Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 756

Cover Renegade Immortal 1

756. กับดัก

ช่วงวิกฤตความเป็นความตาย หวังหลินเปิดดวงตาที่สามขึ้นมาโดยไม่ลังเล แสงสีแดงรูปทรงใบพัดเเปิดขึ้นมาและเขาเกือบจะหันศีรษะได้แล้ว

แสงสีแดงนี้ไม่ได้ส่องเข้าหาช่องว่างแต่กลับส่องหาลี่หยวน!

ใบหน้าลี่หยวนซีดเผือดแต่รีบยกแขนขวาขึ้นมาประทับลงระหว่างคิ้วโดยไม่มีอาการลังเล

เส้นสีดำขนาดเท่าแขนเด็กพลันลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว มันเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์รูนเบื้องหน้าเขาและลี่หยวนก็ร้องตะโกน “หัวใจแห่งกฏเกณฑ์ทำลายล้าง!”

พริบตานั้นกฏเกณฑ์ก็เริ่มกระพริบเร็วรี่ ขยายตัวอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เงาสีแดงเข้ามาใกล้มันก็แตกสลายประหนึ่งวินาทีเดียวกัน

ตู้มมมมมม!

คลื่นกระแทกขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้เกิดแรงกระแทกลงบนพื้นที่และไม่มั่นคง กฏเกณฑ์ไม่ได้ถูกทำลายแต่แตกกระจายไปเป็นเส้นสีดำขนาดเล็กหลายพันสายแพร่กระจายเป็นรูปแบบแปลกประหลาด

กฏเกณฑ์พวกนี้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างประหลาด ยิ่งกระจายไปวงกว้างก็ยิ่งทำให้ใบหน้าลี่หยวนซีดขึ้นเท่านั้น ชัดเจนแล้วว่าการใช้กฏเกณฑ์ทำลายล้างของจริงเป็นภาระมหาศาลต่อร่างกายเขา

“ผนึก!”

เพียงคำเดียวกฏเกณฑ์เหล่านี้ก็ล้อมรอบพื้นที่ในทันที พวกมันปรากฏตัวใกล้เงาสีแดงและรวมตัวเข้าหากัน เงาสีแดงเรืองแสงสีแดงสว่างก่อเกิดเป็นทะเลโลหิตกลางท้องฟ้าและพุ่งหากฏเกณฑ์ที่เข้ามาใกล้มันทันที ทว่าในชั่วจังหวะนั้นกฏเกณฑ์ทั้งหมดก็ระเบิดส่งเสียงดังกึกก้อง

ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งสิ้นแสดงอาการไม่มั่นคงออกมาราวกับกำลังพังทลาย

ในจังหวะเวลาที่แรงกดทับพวกเขาลดลง หวังหลินคว้าลี่หยวนก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายที่กำลังพังทลาย

ค่ายกลกระพริบวาบ หวังหลินและลี่หยวนหายไปทันที วินาทีที่พวกเขาเลือนหายไปนั้น แขนซ้ายหวังหลินกระแทกลงบนค่ายกลอย่างรุนแรงจนทำให้มันพังทลาย

พื้นที่รอบด้านเงียบกริบ ร่างโลหิตค่อยๆเดินออกมายืนตรงจุดที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเคยอยู่และขบคิดอย่างเงียบงัน

ผ่านไปสักพักเขาก็ยกเท้าขึ้นกระทืบพื้นอย่างรุนแรง!

ใต้ฝ่าเท้าปรากฏรอยร้าวขนาดใหญ่กระจายออกมาดุจมังกร รอยร้าวแยกตัวกันอีกครั้งและอีกครั้งจนกระทั่งชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งชิ้นปกคลุมไปด้วยรอยร้าวน่าหวาดกลัว

พลังของเซียนที่เหนือขั้นส่องสวรรค์ขึ้นไปนับว่าเกินขีดจำกัดของแดนสวรรค์อัสนี พายุลูกหนึ่งแพร่กระจายผ่านชิ้นส่วนและเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนเต็มไปหมด ขณะนั้นแม้แต่รอยแยกอวกาศก็ยังปรากฏกลางท้องฟ้า

พื้นปฐพีแตกสลาย!

ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ชิ้นนี้พังทลายภายใต้การกระทืบของร่างเงาสีแดง พื้นดินจำนวนมากพังทลายและแตกสลายจนเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่

รอยร้าวมากขึ้นและมากขึ้นเพื่อกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในท้องฟ้า พื้นดินเริ่มแตกออกเข้าสู่มิติว่างอย่างต่อเนื่อง บางส่วนที่ถูกรอยแยกอวกาศกลืนเข้าไปต่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครึ่งชั่วโมงถัดมาท้องฟ้าก็ไม่มีอีกต่อไป พื้นดินกลายเป็นไม่เหลืออะไรเลย หนึ่งในชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ของแดนสวรรค์อัสนีได้หายไปตลอดกาล การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าเซียนที่อยู่บนชิ้นแดนสวรรค์ พวกเขาต่างก็พยายามหนีตายอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อหวาดกลัวความตายจึงทำให้สูญเสียสติปัญญา จึงมีไม่มากนักที่จะมีคนหนีรอดจากการพังทลายของชิ้นส่วนไปได้

ชิ้นส่วนแตกสลายทำให้เกิดวังวนที่ดูเหมือนกำลังกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง มองไกลๆจะเห็นโซ่ตรวนสายฟ้ากำลังถูกดูดเข้าหาใจกลางของวังวน

โซ่ตรวนเหล่านี้ถูกดึงจนกระทั่งยืดตรง การเคลื่อนไหวของมันส่งผลกระทบต่อชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อกัน เกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วแดนสวรรค์อัสนีและจากนั้นทั้งแดนสวรรค์ก็เริ่มขยับอย่างช้าๆ

ทว่าตัวการที่ทำทั้งหมดนี้ไม่สนใจสิ่งใด แม้ทั้งแดนสวรรค์อัสนีจะล่มสลายเขาก็ไม่สน ที่เขาต้องการทั้งหมดคือลูกสาว!

“เจ้าหนูหวังหลิน ครั้งหน้าเจ้าหนีไม่รอดแน่!” ร่างสีแดงหันกลับและหายตัวไปเพียงก้าวเดียว

คนผู้นี้คือบรรพชนโลหิต ตั้งแต่ที่มาถึงแดนสวรรค์อัสนี เขาไม่ได้มองหาสมบัติอะไรเลยแต่กลับเคลื่อนข้ามผ่านชิ้นส่วนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ทุกครั้งที่เขามาถึงชิ้นส่วนแห่งหนึ่งเขาจะตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและจากไป

ท้องฟ้ามัวหมอง บางครั้งก็มีแสงกฏเกณฑ์กระพริบออกมา มองจากเบื้องล่าง ท้องฟ้าไม่ได้สูงส่งอะไรเลย และเมื่อรวมเข้ากับความมืดมิดไปด้วยมันจึงส่งความรู้สึกกดขี่อันทรงพลังออกมา

บนพื้นดินมีเนินเขาเล็กๆมากมายที่สลักไว้บนหุบเขาขรุขระ รอบด้านต่างเงียบเชียบ

บางครั้งในท้องฟ้าก็มีรอยร้าวและปลดปล่อยสายลมหอนอันหนาวเย็นออกมา

ที่นี่มีแต่เพียงเสียงนี้เท่านั้น

มีแท่นบูชาสูงราวหนึ่งร้อยฟุตพร้อมกับขั้นบันไดมากมายนำทางขึ้นสู่ยอด แท่นนี้ถูกตั้งไว้ที่นี่ทั้งยังได้รับความเสียหายและมีรอยร้าวหลายแห่ง

ณ ตอนนี้เกิดแสงกระพริบวาบขึ้นบนยอดแท่นพิธีพร้อมกับมีสองร่างปรากฏตัว

หวังหลินก้าวออกมาด้วยใบหน้ามืดมนยิ่ง อารมณ์ของเขายังตกค้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ซึ่งทำให้เขาตระหนักได้ว่าพึ่งเข้าใกล้ความตายแค่ไหน

ถ้าเขาไม่มีวิชาตาที่สาม สถานการณ์คงแย่ยิ่งกว่า! เช่นเดียวกันถ้าหากกฏเกณฑ์ทำลายล้างของลี่หยวนไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย แม้จะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่เบื้องหน้า เขาก็ยังไม่สามารถหนีรอดไปได้

“บรรพชนโลหิต…” หวังหลินขมวดคิ้ว

ตอนนี้ลี่หยวนได้เดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นกัน โลหิตไหลออกมาจากปาก เขานั่งลงและเริ่มบ่มเพาะทันที

