Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 829

Cover Renegade Immortal 1

829. ค่ายกลดับสูญเก้ามรณะ

การแก้แค้นอย่างโจ่งแจ้งครั้งนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับประกายสายฟ้าผ่าเข้าสู่เหล่าเซียนที่กำลังไล่ล่าหวังหลินและทำให้ความคิดแต่ละคนสั่นเทา

หวังหลินไม่ได้ฆ่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณหรือต่ำกว่านั่นแสดงว่ายังปล่อยให้พวกเขามีทางออก อย่างไรก็ตามรอยเลือดเบื้องหลังการกระทำนี้เป็นหลักฐานในตัวมันเอง

“ถ้าพวกเขายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ต่อไป เช่นนั้นเซียนขั้นต่ำกว่าแปลงวิญญาณก็จะถูกฆ่า!”

พายุความโกรธเกรี้ยวนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นมา เหล่าเซียนผู้ที่ตระกูลโดนเข่นฆ่าดูเหมือนบ้าคลั่งไปแล้ว พวกเขาไม่ถอยและสาบานว่าจะหาตัวหวังหลินเพื่อแก้แค้น!

อย่างไรก็มีตระกูลเซียนลังเลเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตระกูลเซียนจากเขตฝั่งตะวันตก ไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำแต่ในไม่นานพวกเขาก็จากไปอย่างเงียบๆและกลับสู่ดาวเคราะห์เซียนของตนเอง ทันใดนั้นกลุ่มที่ขัดขวางในเขตฝั่งตะวันตกก็เบาบางลง ตระกูลเซียนต่างๆนาๆประเมินการแก้แค้นนองเลือดของหวังหลิน จากนั้นพวกเขาก็ถอยตัวอย่างช้าๆ

นอกจากนั้นการให้ผู้น้อยของแต่ละตระกูลเผชิญหน้ากับความตายเพียงเพื่อประโยชน์จากตระกูลเหยาถือเป็นเรื่องเกินจะรับได้ ยิ่งไปกว่านี้การกระทำของหวังหลินทำให้เซียนที่สนในตระกูลตัวเองต่างก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ

พวกเขารู้สึกถึงความบ้าคลั่งจากหวังหลิน ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่มั่นใจว่าจะทำอะไรดี

นอกจากตระกูลฝั่งตะวันตกแล้ว ตระกูลฝั่งอื่นก็เริ่มลังเลแต่ไม่ได้มีมากนักเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ฝั่งตะวันตก สำหรับพวกเขาแล้วซิ่วมู่คนนี้คงจะตายแน่นอนและก็แค่ดิ้นรนก่อนจะตายเท่านั้น

ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนมากมายแค่ไหนก็ยังอยู่ในเขตฝั่งตะวันตก เมื่อออกมาไม่ได้ก็ไม่ต้องกล่าวเรื่องการแก้แค้นเลย

แม้จะเป็นเช่นนี้หวังหลินก็ยังสามารถสัมผัสได้ว่าแรงกดดันจากกลุ่มขัดขวางฝั่งตะวันตกได้ลดน้อยลง ทว่าในช่วงระยะเวลาเช่นนี้เขากลับรู้สึกถึงสตรีที่สามารถผสานเข้ากับโลกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น มีสองสามครั้งที่นางเกือบจะไล่เขาทันแล้ว

หวังหลินขมวดคิ้วหนัก ระยะของอีกฝั่งอยู่ใกล้เกินไป อวกาศฝั่งตะวันตกที่หวังหลินสามารถเดินทางได้ก็ลดน้อยลงไปเช่นกัน ถ้าเขาไม่สามารถหาทางออกได้ก็จะตกอยู่ในจุดอันตรายแล้ว!

