Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 635

Cover Renegade Immortal 1

635. ตำแหน่งของโจวยี่

แมลงขนาดเท่านิ้วมือพวกนี้สามารถเปลี่ยนสีตัวเองและจมเข้าไปในก้อนเมฆจนคาดเดาไม่ได้ บ่อยครั้งที่ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างก้อนเมฆและหน้าผาด้วยสายตาได้ ส่วนใหญ่แล้วเมื่อมองเห็นไม่ชัด แมลงก้อนเมฆจะกระโจนเข้าใส่ทันที

หลังจากแมลงปรากฏตัว พวกมันแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มและพุ่งเข้าใส่ทุกคน

ท่าทางของตุ้นเจี้ยนเปลี่ยนไปอย่างมากและใบหน้าซีดเผือดอย่างยิ่ง เขาเห็นความทรงพลังของแมลงเหล่านี้มากับตา หุ่นเชิดที่มีร่างเนื้อและวิญญาณได้ถูกพวกแมลงเจาะเข้าไปในร่างและกลืนกินในเวลาเพียงสองวินาที

ชั่วขณะนั้นเองเขาตบกระเป๋าโดยไม่มีอาการลังเลและนำหินหยกช่วยชีวิตที่เทียนหยุนให้ไว้ออกมา หินหยกชิ้นนี้สามารถใช้ได้สามครั้ง เขาใช้มาครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วและตอนนี้จะเป็นครั้งที่สอง

หินหยกปลดปล่อยแสงสีรุ้งหลากสีและห่อหุ้มทั้งร่างตู้เจี้ยนทันที ในขณะที่แสงสีรุ้งปรากฏ แทนที่เหล่าแมลงจะแตกกระจายตัวกัน พวกมันกลับล้อมรอบแสงสีรุ้งใกล้ตัวตู้เจี้ยนและจากนั้นเสียงแทะดังออกมาจากแสงสีรุ้ง

เสียงนี้ทำให้ตู้เจี้ยนหนังศีรษะมึนชา เขาตะโกนออกมาทันที “ช่วยข้าด้วยพี่มู่หรง ช่วยข้าด้วย!”

มู่หรงโจวลังเลเล็กน้อยก่อนจะใช้ฝ่ามือขวาสร้างผนึกกดไปข้างหน้า ปราณสวรรค์ในร่างกายหมุนวนและปรากฏควันสีดำรูปฝ่ามือออกมา ขณะที่เขากดลงข้างหน้า ประทับฝ่ามือพุ่งเข้าหาตู้เจี้ยนซึ่งถูกเหล่าแมลงล้อมรอบ

ประทับฝ่ามือสีดำพุ่งตรงเข้าไปผ่านแมลงและผ่านตู้เจี้ยนราวกับเคลื่อนผ่านอากาศ มันพุ่งทะลุผ่านทุกอย่างและร่อนลงในช่องว่างตรงผนังด้านหลังตู้เจี้ยนจนเกิดเสียงดังปัง!

ฉากเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้สีหน้ามู่หรงมืดมนทันที เขาจ้องไปที่เหล่าแมลงพวกนั้นด้วยใบหน้าน่าเกลียด

ส่วนจ้าวยี่ซวนนางมองพวกแมลงด้วยสายตาล้ำลึก ขณะที่ฉีเฟยเกิดสายตาคาดคำนวณแต่มันก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพราะสายตาหวังหลินกวาดผ่านนางในชั่วขณะ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น เมื่อหวังหลินเห็นว่าเหล่าแมลงเมินเฉยวิชาของมู่หรงโจวอย่างสิ้นเชิง ดวงตาจึงส่องสว่างทันที!

มู่หรงโจวก้าวมาข้างหน้าและใช้ฝ่ามือสร้างผนึกอีกหลายอย่าง เขาใช้วิชาแล้ววิชาเล่าส่งการโจมตีมากมายเข้าใส่เหล่าแมลง แต่พวกมันกลับทะลุผ่านไปหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น

เสียงเหล่าแมลงกำลังแทะดังอย่างต่อเนื่องและแสงสีรุ้งรอบตู้เจี้ยนหมองลงอย่างรวดเร็ว

ตู้เจี้ยนเผยอาการสิ้นหวัง แต่ในชั่วขณะนั้นความคิดเขากลับมากระจ่างชัด หันกลับมาหาหวังหลินและตะโกนโวยวาย “หวังหลิน ข้ารู้ความลับของอาจารย์บางอย่าง หากเจ้าช่วยข้า ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด!”

