762. โอกาส 1
น้ำเสียงบรรพชนโลหิตเต็มไปด้วยจิตสังหารและเต็มไปทั่วมิติเก็บของ ภูเขาถูกฉีกกระชาก หุบเขาหลอมละลาย กฏเกณฑ์มากกว่าพันจุดกระตุ้นขึ้นมาทำให้มิติเก็บของเข้าสู่สถาวะล่มสลายขั้นสุดท้าย
ขณะนี้เองดวงตาบรรพชนโลหิตแดงฉานและแทบจะบ้าคลั่ง ความเร็วเหนือจินตนาการ มาถึงถัดกับค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เสริมขึ้นมาใหม่ทันที
ราวกับมิติเก็บของกำลังถูกเพลิงสีดำเผาไหม้อยู่ด้านหลัง เพลิงนี้โหดเหี้ยมและต้องการกลืนกินบรรพชนโลหิต
ขณะที่บรรพชนโลหิตกำลังจะก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและออกไป สีหน้าท่าทางของหวังหลินซึ่งกำลังถูกเข็มสีแดงไล่ล่าก็พลันมืดมัว แม้สัมผัสวิญญาณข้างในองครักษ์เทพถูกทำลายไปแล้ว องครักษ์เทพก็ยังไม่ได้ถูกทะเลโลหิตหลอมไปอย่างสมบูรณ์
หวังหลินสามารถมองเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายผ่านการเชื่อมต่อที่มีอยู่กับองครักษ์เทพและเห็นร่างบรรพชนโลหิตกำลังควบแน่นอย่างรวดเร็ว
หวังหลินรู้ตัวว่าเขาคงตายโดยไม่มีโอกาสรอดถ้าหากบรรพชนโลหิตหนีออกมาได้
ภายใต้สถานการณ์วิกฤตนี้ หวังหลินถอนหายใจและตัดสินใจอย่างแน่วแน่
“ข้าไม่อาจทำสัญญาให้สมบูรณ์ได้ ข้าจะทำมันให้ในภายหลังแล้วกัน!”
ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้าย ดวงตาองครักษ์เทพที่กำลังกักขังอยู่ในทะเลโลหิตพลันส่องสว่างเจิดจ้าขึ้นมา แสงส่องสว่างจนปกคลุมไปทั้งร่างกายและระเบิดออกมาพร้อมกับกลิ่นอายทำลายล้าง
ราวกับพายุกำลังก่อตัวขึ้นในร่างกายเทพโบราณ ลำแสงสีทองหลายเส้นพุ่งออกมาจากร่างดุจกระบี่ การระเบิดตัวเองของเซียนขั้นมายาหยินได้สร้างพลังทำลายล้างน่าหวาดกลัวึ่งทำให้องครักษ์เทพพุ่งตัวออกมาจากวิชาของบรรพชนโลหิตได้
แม้ว่าวิชาของบรรพชนโลหิตไม่ได้ควบคุมองครักษ์เทพอีกแล้ว มันก็ยังไม่ธรรมดา ขณะที่หล่อหลอมองครักษ์เทพมันก็ทำการลดพลังการระเบิดตัวเองลงถึงหกในสิบส่วน
องครักษ์เทพพุ่งออกมาพร้อมกับพลังทำลายล้างสี่ในสิบส่วนและมาถึงใกล้กับค่ายกลเคลื่อนย้าย ขณะที่บรรพชนโลหิตปรากฏตัวออกมา องครักษ์เทพได้เรืองแสงดุจดวงอาทิตย์ไปแล้ว
พลังระเบิดทรงพลังปะทุขึ้นมาในจังหวะนี้เอง
ภายใต้อำนาจของพลังทำลายล้างนี้ ค่ายกลเคลื่อนย้ายพังทลายกลายเป็นจุดแสงและหายไปทันที
ข้างในมิติเก็บของนั้น บรรพชนโลหิตเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายครึ่งส่วนแล้ว เขาร้องคำรามออกมาและถูกผลักออกไป เขาเฝ้ามองค่ายกลเคลื่อนย้ายที่แตกสลายไปอย่างรวดเร็วราวกับเวลาหลายพันปีถูกบีบรัดกลายเป็นหนึ่งลมหายใจ
ณ จังหวะวิกฤต ร่างบรรพชนโลหิตปลดปล่อยแสงประหลาด มองทรงกลมกฏเกณฑ์ที่มีเหยาซีเชว่อยู่ข้างในและบดขยี้มันโดยไม่ลังเล!
