761. สังหารเทพเจ้า
บรรพชนโลหิตมองหวังหลินด้วยสายตาเยือกเย็น ดัชนีไม่ได้หยุดชะงักและประทับลงไปต่อเนื่อง กดลงห่างจากหวังหลินสามนิ้ว
เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั้งท้องฟ้า หวังหลินกระอักโลหิตออกมาจากปาก ร่างหายปลวว่อนดุจว่าวป่านขาด ร่างกายพลิกกลับไปมาหลายครั้งก่อนจะร่อนกระแทกพื้นจนแตกระแหง
ร่างหวังหลินผลักกลับไปต่อเนื่อง ทุกระยะก้าวจะทำให้พื้นดินแตกร้าว หลังจากถอยไปหนึ่งร้อยก้าวในที่สุดเขาก็ทำให้ร่างกายมั่นคงได้ หวังหลินตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก
รอยร้าวนับไม่ถ้วนอยู่บนพื้นเบื้องหน้าราวกับเป็นการแสดงว่าดัชนีเมื่อครู่ทรงพลังแค่ไหน
บรรพชนโลหิตก้าวเท้าและห่างจากหวังหลินเพียงร้อยก้าว เขาเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดสามประโยคเท่านั้น!”
โลหิตไหลออกมาจากมุมปากมากขึ้นและมีกระดูกหลายท่อนในร่างแตกหัก ร่างกายเทพโบราณแข็งแกร่งมากและนี่เป็นครั้งแรกที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แต่หวังหลินก็ยังยิ้มได้
เป็นรอยยิ้มที่มืดมนที่สุด
“ข้าคิดว่าบรรพชนโลหิตจะปล่อยดัชนีนั้นลงไปโดยไม่คำนึงถึงความตายของเหยาซีเชว่จริงๆและทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง!” หวังหลินไม่กลัวเลย แม้ว่าบรรพชนโลหิตจะแข็งแกร่ง เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปเท่าสวรรค์ หวังหลินคือเซียนผู้ฝืนลิขิตฟ้า หากเขากล้าท้าทายสวรรค์ จะอะไรแค่บรรพชนโลหิตกันเล่า?
หากดัชนีของบรรพชนโลหิตร่อนลงมาถึงจริงๆ หวังหลินเชื่อว่าองครักษ์เทพจะตายโดยไม่สงสัยและสัมผัสวิญญาณข้างใจคงจะพังทลายไปทันทีเช่นเดียวกัน
สายตาบรรพชนโลหิตเต็มไปด้วยจิตสังหาร มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเอ่ยออกมา “เจ้ายังเหลืออีกสองประโยค!” เขาต้องการฆ่าหวังหลินตรงๆเสียจริงและจากนั้นค้นวิญญาณเขาเพื่อหาว่าเหยาซีเชว่อยู่ที่ไหน
ทว่าเขาอดไม่ได้ที่จะต้องระวังตัว เขารู้ว่าหวังหลินเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง แน่วแน่และโหดเหี้ยม ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่หวังหลินจะก่อพายุขึ้นมาในดินแดนวิญญาณปิศาจได้ พวกเซียนเฒ่ารวมถึงเขาต่างก็ถูกเจ้าเด็กคนนี้เล่นงาน จนในที่สุดก็เฝ้ามองเขาหายตัวเข้าไปในวังวนโดยมิอาจทำอะไรได้
‘เขามาด้วยร่างโคลน ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ไม่กลัวข้าสังหารเขา เมื่อข้าสังหารเขาไป จากนั้นร่างจริงจะโจมตีซีเชว่ทันที! เม็ดยาวิญญาณโลหิตไม่ได้ไร้ข้อพกพร่องซะทีเดียว…’
หวังหลินปากโลหิตจากมุมปาก ปัดถูเสื้อผ้าตัวเองและเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโสบรรพชนโลหิต เหยาซีเชว่ปลอดภัย ในหลายร้อยปีที่ผ่านมาผู้น้อยไม่ได้แตะแม้แต่เส้นผมนางสักเส้น ผู้น้อยสามารถปล่อยให้นางกลับก็ได้แต่ผู้อาวุโสต้องปล่อยผู้น้อยไปและสัญญาว่าจะไม่มีปัญหากับผู้น้อยอีกในอนาคต!”