หวังหลินขบคิดพลันนั่งลงและปกป้องลี่หยวน ในเวลาเดียวกันก็แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาตรวจสอบบริเวณ

หลังจากนั้นไม่นานนักเขาถอนสัมผัสวิญญาณ ใบหน้ามืดมนยิ่งกว่าเดิม รอยแยกในท้องฟ้าสามารถกลืนกินสัมผัสวิญญาณได้ ตอนที่เขาแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปมันสามารถกระตุ้นความสนใจรอยร้าวอวกาศเหล่านั้นได้ด้วย

“แม้จะเป็นแบบนี้ อย่างน้อยที่นี่ก็ปลอดภัย!” หวังหลินมองไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปและเริ่มคิด

“บรรพชนโลหิตมาที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าจริงๆ…ตอนที่เขาปรากฏตัว ไม่มีกระทั่งโอกาสให้ข้าได้พูดและพยายามจับข้า เห็นได้ชัดว่าเขาพร้อมจะค้นวิญญาณของข้าเพื่อหาว่าเหยาซีเชว่อยู่ที่ไหน…” หวังหลินสัมผัสกระเป๋า

“ถ้าข้าส่งเหยาซีเชว่ให้ บรรพชนโลหิตยังมาหาข้าอีกหรือไม่…” หวังหลินขบคิดอยู่ชั่วขณะและองครักษ์เทพเดินออกมาปกป้องลี่หยวน จากนั้นเขาก็โบกแขนตัดสิ่งรอบด้าน หวังหลินตบกระเป๋านำทรงกลมกฏเกณฑ์ลูกหนึ่งออกมา มันขยายขนาดเท่าคนหนึ่งคนและเปิดขึ้นคล้ายดอกบัวที่เบ่งบาน

ตอนที่ทรงกลมกฏเกณฑ์เปิดขึ้นมา มีเหยาซีเชว่นั่งอยู่ในดอกบัวพร้อมกับเส้นผมยาวปกคลุมไหล่ การถูกจองจำไว้หลายร้อยปีทำให้นางค่อนข้างอ่อนแอ ขณะนี้เองเปลือกตาของนางก็ขยับและลืมตาขึ้น เมื่อเห็นหวังหลิน สายตางุนงงอยู่ชั่วครู่แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความชัดเจนในเวลาต่อมา

ใบหน้าสงบนิ่งมองหวังหลินไม่เผยความดีใจหรือโกรธเกรี้ยว หลังผ่านไปสักพักปากของนางก็แสดงอาการเยาะเย้ย “ข้ารู้สึกถึงความอาฆาตของวิชาโลหิตท่านพ่อ…ข้ายังสัมผัสได้ถึงความกลัวของเจ้าด้วย…”

หวังหลินจ้องเหยาซีเชว่เงียบๆ

“เจ้าต้องการปล่อยข้าไป? หรือเจ้าต้องการอ้อนวอนขอให้ท่านพ่อข้าไม่ฆ่าเจ้า…หวังหลิน ข้าเดาถูกไหม…” มุมปากเยาะเย้ยของเหยาซีเชว่ยิ่งมีมากขึ้น

“ข้าสามารถปล่อยให้พ่อข้าไว้ชีวิตเจ้าได้นะเพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆ…” แววตาสงบนิ่งหายไปและถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชังฝังลึก

หวังหลินขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังพูดว่าไม่ว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่ โชคชะตาของข้าก็เหมือนเดิมสินะ…”

เหยาซีเชว่มองหวังหลินและเอ่ยเย็นเยียบ “เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าหรอกเพราะการฆ่าข้าก็เหมือนกับการปล่อยข้าเป็นอิสระ! หากเจ้าผนึกข้าไว้ที่ไหนสักแห่ง เจ้าจะต้องเผชิญกับการค้นหาของพ่อข้าไม่มีสิ้นสุด วันหนึ่งพ่อข้าจะหาเจ้าเจอและข้าก็จะรอด”

ขณะที่หวังหลินจ้องเหยาซีเชว่ ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา รีบสร้างผนึกอีกหลายอย่างประทับลงบนร่างของนาง ทรงกลมกฏเกณฑ์หดลงกลายเป็นทรงกลมแสงและหวังหลินเก็บใส่กระเป๋าไป

จากนั้นก็ยืนขึ้นมองออกไปไกลและเริ่มขบคิด

“ปล่อยเจ้าไป…หรือไม่ปล่อยเจ้าไป…นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า แต่ขึ้นอยู่กับบรรพชนโลหิต!” แววตาหวังหลินดุร้ายยิ่ง จากนั้นเขาก็ลบล้างกฏเกณฑ์โดยรอบและมองลี่หยวน

วินาทีต่อมาลี่หยวนค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นเหม็นออกมา แววตาหวาดกลัวและเอ่ยถาม “พี่ซิ่ว คนผู้นั้นเป็นใคร!?”