ภายใต้พลังทำลายล้างของมิติเก็บของ แม้เหยาซีเชว่จะกินเม็ดยาวิญญาณโลหิต เพียงแค่เม็ดเดียวมันคงไม่เพียงพอ นั่นเป็นเหตุผลว่าบรรพชนโลหิตจึงบดขยี้ทรงกลมกฏเกณฑ์เพื่อปล่อยให้เหยาซีเชว่รอดออกมา ด้วยความเข้าใจของบรรพชนโลหิตในด้านเม็ดยาวิญญาณโลหิต เขารู้ว่านางได้กินเม็ดยาไปแล้วหนึ่งเม็ด
เบื้องหลังเป็นเพลิงสีดำโผล่ออกมาและมีแสงสีแดงส่องสว่างขึ้นจากบรรพชนโลหิตอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการเลื่อนเวลาล่มสลายออกไปและซื้อเวลาเพื่อให้เหยาซีเชว่ไม่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการเกิดใหม่ของนาง
บรรพชนโลหิตอ้าแขนออก ระดับบ่มเพาะขั้นชำระสวรรค์ระดับดับกลางของเขาพุ่งพล่านไม่มียั้งเอาไว้ คลื่นแสงโลหิตโผล่ออกมาจากร่างกายป้องกันเพลิงสีดำที่กำลังกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
ร่างกายเขาถูกปกคลุมและเพลิงนั้นเริ่มเผาไหม้เขาในพริบตา ความเจ็บปวดที่เขาไม่ได้รู้สึกมานานเป็นหมื่นปีเต็มไปทั่วร่างกาย ทว่าบรรพชนโลหิตไม่สนใจ เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่พลังของตัวเองเพื่อป้องกันระยะสามสิบฟุตเบื้องหน้าไม่ให้สัมผัสวิญญาณของเหยาซีเชว่แตกสลาย
ลมหายใจไม่กี่ครั้งนานดุจนับหมื่นปี ภายใต้การป้องกันของผู้เป็นพ่อเพื่อระงับการพังทลาย กระบวนการฟื้นคืนชีพของเหยาซีเชว่จะไม่ได้รับผลกระทบจากมิติพังทลาย
แสงสีแดงเต็มไปทั่วบริเวณตำแหน่งที่เหยาซีเชว่ซ่อนเม็ดยาวิญญาณโลหิตเอาไว้ในดินแดนวิญญาณปิศาจ และเหยาซีเชว่ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมา
หลังจากปรากฏตัวขึ้น นางมองไปบนท้องฟ้า ดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจและเจตนาเข่นฆ่าไม่มีวันลืมเลือน
หลังจากเห็นว่าสัมผัสวิญญาณของลูกสาวออกไปได้ปลอดภัยแล้ว บรรพชนโลหิตเผยรอยยิ้มเมตตาของผู้เป็นพ่อ จากนั้นร่างกายตัวเองได้ถูกเพลิงสีดำห่อหุ้มเอาไว้
เขานำเม็ดยาวิญญาณโลหิตออกมาสามเม็ด ไม่ได้กลืนกินมันแต่บดขยี้พวกมันทั้งหมด!
