Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 755

Cover Renegade Immortal 1

755. การเปลี่ยนแปลงที่ตกตะลึง

“หนังเทพโบราณ!” หวังหลินจ้องเกราะหนังบนโครงกระดูกด้วยท่าทางมืดมนทันที

เขาไม่สามารถบอกสิ่งที่รู้สึกได้ว่ามันคืออะไร แต่ขณะที่มองเกราะหนัง หวังหลินรู้สึกเศร้าโศก

หวังหลินมองอีกครั้งอย่างละเอียด นี่คืเกราะหนังที่สร้างขึ้นมาจากแผ่นหนังของเทพโบราณจริงๆ แม้จะไม่รู้ว่าเทพโบราณตนนี้มีกี่ดาว แต่เมื่อมองเกราะหนัง หวังหลินกลับคิดถึงเรื่องร่างดั้งเดิมของตัวเอง

ลี่หยวนกระซิบ “พี่ซิ่วรู้จักสิ่งนี้หรือ?”

หวังหลินส่ายศีรษะและเอ่ยท่าทีนิ่งๆ “ข้าไม่รู้จักแต่มันดูคล้ายกับสิ่งที่สหายข้าเป็นเจ้าของ”

ลี่หยวนไม่ได้ถามต่อแต่มองต้นไม้ข้างโครงกระดูกและเริ่มคาดเดา วินาทีต่อมา ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ไปที่ต้นไม้ กฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัมปรากฏขึ้นทันทีและพุ่งไปที่ต้นไม้

กฏเกณฑ์ดอกพลัมทีละเส้นร่อนลงไป พื้นที่รอบต้นไม้เริ่มบิดเบี้ยว ระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาและแม้แต่โครงกระดูกด้านล่างก็เริ่มบิดเบี้ยว

ท้ายที่สุดเกิดเสียงคล้ายกระจกแตกดังกึกก้อง ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าพวกเขาพลันพังทลาย

ต้นไม้และโครงกระดูกหายไปเช่นเดียวกัน เหลือเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ตรงหน้าลี่หยวนและหวังหลินคือค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ปลดปล่อยแสงอ่อนๆออกมา

ลี่หยวนมองค่ายกลเคลื่อนย้ายและเอ่ยขึ้น “นี่คือสามในแปดกฏของกฏเกณฑ์เทพ เป้าหมายหลักคือสร้างภาพลวงตา โครงกระดูกที่เราเห็นไม่ได้นอนอยู่ต้นไม้จริงๆ!”

“ใช้โครงกระดูกเป็นเหยื่อล่อลวงให้ผู้คนสนใจและจากนั้นก็สังหารด้วยกฏเกณฑ์นี้ ข้าไม่อาจเดาได้ว่าในอดีตมีกี่คนที่ตายไปแล้ว” หวังหลินพยักหน้า เขาก็มองออกว่าโครงกระดูกไม่ใช่ของจริง เป็นไปไม่ได้ที่ที่มันจะคงอยู่ครบถ้วนมานานขนาดนั้น

“นี่คือกฏเกณฑ์สังหาร…ดูเหมือนว่าเกราะหนังนั้นเป็นสมบัติเทพที่สิ่งล่อตาล่อใจยิ่ง!” แววตาลี่หยวนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นมา “ไม่รู้ว่ากฏเกณฑ์นี้ถูกเทพทิ้งเอาไว้หรือกับดักที่คนอื่นวางต่อ!”

