634. นำปัญหามาให้ตัวเอง
ทั้งห้าคนเหาะเหินลงเข้าไปในหุบเขาอย่างระมัดระวัง หวังหลินไม่ได้อยู่ด้านหน้าแต่กลับอยู่ทางขวา ขณะที่กำลังลงไปเขาก็สังเกตการณ์ข้างๆหุบเขาไปแล้ว
ผิวข้างหุบเขาเรียบอย่างยิ่ง ราวกับถูกตัดด้วยกระบี่อันแหลมคม เมื่อหวังหลินยกมือขึ้นสัมผัสเขารู้สึกถึงความเย็นแทรกผ่านเข้าร่างกายผ่านนิ้วที่สัมผัส
ขณะที่ทั้งห้าลงไปเรื่อยๆ รอบด้านก็ค่อยๆมึดลง ทว่าความมืดมิดนี้ไม่มีผลอะไรต่อเหล่าเซียน พวกเขาใช้ปราณสวรรค์ควบแน่นบนดวงตาทำให้มองเห็นทุกสิ่งอย่าง
ยิ่งลงไปก็ยิ่งมีรอยแตกร้าวปรากฏมากขึ้นก่อเกิดเป็นเส้นสายคล้ายต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขา ทุกกิ่งก้านดุจถ้ำสีดำอันมืดมิด แม้จะควบปราณสวรรค์ในดวงตาแล้ว บางถ้ำยังมองเห็นว่ามันมืดด้วยซ้ำ
เส้นทางกิ่งก้านเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างช้าๆ ร่างตู้เจี้ยนหยุดกลางอากาศ สีหน้ามู่หรงโจวยังคงเยือกเย็น ตอนที่เขาเห็นตู้เจี้ยนหยุดพลันขมวดคิ้วบางแต่ไม่ได้กล่าวอันใด
สตรีทั้งสองคือจ้าวยี่ซวนและฉีเฟยต่างหยุดลงและมองไปรอบด้าน กิ่งก้านสาขาเสมือนกับปากยักษ์ที่กำลังรอคอยเหยื่อให้เข้าไปหา
“ทุกคน ข้าเชื่อว่ามีสมบัติบางอย่างอยู่ในรอยแตกร้าวนี้ ข้าเชื่อว่ายิ่งเราเข้าไปลึกก็ยิ่งมีรอยแตกร้าวมากขึ้น เป้าหมายของเราที่เข้ามาที่นี่คือการหาสมบัติ ดังนั้นตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราแล้ว” สิ้นคำตู้เจี้ยนลอยออกไปเข้าหาหนึ่งในรอยแตกร้าวนั้น
มู่หรงโจวลังเลเล็กน้อยก่อนจะเหาะเหินไปหารอยแตกรูอื่น
จ้าวยี่ซวนหัวเราะเบาๆ “ทำไมศิษย์พี่หวังถึงไม่มองดูรอบๆบ้างเล่า? ท่านอาจจะได้บางอย่างที่ไม่คาดคิด”
หวังหลินส่ายศีรษะ ดวงตาสงบนิ่ง เขาไม่ได้ค้นไปรอบๆด้านแต่เหาะเหินลงไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมองแผ่นหลังของหวังหลิน ดวงตาจ้าวยี่ซวนส่องสว่างขึ้นและนางหันกลับมาสำรวจรอยร้าวหนึ่งด้านข้าง ส่วนสตรีอ่อนแอนั้นนางติดตามจ้าวยี่ซวนอย่างใกล้ชิด
ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไป เขาหันกลับมาตำแหน่งที่สองตรีเข้าไปและเริ่มคิด
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างประหลาดกับสตรีสองคนนั้น…”
ขณะที่กำลังคิด หวังหลินก็ถอนสายตาออกมาและมองลงไปด้านล่าง หุบเหวแห่งนี้ดูเหมือนจะไร้ก้นบึ้งและหวังหลินไม่รู้ว่ามันลึกมากแค่ไหน พวกเขาเหาะเหินลงมานานแล้วก่อนจะพึ่งหยุดลงแต่มันก็ยังไม่ถึงก้นเหว
“แม้แต่ผลึกของเป้ยหลัวยังไม่สามารถมองเห็นด้านล่างเหวนรกแห่งนี้ได้ ข้ารู้สิ่งเดียวก็คือที่นี่มันใหญ่มาก เส้นทางคดเคี้ยวเชื่อมกับทางเข้าทั้งห้าแห่ง ส่วนทางเดียวมีเพียงหนึ่งเดียว!”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ไม่เหาะลงไปแต่ว่ากลับขึ้นมาแทน ชั่วขณะนั้นเขาตรวจจับแรงกดดันหนักอึ้งจากข้างบนได้ทันที
“เป็นเช่นนี้เอง ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าและไม่มีทางออก หากข้าพยายามฝืนออกไปผ่านทางเข้าจะเกิดแรงต้านรุนแรง”
หลังจากยืนยันความคิดนี้ในใจ หวังหลินหยุดตัวกลางอากาศและมองไปรอบๆอย่างละเอียด มีรอยร้าวหลายรอยระหว่างผนัง เขาเพียงตรวจสอบมันอย่างรวดเร็วก่อนจะถอนสายตา
“คนมากมายต้องมาที่เหวนรกแห่งนี้ตลอดหลายปี แม้รอยร้าวพวกนี้จะมีสมบัติมาก่อนจริงๆ ข้ากลัวว่าพวกมันจะว่างเปล่าเสียหมด”
“จากที่ข้าสำรวจด้วยผลึก การลงไปอีกหนึ่งพันฟุตเป็นหนึ่งที่ที่ยากจะก้าวข้ามไปได้”
หวังหลินลอยตัวกลางอากาศด้วยใบหน้าเยือกเย็น หลังจากนั้นไม่นาน มู่หรงโจวก็ลอยลงมาจากเบื้องบน เขาพยักหน้าให้กับหวังหลินและยืนด้านข้าง เงียบกริบไปชั่วขณะก่อนจะถามทันที “สหายเซียนหวัง ท่านคุ้นเคยกับที่นี่บ้างไหม?”