มีเม็ดยาวิญญาณโลหิตเพียงแค่สิบสามเม็ดเท่านั้น! ส่วนใหญ่อยู่กับเหยาซีเชว่ ส่วนบรรพชนโลหิตมีอยู่เพียงสามเม็ด! เม็ดยาวิญญาณโลหิตกระจัดกระจายตัวและมีของเหลวสีฟ้าโผล่ออกมาจากข้างใน ของเหลวนั้นและเพลิงสีดำลบล้างกันและกันออกไป
ณ ตอนนี้ที่ทั้งมิติเก็บของพังทลาย ทุกสิ่งทุกอย่างภายในก็หายไปด้วย มันไม่ได้โยนเข้าไปในความว่างเปล่าแต่แตกสลายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีร่องรอย
หวังหลินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วข้ามผ่านชิ้นส่วนที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่ ร่างกายกระพริบวาบก้าวครั้งเหาะเหินว่องไวโดยมีเข็มสีแดงไล่ตามกระชั้นชิด
ทว่าวินาทีถัดมา เข็มสีแดงหยุดไล่ตามเขาและแตกสลายทีละชั้นจนกระทั่งมันสูญหายไปเกือบสมบูรณ์…หวังหลินรู้สึกโล่งอกและพบว่าเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อไคล สายลมเบาๆพัดพาทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบ
เบื้องหน้าเขา เข็มสีแดงโปร่งใสไปแล้วครึ่งนึงและค่อยๆหายตัวไป ทว่าขณะที่มันกำลังจะหายวับอย่างสมบูรณ์มันก็หยุดลง หันกลับมาและลอยออกไปไกล
‘ไม่ตาย?’ ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและพุ่งตัวออกไปโดยไม่ต้องคิด ฝ่ามือยื่นออกพ่นพลังดั้งเดิมสร้างเป็นคุกกักขังเข็มสีแดงเอาไว้
เข็มสีแดงส่งเสียงหวีดหวิวแหลมราวกับต้องการพุ่งตัวออกไป มันพยายามชนเข้ากับคุกอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งจะทำให้ใบหน้าหวังหลินซีดขึ้นเล็กน้อย
ดวงตาเยือกเย็น พลังปราณสวรรค์กระตุ้นให้คุกแข็งแกร่งขึ้นไปอีก หวังหลินดึงมันเข้ามาจ้องอย่างช้าๆ สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ผนึก!” สิ้นเสียงตะโกน คุกก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งห่อหุ้มรอบตัวเข็ม หวังหลินคว้าเอาไว้และร่อนลงบนพื้นดิน
หากเข็มสีแดงนี้ไม่สูญเสียพลังเกือบทั้งหมด คงเป็นไปไม่ได้ที่หวังหลินจะผนึกมันเอาไว้ ทว่าตอนนี้เข็มอยู่ในสภาวะอ่อนแอที่สุดและหวังหลินก็ใช้พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดในร่างเพื่อผนึกมัน
แม้กระนั้นผนึกก็ยังไม่เสถียร เข็มสีแดงดูเหมือนจะสามารถพุ่งออกมาได้ตลอดเวลา หวังหลินสูดหายใจลึก ท่าทางมืดมนยิ่ง
‘บรรพชนโลหิตไม่ตาย…แม้เขาจะไม่ตายก็ต้องอ่อนแอมาก ไม่เช่นนั้นเข็มนี้คงไม่อ่อนแอขนาดนี้…เมื่อบรรพชนโลหิตฟื้นตัวขึ้นมาได้ สิ่งแรกที่เขาจะทำคือสังหารข้า…’ สายตาหวังหลินจ้องไปที่เข็มสีแดงด้วยความเย็นเยียบ เข็มนี้เกือบโปรงใสและส่งกลิ่นอายแห่งความตายออกมา
‘เข็มนี้ต้องถูกบรรพโลหิตเรียกกลับไป ข้าไม่อาจพลาดโอกาสนี้ไปได้ ข้าต้องเสี่ยง!’ หวังหลินกัดฟันและโยนเข็มสีแดงออกไป มันลอยห่างออกไปโดยมีหวังหลินติดตามอย่างกระชั้นชิดพร้อมกับจัดแจงพลังปราณสวรรค์ในร่างกายไปด้วย