หวังหลินปรากฏตัวท่ามกลางดวงดาวและขมวดคิ้ว จิตสังหารที่ควบแน่นมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาแข็งแกร่งยิ่งแทบจะเปลี่ยนเป็นรูปเป็นร่างได้แล้ว

‘สตรีที่ไล่ตามข้ามีระดับขั้นอย่างน้อยก็ส่องสวรรค์ระดับกลาง ข้าไม่สามารถฆ่านางด้วยพลังของตัวเองได้ นี่จึงเป็นปัญหาอยู่บ้าง!’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและหายตัวไป

ขณะที่เขาหายตัวไป เหยาปิงหยุนก้าวออกมาจากความว่างเปล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร มองออกไปไกลพลางกล่าวอย่างเย็นเยียบ “เจ้าหนีไปไหนไม่ได้!”

นางก้าวเท้าผสานเข้ากับโลก ไล่ล่าตามหลังหวังหลิน

หวังหลินผสานตัวกับโลกโดยมีเจตนาละทิ้งเหยาปิงหยุน เมื่อมีนางไล่ตามเขาไม่สามารถหนีได้เลย

หวังหลินผสานตัวกับโลกจนกระทั่งโดนทำร้ายตัวเอง ในที่สุดก็ทำให้เหยาปิงหยุนตามเขาไม่ได้ ทว่านี่กลับใช้เวลาถึงสามวัน!

ในช่วงระยะเวลาสามวันนี้ กลุ่มเซียนที่ก่อตัวขึ้นขัดขวางในเขตฝั่งตะวันตกได้ลดจำนวนลงมากเหมือนวงกลมที่กำลังหดลงอย่างต่อเนื่อง!

จิตสังหารทรงพลังรวมตัวกันอยู่ในกลุ่มขัดขวาง จิตสังหารนี้ทรงพลังยิ่งจนทำให้ฝุ่นผงในอวกาศพัดปลิวกลับไป

หลังจากสลัดเหยาปิงหยุนให้หลุดชั่วคราว หวังหลินปรากฏตัวข้างดาวเคราะห์ร้างไร้สัญญาณชีวิต

หลังจากมองดาวเคราะห์อย่างใกล้ชิด ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายและพึมพำขึ้นมา “ข้าจะใช้ดาวนี้!”

หวังหลินรู้ว่าเขาถูกกดดันเรื่องเวลา นอกจากจะสามารถผสานกับโลกได้แล้ว สตรีที่ไล่ล่าเขายังมีวิธีคาดเดาตำแหน่งเขาได้ด้วย

เป็นผลให้หวังหลินต้องกระทำการให้เร็วในช่วงเวลาที่มีอยู่เช่นนี้ ฝ่ามือรีบสร้างผนึกส่งกฏเกณฑ์จำนวนมากเข้าใส่ดาวเคราะห์ร้าง

กฏเกณฑ์ร่อนลงบนดาวและหายไปทันที หวังหลินไม่หยุดแค่นั้น ดำเนินการวางกฏเกณฑ์ลงไปเป็นวงกลมรอบดวงดาว

หนึ่งชั่วโมงต่อมาใบหน้าก็ซีดเล็กน้อย เพียงก้าวเดียวเขาก็มาถึงบนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง พื้นดินแตกระแหงและทะเลทั้งหมดแห้งเหือด

หลังจากหวังหลินร่อนลงไป พลันตบกระเป๋านำธงวิญญาณออกมา เขย่าหนึ่งคราผืนธงเปลี่ยนเป็นสายหมอกทมิฬแพร่กระจายไปรอบๆดาวเคราะห์ ข้างในหมอกสีดำมีบรรพชนโลหิตดวงตาหลับสนิท ผนึกนับไม่ถ้วนล้อมรอบเขาพร้อมกับดวงวิญญาณมากมายที่อยู่ในธงวิญญาณ

หวังหลินยื่นมืออกไปคว้าวิญญาณดั้งเดิมขั้นมายาหยินหนึ่งดวง บดขยี้มันใช้ฝ่ามือซ้ายสร้างกฏเกณฑ์ขึ้นมาหนึ่งอย่าง