ลี่หยวนขบคิดกับคำถามนี้เช่นเดียวกัน จากนั้นเอ่ยออกมา “ไม่ว่าจะกรณีไหน ข้ามั่นใจได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่กฏเกณฑ์นี้ถูกทำลาย เพราะข้าสังเกตมันมานานและมันไม่มีร่องรอยของการสร้างขึ้นมาใหม่เลย ระยะเวลาของกฏเกณฑ์ที่อยู่รอบๆต่างก็ตรงกัน”

หวังหลินเพ่งสายตาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “กฏเกณฑ์ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างตามกาลเวลา ซึ่งทำให้มีแสงเล็ดลอดออกมาแสดงให้เราเห็นข้างในกฏเกณฑ์…”

ลี่หยวนขบคิดเล็กน้อยและพยักหน้า “สิ่งที่พี่ซิ่วพูดมีโอกาสถึงเจ็ดในสิบส่วน แน่นอนว่ามันก็ยังมีโอกาสถูกคนอื่นจงใจทำเอาไว้เพื่อสังหารและขโมยสมบัติ”

หวังหลินและลี่หยวนต่างเป็นคนที่มีความคิดและเชาว์ปัญญาที่ดีเยี่ยม สองคนเพียงแค่พูดคุยกันเล็กน้อยก็สามารถคำนวณคำตอบที่มีมากมายนับไม่ถ้วนให้ใกล้เคียงกับความจริง

ขณะนั้นค่ายกลที่ปรากฏขึ้นหลังจากกฏเกณฑ์ถูกทำลายก็แสดงอาการไม่เสถียรออกมาราวกับว่ามันซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดมานาน เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งมันก็เริ่มขัดแย้งกับพลังปราณสวรรค์รอบด้าน

วังวนเล็กๆมากมายปรากฏขึ้นมาตรงขอบของค่ายกลเคลื่อนย้ายซึ่งแสดงว่าอาการนี้กำลังล่มสลาย ภาพมายาบางส่วนถูกสร้างขึ้นมาจากวังวนพวกนี้ แม้ว่าชิ้นส่วนทั้งหมดจะเป็นเพียงภาพแต่ก็ยังมองเห็นซากปรักหักพังโบราณได้

หวังหลินและลี่หยวนสังเกตเรื่องนี้ได้ในเวลาเดียวกันและทั้งคู่ต่างขมวดสายตา

ลี่หยวนหัวเราะ “ดูเหมือนการคาดเดาของพี่ซิ่วจะถู! ทำไมเราทั้งสองไม่เข้าไปตรวจสอบมันเล่า?”

ขณะที่หวังหลินกำลังจะเอ่ยขึ้นมา สัมผัสวิญญาณทรงพลังสายหนึ่งแพร่กระจายออกไป สัมผัสวิญญาณนี้ทรงพลังอย่างยิ่งราวกับว่าตัวมันเองมีวิชาบรรจุเข้ามาด้วย

ขณะที่แพร่กระจายนั้น ก้อนเมฆในท้องฟ้าก็แพร่กระจายราวกับมันไม่กล้าไปตอแยด้วยและยอมให้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบชิ้นส่วนสวรรค์นี้ได้ตามที่ต้องการ

สีหน้าของลี่หยวนเปลี่ยนไป ตอนที่สัมผัสวิญญาณกวาดผ่าน เขารู้สึกราวกับหายใจลำบาก ราวกับสัมผัสวิญญาณนี้เป็นสิ่งที่มีตัวตนและกดทับบนร่างเขาราวกับภูเขาไท่

อีกทั้งพลังปราณสวรรค์ในร่างกายยังหลุดจากการควบคุมและบังคับให้เขากระอักโลหิตออกมา เดิมทีเพียงแค่สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านไป แต่หลังจากนั้นมันก็กลับมาและจับจ้องลงบนตำแหน่งนี้

หวังหลินยิ่งตกตะลึงมากกว่า สัมผัสวิญญาณนี้เขาคุ้นเคยยิ่ง ทว่าชั่วขณะนั้นก็เขาเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลและพุ่งตรงเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้าย