หวังหลินมองมู่หรงโจวพลางกล่าว “มีต้นไม้โบราณต้นหนึ่งเติบโตอยู่บนหน้าผาด้านล่างหนึ่งพันฟุต ต้นไม้นี้ประหลาดอย่างยิ่ง ดังนั้นสหายเซียนมู่หรงควรระมัดระวังให้มากขึ้น”
มู่หรงโจวตกตะลึง เขาพยักหน้าและไม่กล่าวอันใดอีกนาน
หลังเวลาผ่านไปอีกช่วงใหญ่ จ้าวยี่ซวนและฉีเฟยเหาะเหินลงมาโดยมีตู้เจี้ยนตามด้านหลัง
เมื่อทั้งห้าคนกลับมารวมกันอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเก็บเกี่ยวสิ่งใดได้และจึงมุ่งหน้าลงต่อไป ความเร็วของหวังหลินช้าลงเล็กน้อยทำให้เขารั้งท้ายกลุ่ม มู่หรงโจวลังเลและทำสิ่งเดียวกัน
ตอนนี้ตู้เจี้ยนเป็นคนที่อยู่ด้านหน้าเสียแล้ว
พริบตาเดียวทั้งห้าก็เดินทางลงมาอีกพันฟุต ดวงตาหวังหลินส่องประกายเมื่อมองลงไปด้านขวาผ่านผลึก เขาพบว่ามีต้นไม้โบราณกำลังเติบโตอยู่ที่นี่ ต้นไม้ดูธรรมดามากและไม่ได้ใหญ่เกินไปเลย แต่เมื่อหวังผลินมองเห็นมันผ่านผลึก เขาสัมผัสถึงหายนะได้ทันที
ตอนที่หวังหลินกำลังเข้าใกล้ ดวงตาหดเล็กลงและเห็นต้นไม้เหี่ยวแห้งขนาดเท่าคนกำลังเติบโตออกมาจากหน้าผาด้านล่างขวา รากต้นไม้หนาแน่นกระจายออกไปทุกทิศทาง ครึ่งหนึ่งลอยอยู่ในอากาศและส่วนที่เหลือเจาะลึกลงไปในหน้าผา
ตำแหน่งของต้นไม้นี้ช่างแยบยล มันอยู่เหนือช่องว่างขึ้นไป รากของมันแกว่งลงมาก่อเกิดเป็นม่านปกคลุมช่องว่างอีก ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ต้นไม้โบราณต้นเดียว แต่ด้านล่างลงไปหวังหลินยังเห็นอีกเจ็ดถึงแปดต้นแต่มีเพียงต้นนี้ที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเลวร้าย
ผลึกสีม่วงกำลังส่องแสงในช่องว่างราวกับมีสมบัติอยู่ตรงนี้
แสงดูธรรมดาอย่างยิ่งแต่กลับมีกลิ่นอายคมชัด เพียงแค่ชำเลืองมองก็รู้ว่ามันไม่ใช่ของทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้สัมผัสวิญญาณ เพียงแค่ใช้สายตาก็เห็นได้ว่าแสงสีม่วงนั้นคือกระบี่เหินที่แทงทะลุเข้าไปในหนัง
ไม่นานนักเมื่อตู้เจี้ยนมองเห็นแสงสีม่วง ดวงตาส่องสว่างขึ้นและหยุดกลางอากาศทันที เขามองไปที่กระบี่เหินและอุทานออกมา “กระบี่ชะตาสวรรค์!“