วิญญาณดั้งเดิมมายาหยินสั่นเทาเผยสายตาหวาดกลัวออกมา หวังหลินโยนมันออกไปและหายเข้าไปในดาวเคราะห์

หวังหลินกำลังหายใจหนัก ก่อนที่ลี่หยวนจะจากไปเขาได้สอนกฏเกณฑ์ทำลายล้างให้หวังหลินทั้งหมด แม้เขาจะไม่ได้สืบทอดมาและไม่สามารถใช้กฏเกณฑ์ส่วนใหญ่และพลังยังขาดอยู่บ้าง มันก็ยังมีบางส่วนที่เขาสามารถใช้ได้

ค่ายกลดับสูญเก้ามรณะคือหนึ่งในนั้น! มันยังถูกลี่หยวนเรียกว่าหนึ่งในสามกฏเกณฑ์ต้องห้ามอีกด้วย

ค่ายกลนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หัวใจแห่งกฏเกณฑ์ มันแค่ต้องใช้วิญญาณดั้งเดิมจำนวนมาก แม้ลี่หยวนจะสามารถใช้ค่ายกลนี้ได้แต่ความต้องการของมันกลับเข้มงวดเกินไป เขาจึงไม่เคยวางมันจริงๆมาก่อน

หวังหลินสีหน้าซีดเล็กน้อยแต่ไม่ได้หยุด เขาคว้าดวงวิญญาณดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง หวังหลินไม่ได้มีวิญญาณขั้นมายาหยินมากมายนัก ส่วนใหญ่ถูกเขาจับกินไปแล้ว จึงตัดสินใจใช้วิญญาณขั้นเทวะแทน หวังหลินวางกฏเกณฑ์ใส่เข้าไปอย่างต่อเนื่องลงไปในดาวเคราะห์

หลายชั่วโมงต่อมาใบหน้าหวังหลินซีดเผือดมากกว่าเดิม ดวงตาส่องสว่างจ้องมองวิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิต หลังจากลังเลเล็กน้อยดวงตาเผยสายตามุ่งมั่น คว้าวิญญาณของบรรพชนโลหิตและวางกฏเกณฑ์ใส่ระหว่างคิ้ว ทว่าเขาไม่ได้โยนเข้าไปในดาวเคราะห์และปล่อยมันหลงเหลืออยู่ในหมอกทมิฬแทน

หวังหลินตรงเข้าไปในส่วนลึกของดวงดาว เก็บซ่อนกลิ่นอายของตัวเองทั้งหมดไม่ปล่อยให้รั่วไหลและกระทั่งใช้กฏเกณฑ์ที่ลี่หยวนสอนเขาเพื่อซ่อนตัวเองด้วย

กฏเกณฑ์ซ่อนตัวนี้ลึกลับมาก ตอนที่ลี่หยวนใช้มันหวังหลินตรวจสอบเขาไม่ได้เลย ทว่ามันไม่สมบูรณ์แบบถ้าไม่มีหัวใจแห่งกฏเกณฑ์ ซึ่งในกรณีนี้ก็ยังมีโอกาสถูกคนอื่นตรวจเจอ

นี่คือเหตุผลว่าทำไมหวังหลินถึงไม่ใช้มันตอนที่ถูกล้อมกรอบ

เขาจมเข้าไปในส่วนลึกของดวงดาวและนั่งลง แววตากระพริบจิตสังหารและพึมพำ “ตระกูลเหยาและตระกูลเซียนพวกนั้นไล่ล่าข้า ข้าเตรียมมอบของขวัญให้พวกเจ้าทั้งหมด นี่แค่ปฐมฤกษ์เท่านั้น!”