หวังหลินเมินตู้เจี้ยนอย่างสิ้นเชิงไปแล้วและมองพวกแมลงแทน แมลงเหล่านี้ประหลาดอย่างยิ่ง คราแรกพวกมันแยกย้ายโจมตีทุกคน แต่เมื่อเห็นแสงสีรุ้งจากตู้เจี้ยน พวกมันกลับรวมตัวกันทันที

จ้าวยี่ซวนเล่นผมตัวเองและกล่าวเสียงนุ่ม “หลังจากแมลงพวกนี้กินศิษย์พี่ตู้แล้ว เราจะเป็นเป้าหมายต่อไป หากเราไม่จากไปเสียตอนนี้ ข้ากลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีก”

ในจังหวะนั้นเองแสงสีรุ้งรอบตู้เจี้ยนพลันแตกสลายทันที ความคิดตู้เจี้ยนสั่นสะท้านพลันกระตุ้นสมบัติช่วยชีวิตครั้งสุดท้ายเพื่อทำให้หยกกระจายตัวออกมา

ทว่าเสียงแทะพวกมันดุจเสียงระฆังมรณะดังสะท้อนในใจเขาทำให้จิตใจตู้เจี้ยนเต้นเร็วอย่างยิ่ง

ตู้เจี้ยนกัดฟันแน่นและกล่าวความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจออกมา “หวังหลิน! ข้ารู้ความลับของกองกำลังสีม่วงของเจ้า ข้ารู้ว่าทำไมตอนนั้นซุนหยุนถึงทรยศอาจารย์ หากเจ้าช่วยข้ ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด!!”

หวังหลินมองตู้เจี้ยนด้วยท่าทีบอกไม่ได้ว่าดีหรือร้าย เขาโบกแขนขวาและแสงสีทองสว่างเจิดจ้าปรากฏในฝ่ามือทันที แสงสีทองนี้คือหนึ่งสัญลักษณ์สีทองสิบเอ็ดแบบจากในถ้ำ

แสงสีทองสว่างอย่างยิ่งดุจดวงตะวัน ส่องสว่างขึ้นจนไร้ความมืดมิดในบริเวณนี้ พวกแมลงที่ล้อมรอบตู้เจี้ยนส่งเสียงหึ่งๆรุนแรงและพุ่งเข้าใส่สัญลักษณ์สีทองในมือหวังหลิน

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น เขารู้ว่าตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้อง แมลงพวกนี้มีปฏิกิริยาต่อแสง หรือกล่าวให้ถูกก็คือพวกมันกินแสง!

หวังหลินถอยกลับไปหลายก้าวพลางตบกระเป๋าและพู่กันผลึกปรากฏในมือ เพียงสะบัดหนึ่งครา สัญลักษณ์สีทองอีกหลายชิ้นปรากฏขึ้นมา เหล่าแมลงแบ่งออกไปหลายกลุ่มล้อมรอบสัญลักษณ์แต่ละชิ้นและเริ่มกลืนกิน

หวังหลินสะบัดแขนอย่างต่อเนื่องและก่อเกิดสัญลักษณ์ขึ้นมาทีละชิ้น

ที่นี่ไม่ได้มีเหล่าแมลงมากนัก มีเพียงไม่กี่ร้อยตัว แต่ว่าเพราะพวกมันมีขนาดเท่าเล็บก้อยและมีภาพลักษณ์มายา จึงดูเหมือนมีพวกมันหลายพันตัว เหล่าฝูงแมลงล้อมรอบสัญลักษณ์มากกว่าสิบชิ้นและเริ่มกลืนกิน

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนสะดุ้ง โดยเฉพาะสองสาวซึ่งเผยอาการเหมือนเป็นครั้งแรกคืออาการตกใจ!

ท่าทีเหล่านี้ตกอยู่ในสายตาหวังหลิน ในที่สุดหวังหลินก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกประหลาดจากหญิงสาวสองคนนี้ อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่มีเวลามาจัดการกับเรื่องเช่นนี้ เขาจึงเคลื่อนไปข้างหน้ามาถึงข้างตู้เจี้ยนทันทีและยื่นมือออกไป

ตู้เจี้ยนคือศิษย์ของเทียนหยุน เขาเป็นศิษย์ลำดับเจ็ดของกองกำลังสีแดง แม้ว่าจะไม่ได้บรรลุขั้นเทวะแต่วิชาของเขายังคงน่าอัศจรรย์ ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เขากัดลิ้นตัวเองเล็กน้อยและพ่นแก่นโลหิตวิญญาณดั้งเดิมบางส่วนออกมา

