Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 770

Cover Renegade Immortal 1

770. ตระกูลเหยา 1

ในอวกาศ หวังหลินเพิ่มความเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเนื่องจากคุ้นเคยกับระดับขั้นรูปธรรมหยาง พลังดั้งเดิมในร่างกายหนาแน่น ขณะที่หมุนโคจรในร่างกาย เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ทุกก้าวย่างแฝงด้วยพลังดั้งเดิมทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังทะลวงผ่านอวกาศ

นี่กลับต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมาก ตอนนี้หวังหลินเคลื่อนไหวไม่ประสานกันเพียงเล็กน้อยและร่างกายกำลังสั่นเทา

กระทั่งรู้สึกอย่างคลุมเครือว่าได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลก ตราบใดที่เขาวางความคิดไว้แบบนี้เขาก็จะสามารถบรรลุผลสำเร็จ

ความรู้สึกเช่นนี้รุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นจนกระทั่งเกิดแรงกระตุ้นในใจ ท้ายที่สุดแรงกระตุ้นนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก เขามองความว่างเปล่าราวกับผสานตัวเองเข้ากับโลกไปแล้วจริงๆ

ราวกับความว่างเปล่าในโลกคือร่างกายเขา แต่ความรู้นี้ช่างเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล ความสงบนิ่งและความคิดแบบปัญญาชนได้บอกเขาว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ความรู้สึกจากร่างกายและดวงวิญญาณกลับบอกว่ามันเป็นความจริง

ดวงตาส่องสว่างขึ้น ขบคิดอยู่ครู่เดียว ละวางเหตุผล หลับตาและใช้ความรู้สึกจากวิญญาณดั้งเดิมเพื่อก้าวเดิน!

ยามที่หวังหลินก้าวเท้า อวกาศพลันสั่นสะท้าน ราวกับมันเป็นแอ่งน้ำและเท้าของหวังหลินทำให้เกิดระลอกคลื่นแพร่กระจายออกไปในแอ่งนี้

ขณะเดียวกันพลังดั้งเดิมหวังหลินก็เริ่มโคจร แพร่กระจายรอบร่างกายและเริ่มผสานเข้ากับโลก ก่อเกิดเป็นการเชื่อมต่ออันลึกลับขึ้นมา

ชั่วขณะนี้เองร่างหวังหลินก็เลือนหายไป

มีวิชาหนึ่งที่เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเคลื่อนที่พริบตาในขั้นวิญญาณแรกกำเนิด หนึ่งนั้นเหนือล้ำกว่าเคลื่อนที่ระยะไกลในขั้นเทวะและยังเป็นวิชาที่เหนือกว่าเคลื่อนที่ระยะไกลระดับสูงอีกด้วย!

วิชานี้ถูกเรียกขานกันว่า บิดมิติ!

นี่คือวิชาที่เหล่าเซียนโบราณสามารถใช้ได้เมื่อพวกเขาสร้างวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองขึ้นมาแล้วเท่านั้น ในโลกเซียนยุคปัจจุบันมีแต่เพียงขั้นส่องสวรรค์ที่สามารถใช้วิชาดั้งเดิมนี้ได้!

ไม่ใช่เซียนระดับสองทุกคนที่จะสามารถเข้าใจวิชานี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพรสวรรค์แต่เป็นความเข้าใจในด้านพลังดั้งเดิม

บรรพชนโลหิตหลบหนีห่างจากจุดที่หวังหลินหายตัวไปไกลมาก ระดับบ่มเพาะของเขาตกลงมาที่ขั้นรูปธรรมหยางดังนั้นจึงไม่สามารถใช้วิชาได้มากนัก อีกทั้งวิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหาย จึงทำให้เขาอ่อนแอยิ่งกว่า

“หวังหลิน เมื่อข้าฟื้นตัวขึ้นมาได้ ข้าสาบานว่าข้าจะฆ่าเจ้า!” บรรพชนโลหิตเคลื่อนไหวดั่งเงาลอยผ่านอวกาศ หลังจากผ่านไปอีกสักพักในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายและพึมพำ “ตอนนี้เจ้าหนูหวังหลินนั่นคงไม่สามารถไล่ข้าได้ทันแล้ว ข้าต้องหาสถานที่พักตัวและใช้วิชาลับเพื่อฟื้นฟูระดับบ่มเพาะกลับไปที่ขั้นส่องสวรรค์ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”