หวังหลินเหยียดยิ้มพลางหลับตา เขาไม่เผยกลิ่นอายอันใดออกมาราวกับผสานตัวเข้ากับดาวเคราะห์

สามวันผ่านไปกลุ่มที่ขัดขวางในเขตตะวันตกก็หดลงเรื่อยๆ จนวันนี้คลื่นเซียนกลุ่มแรกก็มาถึงดาวเคราะห์ที่หวังหลินกำลังซ่อนตัวอยู่

มีสตรีคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าเซียนทั้งหมดนั้น นางคือเหยาปิงหยุน ใบหน้าเย็นชาพลางใช้ฝ่ามือขวาสร้างผนึกราวกับกำลังคาดคะเนอะไรบางอย่าง สายตานางตกลงบนดาวที่หวังหลินกำลังซ่อนตัว จากนั้นดวงตาส่องสว่างและเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ซิ่วมู่อยู่ที่นี่!”

ด้านหลังเหยาปิงหยุนคือสมาชิกตระกูลเหยาสองคน หนึ่งชายหนึ่งหญิง ทั้งสองใบหน้าผ่อนคลายและชายคนนั้นเผยรอยยิ้ม “เขาต้องรู้ตัวว่าไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไปและวางค่ายกลไว้ที่นี่!”

ขณะที่ชายหนุ่มเอ่ยจึ้นมา พลางก้าวไปข้างหน้าพุ่งเข้าหาดาวเคราะห์ เหยาปิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและติดตามเขาไป ตระกูลเซียนคนอื่นๆที่ติดตามมาด้วยต่างก็มุ่งหน้าเข้าหาดาวเคราะห์เช่นกัน

อย่างไรทุกคนรวมถึงชายหนุ่มพลันหยุดลงข้างนอกดาวเคราะห์ ไม่มีใครเข้าไปจริงๆ

ชายหนุ่มยิ้มและเอ่ยเสียงดัง “เหล่าสหายเซียน โปรดช่วยตระกูลเหยาทำลายดาวเคราะห์ด้วย ไม่ว่าเขาจะวางกับดักอะไรไว้ เขาจะถูกทำลายไปพร้อมกัน!”

เซียนรอบด้านทั้งหมดยอมรับข้อตกลง พวกเขาเริ่มโจมตีดาวอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล

ในพริบตาเหล่าวิชาดั้งเดิมทั้งหมดตกลงใส่ดาวเคราะห์ร้าง เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วดวงดาวและเศษดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ก็หลุดออกไปราวกับมันกำลังแตกสลาย

เหยาปิงหยุนขมวดคิ้ว นางไล่ตามหวังหลินมานานจึงรู้ว่าเขาฉลาดแค่ไหน เขาไม่ทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่นี้ไว้แน่นอน!

ขณะที่เซียนจำนวนมากโจมตี เศษหินเศษกรวดจำนวนมากหลุดออกมาและเริ่มกระจัดกระจาย ดาวเคราะห์เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่เหมือนซอกลึก เมื่อชายหนุ่มจากตระกูลเหยาเริ่มใช้วิชาเทพ การแตกสลายของดาวเคราะห์ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ความผันผวนหนาแน่นแพร่กระจายออกมา ปราณกระบี่จำนวนมากค่อยๆโผล่ออกมาจากระยะไกลพร้อมกับคลื่นเซียนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาถึง เมื่อพวกเขาเห็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นก็เริ่มโจมตีดาวเคราะห์โดยไม่เอ่ยถามอะไรเลย

เหยาปิงหยุนขมวดคิ้วหนัก นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ไม่อาจคิดถึงเหตุผลนั้นได้

วิชานับไม่ถ้วนทำให้ดาวเคราะห์ล่มสลายไปอย่างต่อเนื่อง เศษหินเศษกรวดจำนวนมากแพร่กระจายออกมานี่ทำให้ทั้งบริเวณล้อมรอบด้วยหินกรวด

ท้ายที่สุดก็เกิดการระเบิดสั่นสะเทือนฟ้าดิน คลื่นทรงพลังกระจายออกมาและดาวเคราะห์ดวงนี้แตกสลายอย่างสิ้นเชิง!

