Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 825

Cover Renegade Immortal 1

825. ความคิดของเทพโลหิต 2

เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวระเบิดออกมาด้านใต้ตราประทับผนึกเทพ กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นและหายใจติดขัดพลันปะทุอย่างบ้าคลั่ง

จังหวะที่ตราประทับผนึกเทพกระแทกลงไป มันก็ถูกพลังสายนี้ผลักออกห่าง อักขระรูนสีทองนับไ่ถ้วนถูกฉีกกระชากและถูกตีกลับอย่างต่อเนื่อง

หมัดต้าซานเกิดเสียงปะทุและถูกบดขยี้ กระทั่งร่างครึ่งส่วนได้รับผลกระทบจากคลื่นและถูกโยนออกไปไกล

ครานี้ความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจของเหยาชางตงหายไป เส้นผมกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าฉีกฉาก ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ด้านหน้ามีลูกปัดขนาดเท่ากำปั้นดูคล้ายกับแกนพลังของเซียนสักคนหนึ่ง!

แกนพลังนี้ดูดซับการโจมตีทั้งหมดก่อนหน้านี้และทำให้เหยาชางตงตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย

“เจ้าเป็นคนที่สองที่บังคับให้ข้าใช้ยาทิพย์ที่บรรพชนให้มา!” เหยาชางตงกัดฟันแน่น เจตนาแห่งการฆ่าหวังหลินไม่ได้มาจากสาส์นสวรรค์จากตระกูลอีกแล้ว แต่มาจากความโกรธเกรี้ยวในใจ

เขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบมาเกือบค่อนชีวิต จากการลอบโจมตีตั้งแต่เริ่มต้น เขาไม่มีโอกาสตอบโต้และถูกบังคับให้ป้องกันไปตลอด เนื่องด้วยวิชาประหลาดพรรคนั้น เหยาชางตงจึงถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์อันตราย

หวังหลินสีหน้ามืดมน ขณะล่าถอยพลางตบกระเป๋านำธงวิญญาณออกมา คว้าวิญญาณดั้งเดิมขั้นมายาหยินสองดวงและกลืนกินทันที เมื่อพลังดั้งเดิมเต็มไปทั่วร่างกาย หวังหลินจ้องแกนพลังเบื้องหน้าเหยาชางตง ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ

หวังหลินถือความได้เปรียบก่อนหน้านี้และไม่ยอมให้อีกฝ่ายตอบโต้เลย ทุกอย่างจัดการไว้เพื่อการสังหารแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว

หวังหลินเข้าใจความแตกต่างระหว่างขั้นรูปธรรมหยางและขั้นส่องสวรรค์ได้ชัดเจนในตอนนี้ เขามั่นใจว่าสถานการณ์ที่สร้างขึ้นก่อนหน้าสามารถฆ่าเซียนขั้นรูปธรรมหยางคนใดก็ได้ แต่กับเหยาชางตงไม่ได้รับบาดเจ็บเลย

แม้แกนพลังที่ใช้งานจะมีบทบาทสำคัญ แต่ถึงจะไม่มีแกนพลังนั่น เหยาชางตงก็ต้องมีวิชาอื่นอยู่ดี

‘ตระกูลที่สืบทอดมาจากแดนสวรรค์ต้องมีวิชาเทพอีกมากเป็นแน่!’

เหยาชางตงเผยสีหน้าดุดัน แขนขวาสร้างผนึก แกนพลังเริ่มโคจรรอบร่างกาย ขณะเดียวกันแขนซ้ายสร้างผนึกไปด้วยและตะโกน “วิชาเทพ มิติว่างล่มสลาย!”

หวังหลินถอยตัวโดยไม่ลงเล ตรงจุดที่เคยอยู่พลันแตกสลายและส่งผลกระทบรุนแรง

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินต้องหรี่ตาแคบ

“วิชาเทพ จินตภาพล่มสลาย!” เหยาชางตงสร้างผนึกและเผยใบหน้าโหดเหี้ยม

อวกาศล่มสลายรุนแรงต่อเนื่อง หวังหลินถอยกลับมาโดยไม่หยุดชะงักแม้แต่วินาทีเดียว

ถึงสีหน้าจะมืดมนแต่ก็สงบนิ่งไปด้วย ใต้ฝ่าเท้าเกิดระลอกคลื่นจากนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปรากฏตัวอีกครั้งด้านหลังเหยาชางตงห่างถอร้อยฟุต ส่งตัดสวรรค์เข้าใส่เหยาชางตง