หลังขบคิดสักครู่เดียวบรรพชนโลหิตก็คิดขึ้นในใจ ทว่าขณะนั้นสีหน้าอาการก็เปลี่ยน เขาเริ่มหลบหนีอีกครั้งโดยไม่ลังเล ระลอกคลื่นเกิดขึ้นด้านหลังเขาและร่างหวังหลินเดินออกมา

เมื่อเท้าขวาหวังหลินโผล่ออกมา ดวงตาก็เปิด บรรพชนโลหิตเกือบจนปัญญาและตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง

“บิดมิติ! มันยังไม่ได้บรรลุขั้นส่องสวรรค์แต่ทำไมถึงใช้วิชาที่มีแต่เซียนระดับสองใช้งานได้?! ไม่มีทาง!” บรรพชนโลหิตรีบหนีอย่างรวดเร็วและรู้สึกขมขื่นในใจ

“กล่าวกันว่าคนที่สามารถก้าวข้ามขั้นหยินหยางในครั้งเดียวมักจะเป็นสุดยอดของระดับสอง หรือนี่จะเป็นความจริง…” ตอนนี้บรรพชนโลหิตตกตะลึงไปแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ระดับบ่มเพาะจะตกลงเขาก็สามารถแตะได้เพียงชายขอบของวิชานี้เท่านั้นจนไม่สามารถเรียนรู้ได้และทำได้แค่เพียงเข้าใจ

ตามที่เขารู้ แม้กระทั่งหลิงเทียนโฮก็ยังไม่เข้าใจวิชานี้ สำหรับคนเช่นพวกเขา วิชานี้เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับวิชาในระดับสามอย่างมาก!

เป็นครั้งแรกที่บรรพชนโลหิตรู้สึกถึงร่องรอยความหวาดกลัวในตัวเองต่อหวังหลิน ความหวาดกลัวนี้มาจากสิ่งที่เขาเห็นด้วยสองตา เขาร่วมรู้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหวังหลิน เขาเห็นหวังหลินก้าวข้ามตั้งแต่ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดมาจนถึงระดับปัจจุบัน!

“เจ้าหนูนี่ต้องโชคดีมาก ใช่แล้ว เขาต้องโชคดีที่สามารถใช้บิดมิติได้!” บรรพชนโลหิตรู้สึกขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง เขารีบหนีมาโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง

ขณะที่หวังหลินลืมตา พลันเกิดความกระจ่างใส เขายังงุนงงกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเล็กน้อย สำหรับเขาแล้วรู้สึกเหมือนแค่ก้าวเท้าขวาและจากนั้นก็ถึงเลย

อย่างไรก็ตามในระหว่างกระบวนการนี้ ราวกับเขาได้ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านเขาไป เมื่อเท้าสัมผัสเขาก็อยู่ที่นี่ เบื้องหน้าคือบรรพชนโลหิตที่หวังหลินกำลังไล่ตาม

“สัมผัสวิญญาณข้าไม่ได้จับไปที่เขา…ข้าเพียงมีเจตนาสังหารและข้ายังข้ามผ่านระยะห่างที่วัดไม่ได้จนมาถึงที่นี่อย่างลึกลับ”

หวังหลินไม่ได้ไล่ตามร่างบรรพชนโลหิตที่กำลังหายไป เขางบคิดถึงความรู้สึกก่อนหน้านี้อย่างเงียบๆ เปรียบเทียบกับการไล่ล่าบรรพชนโลหิตแล้ว หวังหลินรู้ว่าความเข้าใจนี้มีคุณค่ายิ่งกว่า

เวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็รู้สึกเหมือนมันเริ่มเคลื่อนไหวเร็วจริงๆ หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป ดวงตาหวังหลินเผยประกายรู้แจ้ง เขามองลงไปที่ความว่างเปล่าพร้อมกับยกเท้าขวาขึ้นและก้าวไปข้างหน้า

หนึ่งก้าวนี้เกิดระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้งแต่ร่างกายยังอยู่ที่เดิม ความรู้สึกที่ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกไม่ได้ปรากฏขึ้นมา