โลหิตลอยอยู่กลางอากาศ มันกำลังเดือดและก่อเป็นรูปทรงกลมขนาดเล็ก หากหวังหลินแตะต้องมันตอนนี้เขาจะเกิดหลุมหลายรูบนร่างกายแน่นอน

ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชา โลหิตที่ตู้เจี้ยนพ่นออกมาปลิวเข้าใส่ข้างแขนเสื้อของเขา วิชาที่ใช้แกนวิญญาณดั้งเดิมนี้ไม่ได้ซับซ้อนมาก เซียนแทบทุกคนต่างรู้จักมันดี อย่างไรก็ตามมันเป็นวิชาที่ทำร้ายผู้ใช้มากที่สุดเพื่อสังหารฝ่ายตรงข้าม

ตู้เจี้ยนใช้โอกาสนี้ถอยกลับมาทันที เขาตบกระเป๋าและนำเศษเนื้อออกมา

ในสายตามีความไม่เต็มใจอยู่ภายใน แม้ว่าเนื้อสีดำนี้จะดูน่าเกลียด เป็นเนื้อที่เขาใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อปรับแต่งมัน หากย้อมสีมันเล็กน้อยจะกลายเป็นสมบัติวิเศษที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง

เขากัดฟันแน่นและโยนมันขึ้นไปกลางอากาศ เศษเนื้อทั้งหมดระเบิดในอากาศและก้อนเมฆสกปรกพุ่งเข้าใส่หวังหลินทันที

หวังหลินเปลี่ยนสายตาเย็นชาขึ้นยิ่งกว่า พลันก้าวไปข้างหน้าชี้ไปที่เศษเนื้อและแม่น้ำอเวจีปรากฏขึ้นทันที กวาดเศษเนื้อทั้งหมดให้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

แม่น้ำอเวจีเป็นแม่น้ำที่สกปรกที่สุดในโลกอยู่แล้ว เมื่อเศษเนื้อเข้าไปในแม่น้ำอเวจี ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้แม่น้ำอ่อนแอ แต่ยิ่งทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ตู้เจี้ยนแข็งแกร่งยิ่งท่ามกลางเซียนในระดับเดียวกันและสมบัติเศษเนื้อนี้ทำให้เขาไม่เคยพ่ายแพ้ ทว่าต่อหน้าคนที่มีเต๋าของตนเองเช่นหวังหลิน มันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเว้นแต่จะใช้มันในขั้นสุดท้ายคือการทำลายม่านกำแพงรอบหัวใจตนเองและก้าวขึ้นสู่ขั้นเทวะ

มือขวาหวังหลินเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าคว้าตู้เจี้ยนที่มีสายตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่ได้ถามอะไรสักคำและกระตุ้นปราณสวรรค์เพื่อตัดวิญญาณดั้งเดิมของตู้เจี้ยนออกจากร่าง จากนั้นตบกระเป๋านำธงกฏเกณฑ์ออกมา สะบัดหนึ่งครั้ง กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนลอยออกมาจากธงสร้างเป็นกฏเกณฑ์รูปทรงวงกลมที่เหมือนเคยใช้กักขังเหยาชีเซว่ไว้ภายใน จากนั้นหวังหลินโยนมันใส่กระเป๋า

หวังหลินทำทั้งหมดรวดเร็วและเรียบร้อยยิ่ง แม้มู่หรงโจวอยากจะพูดอะไรบางอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว

หวังหลินหันกลับมาสะบัดพู่กันในมือ ทำให้สัญลักษณ์กลับมาหาเขา พวกแมลงไม่สนใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นและมีความคิดเดียวคือกลืนกินแสงสีทองเท่านั้น

แต่ว่าแสงสีทองเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด ไม่ว่าพวกมันจะกินไปมากเท่าไหร่ ดูเหมือนจะไม่ลดน้อยลงไปเลย

หวังหลินยื่นนิ้วชี้ออกไปและดวงตาส่องสว่างวาบ ดัชนีแห่งความตายพุ่งตรงทะลุผ่านสัญลักษณ์สีทองราวกับไม่มีมันอยู่ตรงนั้น

เหตุการณ์วิชาทะลุผ่านสัญลักษณ์ไปและวิชาของมู่หรงโจวทุกวิชาต่างล้มเหลวได้ทำให้หญิงสาวสองคนสนใจ มู่หรงโจวเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วิชาต้านทาน!”

