิตอื่นได้เช่นกัน ทว่านอกจากเผ่าปิศาจโบราณของข้าแล้วคนอื่นสามารถเจอประสบการณ์ได้ครั้งเดียวในชั่วชีวิตเท่านั้น”
หวังหลินครุ่นคิดและจากนั้นหลับตาอีกครั้ง ฉากเหตุการณ์ที่เขากำลังรวมเข้ากับร่างชุดสีเทามีอยู่เต็มในหัว เมื่อมองกลับไปตอนนั้นในตอนนี้ ดูเหมือนเรื่องราวทั้งหมดเป็นแค่ฝันไปและจิตใจกำลังมีอาการหวาดกลัว
“นอกจากเจ้าแล้ว ข้าได้ให้การสืบทอดกับเซียนอีกสองคนเท่านั้น ทั้งสองสามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในขอบเขตถัดไปได้และได้รับความเข้าใจใหม่ของวิชาตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนคนที่สองนั้นมีพรสวรรค์สูงที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา เขาสามารถสร้างวิชาของตัวเองขึ้นมาได้!”
“พรสวรรค์ของเด็กคนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าปิศาจของข้าเลย!”
หวังหลินหลับตาและถามขึ้นอย่างสงบ “ใคร?”
“เขาชื่อซุนหยุน ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินชื่อเขาไหม…” เสียงของปิศาจโบราณแฝงอาการหวนรำลึก
“ซุนหยุน…” หวังหลินลืมตาขึ้น หลังจากขบคิดเล็กน้อยพลางกล่าว “ผู้อาวุโสปิศาจโบราณ มีอยู่สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในข้อตกลงของเรา!”
สายลมปิศาจสายหนึ่งปรากฏขึ้นในทะเลสาบมังกร สร้างเป็นวังวนกวาดผ่านพื้นที่และเลือนหายไปต่อหน้าหวังหลิน กลายเป็นชายหนุ่มดุจปิศาจขึ้นมา
สิ่งที่เด่นชัดมากที่สุดของชายหนุ่มคนนี้คือดวงตาปิศาจสีเขียว มันปลดปล่อยแสงชั่วร้ายที่ทำให้เขาดูลึกลับอย่างยิ่ง หลังจากปรากฏตัวออกมาได้ยิ้มมองหวังหลินเบื้องหน้าและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าหรอก ขณะที่เจ้ากำลังรู้แจ้ง ข้าได้ใช้วิลาค้นหาร่างกายของสัมผัสวิญญาณจากเจดีย์แล้ว”
ขณะที่ชายหนุ่มกล่าวออกมาเขาโบกมืออย่างลวกๆ จุดแสงหลายจุดปรากฏตรงตำแหน่งที่สะบัดแขนและแสงเหล่านี้รวมกันก่อเกิดเป็นภาพหนึ่ง
ภาพหุบเหวขนาดใหญ่ มองจากเบื้องหน้าราวกับเป็นรอยร้าวยักษ์อยู่บนพื้นดิน ควันดำหลายเส้นพวยพุ่งออกมาเป็นพักๆ ผลกระทบของควันสีดำได้ทำให้แม้แต่ภาพยังสั่นเทา
“สถานที่แห่งนี้เรียกกันตามพวกเซียนเช่นเจ้าว่า เหวนรก กลิ่นอายของสหายเจ้าอยู่ในนั้น! มีทางเข้าสู่เหวนรกเพียงแค่หกที่เท่านั้น หนึ่งในนั้นอยู่ในแคว้นปิศาจวารีซึ่งเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดกับสหายเจ้า!”
หวังหลินมองไปที่รูปภาพ หลังขบคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยถาม “เหวนรกนั่นคืออะไรกัน?”
ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อยและเอ่ยออกมา “มีพื้นที่บางแห่งเกิดการล่มสลายนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ที่พื้นที่แห่งนั้นเกิดการล่มสลายมาตลอดมันจึงมีอุโมงค์ที่นำทางสู่สถานที่นั้นด้วยรูปแบบที่ไม่ทราบแน่ชัด ในอุโมงค์ยังมีพลังดึงดูดเหนือจินตนาการอีก”
“หุบเหวนรกเป็นสถานที่เช่นนั้น”
ปิศาจโบราณเป้ยหลัวไม่กล่าวอีกและหวังหลินไม่ได้ถามต่อ หวังหลินรู้สึกได้ว่าเป้ยหลัวกำลังซ่อนหลายอย่างจากเขา ทว่าหากเป้ยหลัวไม่ต้องการพูดขึ้นมา มันก็ไร้ประโยชน์ที่หวังหลินจะถามอีก
หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่งและถามขึ้น “หากมีทางเข้าหกที่ เช่นนั้นทางออกก็เช่นเดียวกันใช่ไหม?”