หวังหลินขมวดคิ้ว มองทิศทางที่บรรพชนโลหิตวิ่งหนีไปและเริ่มไล่ล่า การไล่ล่าตามหลังบรรพชนโลหิตเป็นแค่หนึ่งเหตุผลเท่านั้น แต่ตอนนี้มีสิ่งสำคัญยิ่งกว่าต่อหวังหลินคือการได้รับความรู้สึกผสานกับโลก หวังหลินคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า หัวใจพลันเต้นผิดจังหวะ

“หากข้าสามารถเชี่ยวชาญวิชาแบบนี้ได้ นั่นไม่ได้หมายความว่า…ข้าจะล่องหนและไร้รูปหรอกหรือ?” หวังหลินก้าวไปข้างหน้าพร้อมกกับเผยดวงตาเป็นประกายแสงประหลาด

ขณะที่เวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนกระทั่งเหมือนลำแสงที่กระพริบผ่านไป

ความรู้สึกของการผสานรวมกับโลกได้ปรากฏขึ้นในใจหวังหลินอีกครั้ง เขาระงับความตื่นเต้นเอาไว้และเริ่มทำความเข้าใจมัน ทว่าความรู้สึกเช่นนี้ช่างเบาหวิวและเขาไม่สามารถเชี่ยวชาญได้อย่างเต็มที่!

ตอนที่ความรู้สึกเริ่มจางหายไป หวังหลินก็ถอนหายใจ บรรพชนโลหิตปรากฏขึ้นมาในความคิด เพียงเขาก้าวเท้าร่างก็หายวับ

บรรพชนโลหิตที่กำลังหลบหนีกลับรู้สึกไม่สบายใจ แม้แต่ตอนที่เขาเผชิญกับบรรพชนตระกูลเหยา ความรู้สึกไม่สบายใจยังไม่รุนแรงขนาดนี้

ชั่วขณะนี้เองสีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปอีกครั้งและล่าถอยโดยไม่ต้องคิด ทว่าในชั่วพริบตา เงาของแส้ก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าและฟาดเข้าใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม

บรรพชนโลหิตสร้างผนึกขึ้นมาก่อตตัวเป็นลำแสงโลหิตหนึ่งสายเข้าปะทะกับแส้ จากนั้นก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นด้านหลังแส้ และหวังหลินก็เดินออกมาจากข้างใน

จิตใจบรรพชนโลหิตสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้มุมมองของเขาต้องสั่น เขาเห็นหวังหลินใช้บิดมิติสองครั้งแล้ว คงไม่อาจโกหกตัวเองได้อีกว่าหวังหลินบังเอิญทำได้

หลังหวังหลินปรากฏตัวออกมา เขาพุ่งไปข้างหน้า ใช้นิ้วชี้ไปที่ท้องฟ้า แม่น้ำอเวจีพลันปรากฏขึ้นมา มันเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องแหลมคมดังสะท้อนไปทั่วความว่างเปล่าแห่งนี้

แม่น้ำอเวจีแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิม เห็นได้ชัดว่าขณะที่หวังหลินแข็งแกร่งขึ้น แม้แต่วิชานี้ก็ยังมีพื้นฐานเปลี่ยนไป

หวังหลินจ้องบรรพชนโลหิตอย่างเย็นเยียบและเอ่ยเสียงนุ่ม “แม่น้ำอเวจีพลังดั้งเดิม!”

พริบตานั้นแม่น้ำอเวจีสั่นไหวและเริ่มยืดออกมาไม่รู้จักจบสิ้นราวกับกำลังทดแทนโลกใบนี้ มันล้อมทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงหวังหลินและบรรพชนโลหิตด้วย

พลังดั้งเดิมไร้ขอบเขตเต็มไปทั่วโลกและเหล่าวิญญาณอาฆาตมากมายต่างก็เริ่มตัวกันก่อนจะถึ่งเข้าหาบรรพชนโลหิตจากทุกทิศทาง