การล่มสลายนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่สามารถฆ่าล้างทุกสิ่งทุกอย่างภายในพริบตา

หินกรวดจำนวนมากแพร่กระจายออกมา การล่มสลายของดาวเคราะห์ทำให้พลังดั้งเดิมรอบด้านบิดเบือน กลิ่นอายแห่งความตายฉีกไปทั่วพื้นที่

ตอนนี้เกิดเสียงดังสนั่นแผ่ออกมา ลำแสงหลายเส้นลอยเข้ามาจากระยะไกล กลุ่มเซียนอีกหนึ่งกลุ่มเข้ามาถึงแล้ว!

ในใจเหยาปิงหยุนเกิดความรู้สึกไม่สบายใจหนักขึ้น นางมองไปรอบๆทันทีและเห็นเศษกรวดมากมายภายในรัศมีหนึ่งแสนฟุต ราวกับก้อนกรวดพวกนี้ได้ล้อมรอบเหล่าเซียนเอาไว้

‘มีบางอย่างผิดปกติ!’ ดวงตาเหยาปิงหยุนหรี่แคบและกำลังจะเตือนพวกเขา

ทว่าขณะนั้นลำแสงสายฟ้าม่วงหนึ่งสายพลันปรากฏบนก้อนกรวดหนึ่งที่อยู่ไกลที่สุด เมื่อปรากฏขึ้นมามันก็เชื่อมต่อกับก้อนกรวดชิ้นอื่นๆ

นี่มันยังไม่จบ พริบตานั้นลำแสงสายฟ้ากระพริบวูบวาบออกมาจากก้อนกรวดทั้งหมด จากนั้นก้อนกรวดก็เชื่อมสายฟ้าเข้าด้วยกันภายในระยะหนึ่งแสนฟุต

ก่อตัวเป็นกรงขังสายฟ้าภายในระยะหนึ่งแสนฟุต

ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา รวดเร็วจนมิอาจเข้าใจอะไรได้ทัน เมื่อตระหนักได้มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว!

ในเวลาเดียวกัน เศษก้อนกรวดหนึ่งก้อนปลดปล่อยความผันผวนเทียบเท่าเซียนขั้นมายาหยิน ก่อนที่มันจะพังทลาย

สร้างการระเบิดขึ้นทรงพลังเท่ากับเซียนขั้นมายาหยินระเบิดตัวเอง ผลกระทบนี้ทำให้ทุกคนขั้นต่ำกว่ามายาหยินเกิดอาการบาดเจ็บสาหัส มีสองคนกระอักโลหิตทันทีและดวงตาหมองมัว

แรงระเบิดของชิ้นส่วนก้อนนี้ดุจชนวนให้ชิ้นส่วนก้อนอื่นๆระเบิดตามกันไป ท้ายที่สุดพลังของการระเบิดทั้งหมดก่อตัวบ้าคลั่งภายในบริเวณ

เสียงคำรามและเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวสะท้อนอยู่ภายในพื้นที่ เหล่าเซียนที่โดนขังอยู่ข้างในต่างใช้วิชามากมายเพื่อต่อต้านพายุนี้พร้อมกับพาตัวเองออกไป

ทว่าพลังอำนาจการระเบิดดูเหมือนผสานเข้าด้วยกันและแข็งแกร่งที่สุด ขณะที่มันกระจายตัว ถ้าเซียนคนหนึ่งตายไปวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่อาจหนีรอดไปได้ วิญญาณดั้งเดิมแต่ดวงจะถูกพายุลูกนี้ดูดซับและจากนั้นถูกบังคับให้ระเบิดกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังมัน

อย่างไรเสียก็มีเซียนขั้นมายาหยินและรูปธรรมหยางหลายคนที่ไล่ล่าหวังหลิน หลังจากเกิดความปั่นป่วนแรก พวกเขารวมกลุ่มกันโจมตีตอบโต้ด้วยพลังที่เกินจะเชื่อ