ชายหนุ่มยิ้มบาง รอยยิ้มดูชั่วร้ายเล็กๆ “มีทางออกเพียงทางเดียวและมันอยู่ในแคว้นปิศาจอัคคี!” เมื่อกล่าวขึ้นมา มือขวายื่นไปข้างหน้ารูปภาพและรูปภาพแตกสลายไป ทว่าเขาจับจุดแสงทั้งหมดเปลี่ยนมันเป็นหินหยกขนาดเท่าเล็บมือ จากนั้นสะบัดโยนหินหยกให้หวังหลิน
“นำนี่ไป สัมผัสวิญญาณของเจ้าจะสามารถเข้าไปข้างในได้และหยิบยืมวิสัยทัศน์ของข้าเพื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในเหวนรก! สิ่งนี้ถือเป็นของขวัญจากข้าในการทำให้ข้อตกลงของเราเสร็จสิ้น!”
หวังหลินรับหินหยก คำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณท่านมากผู้อาวุโสปิศาจโบราณ”
ชายหนุ่มยิ้มและส่ายศีรษะ “ข้าควรจะเป็นคนขอบคุณเจ้า เจ้าควรไปได้แล้ว ข้าจำเป็นต้องปิดด่านฝึกตนอีกสักพัก”
หวังหลินยืนขึ้นและก้าวเดินไปข้างหน้า ร่างเลือนหายไปและออกจากทะเลสาบมังกร
ชายหนุ่มมองไปที่ตำแหน่งที่หวังหลินไป ดวงตาส่องประกายปิศาจเรืองรอง
“ข้าเพียงต้องใช้เวลาอีกร้อยปีเพื่อดูดซับปิศาจโบราณอีกเจ็ดตัวคนอื่นให้สมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าปิศาจโบราณเป้ยหลังจะถือกำเนิดใหม่…มารโบราณต้าเจี๋ย ตอนนั้นเจ้าขโมยรางวัลหลังการต่อสู้ ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะฟื้นฟูได้มากแค่ไหนในเวลาร้อยปี!”
“อีกทั้งสหายตัวน้อยคนนี้ยังมีกลิ่นอายของเทพโบราณในวิญญาณเสียด้วย แม้มันจะเบาบางมากแต่มันกลับบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นยาบำรุงชั้นยอดให้กับเผ่าปิศาจโบราณและเผ่ามารโบราณของข้า!”
“แต่ว่ายิ่งกลิ่นอายนี้บริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งไม่กล้ากินมัน…” เมื่อชายหนุ่มคิดเรื่องกลิ่นอาย จิตใจก็สั่นเทา
“เทพโบราณ…อาห์…นั่นเป็นเผ่าที่ได้รับพลังอำนาจมากที่สุดตอนที่เกิดการแบ่งบัญชาโบราณ…กลิ่นอายสายนั้นที่อยู่ในร่างสหายน้อยคนนี้กลับทรงพลังอย่างยิ่ง!! คนที่ทิ้งกลิ่นอายไว้ในร่างกายเขาต้องมีอย่างน้อยแปดดาว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นเก้าดาว…เทพโบราณเก้าดาว แม้ข้าจะร่วมมือกับมารโบราณ เทพโบราณตนนั้นคงฆ่าข้าได้ง่ายๆ”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือมีเจตนาซ่อนตัวอยู่ในกลิ่นอายได้อย่างดีเยี่ยม เจตนานั่นทำให้ข้าสั่นเทาทุกครั้งที่สัมผัส มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้คือสายเลือดราชวงศ์…”
“เนื่องจากกลิ่นอายนี้ข้าจึงสามารถสร้างร่างขึ้นมาได้หลังจากยืมโลหิตมาและไม่กังวลเรื่องที่ความคิดเขาจะแตกสลาย ตอนนั้นข้าไม่ได้บอกความจริงให้ฟัง ถึงแม้จะมีคนที่มีกลิ่นอายของเทพโบราณ หากไร้ซึ่งสายเลือดราชวงศ์มันก็ไม่อาจทำให้ข้าสร้างร่างกายขึ้นมาได้!”
“หากข้าและมารโบราณต้าเจี๋ยสามารถรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้ เช่นนั้นเทพโบราณก็สามารถทำได้เช่นกัน หากข้าแยกกลิ่นอายและดูดซับมันก็คงเหมือนกำลังปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งปัญหาในอนาคตแน่นอน!”
