Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 747

Cover Renegade Immortal 1

747. เผาไหม้

พริบตาเดียววิสัยทัศน์ของหวังหลินก็พร่ามัว ร่างกายหล่นลงและตกกระทบพื้น

ลี่หยวนร่อนลงห่างจากหวังหลินหนึ่งร้อยฟุตทั้งยังใบหน้าซีด ส่วนแม่นางเก้อใบหน้าไร้สีเลือด นางเริ่มอ้วกออกมาทันที ความเร็วนั้นเร็วเกินจนร่างกายของนางแทบไม่สามารถทนได้

จังหวะกระทบพื้น หวังหลินรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากทรงกลมแสงในหน้าอกทันที ความเจ็บปวดหนักหนาสาหัสเหมือนโดนถ่วงน้ำจนมิด

ร่างกายสั่นสะท้าน ความรู้สึกเหมือนตอนเป็นคนธรรมดาแล้วกลืนถ่านหินที่กำลังร้อนระอุ ความร้อนเหนือคณานัปกำลังออกมาจากร่างกายราวกับมันต้องการเผาไหม้ร่างเขาให้เป็นเถ้าถ่าน

ลี่หยวนปรับลมหายใจ สายตาส่องสว่างขึ้นก่อนจะมองหวังหลิน ตอนนี้หวังหลินดูเหมือนกำลังตกอยู่ในความเจ็บปวดมหาศาล ราวกับมีเพลิงเอาไหม้ภายในร่งากย

แม่นางเก้อจ้องหวังหลินด้วยสายตาชั่วร้าย นางบอกได้ว่าสถานการณ์ของหวังหลินตอนนี้ไม่ได้ดีนัก นางสัมผัสกระเป๋าอย่างเบามือและนำมีดสีดำขึ้นมา

เมื่อมีดปรากฏ ภูติผีนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่รอบด้าม มีดเล่มนี้ตกทอดมาจากตระกูลของนางเล่นเดียวกันและมีพิษร้ายสูงมาก พิษของมันสามารถกัดกร่อนเลือดเนื้อได้และภูติผีที่ผนึกอยู่ภายในยังสามารถทำอันตรายให้กับวิญญาณดั้งเดิมได้อย่างร้ายแรง

ลี่หยวนขมวดคิ้วแต่ไม่ได้หยุดนาง หากเขาถูกฆ่าไปแบบนี้ แม้จะไปถึงที่นั่นได้ก็ไม่สามารถบรรลุถึงจุดหมายสุดท้าย

แม่นางเก้อรู้ว่านี่เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต หากนางล้มเลิกโอกาสนี้ นางอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย จึงกัดฟันแน่นกำมีดในมือและกำลังจะก้าวเท้าออกไป

ทว่าจังหวะเดียวกัน หวังหลินลืมตาขึ้นทันทีไร้สิ้นสายฟ้าแต่กลับเป็นเปลวเพลิงแทน เขาจ้องนางที่กำลังถือมีดและเอ่ยเสียงแหบพร่า “มีดนั่นไม่เลว เจ้ากำลังจะยกมันให้ข้าหรือ?”

แม่นางเก้อตกใจ สายตาหวาดกลัวและก้าวถอยหลัง “ใช่…ใช่…” สิ้นคำนางก็โยนมีดไปบนพื้น

หวังหลินหลับตา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาฟื้นคืนสติได้แจ่มชัด มือขวาขึ้นออกไปและมีดลอยเข้าไปในมือ หลังจากมองมันใกล้ๆหวังหลินก็เก็บใส่กระเป๋า

ทรงกลมแสงที่ชายชราควบแน่นได้ระเบิดในร่างกายหวังหลินทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะวิกฤตใหญ่หลวง ความรู้สึกว่าร่างกายกำลังเผาไหม้ยังคงอยู่

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือการเผาไหม้นี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อระดับบ่มเพาะแต่กลับมีประโยชน์มากมายแทน ขณะที่มันเผาไหม้ หวังหลินกระทั่งสัมผัสได้ว่าระดับบ่มเพาะของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆและเข้าใกล้การทะลวงผ่านขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด

ทว่ากระบวนการนี้มีแต่ความเจ็บปวด เพียงพอให้เขาบ้าคลั่งขึ้นมาได้ โชคดีที่หวังหลินบ่มเพาะเซียนมาหนึ่งพันปีทำให้ความคิดมั่นคงดั่งขุนเขา หวังหลินจึงทนต่อความเจ็บปวดได้ จากลักษณะภายนอก คนอื่นไม่สามารถมองเห็นสิ่งผิดปกติอันใดได้เลย

หวังหลินมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ น้ำเสียงไม่แหบพร่าอีกแล้วและเอ่ยถามอย่างสงบ “ลี่หยวน ที่นี่คือชิ้นส่วนที่เจ้าพูดถึงใช่ไหม?”