หลังกล่าวเช่นนั้น แม้กระทั่งจ้าวยี่ซวนและฉีเฟยยังตกตะลึงและมองไปทิศทางเดียวกัน
หวังหลินมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างใจเย็นและรับรู้ทันทีว่าสตรีที่ดูอ่อนแอชื่อฉีเฟยไม่ได้มองไปที่ช่องว่างแต่กลับมองต้นไม้โบราณโดยไม่สะดุดตา ความเย็นชาแล่นผ่านดวงตาของนางโดยที่แทบไม่สามารถสังเกตได้
ตู้เจี้ยนสูดหายใจลึกมองกระบี่เหินในช่องว่างนั้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้ารู้จักกระบี่เล่มนี้ มันคือกระบี่ของอาจารย์ข้า เทียนหยุน อาจารย์มอบกระบี่ทั้งหมดเจ็ดเล่ม ศิษย์สายตรงได้คนละเล่มซึ่งมันเป็นสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่ง ทว่าผ่านไปนานเข้า กระบี่ทั้งสามเล่มหายไปพร้อมกับเจ้าของ”
ตอนที่เขาเล่าเรื่องนี้พลันมองไปที่หวังหลิน ใบหน้าเผยอาการลังเลและกล่าวออกมา “ศิษย์น้องหวัง เจ้าน่าจะเคยได้ยินซุนหยุน ใช่ไหม?”
หวังหลินพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
ตู้เจี้ยนถอนหายใจและเอ่ยออกมา “ตอนที่ซุนหยุนอยู่ในตำแหน่ง ข้ายังเป็นแค่ศิษย์ทั่วไปและอาจารย์ยังไม่ได้รับข้าเข้าสู่กองกำลังสีแดงเลยด้วยซ้ำ แต่ข้าจำกระบี่เล่มนี้ได้ดี นี่ควรจะเป็นกระบี่ของกองกำลังสีม่วงที่อาจารย์ยกให้ซุนหยุนตอนที่เขากลายเป็นศิษย์สายตรง!”
สายตาหวังหลินหันมาหากระบี่เหินในช่องว่าง เขาไม่ได้พูดอันใด
ในสายตาตู้เจี้ยนเกิดแสงกระพริบเย็นวาบพลันคำนับมือให้กับมู่หรงโจวและสตรีอีกสองคน “พี่มู่หรง ศิษย์น้องจ้าว ศิษย์น้องฉี กระบี่เล่มนี้เป็นของสำนักชะตาสวรรค์ของข้าและยังเป็นกระบี่แห่งกองกำลังสีม่วง เห็นแก่หน้าข้าและยกกระบี่เล่มนี้ให้กับศิษย์น้องหวังได้ไหม? เขาเป็นศิษย์ของกองกำลังสีม่วงแห่งสำนักชะตาสวรรค์ของข้า ดังนั้นการให้เขากลับไปก็เหมือนการคืนเจ้าของเดิม อีกทั้งหลังจากเขาได้รับกระบี่ ตำแหน่งของเขาในกองกำลังสีม่วงจะแตกต่างจากตอนนี้อย่างยิ่ง” น้ำเสียงตู้เจี้ยนเต็มไปด้วยความจริงใจ
แม้สายตามู่หรงโจวจะเย็นชา แต่กลับมีแสงประหลาดกระพริบวาบ เปล่งคำพูดสั้นๆออกมา “ไม่มีปัญหา!”
