Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 771

Cover Renegade Immortal 1

771. ตระกูลเหยา 2

ขณะต่อต้านก้อนเมฆดำ ยิ่งมันแคบลงก็ยิ่งถูกดันกลับ วงจรนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งก้อนเมฆดำแสดงอาการแตกสลาย หวังหลินอ้าปากขึ้นมาพ่นพลังดั้งเดิมออกไปเติม

พลังงานดั้งเดิมเข้าไปในก้อนเมฆดำและทันใดนั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัดจึงทำใหมันบีบเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าแรงต่อต้านจากบรรพชนโลหิตก็เพิ่มขึ้นด้วยไม่มีหยุด

ปัง!

เสียงระเบิดดังออกมาจากข้างในและก้อนเมฆดำเริ่มแตกสลายจริงๆ บรรพชนโลหิตส่งเสียงคำรามอู้อี้ผ่านออกมา เสียงคำรามดุจสายฟ้าเข้าไปในหูหวังหลิน

“ไอ้หนูหวังหลิน เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะผนึกข้าหรอก!” ก้อนเมฆดำหนาแน่นแตกสลายอีกครั้ง คราวนี้มันบางมากและกำลังจะเลือนหายไป

เมื่อใดที่ก้อนเมฆดำหายไปหมด นั่นหมายถึงธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงถูกทำลาย!

หวังหลินตะโกน “วิญญาณหลักสามดวง ปรากฏ!” ข้างในก้อนเมฆมีวิญญาณหลักสามดวงซึ่งรวมถึงกิเลนและวิญญาณดวงที่สี่เข้าไปแล้ว ทันทีที่ควบแน่นขึ้นมาก็เริ่มโจมตีไปที่บรรพชนโลหิต

หวังหลินสามารถมองเห็นเจ้ากิเลนเปลี่ยนเป็นควันสีดำและล้อมรอบบรรพชนโลหิตไว้ได้ หัวเจ้ากิเลนก่อเป็นรูปทรงและกัดใส่ลำคอบรรพชนโลหิต ส่วนวิญญาณดวงที่สี่พุ่งผ่านเข้าออกบรรพชนโลหิตไปมา ทุกครั้งมันจะแทงผ่านวิญญาณดั้งเดิมอีกฝ่ายไปด้วยซึ่งทำให้พลังงานดั้งเดิมจำนวนมากรั่วไหลไปด้วย

ส่วนวิญญาณหลักดวงสุดท้ายยังเป็นรูปร่างมนุษย์ มันเปลี่ยนเป็นควันสีดำล้อมรอบบรรพชนโลหิตเอาไว้เพื่อทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง

ใบหน้าบรรพชนโลหิตเผยแววดุร้าย ก่อเกิดแสงกระพริบจากร่างกายพร้อมกับเอ่ยบทร่ายอันซับซ้อน แสงสีแดงส่องสว่างออกมาและค่อยๆเต็มไปทั่วก้อนเมฆสีดำจนพวกมันดูเป็นสีม่วง!

บรรพชนโลหิตคำรามออกมาจากปาก “วิญญาณโลหิต แตกสลาย!” แสงสีแดงรอบตัวเขาแทบเหมือนมารร้าย วิญญาณดั้งเดิมพลันปลดปล่อยพลังเหนือจินตนาการออกมา เจ้ากิเลนร้องโหยหวนทันทีและส่งผลกระทบให้มันแตกสลายอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้มันจึงปล่อยที่กัดไว้และถอยกลับมาด้วยความหวาดกลัว

วิญญาณหลักรอบบรรพชนโลหิตพังเสียหายและรีบล่าถอย แม้แต่วิญญาณดวงที่สี่ซึ่งเจาะใส่ดวงวิญญาณดั้งเดิมยังถูกจับอย่างโหดร้าย พลันเกิดรอยร้าวก่อนที่จะพังเสียหายและล่าถอย

“เจ้าสารเลวหวังหลิน!” ดวงตาบรรพชนโลหิตแดงฉาน แขนสองข้างฉีกกระชากเปิดก้อนเมฆเบื้องหน้า

เมื่อบรรพชนกำลังจะก้าวเท้าออกมา หวังหลินอ้าปากพ่นลำแสงสีเหลืองซึ่งมีเมล็ดทรายข้างในหนึ่งเม็ด

แรงกดดันทรงพลังห้อมล้อมทั่วบริเวณในพริบตา เมล็ดทรายขยายตัวออกจนมีความกว้างมากกว่าพันฟุตดุจดั่งภูเขาแต่ดูเหมือนตราประทับมากกว่า!