ผนึกของเขาอยู่บนเข็มซึ่งทำให้ติดตามได้ง่ายดาย หนึ่งคนหนึ่งผนึกเคลื่อนไหวข้ามผ่านแดนสวรรค์อัสนีอย่างรวดเร็ว บ่อยครั้งที่พวกเขากระพริบตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หยดโลหิตเล็กๆจำนวนมากลอยอยู่ในความว่างเปล่า ณ แดนสวรรค์อัสนี มีแสงสีน้ำเงินกระพริบออกมาจากหยดโลหิตพวกนี้ซึ่งทำให้ดูงดงามอย่างยิ่ง
หยดโลหิตทุกหยดมีร่องรอยของวิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิตและมีพลังดั้งเดิมจำนวนมาก ตอนที่มิติเก็บของแตกสลายนั้น เขาได้ใช้เม็ดยาวิญญาณโลหิตและวิชาหลับของตระกูลเหยาเพื่อเอาชีวิตรอด
ตอนที่เขามาดาราจักรทุกชั้นฟ้า บรรพชนโลหิตมั่นใจเกินไปและไม่ได้กินเม็ดยาวิญญาณโลหิตไว้ล่วงหน้า หากเขากินลงไปคงปรากฏตัวบนดาวโลหิตในดาราจักรพันธมิตรเซียน
หยดโลหิตพวกนี้ไม่ได้อยู่กับที่อย่างสมบูรณ์แต่อยู่ใกล้กัน เมื่อทั้งหมดได้ผสานเข้ากันแล้ว เขาก็จะตื่นขึ้น
กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก สามเดือนถัดมาโลหิตดั้งเดิมที่กระจายกันออกไปค่อยๆรวมตัวเข้าด้วยกัน บางส่วนกระทั่งรวมกันเข้าไปแล้ว
วิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิตค่อยๆตื่นขึ้น เมื่อเขาตื่น ระดับการฟื้นฟูจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ณ วันนี้หยดโลหิตเกือบหกในสิบส่วนได้ผสานเข้าด้วยกันแล้ว วิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิตเริ่มแสดงอาการว่ากำลังจะตื่นขึ้นมา
ทว่าในชั่วขณะนี้ลำแสงสายฟ้าหนึ่งสายโผล่ออกมาจากระยะไกล ลำแสงสายฟ้านี้มีอสูรสายฟ้าที่มีโซ่ตรวนอยู่รอบๆคอ ทั้งยังมียันต์กระดาษหนึ่งพวงเต็มไปทั่วร่างดูเป็นระเบียบ
มีคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากหลุมเล็กๆผ่านเขาสีเงินของมัน รอบเขาสีเงินมีห่วงเหล็ก
แววตาอสูรเผยความน่าสงสาร ยากนักที่จะจิตนาการได้ว่ามันผ่านเรื่องอะไรมาทั้งหมดนี้
“ในที่สุดรูปร่างของเจ้าก็เหมาะสมกับชื่อเสียงข้า อสูรสายฟ้าตัวจริงต้องหน้าตาแบบนี้ เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าอสูรสายฟ้าเขาทองทำได้แค่หายใจเท่านั้นตอนที่พวกมันมองดูเจ้า เจ้าเป็นอสูรสายฟ้าที่พิเศษที่สุดที่นี่! เชื่อข้าเถอะ ใช่แล้ว เจ้าต้องชะตากับข้าน่ะสิ!” ชายชรานั่งอยู่บนอสูรสายฟ้า เขากำลังถือโซ่ตรวนยืดรัดไปรอบคอราวกับเป็นม้า
ด้านหลังเป็นลำแสงสายฟ้านับไม่ถ้วนติดตามมาราวกับอุกกาบาต ข้างในลำแสงสายฟ้าทุกสายคืออสูรสายฟ้า ดวงตาของมันทั้งหมดเผยความหวาดกลัว
บางครั้งชายชราก็ยกแขนขึ้นมาจัดแจงห่วงเหล็กบนเขาอสูรสายฟ้าและจากนั้นก็เผยความชื่นชม
“ข้าต้องชะตากับเจ้ามากจนข้าแทบไม่อยากส่งเจ้ากลับไปให้สหายตัวน้อย…”
ร่างอสูรสายฟ้าสั่นเทา ตอนนี้มันหวาดกลัวชายชราอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า “ชะตา” ดุจกับฝันร้ายของมัน
มันไม่สามารถลืมเลือนได้ว่าชายชราพึมพำเรื่องพวกมันต้องชะตาอย่างไร ขณะที่วางสิ่งประหลาดวางไว้บนร่างไปด้วย
อย่างไรนักแม้ว่ามันไม่พึงพอใจกับสิ่งของพวกนี้ มันรู้สึกว่าห่วงเหล็กช่างเหมาะสม…
“ใช่แล้ว ที่นี่เอง ฮี่ฮี่ แม้แต่เซียนขั้นชำระสวรรค์อันทรงพลังก็ยังมาจบลงตรงนี้…มันคือโชคชะตา!” ชายชรามองไปที่กองหยดโลหิต พลันดวงตาส่องสว่างขึ้น