ลี่หยวนใบหน้าซีดและเกือบหมดสติ เขาติดตามด้านหวังหลินไปอย่างกระชั้นชิด

แรกเริ่มเดิมทีทั้งสองอยู่ห่างจากค่ายกลเคลื่อย้ายไม่มากนัก ตอนนี้จึงเคลื่อนไหวเร็วยิ่งและเข้าใกล้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ทว่าทันใดนั้นสัมผัสวิญญาณก็บ้าคลั่งขึ้นมา พื้นที่ภายในระยะหนึ่งพันฟุตรอบตัวพวกเขากลายเป็นสีแดง

ควันสีแดงหลายเส้นโผล่ออกมาทันทีและกลายเป็นเสมือนภูติผี พวกมันร้องเสียงแหลมและพุ่งเข้าใส่หวังหลิน

“กฏเกณฑ์!” หวังหลินตะโกนพร้อมกับคว้าลี่หยวนพุ่งเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้าย

ไหวพริบของลี่หยวนไม่อ่อนด้อยกว่าของหวังหลินดังนั้นจึงเข้าใจหวังหลินได้ทันที หากทั้งคู่โจมตีคงทำให้ช้าลง ณ ช่วงวิกฤตนี้ หวังหลินจึงเพ่งสมาธิไปที่ความเร็วขณะที่ลี่หยวนเพ่งไปที่การโจมตีจึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

เมื่อยอมให้หวังหลินดึงตัวไป ฝ่ามือลี่หยวนขยับเคลื่อนไหวเร็วยิ่ง กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากนั้นก็สั่นไหวแบ่งตัวเป็นสิบแปดชิ้น กฏเกณฑ์จำนวนมากปราฏขึ้นในพริบตา

เหล่าภูติผีหยุดออกมาจากควันแดง หวังหลินไม่ได้หันไปมองกลับหลังขณะที่ดึงลี่หยวนไปที่ชายขอบของค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาอยู่ห่างจากค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงก้าวเดียว

ชั่วขณะนั้นสายลมเย็นเยือกก็โผล่ออกมาจากสัมผัสวิญญาณแล้วจึงเกิดเสียงดังก้องทั่วพื้นที่

“มิติโลหิต ควบแน่น!”

ชั่วขณะที่คำพูดนี้เอ่ยออกมา พลังสายหนึ่งก็เริ่มบิดเบี้ยวพื้นที่ระยะหนึ่งพันฟุต อากาศแข็งกระด้างราวกับพยายายามแช่แข็งทุกสิ่งอย่างภายในพื้นที่แห่งนี้

หวั้งหลินห่างเพียงก้าวเดียว ทว่าหลังจากยกฝ่าเท้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าไป ราวกับภูเขาทั้งลูกรั้งเขาเอาไว้และการก้าวเท้าก็ชะลอตัวลง

แม้กระทั่งร่างกายก็ยังรู้สึกถึงสมบัติทรงพลังมากมายกำลังบิดเบี้ยวเขาเพื่อกักตัวเอาไว้อีกแห่ง ไม่เพียงแต่หวังหลินเท่านั้นแต่รวมถึงลี่หยวนด้วย

พลังสายนี้ทรงพลังเกินไป เทียบได้กับอำนาจแห่งสวรรค์ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นตกลงมาจากฟากฟ้าและจับพื้นที่หนึ่งพันฟุตแห่งนี้เอาไว้ ห้านิ้วของมันเข้ามาใกล้ราวกับต้องการจะบดขยี้

ใบหน้าหวังหลินซีดเผือด เหงื่อเย็นเฉียบเต็มไปทั่วหน้าผาก แม้แต่เลื่อนมือขึ้นไปหยิบสมบัติออกมาก็ยังทำไม่ได้ หวังหลินมองเห็นแสงกระพริบเลือนลางพุ่งเข้ามาจากระยะไกล เป็นร่างสีแดงที่กำลังควบแน่นภายในแสงนั้น

ข้างในแสงสีแดงมีสัมผัสความเกลียดชังโผล่ออกมา เป็นความเกลียดที่ข้ามผ่านมาสองดาราจักร พรั่งพรูไปด้วยจิตสังหารเหนือจินตนาการ…

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version