ของชิ้นนี้ถูกใช้เป็นวัตถุดิบให้กับชิ้นส่วนแดนสวรรค์และถูกหล่อหลอมด้วยทัณฑ์สวรรค์!

จังหวะที่ปรากฏขึ้นมานั้นมันก็ทับลงบนบรรพชนโลหิตด้วยพลังปราณสวรรค์มหาศาล!

ร่างกายแตกร้าวขึ้นมาจากข้างใน แสงโลหิตรอบตัวอ่อนแรง การก้าวที่กำลังยื่นออกมาพลันถอยกลับไป

ตราประทับขนาดพันฟุตตกลงมาจากฟากฟ้า บรรพชนพุ่งออกมาแต่เกิดเสียงดังสนั่นหลายครั้งและถูกทับอยู่ใต้ตราประทับ

เมื่อตราประทับยกขึ้น บรรพชนโลหิตอ่อนแอกว่าเดิมแต่ยังดุดันและมีแสงสีแดงกระพริบเจิดจ้ารอบตัว ขณะนั้นแส้แห่งเวรกรรมก็ฟาดเข้าหาเขา

ปัง!

วิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิตยิ่งไม่เถสียรกว่าเดิม ขณะที่กำลังจะตอบโต้ ตราประทับก็ตกลงมาอีกครั้ง วิญญาณเขากำลังจะพังทลาย

เขาเผยรอยยิ้มน่าสังเวช สายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ขณะนั้นหวังหลินก็เอ่ยขึ้น

“บรรพชนโลหิต ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าและจะให้โอกาสเจ้าได้เจอเหยาซีเชว่อีกครั้ง! หากเจ้าระเบิดตัวเองตายคงไม่ได้เห็นเหยาซีเชว่อีกแน่!” น้ำเสียงเย็นเยียบ

บรรพชนโลหิตขบคิดเงียบๆ สายตาบ้าคลั่งหายไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นหวังหลินร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกับสร้างผนึก “รวบรวม!”

ก้อนเมฆสีดำล้อมรอบบรรพชนโลหิตในทันที แส้แห่งเวรกรรมก็ล้อมไปด้วย วิญญาณหลักสามดวงที่ได้รับความเสียก็พลันปรากฏและเริ่มกลืนกิน

ตราประทับด้านบน แม้มันจะไม่ได้ตกลงมาอีกครั้งแต่แรงกดดันก็ยังอยู่ แรงกดดันนี้ทำให้ก้อนเมฆสีดำหดเข้ามาเร็วขึ้นกลายเป็นทรงกลมในเสี้ยววินาที จากนั้นเปลี่ยนกลับเป็นธงยาวสามสิบฟุตในมือหวังหลิน

ธงกว้างหนึ่งร้อยฟุตแพร่กระจายออกมาและเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ก่อนหน้านี้เป็นแค่ธงสีดำไม่มีอะไร แต่ตอนนี้มีรูปภาพอยู่หนึ่งรูป

ในรูปภาพเป็นร่างบรรพชนโลหิตเสมือนจริงถูกมัดด้วยแส้แห่งเวรกรรมและวิญญาณหลักสามดวงที่กำลังรายล้อม บรรพชนกำลังเผยสีหน้าไม่ยินยอมและดื้อรั้น

หวังหลินมองธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงอย่างเงียบเชียบ เขาไม่รู้สึกภูมิใจที่เอาชนะบรรพชนโลหิตเลยและยังรู้สึกละอาย