“แต่ว่าในขณะที่ข้าสามารถต้านทานสิ่งยั่วยุนี้ได้ ข้าไม่รู้ว่ามารโบราณต้าเจี๋ยจะสามารถต้านทานได้ดีหรือไม่…”
เหวนรกเป็นส่วนที่ลึกลับอย่างยิ่งในดินแดนวิญญาณปิศาจ ที่นี่คือต้นตอของการเกิดการกวาดสิ่งของจากภายนอกเข้ามา มีสมบัติวิเศษมากมายมหาศาล หินวิญญาณและอสูรวิญญาณที่ถูกดูดเข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจได้ถูกลากมาที่นี่
ตอนนี้ในส่วนลึกของเหวนรก มีหมอกสีดำขยายตัวออกมากว้างใหญ่ ในหมอกสีดำนี้มีคนหลายคนนั่งอยู่ในพื้นที่เปิดกว้างกว่าพันฟุต
หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคน เขาหน้าต่อหล่อเหลาเอาการแต่มีความร้ายกาจบนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะนั้นยังปลดปล่อยกลิ่นอายทะเยอทะยานอยู่ด้วย
เขากำลังนั่งสมาธิอยู่ตรงกลาง สีหน้าเยือกเย็น พลังแห่งความตายหนาแน่นโคจรเป็นวงกลมนอกร่างกายและถือกะโหลกรูปทรงประหลาดในมือขวาและนวดมันอย่างต่อเนื่อง
ดวงตาเปิดขึ้นและปิดลง ตอนที่เปิดขึ้นปลดปล่อยสายตามืดมิดและมิดมนจนทำให้คนที่พบเจอสายตานี้ต้องมีจิตใจแตกสลายอยู่บ้าง
มีคนอยู่สี่คนนั่งสมาธิด้านข้างเขา ทั้งสี่คนวมชุดคลุมสีฟ้าและมีกระบี่ใหญ่ติดไว้ด้านหลัง สีหน้าแต่ละคนมิดมนเช่นเดียวกับเขา
ชั่วขณะนี้ สายหมอกสีดำเบื้องหน้าหมุนปั่นเป็นรูปก้อนหอยทันที ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากสายหมอกเผยร่างเป็นชายสวมชุดคลุมสีฟ้าเช่นกัน เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเจ็บปวด “ผู้อาวุโสกรีด อสูรข้างในสายหมอกไม่ได้กระจัดกระจาย…และ…มีมากกว่าเดิม”
ชายวัยกลางคนผู้นี้คือกรีด!
เขาพ่นลามหายใจเย็นและเอ่ยขึ้น “ข้าประเมินที่นี่ต่ำไป อสูรทั้งหมดที่นี่มาจากอวกาศอันกว้างใหญ่และถูกพลังลึกลับพามา เป็นธรรมดาที่มีอสูรที่ทรงพลังปรากฏขึ้น”
ขณะนี้ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวที่เงียบมานานพลันเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโสกรีด มีอสูรพวกนี้มากเกินไป แต่ละตัวต่างโหดร้ายอย่างยิ่ง ปกติแล้วอสูรพวกนี้เป็นตัวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่งแต่ผู้น้อยคิดอยู่นานก็ไม่อาจนึกออกได้ว่าพวกมันคือตัวอะไร”
คนผู้นี้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจ ราวกับศิษย์คนอื่นๆทั้งหมดกำลังนั่งอยู่โดยที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
กรีดมองคนผู้นั้น เขารู้ว่าคนที่พูดออกมามีตำแหน่งสูงส่งในเหล่าศิษย์ทั้งหมดที่นี่ ซึ่งเพราะว่าเขาคือหัวหน้าศิษย์อาวุโส เฉินหลง!
คนผู้นี้เป็นศิษย์ที่รักใคร่ของเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวและฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่ง เขายังซ่อนระดับบ่มเพาะไว้ได้อย่างดีจนแม้แต่กรีดยังต้องมองอีกหลายครั้งเพราะพบเบาะแส บนผิวเผินแล้วระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้คือขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย แต่ในความเป็นจริงเป็นขั้นเทวะระดับต้น แม้ว่าจะไม่ได้มีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดในหมู่สิบสองกระบี่ ทว่าแม้แต่โจวหนิวที่บรรลุขั้นเทวะระดับกลางยังเคารพเขาอย่างยิ่ง
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลง กรีดครุ่นคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมา “อสูรตัวนี้ประหลาดอย่างยิ่ง แม้แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อน อวกาศกว้างใหญ่ไพศาลและสวรรค์ก่อเกิดในวิธีลึกลับจนทำให้เหล่าเซียนมิอาจรู้จักพวกมันทั้งหมดได้”
“อสูรตัวนี้เหมือนจะถูกการเก็บเกี่ยวที่เกิดขึ้นทุกห้าพันปีพัดเข้ามา ข้ากลัวว่าพวกมันอยู่ที่นี่มานานแล้ว ไม่ประหลาดใจเลยที่จะจดจำอสูรตัวนี้ไม่ได้!”
เฉินหลงไม่พูดอะไรอีกและคนอื่นๆต่างครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
คลื่นเสียงแหลมดังออกมาจากภายในสายหมอกสีดำ ณ ปลายขอบสายหมอกสีดำมีอสูรตัวหนึ่งกว้างหลายสิบฟุต เส้นผมสีดำและปากอันแหลมคม มันกระพือปีกของมันเพื่อวนไปทั่วบริเวณ
ดวงตาสีแดงปลดปล่อยแสงเย็นอันแรงกล้า ปากยาวของมันทำให้จิตใจทุกคนที่มองมันสั่นสะท้าน
หากหวังหลินเห็นอสูรตัวนี้เขาคงจดจำพวกมันได้ทันทีว่าคืออสูรยุง ทว่าพวกมันไม่ได้เป็นสีม่วงทองก็เท่านั้น