ลี่หยวนกระพริบสายตาที่มิอาจสังเกตเห็นออกมาพร้อมกับโค้งคำนับและเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “ผู้อาวุโส ตอนนี้ผู้น้อยไม่แน่ใจนัก ข้าจำเป็นต้องไปใจกลางชิ้นส่วนและสังเกตการณ์อยู่สักพัก”

หวังหลินชำเลืองลี่หยวนและพยักหน้า

ลี่หยวนขยับร่างและเหาะเหินออกไป ส่วนแม่นางเก้อตอนนี้นางหวาดกลัวหวังหลินสุดขีดและติดตามลี่หยวนไปอย่างใกล้ชิด นางยังรู้สึกถึงจิตสังหารเต็มเปี่ยมจากสายตาหนึ่งคู่ที่กำลังเฝ้ามองนางจากด้านหลัง

หวังหลินติดตามทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง เหตุผลที่เขาไม่ฆ่าผู้หญิงคนนี้เพราะว่านางเป็นกุญแจสำคัญสำหรับลี่หยวน! ลี่หยวนอาจจะเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมนางถึงสามารถเข้ามาแดนสวรรค์อัสนีได้

ตามที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หากเป้าหมายของลี่หยวนเป็นเพียงกระบี่เหล็กและกฎเกณฑ์ เขาสามารถนำมันมาจากแม่นางเก้อได้ง่ายๆตอนที่เข้ามาแดนสวรรค์อัสนี ซึ่งมันต้องมีเหตุและผลเบื้องหลังการกระทำของเขา

หวังหลินสงบนิ่ง ขณะที่ติดตามด้านหลังพวกเขา หวังหลินยังต้องทนกับความเจ็บปวดในร่างกายไปด้วย ตอนนี้เขาเกิดความรู้สึกซับซ้อนต่อชายชราไปแล้ว

อีกด้านหนึ่งเขาขอบคุณที่ชายชราให้โอกาสเช่นนี้กับเขา แม้ว่าจะทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดแสนสาหัส ระดับบ่มเพาะของหวังหลินก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อีกนัยหนึ่งเขาก็เกลียดชายชราที่เอาอสูรสายฟ้าไปและเล่นสนุกกับเขาถึงสองครั้ง

หลังลอบถอนหายใจ หวังหลินเพ่งสมาธิและระงับความเจ็บปวด หวังหลินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าร่างกายกำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังจากทรงกลมสายฟ้าเข้ามา เขารู้สึกว่าทรงกลมพยายามควบแน่นสายฟ้าในร่างกายและก่อเกิดเป็นร่างและเลือดเนื้อจริงๆให้

หวังหลินไม่รู้ว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน อย่างไรก็ตามก็เกิดความรู้สึกที่ว่าเมื่อร่างกายเปลี่ยนแปลงได้เสร็จสิ้น ความเจ็บปวดจะหายไป เขาสามารถทะลวงผ่านระดับบ่มเพาะขั้นแรกไปได้!

ระดับบ่มเพาะของหวังหลินบรรลุขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดไปแล้วและกระทั่งเขตแดนก็พัฒนาไปเป็นเขตแดนแห่งเวรกรรม แต่หวังหลินยังไม่พบเบาะแสในการทะลวงผ่านระดับเลย

ขณะนี้เขาสูดหายใจลึกและตัดสินใจไม่ระงับความเจ็บปวด ปล่อยให้ความเจ็บปวดระเบิดออกมาและดังนั้นจึงเพิ่มความเร็วการบ่มเพาะได้

มองจากระยะไกล จะเห็นถึงเพลิงจางๆออกมาจากร่างกายหวังหลินราวกับเขากำลังถูกเผาไหม้ หากมองใกล้ๆถึงกับได้ยินเสียงแตกร้าวจากเลือดเนื้อกำลังไหม้ได้เลย

ราวกับว่ามันกำลังเผาไหม้สิ่งสกปรกให้ออกไป

ขณะที่ลี่หยวนเหาะเหินไปเขาไม่ได้หันกลับมาแต่มีกฏเกณฑ์กระพริบวาบระหว่างคิ้ว ด้วยกฏเกณฑ์นี้เขาสามารถสำเร็จวิชาส่วนใหญ่ที่เดิมทีต้องใช้สัมผัสวิญญาณได้

เขาสามารถมองทะลุเห็นสภาวะของร่างกายหวังหลิน หลังขบคิดเล็กน้อยจึงฟื้นคืนสมาธิกลับมา ยิ่งระดับบ่มเพาะของหวังหลินสูงขึ้น การเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นไปอีก อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปล่อยให้หวังหลินบรรลุขั้นมายาหยินได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาหลายประการ

ลี่หยวนคิดขึ้น ‘ดูเหมือนข้าจะไม่ลังเลได้อีก!’

หนึ่งเดือนถัดมา ณ ใจกลางเศษชิ้นส่วนแดนสวรรค์ ลี่หยวนมองไปรอบๆอย่างละเอียดราวกับพยายามเทียบกับภาพในหัว หลังจากผ่านไปสักพักเขาจึงพยักหน้า “หลังมองชิ้นส่วนสองชิ้น ข้าต้องมั่นใจถึงตำแหน่งทั่วไปของดินแดนต้องห้าม อย่างไรมันก็ไม่ใช่ที่นี่แต่เป็นทิศตะวันออก!” ลี่หยวนหันกลับมามองหวังหลิน

หวังหลินมีสีหน้าเป็นปกติพร้อมทั้งเอ่ยด้วยความสงบนิ่ง “นำทางไป”

หลังจากกำหนดตำแหน่งได้แล้วความเร็วของแต่ละคนจึงเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา ลี่หยวนไม่พยายามเสียเวลาอีกและเร่งความเร็วขึ้น จากชายขอบของชิ้นส่วนทางทิศตะวันออก พวกเขาได้เจอโซ่ตรวนสายฟ้าอีกครั้งและมุ่งหน้าออกไปสู่ความว่างเปล่า

แม่นางเก้อทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ติดตามไปเท่านั้น สามเดือนต่อมาพวกเขาก็ข้ามผ่านเศษชิ้นส่วนไปสี่แห่ง ณ วันนี้ลี่หยวนจ้องไปที่ภูเขาสูงตระหง่านด้านหน้าและเผยความตื่นเต้นที่ซ่อนเอาไว้ได้ดีเยี่ยม

“ใช่ที่นี่แล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version