ทว่าขณะที่ตัดสวรรค์กำลังเข้าไปใกล้เหยาชางตง แกนพลังปรากฏขึ้นมาและปะทะใส่ทันที มันดูดซับพลังของตัดสวรรค์เข้าไปด้วย

“วิชาเทพ สิบเก้าวิญญาณ!” เหยาชางตงกระชากกลับมาเผยรอยยิ้มกว้าง พ่นหมอกสีขาวออกมาจากปาก ภายในมีเด็กทารกระเบิดเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาด้วย เด็กทั้งหมดตัวสีดำเข้มดุจอสูรพุ่งเข้าหาหวังหลินพร้อมกับสายหมอก

แววตาหวังหลินกระพริบแสงเย็นเยียบ ก้าวถอยหลังผสานตัวเข้ากับโลก

วิญญาณสิบเก้าดวงพลาดเป้าหมาย จากนั้นกลับไปหาเหยาชางตงและโคจรรอบตัวเขา

เหยาชางตงใบหน้าดุดัน เขายื่นมือเข้าหาแกนพลังและตะโกน “ข้าจะต้องถูกบรรชนลงโทษเพราะเสียแกนพลังนี้ในการทำลายวิชาเจ้า!” เขาบดขยี้แกนพลังนั้น กลิ่นอายทำลายแพร่กระจายออกมาดุจพายุกระหน่ำ

พลังสายนี้รุนแรงเกินไป ขณะแพร่กระจายออกมาพลังดั้งเดิมภายในระยะแสนฟุตเริ่มบิดเบี้ยวและผิดรูป พลังดั้งเดิมในโลกไม่มั่นคงอีกต่อไปราวกับถูกมือยักษ์กวนอย่างต่อเนื่อง ใครที่ผสานอยู่ข้างในต้องออกมาในไม่ช้าเว้นแต่จะมีวิชาที่ตอบโต้กับความผันผวนได้

หวังหลินปรากฏตัวห่างออกไปพันฟุต ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารพลันยกแขนขึ้นชี้ไปที่ความว่างเปล่า ชุดเต๋าร่วงโรยปรากฏขึ้นมา จากนั้นกระดูกอสูรโหดร้ายกระพริบแสงชั่วร้าย กลิ่นอายปิศาจเต็มไปทั่วโลก

เหยาชางตงใบหน้าเปลี่ยนแปลงน้อย สองฝ่ามือสร้างผนึก ทารกสิบเก้าตนเริ่มหมุนรอบตัวอย่างรวดเร็วก่อเป็นภาพมายาทารกยักษ์รอบร่าง

หลังจากปรากฏตัวขึ้นมามันก็ร้องคำราม ทว่าเสียงคำรามออกมาเพียงครึ่งคำเท่านั้นก่อนที่ร่างกายจะถูกปกคลุมด้วยแสงสีเทาและกลายเป็นหินชั่วพริบตา

หวังหลินใช้โอกาสนี้ล่าถอย นำวิญญาณดั้งเดิมขั้นมายาหยินสองดวงออกมากลืนกิน ชูแขนขวาขึ้นทันทีและร้องตะโกน “เรียกขานสายลม!”

สายลมทมิฬกู่ร้องคำราม รวมตัวกันรอบแขนขวา มันขยายตัวออกมาและสายลมก็หนาแน่นรอบตัวหวังหลิน

ชั่วขณะที่เด็กทารกกลายเป็นหินและแตกสลาย เหยาชางตงเดินออกมาโดยไร้อาการบาดเจ็บ

เขาจ้องสายลมทมิฬรอบตัวหวังหลินและเย้ยหยัน “มีพลังแค่นี้หรือ? วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”

ขณะเอ่ยจบ หวังหลินโบกแขนส่งสายลมทมิฬออกไป สายลมทมิฬข้ามผ่านดวงดาวและกลายเป็นมังกรดำ อ้าปากและระเบิดสายลมเย็นยะเยือกออกมา

เริ่มแรกเหยาชางตงไม่ได้คิดว่าสายลมเป็นภัยคุกคามแต่ร่างกายตอนนี้กลับรู้สึกหนาวเย็นราวกับดวงวิญญาณกำลังแตกสลาย เขาถอยร่นด้วยความตกใจทันทีแต่สายลมทมิฬก็ไล่ตามหลังมา