เหยาปิงหยุนเป็นผู้นำกลุ่ม เมื่อไหร่ที่นางโจมตี พลังทำลายล้างมหาศาลจากค่ายกลจะแตกสลาย ราวกับพายุที่เชื่อมต่อและกลืนกินทุกอย่างภายในไม่สามารถกลืนกินได้อีก มันถูกกลุ่มเซียนตอบโต้จนผลักออกไปภายนอก

ขณะนั้นเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หมอกทมิฬแพร่กระจายอย่างเงียบๆและระเบิดเสียงร้องเสียงเศร้าโศกจากภายใน วิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิตควบแน่นอย่างช้าๆข้างในสายหมอก

จังหวะที่ควบแน่นเสร็จ น้ำเสียงเย็นเยียบที่สุดเอ่ยออกมา “ระเบิด!”

น้ำเสียงนี้มาจากก้อนกรวดเดียวที่ไม่ได้แตกสลายไปด้วย วิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนโลหิตปลดปล่อยแสงสีแดงโลหิตทรงพลังก่อนที่มันจะแตกสลายแพร่กระจายระลอกคลื่นอย่างบ้าคลั่งออกมา

เซียนทุกคนที่ถูกระลอกคลื่นนี้สัมผัสจะถูกฆ่าสังหารทันทีเว้นแต่ว่าระดับบ่มเพาะจะทรงพลังยิ่งยวด

สายตาจากเซียนขั้นมายาหยินคนหนึ่งแห่งตระกูลฝั่งเหนือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาอยู่ใกล้กับบรรพชนโลหิตมาก ในขณะที่บรรพชนโลหิตแตกสลาย ระลอกคลื่นเข้ากระทบจนเขาส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนก่อนที่ร่างกายจะแตกสลายไป แม้แต่วิญญาณดั้งเดิมก็ไม่เหลือรอดและแตกสลาย

เซียนอีกคนจากเขตฝั่งใต้กำลังจะพุ่งตัวออกไป แต่ร่างกายตัวแข็งทื่อทันทีพร้อมกับโดนระลอกคลื่นสัมผัส ร่างกายระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตโดยพลัน

เสี้ยววินาทีนั้นมีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วนภายในระยะหนึ่งแสนฟุต ร่างหวังหลินปรากฏขึ้นมานอกระยะการระเบิด ฝ่ามือยื่นออกไปควบแน่นหมอกทมิฬกลับเป็นธงวิญญาณและเก็บใส่กระเป๋า

จากนั้นร่างกายกระพริบวูบวาบพุ่งตัวออกไป ขณะที่กำลังจะหายตัวไป เหยาปิงหยุนพลันเข้ามาใกล้ทันที สองดัชนีกดลงใส่อย่างโหดเหี้ยม!

ดวงตาฟินิกซ์เต็มไปด้วยจิตสังหารและดูโหดเหี้ยมที่สุด! นางเตรียมการมานานแล้วและกำลังรอให้หวังหลินปรากฏตัว!

นางมั่นใจว่าดัชนีนี้สามารถปลิดชีวิตซิ่วมู่ได้แน่นอน ดัชนีบรรจุวิชาเทพผนึกดับวิญญาณ มันโจมตีวิญญาณดั้งเดิมโดยเฉพาะ!

‘แค่เซียนขั้นรูปธรรมหยางยังไม่มีโอกาสรอดชีวิตเมื่อเผชิญกับผนึกดับวิญญาณ!’