บรรพชนโลหิตถอนสายตาจากท้องฟ้ามองมาที่หวังหลิน ดวงตาไร้ความโกรธเกรี้ยวแต่เอ่ยขึ้นอย่างสงบ “ก็ได้! ข้าขอสาบานต่อเต๋าของข้าว่าหากเจ้าส่งลูกสาวของข้ามา ข้าจะไม่สังหารเจ้า”
หวังหลินจ้องบรรพชนโลหิตอยู่พักใหญ่ จึงถอนหายใจออกมา เขาบอกไม่ได้ว่าคนผู้นี้กำลังโกหกอยู่หรือไม่ ลังจากขบคิดอย่างเงียบๆหวังหลินอ้าปากและพ่นผลึกชิ้นหนึ่งออกมา
ผลึกร่อนลงด้านข้างและกลายเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย ค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งนี้ไม่เสถียรและแสดงอาการกำลังพังทลาย
หวังหลินเอ่ยขึ้นมา “เหยาซีเชว่อยู่ข้างในค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้!”
เขาไม่เล่นแผนกับบรรพชนโลหิตอีก บรรพชนโลหิตฝึกเซียนมาหลายหมื่นปี ดังนั้นในแง่ของแผนการแล้วบรรพชนโลหิตดีกว่าเขา การพยายามใช้แผนการกับคนแบบนี้นับว่าไร้ค่า หลังจากหวังหลินเข้าใจเรื่องนี้ กับดักที่เขาซ่อนเอาไว้ก็จะเผยออกมา
เมื่อโยนค่ายกลเคลื่อนย้ายออกไป หวังหลินล่าถอยเข้าอวกาศใกล้ๆเศษชิ้นส่วนแดนสวรรค์
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชัดเจนว่ากำลังใช้พลังสูงสุด
“บรรพชนโลหิต ข้าให้โอกาสท่านแล้ว ซึ่งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าแต่เป็นท่านเอง…หากท่านเชื่อข้าก็จงแสดงความจริงใจของท่านก่อนและคำสัญญาของท่านจะเป็นจริง! จากนั้นข้าจะจริงใจด้วยเช่นกัน เมื่อท่านเชื่อข้า ข้าก็จะเชื่อท่าน!”
“อย่างไรหากท่านไม่เข้าไปในค่ายกลและตามหลังข้ามา นั่นหมายความว่าท่านไม่เชื่อข้าและท่านผิดคำสัญญา ถึงตอนนั้นก็อย่ากล่าวหาว่าข้าโหดร้ายและสังหารเทพเสียเลย!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมา เขาไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับบรรพชนโลหิตเว้นเสียแต่ว่าจะต้องทำเท่านั้น หากเขาไม่ได้ถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์อับจนหนทาง เขาคงไม่ต้องกักขังเหยาซีเชว่เอาไว้ เขาวางแผนให้ลี่หยวนสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ทำงานได้สามครั้งเท่านั้นเพื่อให้เข้ากับแผนเขา!
บรรพชนโลหิตมองค่ายกลเคลื่อนย้าย เพียงแค่ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณเขาก็สัมผัสถึงร่องรอยกลิ่นอายเหยาซีเชว่ได้ทันที แม้จะไม่เห็นว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งไปที่ไหน เขารู้จักกลิ่นอายของลูกสาวเป็นอย่างดี ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้นำทางไปหาเหยาซีเชว่จริงๆ
เขาก้าวมาข้างหน้าและมาถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย ฝ่ามือยื่นเข้าไป ค่ายกลเคลื่อนย้ายแตกสลายกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วน จากนั้นควบแน่นกลับเป็นผลึกในมือเขา
หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาทันที มองหวังหลินที่กำลังล่าถอยอย่างรวดเร็วและพึมพำ “ข้าจะปล่อยเจ้าไปหลังจากพูดเพียงไม่กี่คำได้อย่างไรเมื่อเจ้ากักขังลูกสาวข้าไว้หลายร้อยปี!? ข้าไม่เชื่อในเต๋า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าได้อย่างไร!?” จิตสังหารที่เขาระงับเอาไว้ระเบิดออกมา ก้าวเท้าและไล่ตามหลังหวังหลินทันที
ขณะที่หวังหลินหลบหนีท่ามกลางโซ่ตรวนสายฟ้าเข้าไปในอวกาศ เขาสัมผัสถึงจิตสังหารทรงพลังกำลังมาจากด้านหลัง หวังหลินถอนหายใจ ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ
“บรรพชนโลหิต เมื่อนี่คือสิ่งที่ท่านเลือก เช่นนั้นก็อย่ากล่าวหาข้าว่าโหดเหี้ยมไปเลย! ท่านแค่ไม่ปล่อยมันไป!”