เหยาชางตงขมวดคิ้วขณะกำลังโดนสายลมทมิฬล้อมรอบ ฝ่ามือรีบสร้างผนึกส่งเสียงตะโกน “วิชาเทพ เมฆาพิบัติ!” เสียงดังสนั่นกึกก้องออกมาจากที่ไหนสักแห่งและก้อนเมฆล้อมรอบเหยาชางตงเอาไว้ สายฟ้ากระพริบวูบวาบระหว่างก้อนเมฆก่อตัวเป็นโล่ห์ครอบคลุม

ทว่าภายใต้สายลมเย็นเยียบจากมังกร ก้อนเมฆก็แตกสลายเผยกลายเป็นเหยาชางตงที่มีสีหน้าหวาดหวั่น

“นี่…นี่มันวิชาเทพอะไรกัน!?!” ร่างเหยาชางตงสั่นเทา กัดฟันแน่นและพ่นแกนพลังดั้งเดิมออกมาจากปาก ฝ่ามือขวาขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว “วิญญาณโลหิต หกโคจร!”

หลังใช้วิชานี้ สีหน้าเหยาชางตงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด วิชาเทพวิญญาณโลหิตคือวิชาที่ท่านบรรพชนเทพโลหิตมอบให้ กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในวิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านบรรพชนเทพแต่ละตน

ในขั้นสูงสุดมันสามารถโคจรได้สิบเก้ารอบ แต่ด้วยระดับบ่มเพาะของเหยาชางตงตอนนี้ เขาสามารถโคจรมันได้แค่หกรอบเท่านั้น แค่นี้ก็ใช้พลั้งดั้งเดิมของเขาไปเกือบหมดแล้ว

โลหิตเริ่มเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วก่อตัวเป็นวังวนและพุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าคล้ายพายุสีแดงสด มันก่อเกิดพลังรุนแรงเข้าปะทะกับสายลม พลังสองสายปะทะและหักล้างกันและกันอย่างรวดเร็ว

เหยาชางตงจ้องหวังหลิน กัดฟันแน่นตบกระเป๋านำยันต์เซียนออกมาไว้ในมือ

“ด้วยยันต์เซียนที่ท่านบรรพชนให้ข้ามา ไม่ว่าเจ้าจะมีวิชามากมายแค่ไหน เจ้าก็จะตายแน่นอน!”

เขายกแขนขึ้นมาส่งยันต์เซียนออกไปทันที บนยันต์เซียนมีอักขระรูนอันซับซ้อนก่อตัวขึ้นจากหมึกสีแดง เหยาชางตงสร้างผนึก กัดลิ้นเล็กน้อยพ่นโลหิตใส่ยันต์ตรงๆ

พริบตาที่ยันต์เซียนย้อมด้วยโลหิต อักขระรูนคล้ายมีชีวิต แสงประหลาดโผล่ออกมาและเพลิงสีเขียวประหลาดเริ่มไหม้จากมุมของยันต์

“ยันต์เทพจักรพรรดิ! ฆ่าเขา!” เหยาชางตงชี้หวังหลิน น้ำเสียงโหดเหี้ยมยิ่ง

ยันต์เซียนกระพริบวาบและพุ่งออกไป แทงทะลุผ่านวังวนวิญญาณโลหิตและสายลมเย็นเยียบ มันไม่ได้รับความเสียหายอันใดเลยและตรงเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินหรี่ตาทันที เขาคุ้นเคยกับยันต์เซียนชิ้นนี้เนื่องจากมันแทบจะคล้ายกับอีกสองใบที่เขามี ขณะนั้นกลิ่นอายของมันกลับทำให้ความคิดหวังหลินตกตะลึง

กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นยิ่ง

‘ข้ามิอาจต่อต้านได้!’ เส้นผมบนร่างหวังหลินตั้งชูชัน สัมผัสวิกฤตก่อตัวขึ้นมา เขาล่าถอยโดยไม่ลังเลแต่ไม่เพียงยันต์เซียนจะไม่หายไปไหนมันยังเข้ามาเร็วขึ้นอีก

ภายใต้ชั่วเวลาวิกฤตนี้ หวังหลินตบกระเป๋านำราชรถสังหารเทพออกมาทันที เขาชี้ไปที่เหยาชางตงจากนั้นก็นำยันต์เซียนออกมาเลียนแบบเหยาชางตง กัดลิ้นเล็กน้อยพ่นโลหิตออกไปใส่