บรรพชนโลหิตสีหน้าหมองหม่น ตอนนี้เขาเป็นเพียงวิญญาณดั้งเดิมเท่านั้นและอ่อนแออย่างมาก แม่น้ำอเวจีนี้ยังทำให้เขาอ่อนแอขึ้นไปอีก แต่บรรพชนโลหิตก็ยังเป็นบรรพชนโลหิต แม้กระทั่งตอนนี้มันก็ยังยากที่หวังหลินจะฆ่าเขาได้

ใบหน้ากระพริบแสดงพลังอำนาจ มือสองข้างสร้างผนึก ร่างวิญญาณปลดปล่อยแสงสีแดงพร่ามัว แรงกดดันแข็งแกร่งแพร่กระจายออกมาจากร่างกายเขาด้วย

“เปลี่ยนแปลงโลหิต!” วิญญาณดั้งเดิมเปลี่ยนรูปร่างไปในพริบตา กลายเป็นกรงเล็บโลหิตยักษ์พุ่งตรงใส่หวังหลิน

กรงเล็บห้านิ้วพุ่งใส่หวังหลินดุจมังกรกำลังคำราม ขณะนั้นหวังหลินยกแขนขึ้นมา พลังดั้งเดิมมีอยู่เต็มร่างกายและตะปบบใส่กรงเล็บจนเกิดการระเบิด หวังหลินถอยออกมาจากแม่น้ำอเวจีและร้องตะโกน “แม่น้ำอเวจี ควบแน่นวิญญาณ!”

วิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนถูกควบแน่นและมีพลังดั้งเดิมเต็มไปทั่วพวกมัน ทำให้ดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก วิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นร่างเหยาซีเชว่ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าหาบรรพชนโลหิต

บรรพชนโลหิตร้องออกมาพลันหันตัวไปรอบๆ กวาดไปด้านหลังราวกับต้องการฉีกกระชากแม่น้ำอเวจีให้ขาดสะบั้น ส่วนดวงวิญญาณที่ดูเหมือนเหยาซีเชว่นั้น แม้เขาจะรู้ว่าพวกมันเป็นของปลอมก็ยังไม่ยอมโจมตี

ต้องขอบคุณพลังของกรงเล็บเขาจึงสามารถฉีกให้เปิดช่องว่างในแม่น้ำอเวจีได้และพุ่งตัวออกไป แต่ดวงวิญญาณในร่างเหยาซีเชว่มากมายก็ยังขัดขวางเขา

บรรพชนโลหิตร้องไห้อย่างเศร้าใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น กวาดกรงเล็บโลหิตออกไป ดวงวิญญาณหน้าตาดุจเหยาซีเชว่มากมายร้องไห้อย่างเศร้าใจและเสียงร้องจริงๆนั้นตกเข้าไปในหูของบรรพชนโลหิตซึ่งทำให้ความคิดที่บาดเจ็บอยู่แล้วต้องสั่นเทา

แม่น้ำอเวจีเริ่มแตกสลายภายใต้การโจมตีของบรรพชนโลหิตและช่องว่างขยายตัวขึ้น ท้ายที่สุดบรรพชนโลหิตก็พุ่งออกไปได้ด้วยความเกลียดชังที่มิอาจอธิบายเป็นคำพูด

“หวังหลิน เจ้าและข้าไม่อาจอยู่ร่วมกันได้!!!” หลังจากพุ่งออกไป แม้บรรพชนโลหิตจะโหดร้าย จิตใจเขากลับรู้สึกเหนื่อยอ่อน เสียงร้องอย่างโศกเศร้าของเหยาซีเชว่กำลังสะท้อนในจิตใจอย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีวันหายไปไหน

ขณะที่พุ่งออกไปนั้น หวังหลินก็มาถึงเบื้องหน้าเขาพร้อมกับธงวิญญาณในมือ ก้อนเมฆสีดำมากมายออกมาจากธงและล้อมรอบบรรพชนโลหิตทันทีที่เขาพุ่งตัวออกมา

แส้แห่งเวรกรรมเข้าไปในก้อนเมฆสีดำและเกิดเสียงเพี๊ยะดังสะท้อนอย่างต่อเนื่อง

หวังหลินตะโกน “รวบรวม!” ก้อนเมฆทั้งหมดแคบลงถนัดตาแต่บรรพชนโลหิตยังต่อต้าน เพราะเขาคือบรรพชนโลหิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version