ร่างหวังหลินสั่นเทาและถูกผลักออกห่างไปพันฟุต เขากระอักโลหิต ใบหน้าซีดขาวใกล้ตาย ทว่าเขาไม่ได้หยุดแค่นั้น ก้าวถอยหลังเข้าไปในความว่างเปล่าและเหินออกไปไกล

‘เขาไม่ตาย!’ เหยาปิงหยุนตกตะลึง ดวงตาส่องประกายเจิดจ้า พุ่งไปข้างหน้าและไล่ตามอีกครั้ง

การล่มสลายของวิญญาณบรรพชนโลหิตทำให้เซียนจำนวนมากที่ไล่ตามหวังหลินต้องตกตายกันไป ไม่มีใครคาดคิดว่าซิ่วมู่จะมีไพ่ตายแบบนี้!

สมาชิกตระกูลเหยาหลายคนอยู่ภายในรัศมีหนึ่งแสนฟุตนั้น พวกเขาไม่สามารถหนีรอดได้และตายภายในการระเบิด

ขณะที่ระลอกคลื่นหายไป พื้นที่หนึ่งแสนฟุตเต็มไปด้วยโลหิต ครั้งนี้มีคนตายไปมากมายนัก ทว่านี่เป็นแค่คนส่วนเล็กๆที่ไล่ล่าหวังหลิน ลำแสงหลายเส้นโผล่ออกมาจากระยะไกลและคนที่ไล่ล่าหวังหลินค่อยๆรวมตัวกันที่นี่ การเข่นฆ่าสังหารที่นี่ทำให้ความคิดแต่ละคนสั่นเทา แต่เจตนาการฆ่าหวังหลินยิ่งรุนแรงขึ้น!

“เราไม่สามารถปล่อยซิ่วมู่หนีไปได้ ไม่เช่นนั้นเมื่อเขาตอบโต้ขึ้นมา จะเกิดหายนะ!”

“ตอนนี้มันไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างซิ่วมู่และตระกูลเหยาอีกแล้ว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อกำจัดปิศาจตนนี้ มีเพียงการฆ่าจอมปิศาจซิ่วมู่เท่านั้นเราถึงจะสงบสุข!”

“ไล่ล่า!”

เซียนที่มาทีหลังพวกนี้พุ่งออกตามหลังหวังหลินไปตรงๆ ดวงตาของสมาชิกตระกูลเหยาแต่ละคนสีแดงฉานไล่ตามหวังหลินไป

เซียนนับไม่ถ้วนตายตกไปจากค่ายกลขนาดใหญ่นี้ ดังนั้นชื่อซิ่วมู่จึงแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งภายในดาราจักรทุกชั้นฟ้า แม้กระทั่งเซียนเฒ่าบางคนยังปรายตามายังข้อพิพาทระหว่างตระกูลเหยาและซิ่วมู่

ขณะที่ต่อต้านตระกูลเซียนนับไม่ถ้วนและตระกูลเหยาที่มีความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่เพียงแต่ไม่ตายแต่ยังเข่นฆ่าคนจำนวนมากและได้รับฉายาจอมมาร จากนั้นใช้ค่ายกลเข้าสังหารเซียนมากมาย เขย่าจิตใจผู้ที่ต้องการไล่ล่าเขา!

เขากระทั่งทำให้ตระกูลเซียนตกใจมากพอจนต้องถอนการไล่ล่าออกมา สิ่งนี้ทำให้ซิ่วมู่กลายเป็นดาวดวงใหม่ภายในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!

โลกการต่อสู้ระหว่างซิ่วมู่และตระกูลเหยาแพร่กระจายออกไปจากคนจำนวนหนึ่งและกลายเป็นที่รู้จักต่อเหล่าเซียนทุกคนในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

ชื่อ “ซิ่วมู่” ยิ่งโด่งดังมากขึ้นไปอีก!

ณ อารามเทพอัสนีบนยอดเจดีย์เมฆ ฉิงชุ่ยกำลังหลับตาบ่มเพาะ เขาลืมตาขึ้นมามองออกไปไกลและพึมพำ “เด็กคนนี้มีลีลาคล้ายกับข้าตอนหนุ่ม เยี่ยมมาก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version