โลหิตทำให้ยันต์เซียนส่องประกายเจิดจ้าและเผาไหม้สว่างเช่นเดียวกัน มันปะทะเข้ายันต์เซียนของเหยาชางตงที่ส่งออกมาและก่อเกิดคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ ยันต์เซียนที่หวังหลินส่งออกไปแตกสลายและกลายเป็นฝุ่นผงทันที

ทว่ายันต์เซียนของเหยาชางตงไม่ได้แตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง มันยังคงเหลืออยู่เพียงขี้เล็บ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดร่อนลงใส่ระหว่างคิ้วหวังหลิน

ร่างหวังหลินสั่นเทา รู้สึกร้อนจากกลางหน้าผากราวกับมีเพลิงกำลังเผาไหม้ พลังผนึกเหนือจินตนาการแผ่กระจายในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง พริบตานั้นพลังดั้งเดิมและดวงวิญญาณของเขาถูกผนึกอย่างสิ้นเชิง

‘นี่…นี่มันพลังรอยสักของเผ่าอมตะที่ถูกเลือก!! แต่ทำไมรอยสักของเผ่านี้ถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!’ หวังหลินสูดลมหายใจเย็นเยียบ ดวงตาหวาดกลัว พลังดั้งเดิมในร่างทั้งหมดถูกผนึกไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงเหมือนกับคนธรรมดา!

ร่างกายอ่อนแอในทันที ถ้าต้าซานไม่ให้หวังหลินนั่งบนแขนซ้าย หวังหลินคงตกลงไปในอวกาศไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้แล้ว

ด้านข้างเขา ราชรถสังหารเทพเปลี่ยนกลายเป็นผีเสื้อ มันกระพือปีกเบาบางและดูไร้พิษสง

เหยาชางตงหัวเราะ เมื่อไร้พลังดั้งเดิม สมบัติทั้งหมดของหวังหลินก็ไร้ผลกระทบและเรียกขายสายลมก็หายวับไปด้วย สองดัชนีของเหยาชางตงก่อตัวเป็นกระบี่และพุ่งใส่หวังหลิน

“เป็นแค่เซียนขั้นรูปธรรมหยางมากล้าสู้กับข้าน่ะหรือ? ซิ่วมู่ ตายซะ!”

ขณะที่เหยาชางตงหัวเราะ คเขาก็พุ่งด้วยความเร็วตรงเข้าใส่หวังหลิน ดัชนีเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิม ถ้าหากตกใส่หวังหลิน ไม่เพียงแตกร่างกายจะแตกสลาย แม้แต่วิญญาณก็ถูกทำลายไปด้วย!

ขณะที่เหยาชางตงเข้ามาใกล้ ผีเสื้อกระพือปีกเล็กน้อย แม้หวังหลินไม่ได้มีพลังดั้งเดิมอยู่แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ามันต่างจากสมบัติชิ้นอื่น เมื่อมันถูกเรียกใช้งานออกมา มันสามารถจัดการได้ด้วยตัวมันเอง

ร่างเหยาชางตงหยุดชะงักและหน้าอกระเบิด ทำให้เขาถูกโยนกลับหลังไปไกล เขาจัดการหยุดยั้งตัวเองไว้หลังจากห่างได้ร้อยฟุต แต่ผีเสื้อก็กระพือปีกอีกครั้ง

ดวงตาเหยาชางตงเต็มไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่ผีเสื้อกระพือปีก เขาก็นำยันต์เซียนอีกแผ่นออกมา คราวนี้ไม่ได้โยนออกไปแต่ประทับไว้ตรงระหว่างคิ้ว

พลังผันผวนทรงพลังของรอยสักโผล่ออกมาจากยันต์เซียนและแพร่กระจายเข้าไปในร่างเหยาชางตง ในไม่นานรอยสักจำนวนมากก็ปรากฏรอบตัวเขา

ทุกครั้งที่ผีเสื้อกระพือปีกจะเกิดเสียงดังป๊อปสะท้อนออกมา รอยสักจำนวนมากแตกสลาย อย่างไรก็ตามเขาก็พุ่งออกไปเข้าใกล้หวังหลินอีกครั้ง

‘ข้าต้องฆ่าซิ่วมู่ให้ได้ แค่ขั้นรูปธรรมหยางก็ทรงพลังแล้ว เมื่อบรรลุขั้นส่องสวรรค์มาได้ ข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!’

—–

หมดตอนชดเชยแล้วนะครับ อย่าเร่งกันเน้อ แปลไม่ทันแล้ววววว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version