สตรีอีกสองคนต่างก็ไม่มีการคัดค้านเช่นกัน ตู้เจี้ยนมองหวังหลิน สายตาเต็มไปด้วยความเมตตา “ศิษย์น้องหวัง แม้ว่าระดับบ่มเพาะของข้าจะน้อยกว่าเจ้า แต่ข้าเข้าร่วมสำนักมาก่อน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่คิดเรื่องที่ข้าเรียกเจ้าว่าศิษย์น้อง”
“กระบี่เล่มนี้เป็นของกองกำลังสีม่วงของเจ้า ดังนั้นศิษย์พี่จะไม่ขโมยไปจากเจ้าหรอกและไม่ยอมให้คนอื่นขโมยไปเช่นกัน! ข้าเพียงหวังหว่ากระบี่เล่มนี้จะส่องประกายเจิดจรัสเหมือนดั่งตอนที่มันอยู่กับซุนหยุน”
หวังหลินมองตู้เจี้ยนอย่างสงบนิ่ง ท่าทางของตู้เจี้ยนไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“งั้นก็ขอบคุณ” หวังหลินยิ้มทันที เขามองตู้เจี้ยนราวกับเขาพยายามใช้เคล็ดลับหลอกเด็ก ตู้เจี้ยนคิดจริงๆหรือว่าหวังหลินจะเป็นเด็กสามขวบ
ตอนที่ตู้เจี้ยนเห็นรอยยิ้มหวังหลิน เขารู้สึกว่าเรื่องแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น เขาประเมินหวังหลินต่ำไปจริงๆ ในความคิดเขาแล้วเจ้าเด็กบ้านนอกคนนี้จะถูกเทียนหยุนรับเป็นศิษย์ได้อย่างไร? เว้นแต่จะมีโชคมหาศาล
เขาเคยมาที่นี่คนเดียวมาก่อนแต่ไม่ได้ลงมาที่นี่ด้วยตัวเอง ซึ่งเขาควบคุมหุ่นเชิดโดยใส่สัมผัสวิญญาณเอาไว้ข้างใน หุ่นเชิดตัวนั้นถูกต้นไม้โบราณนี้โจมตี ฉากเหตุการณ์เขย่าขวัญนี้ได้ทำให้เขาไม่กล้าเข้ามาทะเลเมฆอีกนาน
หลังจากเขาพบมู่หรงและคนอื่นๆ ในที่สุดก็วางแผนเข้ามาที่นี่วันนี้ได้
เขามั่นใจว่าหวังหลินไม่อาจมองเห็นแผนของเขาออก นอกจากนั้นแล้วต้นไม้โบราณดูธรรมดามาก ระหว่างทางมีสิ่งที่คล้ายๆกับต้นไม้โบราณนี้มากมายที่ไม่มีความสามารถในการโจมตีเลย
หวังหลินตบกระเป๋าและดาบครึ่งจันทราปรากฏออกมา เขาโยนดาบออกไปในพริบตาเข้าสู่ช่องว่าง ดาบครึ่งจันทรารวดเร็วมากเกินไป มันสามารถหยิบจับกระบี่เหินและกลับมาให้หวังหลินได้ในทันที
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเสียจนต้นไม้โบราณที่แห้งเหี่ยวไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ ดาบครึ่งจันทราลอยเข้ามาหาหวังหลินและกระบี่เหินสีม่วงร่อนลงในอุ้งมือหวังหลินทันที
เมื่อกระบี่เหินอยู่ในมือ ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เพียงบีบหนึ่งครั้งกระบี่ก็แตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่แสงสีม่วงก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง
กระบี่ชะตาสวรรค์เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่ากระบี่เล่มนี้สร้างขึ้นจากเหล็กซึ่งสร้างขึ้นมาจากใครสักคนให้ดูเหมือนสมบัติเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ
หวังหลินมองตู้เจี้ยน สายตายังคงสงบนิ่ง
ตู้เจี้ยนเผยท่าทางน่าเกลียดขณะถอยกลับไปหลายก้าวและขอโทษขอโพย “ศิษย์น้องหวัง ข้าคาดการณ์กระบี่ผิดพลาด…”
ความเย็นเยียบกระพริบผ่านแววตาหวังหลิน หายากนักที่เขาจะไปยั่วยุคนอื่น แต่หากมีคนมายั่วยุเขา หวังหลินจะไร้ปราณี! นี่คือโลกแห่งเซียนอันโหดร้าย หากมีคนอ่อนแอ ผู้นั้นจะตายแน่นอน
หวังหลินก้าวไปข้างหน้า ฝ่ามือขวายื่นออกไปและสายลมรุนแรงพัดตรงเข้าใส่ตู้เจี้ยน สีหน้าท่าทางของตู้เจี้ยนเปลี่ยนไปมากพร้อมกับถอยตัวกลับอย่างรวดเร็วและร้องตะโกน “หวังหลิน นี่มันหมายความว่าอะไร!?”
อย่างไรก็ตาม มันยากมากที่เขาจะหลบเลี่ยงในสถานที่แคบๆด้วยระดับบ่มเพาะของตนเอง แม้เขาจะเคลื่อนที่พริบตาก็ยังไม่สามารถหลบวิชาของหวังหลินซึ่งรวมเข้ากับเต๋าไปด้วยได้ แม้มันจะไม่เพียงพอให้ฆ๋าตู้เจี้ยนซึ่งมีสมบัติปกป้องชีวิตของเทียนหยุน มันก็ยังส่งตู้เจี้ยนไปอยู่ข้างต้นไม้โบราณ
ในชั่วจังหวะนั้น เสียงโหยหวนแหลมคมดังออกมาจากต้นไม้ จากนั้นต้นไม้แตกสลายกลายเป็นแมลงขนาดเท่านิ้วมือนับไม่ถ้วนบินออกมาราวกับก้อนเมฆหนาแน่น
ต้นไม้โบราณเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพมายาที่เกิดขึ้นจากเหล่าแมลงที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่