หลังจากเขากล่าวเช่นนั้น ในสายตาจ้าวยี่ซวนแฝงความโลภเล็กน้อย ส่วนฉีเฟยเพียงแค่รูม่านตาหดลง มีแค่มู่หรงโจวที่ไม่มีความโลภ เพียงแต่ตกตะลึง

“เหล่าสหายเซียน พวกเราไปกันต่อเถอะ!” หวังหลินกล่าวด้วยท่าทีเป็นปกติ สัญลักษณ์สีทองมีแมลงล้อมรอบเป็นวงกลมอยู่รอบตัวหวังหลินตามเขาไปด้วย

ร่างหวังหลินเริ่มลงไปอีก มู่หรงโจวไม่ได้กล่าวอะไรและทำแบบเดียวกัน ส่วนสองสาวจ้าวยี่ซวนและฉีเฟยเพียงแค่ลังเลแต่ก็ติดตามไป ทว่าพวกนางรักษาระยะห่างจากหวังหลิน เห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดกลัว

‘วิชาต้านทาน…?’ ขณะหวังหลินเหาะเหินเขาจึงลอบส่ายศีรษะ เขาไม่เชื่อว่าจะมีอสูรที่มีวิชาต้านทาน นับประสาอะไรกับแมลงพวกนี้ หากวิชาไม่เกิดผลอะไร เช่นนั้นมันก็ไม่ใช่วิชาที่ทรงพลังเพียงพอ!

หวังหลินรวบรวมปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวเข้าไปในนิ้วมือและแตะไปที่แมลงตัวหนึ่ง มันสั่นเทาทันทีแต่ไม่ตาย

หวังหลินแฝงสายตาตกใจ เขามีปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวเหลืออยู่หนึ่งสาย การใช้พลังน้อยกว่าหนึ่งในร้อยส่วนของปราณกระบี่ถือเป็นขีดจำกัดของหวังหลินแล้ว

ทั้งสี่คนลงมาด้านล่างหุบเหวอย่างต่อเนื่อง สถานที่ที่อันตรายที่หวังหลินพบในผลึกของเป้ยหลัว พวกเขาสามารถผ่านมาได้ด้วยการช่วยเหลือของมู่หรงโจว ซึ่งผ่านมันได้ช้าเล็กน้อย

ช่วงเวลานี้ทั้งจ้าวยี่ซวนและฉีเฟยช่วยเหลือได้ดีอย่างมาก โดยเฉพาะจ้าวยี่ซวน นางมีวิชาอันลึกลับอย่างยิ่ง บ่อยครั้งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่พลังอำนาจที่แท้จริงของวิชาได้แสดงออกมาอย่างเงียบเชียบ

เทียบกันแล้วฉีเฟยดูเหมือนจะไม่เท่ากับนาง แต่หลังจากความสงสัยของหวังหลินเพิ่มสูงขึ้น เขาจึงยิ่งสังเกตการณ์อย่างละเอียด ยิ่งเขาเห็นก็ยิ่งมั่นใจในทฤษฎีของตัวเอง

“ข้าไม่คาดคิดว่าจะเจอคนจากสำนักที่นี่…” หวังหลินถอนสายตาและไม่ให้ความสนใจอันใดอีกพักใหญ่

ตราบใดที่พวกเขาไม่ยั่วยุหวังหลิน หวังหลินก็จะไม่เปิดโปงความลับของสองสาว

ส่วนมู่หรงโจวนั้น วิชาของเขาทำให้หวังหลินเลิกคิ้วขึ้น วิชาของเขามีหลากหลายแบบอย่างยิ่ง ตอนนี้หวังหลินยังไม่เห็นเขาใช้วิชาเดียวกันสองครั้งเลย

หวังหลินเชื่อว่าด้วยระดับบ่มเพาะของเขา หวังหลินสามารถเอาชนะมู่หรงโจวได้ แต่ราคาความบาดเจ็บจะแตกต่างกันหากเขาใช้สมบัติ ทว่ามู่หรงโจวจะไม่มีสมบัติอันใดหรือ?

หากมู่หรงโจวมีวิชาหลบหนีเหมือนที่ชายชราตัวเตี้ยมีและหากมู่หรงโจวต้องการหลบหนี หวังหลินคงไม่สามารถจับตัวได้

“วิญญาณดั้งเดิมของชายชราตัวเตี้ยนั่นได้ถูกผนึกและกักขังในธงวิญญาณ หลังจากช่วยโจวยี่และจัดการเรื่องราวของเหวนรกแล้ว ข้าจะหาเวลาฝึกฝนวิชาพวกนี้เสียบ้าง!”