ขณะที่บรรพชนโลหิตไล่ตามหลังหวังหลิน ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร การไม่กี่ครั้งก็เข้ามาใกล้และยกมือขึ้นมา ประทับลงไปอย่างโหดเหี้ยม ทั้งอวกาศหยุดชะงัก
โซ่ตรวนสายฟ้าใต้เท้าหวังหลินพังทลายทันทีและเกิดความเสียหายขึ้นจากใจกลาง ในเวลาเดียวกันอวกาศก็เปลี่ยนเป็นทะเลโลหิตล้อมรอบหวังหลิน
“หลอมรวม!” เสียงคำรามขึ้นมา ทะเลโลหิตรอบด้านเดือดปุดๆและจากนั้นก็พุ่งเข้าหาหวังหลิน ทะเลเร็วจนเข้าไปในร่างหวังหลินในพริบตา มันเข้าไปในองครักษ์เทพและล้อมรอบสัมผัสวิญญาณของหวังหลินที่อยู่ภายใน
ความเจ็บปวดที่มิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้พลันแพร่กระจายผ่านร่างกาย สัมผัสวิญญาณข้างในองครักษ์เทพรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุดราวกับมันกำลังถูกฉีกกระชากทีละชิ้น
ร่างกายอันแข็งแกร่งขององครักษ์เทพส่องสว่างขึ้นมา มันสามารถต่อต้านการหลอมของทะเลโลหิตได้และทำให้กระบวนการช้าลง
ทว่านี่ยังไม่เสร็จสิ้น ลำแสงโลหิตหนึ่งสายพุ่งออกไปและหายไปในความว่างเปล่า มันไม่ได้หายไปจริงๆแต่ใช้พลังเทพแปลกประหลาดเพื่อทะลวงผ่านความว่างเปล่า เข้าไปใกล้ตำแหน่งที่หวังหลินกำลังซ่อนตัว
ความเกลียดของบรรพชนโลหิตพุ่งขึ้นถึงจุดสุดยอด เขาต้องการปรับแต่งร่างโคลนของหวังหลินและสัมผัสวิญญาณข้างใน เขากระทั่งสามารถทำให้ร่างดั้งเดิมที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งให้ตายได้ด้วยวิชาของเขา
เศษชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่ร่างหวังหลินกำลังซ่อนตัวอยู่ได้ปกคลุมไปด้วยสีแดงทันที พื้นดินดุจทะเลโลหิตและค่อยๆรวมตัวกันเข้าหาหวังหลิน แสงสีแดงแทงทะลุผ่านพื้นดินควบแน่นกลายเป็นเข็มแทงตรงหาหวังหลิน
เมื่อเขาถูกเข็มนี้แทงเข้าไป วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินจะแตกสลายและตายทันที
ขณะที่หวังหลินกำลังซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดิน พลันลืมตาขึ้นมานำทรงกลมกฏเกณฑ์ที่ลี่หยวนให้ออกมาด้วยและใช้พลังปราณสวรรค์เพื่อทำให้กฏเกณฑ์ข้างในมิติเก็บของครึ่งนึงแตกสลาย! ในเวลาเดียวกันเขาก็พุ่งตัวออกจากพื้นดินโดยมีเข็มไล่ตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิด
“บรรพชนโลหิต ข้าไม่รู้ว่าวิญญาณลูกสาวท่านจะปลอดภัยอยู่ไหมเมื่อมิตินั้นแตกสลาย!” วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินร้องโหยหวนในลำคอและปล่อยคำพูดสุดท้ายออกมาก่อนที่จะแตกสลาย
สีหน้าของบรรพชนโลหิตเปลี่ยนไปแทบในทันทีที่สัมผัสถึงความผันผวนของมิติจากผลึกได้ เขาไม่มีเวลาต่อกรกับหวังหลินหรือหุ่นเชิดที่หลอมไปแล้วครึ่งตัว เขาโยนผลึกลงไปและประทับผนึกเพื่อทำให้มันเสถียร
ผลึกเปลี่ยนไปเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที นี่เป็นครั้งที่สามที่มันเปิดขึ้นและเป็นครั้งสุดท้าย
ขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดตัวออกมา กลิ่นอายทำลายล้างออกมาจากข้างใน ทว่าบรรพชนโลหิตไม่อาจคิดอะไรมากเกินไปได้แล้วและก้าวเข้าเข้าอย่างมืดมัว ผนึกที่เขาวางเอาไว้คือการป้องกันไม่ให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายพังเสียหายหลังจากเข้าไป
ร่างบรรพชนโลหิตหายตัวไป ขณะที่เขาเข้าไปในมิติเก็บของ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทันที ด้วยความรอบรู้ของเขาจึงตระหนักได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือมิติอเก็บของที่เปิดขึ้นโดยเทพตนหนึ่ง
ความหนาวเย็นปรากฏขึ้นในใจ นานมากแล้วตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาสัมผัสถึงความตายที่เป็นภัยคุกคาม แม้ระหว่างการท้าประลองกับเทียนหยุนนับไม่ถ้วนเขาก็ไม่เคยสัมผัสถึงความเสียวแปลบเช่นนี้
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงแค่เซียนเท่านั้น!
ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น เขาได้รับรายละเอียดความเข้าใจเรื่องมิติเก็บของของเหล่าเทพมานานหลายปี
ตอนนี้จึงรู้แล้วว่าถ้าหากมิติเก็บของนี้ล่มสลาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างในจะถูกทำลายในทันที แม้เขาจะใช้เม็ดยาวิญญาณโลหิตมันก็ยังไม่เพียงพอเมื่อต้องมาเจอพลังทำลายล้างแบบนี้!
ถ้าหากเขากลืนกินเม็ดยาวิญญาณโลหิตในครั้งเดียวก็ยังสามารถพึ่งพาพลังลึกลับข้างในและต่อต้านการทำลายล้างของมิติเก็บของแห่งนี้ได้
“บัดซบ เจ้าหวังหลินพบเจอมิติเก็บของนี้ได้อย่างไร? แม้แต่คนเช่นเทียนหยุนยังต้องพึ่งดวงเพื่อหาที่แบบนี้เท่านั้น! หวังหลิน เจ้าและข้าอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้!!!”
บรรพชนโลหิตเกือบกัดฟันจนหัก ขณะที่เขาเข้ามานั้นสัมผัสถึงกลิ่นอายของลูกสาวได้ เขาพุ่งตรงไปที่หุบเขาและพบกับทรงกลมกฏเกณฑ์กำลังกักขังเหยาซีเชว่เอาไว้
เขาไม่มีเวลาลบล้างกฏเกณฑ์และรีบเก็บทรงกลมนั้นกลับมา
ณ ตอนนี้หวังหลินที่กำลังถูกวิชาเข็มสีแดงของบรรพชนโลหิตไล่ล่า เขาพลันเผยใบหน้าโหดเหี้ยม กระตุ้นกฏเกณฑ์ทั้งหมดในมิติเก็บของเพื่อทำให้มันแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์!
“แกอยากฆ่าข้าใช่ไหม? งั้นข้าจะฆ่าแกที่นี่ก่อน!” ดัชนีหวังหลินชี้ไปที่จุดบนร่างกายเก้าจุดและเคลื่อนไหวเร็วขึ้นไปอีก เข็มสีแดงด้านหลังไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด
บรรพชนโลหิตเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับถือทรงกลมกฏเกณฑ์ของเหยาซีเชว่เอาไว้ด้วย ความเยือกเย็นก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น ตอนนี้เขาดูเหมือนกับคนบ้าปกคลุมไปด้วยแสงสีแดง พุ่งตัวเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เขาทำให้มั่นคงเอาไว้ด้วยสัมผัสวิญญาณ
มิติเก็บของรอบตัวเขาเริ่มพังทลาย ภูเขาสองลูกฉีกกระชากลงมาทันที พลังอำนาจที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่างเต็มไปทั่วบริเวณโดยพลันและราวกับว่าพลังนั้นต้องการลากเขาลงไปด้วย!
“หวังหลิน หากข้าหนีรอด ข้าสาบานว่าจะฆ่าเจ้า แม้ข้าจะต้องไปสวรรค์หรือนรกก็ตาม!!!”