เขาต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อเอาชนะบรรพชนโลหิตไปมากมายและไม่สงบนิ่งเหมือนแสดงออกมาภายนอก การต่อสู้นี้เต็มไปด้วยจังหวะความเป็นความตาย ไร้ความระมัดระวังเมื่อใดนั่นหมายถึงความตาย การต่อสู้นี้อันตรายไม่น้อยไปกว่าการหลบหนีจากอสรพิษพิฆาตจันทร์เลย ความจริงแล้วมันยิ่งอันตรายกว่าด้วยซ้ำ

อีกทั้งสติปัญญาของอสรพิษพิฆาตจันทร์ยังมีขีดจำกัด

“เราสองคนไม่ความเกลียดแค้นอะไรกันขนาดนั้น หากท่านแค่พาเหยาซีเชว่กลับไป ท่านคงไม่ต้องมาจบตัวเองแบบนี้…” หวังหลินถอนหายใจ

เขาคงไม่บังคับให้บรรพชนโลหิตเป็นแบบนี้เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้ายและเขาบ้าคลั่งขึ้นมา เพราะหวังหลินต้องการมีชีวิตรอดเขาจึงไม่มีทางสู้ เขาต้องต่อต้านเข้าไว้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะต้องฆ่าบรรพชนโลหิตที่สาบานว่าจะทำลายล้างหวังหลิน

เหยาซีเชว่คือจุดอ่อนของบรรพชนโลหิต การผนึกบรรพชนโลหิต หวังหลินต้องใช้วิธีนี้! การเอาตัวรอด ไม่มีอะไรน่าดูถูก!

หวังหลินมองธงวิญญาณและเอ่ยขึ้นมา “บรรพชนโลหิต ข้าชื่นชมท่านในความรักของคนเป็นพ่อ ข้าก็มีลูกชายเหมือนกัน หากมีสักคนทำร้ายลูกของข้า…ข้าเข้าใจความโกรธของท่าน…แต่ว่าท่านให้โอกาสข้าอธิบายได้หรือไม่? ข้าไม่ได้แตะตัวลูกสาวท่านสักครั้งตอนที่ข้าจับนางมา ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวท่านวางแผนต่อกรข้า ทำไมข้าถึงจะกล้าไปตอแยบรรพชนโลหิตเล่า?”

เขารู้ว่าบรรพชนโลหิตได้ยิน!

“เป็นไปได้ว่าลูกสาวท่านคนเดียวที่อนุญาตให้วางแผนต่อกรข้า แต่ข้าไม่อนุญาตให้ตอบโต้กระนั้นน่ะหรือ!? ท่านรักลูกสาวจนไม่คิดถึงอะไรผิดอะไรถูก และไม่คิดถึงต้นเหตุปัญหา แม้ว่านี่มันคือความรักแต่มันเป็นความรักที่ทำให้เสียคน!”

“ข้าให้โอกาสท่านแล้วแต่ผู้อาวุโสบรรพชนโลหิตถือความคิดจะฆ่าข้า ในสายตาข้า การกระทำของท่านไม่ต่างอะไรจากเหยาซีเชว่ ข้าเข้าใจหน้าที่ของคนเป็นพ่อเมื่อพันปีก่อน แต่ท่านก็ยังไม่เข้าใจมันแม้กระทั่งวันนี้!” หวังหลินมองออกไปไกลและเก็บธงกลับ เขาไม่ได้คิดว่าบรรพชนโลหิตจะเข้าใจนัก

เขาเพียงต้องมีสำนึกที่ชัดเจนและนั่นมันก็เพียงพอแล้ว!