หวังหลินถอนหายใจ เขาก้าวถอยไปสองสาวก้าวจึงคำนับฝ่ามือให้ลี่หยวน “ข้าได้ทำให้น้องลี่ลำบากแล้ว คนผู้นั้นเรียกกันว่าบรรพชนโลหิต ระดับบ่มเพาะของเขาหยั่งไม่ถึงและข้ามีข้อบาดหมางกับเขาเอาไว้ ตอนที่เจ้าและข้าออกไปได้ เจ้าควรจะไปก่อนอันดับแรกก่อนที่จะเกี่ยวข้องไปด้วย”

ลี่หยวนยิ้มบิดเบี้ยว “พี่ซิ่ว ระดับบ่มเพาะของคนผู้นั้นไม่ใช่ระดับขั้นสองธรรมดา กฏเกณฑ์ทำลายล้างของข้าเพียงแค่ระดับสี่เท่านั้น ทว่าแม้ข้าจะใช้มันร่วมกับหัวใจกฏเกณฑ์ เขาก็ยังหนีรอดไปได้ ข้ากลัวว่าระดับบ่มเพาะของเขาสูงมากกว่าขั้นส่องสวรรค์เสียอีก อย่างน้อยๆก็ชั้นชำระสวรรค์…ด้วยระดับบ่มเพาะเท่านี้ถือเป็นตัวตนชั้นยอดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าได้แล้ว…ท่านไปตอแยคนแบบนั้นได้อย่างไร? …ถ้ากฏเกณฑ์ทำลายล้างของข้าบรรลุถึงระดับเจ็ด ข้าอาจจะสามารถผนึกเขาได้”

หวังหลินสงบนิ่งพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “น้องลี่ช่วยกันหาทางออกก่อน เราค่อยคุยอีกครั้งเมื่ออกไปได้แล้ว”

ลี่หยวนถอนหายใจ “แม้ว่าระดับบ่มเพาะของคนผู้นั้นจะสูงส่ง หากเราไปยั่วยุเขามันคงไม่มีทางใดที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ ช่างมันเถอะ หาทางออกกันก่อน”

หลังจากพูดจบเขาก็ยืนขึ้นมองไปรอบๆ

หวังหลินมองหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปและพูดขึ้นมา “เจ้าไม่สามารถแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณได้ มีรอยร้าวอวกาศที่กลืนกินมันอยู่”

ดวงตาลี่หยวนเผยแสงประหลาดใจ เขากระโดดออกจากแท่นพิธีและคว้าดินมาหนึ่งกำมือ หลังจากมองมันชัดๆเขาก็มุ่งไปข้างหน้าและกระโดดไปบนต้นไม้ หักกิ่งออกมาหนึ่งกิ่งวางไว้ในปาก แสงประหลาดในแววตายิ่งรุนแรงขึ้น

“พี่ซิ่ว ขอข้ายืมหุ่นเชิดของท่านนะ!” หลี่หยวนลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างช้าๆและรอยร้าวอวกาศนั้นดูเหมือนจะต้องการกลืนกินเขา

แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น ตอนที่เขาเห็นท่าทางของหลี่หยวน หวังหลินรู้สึกว่าลี่หยวนพึ่งจะค้นพบอะไรบางอย่างใหม่ เพียงแค่คิดขึ้นมาองครักษ์เทพก็กระโดดไปด้านข้างลี่หยวน

หากมีรอยร้าวปรากฏขึ้นมา องค์รักษ์เทพจะชกกำปั้นใส่ความว่างเปล่าเพื่อสร้างวังวนให้แพร่กระจายรอยร้าว แม้ว่าผลลัพธ์ไม่ได้ดีนักแต่ก็ยังพอส่งผลกระทบอยู่บ้าง

ขณะลี่หยวนลอยสูงขึ้นและสูงขึ้น รอยร้าวอวกาศก็ยิ่งปรากฏมากขึ้น องครักษ์เทพเป็นเสมือนกับวังวนสีทองที่ล้อมรอบลี่หยวนและส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง

ลี่หยวนพุ่งขึ้นไปกลางอากาศมองออกไปไกล ดวงตาตื่นตะลึงด้วยความไม่เชื่อ

ชั่วขณะนั้นรอยร้าวขนาดใหญ่หลายเท่ามากกว่าปกติปรากฏขึ้นเบื้องล่าง รอยร้าวนั้นส่งพลังดึดดูดอันแข็.แกร่งออกมาเพื่อพยายามกลืนกินลี่หยวน

สีหน้าลี่หยวนเปลี่ยนไปและรอยร้าวอีกหลายจุดปรากฏด้านข้าง ด้วยรอยร้าวหลายแห่งแบบนี้ แม้องครักษ์เทพจะเร็วพอก็ยังตกอยู่ในวิกฤต

หวังหลินก้าวเท้าและตบกระเป๋านำม่านขุนเขาและสายน้ำออกมา ภาพวาดขุนเขาและสายน้ำปกคลุมผืนฟ้าและดูดซับรอยร้าวอวกาศส่วนใหญ่เอาไว้ทันที หวังหลินใช้โอกานี้พุ่งออกไปและลากลี่หยวนกลับมา

ขณะที่รอยร้าวด้านล่างลี่หยวนพยายามกลืนกินพวกเขา ทั้งสองคนและองครักษ์เทพกลับถึงพื้นในเสี้ยววินาที

ภาพวาดกลางท้องฟ้าราวกับมันถูกฉีกกระชากด้วยรอยแยกเล็กๆมากมายและได้รับความเสียหาย หวังหลินมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับโบกแขนพาให้ภาพวาดหายไป ม่านกลับคืนสู่มือเขาและเก็บใส่กระเป๋า

“พี่ซิ่ว ท่านรู้ไหมว่าที่นี่มันคือที่ไหน?!” ลี่หยวนเผยใบหน้าตื่นเต้น เขายังไม่เชื่อสายตาตัวเอง พลันสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้นมา “พี่ซิ่ว หาได้ยากยิ่งที่เหล่าเทพจะใช้กระเป๋า โดยทั่วไปพวกเขามักจะเปิดมิติของตัวเองขึ้นมา เมื่อเทพตายไป มิติเหล่านั้นไม่ได้สลายไปแต่ยากนักที่จะเปิดมันออกได้อีกครั้ง”

หวังหลินตกตะลึง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทันที “น้องลี่หมายความว่าตำแหน่งของเราตอนนี้คืออยู่ในมิติคลังของเทพอย่างนั้นหรือ?”

ลี่หยวนหัวเราะ ดวงตาตื่นเต้นขึ้นไปอีกและพยักหน้า “ใช่แล้ว ที่นี่ที่ค่อนข้างเก่าและมิติไม่เสถียร ดังนั้นรอยร้าวจึงเกิดขึ้นมา ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเข้ามาที่นี่”

“พื้นดินที่นี่ถูกเอามาใส่ไว้จากด้านนอก แม้แต่ภูเขาและต้นไม้ก็ด้วย ทั้งหมดต่างถูกนำมาจากข้างนอก”

แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาดลึกลับและเอ่ยขึ้นช้าๆ “น้องลี่ ถ้าหากที่นี่พังทลาย ทุกสิ่งทุกอย่างข้างในจะแตกสลายไปด้วย…”

ลี่หยวนตกตะลึงและพยักหน้า “ใช่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่เศษเสี้ยวแดนสวรรค์เหมือนด้านนอก เมื่อที่นี่แตกสลาย พลังรุนแรงจะทำให้ทุกสิ่งข้างในแตกสลายไปด้วยโดยไม่มีอะไรเหลือทิ้งเอาไว้ อย่างไรเสียพี่ซิ่วสบายใจได้ เพราะหากไม่มีสิ่งรบกวนภายนอก ที่นี่ไม่น่าจะพังทลาย เว้นแต่…ท่าน….เป็นไปได้ว่า…” ขณะลี่หยวนเอ่ยขึ้นมาเขาก็คิดบางอย่างขึ้นได้และสูดหายใจหนาวเหน็บเข้าปอด

ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเบา “หากเป็นเช่นนั้น บางที…ข้าสามารถวางกับดักเพื่อต่อกรกับบรรพชนโลหิตได้!”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version