ณ วันหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของมู่หรงโจว ทั้งสองคนทำงานร่วมกันจนในที่สุดก็ถึงส่วนกลางตอนล่างของเหวนรก จิตใจหวังหลินสั่นเทาแต่ก็ระงับความรู้สึกไว้ทันที แม้แต่ผลึกจากเป้ยหลัวก็ไม่อาจมองเห็นเบื้องล่างส่วนนี้ได้

ทว่าเป้าหมายของหวังหลินอยู่ใกล้มาก ตามที่ปิศาจโบราณเป้ยหลัวพูดขึ้น เขาสัมผัสโจวยี่ได้ที่นี่ แต่ด้วยพลังอำนาจของเป้ยหลัวจึงไม่อาจหาตำแหน่งที่แน่ชัดของโจวยี่ได้

หวังหลินคำนับฝ่ามือ “พี่มู่หรง ข้ามีสิ่งอื่นต้องทำ ดังนั้นข้าจึงไม่ตามพวกท่านลงไปได้” เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะมองใบหน้าสงบนิ่งของมู่หรงโจวและเอ่ยออกมา “ข้ายินดีอย่างยิ่งที่ได้พบพี่มู่หรงในการเดินทางลงเหวนรกครั้งนี้ หากอนาคตท่านมีสิ่งใดต้องการให้ข้าช่วย โปรดบอกมาได้เสมอ!”

หายากมากที่หวังหลินจะกล่าวอะไรแบบนี้เป็นการส่วนตัว แม้มู่หรงโจวจะไม่ค่อยพูด เขาไม่เคยรั้งฝีมือเมื่อจำเป็นต้องทำและไม่เคยถูกความโลภครอบงำ

หวังหลินไม่ได้กล่าวอะไรมากอีก มู่หรงโจวเผยรอยยิ้มหายากพลางพยักหน้าให้หวังหลินและลงไปด้านล่างอย่างเงียบๆ

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยและส่งเสียงสื่อสารให้มู่หรงโจว “พี่มู่หรงโปรดระหวังสองสาวนั้นด้วย หากข้าเดาไม่ผิด พวกนางน่าจะเป็นคนจากสำนักซากศพ หนึ่งในนั้นต้องเป็นร่างศพที่มีวิญญาณดั้งเดิมอ่อนแอแล้ว!”

มู่หรงโจวไม่ได้มองสองสาวหรือทำสิ่งใดตามคำแนะนำที่เขาได้ยินจากหวังหลิน เขาลงด้านล่างต่อไปแต่่ไม่มีใครสังเกตว่าดวงตาเขาส่องสว่างในชั่วขณะและระมัดระวังมากขึ้น

เขาเคยได้ยินสำนักซากศพ สำนักนั้นทรงพลังมากกว่าแคว้นเซียน แคว้นเซียนแทบทุกแห่งจะมีสำนักซากศพหนึ่งแห่ง เห็นได้ชัดว่าทรงพลังเพียงใด!

สองสาวต่างกล่าวคำอำลาและเหาะเหินลงไป ทว่าฉีเฟยเล่นกับผมตัวเอง ผมเส้นหนึ่งหลุดออกมาและติดอยู่กับหน้าผา

หลังจากทั้งสามคนเลือนหายออกไปไกล สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ จดจ้องบนหน้าผาที่อยู่ห่างออกไป เขายื่นมือออกและผมเส้นนั้นลอยเข้ามาหาและถูกหวังหลินจับได้

“ดูเหมือนคำเตือนของข้าจะไม่เพียงพอ!” หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นเยียบและลูบนิ้วตนเอง เส้นผมเกิดไฟสีเขียวลุกโชนขึ้น สัมผัสวิญญาณหนึ่งสายหลุดออกมาจากเส้นผม แต่ก่อนที่มันจะควบแน่นได้หวังหลินพ่นพลังดั้งเดิมออกมาจากปาก สัมผัสวิญญาณแตกสลายทันทีหลังจากปะทะกับพลังดั้งเดิม

ขณะเคลื่อนลงเหวนรก ร่างฉีเฟยสั่นสะท้าน โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากและดวงตาเกิดร่องรอยความหวาดกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version