หวังหลินยกแขนขวากดลงเข้ากับชิ้นส่วนแดนสวรรค์ มันกระพริบสีเหลืองพร้อมกับหดลงจนมีขนาดเท่าเมล็ดทรายก่อนที่หวังหลินจะกลืนกินมันไป

หวังหลินตบเสื้อตัวเองราวกับต้องการปัดเป่าความมืดมนจากหลายวันที่ผ่านมา จากนั้นร่างกายก็เปลี่ยนเป็นลำแสงเหาะเหินออกไปไกล

‘ข้าจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งให้มากเท่าที่เป็นไปได้ในแดนสวรรค์อัสนี วิชาของข้ายังขาดไปมาก ก่อนหน้านี้ระดับบ่มเพาะยังไม่สูงเพียงพอจนสามารถใช้วิชาเทพได้เหมาะสม ทว่าด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้ ข้าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมีสิทธิ์ในการสู้รบเพื่อถ้ำเทพ

เป้าหมายของข้าคือวิชาเทพ! หวานเอ๋ออย่าเป็นกังวล ข้าจะพาไปดาวตงหลินแน่นอน! เมื่อไหร่ที่มีเบาะแสในการปลุกเจ้าขึ้นมา ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อแลกมา!’

หวังหลินวางแขนระหว่างคิ้ว การเพิ่มระดับบ่มเพาะทำให้เขามั่นใจในการฟื้นคืนชีพลี่มู่หวานมากขึ้น! นอกจากการหลบหนีพวกเซียนเฒ่าแล้ว เหตุผลที่เขามาดาราจักรทุกชั้นฟ้าก็เพื่อฟื้นคืนชีพลี่มู่หวาน!

หวังหลินกำลังคิดเรื่องลี่มู่หวานพลันก้าวผ่านความว่างเปล่า เป้าหมายของเขาคือชิ้นส่วนแดนสวรรค์ด้านหน้า

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มีคนแข็งแกร่งเพิ่มมาอีกหนึ่งเพื่อต่อสู้แย่งสมบัติในแดนสวรรค์อัสนี นั่นก็คือหวังหลิน!

บนชิ้นส่วนแดนสวรรค์เบื้องหน้า การหลบหนีของลี่หยวนกำลังมาถึงจุดจบ ร่างกายดุจตะเกียงที่ไร้เชื้อเพลิง

หากไม่ใช่ว่าคนด้านหลังกำลังสบประมาท เขาคงตายไปแล้ว ที่ทำให้เขาอับอายขายขี้หน้ามากขึ้นก็คือชายเบื้องหลังกำลังใช้เขาเป็นเป้าหมายในการฝึกฝนวิชาหลายอย่าง

ผู้อาวุโสกว่าด้านข้างชายหนุ่มกลับมีกลิ่นอายโหดเหี้ยม เขามักจะชี้จุดให้กับชายหนุ่มและทุกครั้งที่เขาทำ ลี่หยวนก็จะทุกข์ทรมานมากกว่าเดิม

เหลือกระบี่เหินเพียงสามเล่มจากทั้งหมดแปดเล่ม ที่เหลือสูญหายไปตอนที่เขาใช้วิชากับพวกมัน ชายชราไม่ค่อยสนใจนัก หลังจากกวาดสัมผัสวิญญาณออกไปเขาก็โยนกระบี่ให้กับชายหนุ่ม

ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยกให้กับหญิงสาวด้านข้างแทน

ในใจลี่หยวนเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา เสียงหัวเราะคมชัดและเสียงเล็กๆของหญิงสาวได้ทำให้เขายิ่งแย่กว่าเดิม

ระหว่างทางเขาได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก ไม่มีเวลาแม้แต่รักษาตัวเองและแขนขวาของเขาก็เริ่มเน่าเปื่อย แมลงสีขาวกำลังบินป่ายไปมาข้างในเศษเนื้อ พวกมันเป็นแมลงพิษที่ชายหนุ่มด้านหลังปลดปล่อยออกมา

ลี่หยวนรู้สึกว่าขณะที่แมลงสีขาวพวกนี้อยู่ในร่างกายเขา ราวกับว่าร่างเขากลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงพวกมัน

ความเร็วของลี่หยวนช้าลงและช้าลงเรื่อยๆ ทั้งร่างเหนื่อยอ่อนและกลิ่นอายแห่งความตายมีอยู่เต็มตัว ใบหน้าไม่ซีดขาวอีกแต่เป็นสีแดงซีด

ชายชราถอนสายตาออกมาและกล่าวน้ำเสียงนิ่งๆ “นายน้อย เขาหมดแรงแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version