Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 835

Cover Renegade Immortal 1

835. กลิ่นอายของเกราะหนัง

อีกด้านหนึ่งชายชุดดำพลันปรากฏตัวขึ้นมา ฝ่ามือสร้างผนึกและคว้าใส่ความว่างเปล่าสร้างเป็นวังวนขนาดใหญ่ วังวนนี้เคลื่อนผ่านอวกาศ เซียนคนใดที่สัมผัสมันจะหายตัวไป

ปรมาจารย์จงเฉินและชายชุดดำลงมือได้เร็วยิ่ง ขณะที่ชายชราชุดแดงขังอสรพิษพิฆาตจันทร์เอาไว้ พวกเขาก็ผลักเซียนรอบด้านให้ออกห่างไปทีละคน

ถ้าพวกเขาเจอคนตระกูลเหยาสักคน แววตาปรมาจารย์จงเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและตั้งใจใช้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน ซึ่งทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสก่อนจะผสานเข้ากับโลกและหายตัวไป

อสรพิษพิฆาตจันทร์โกรธเกรี้ยว!

แม้ผนึกแปดเลี่ยมจะเป็นแค่ผนึกเท่านั้น ทว่าอสรพิษตัวเล็กๆทั้งหมดต่างก็มีผนึกแปดเหลี่ยมล้อมรอบขัดขวางไว้ด้วยชั่วคราว

ร่างกายอสรพิษต่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มันจำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้วที่ไม่ได้ถูกผนึก มันอาละวาดภายในผนึกแปดเหลี่ยมจนทำให้สั่นไหวรุนแรง

ขณะเกิดเสียงดังกึกก้อง อสรพิษยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก ศีรษะของมันปรากฏรอยร้าวสองแห่งซึ่งคือดวงตาของมัน!

ดวงตาขุ่นมัวราวกับเต็มไปด้วยควัน แต่ภายในนั้นแฝงความบ้าคลั่งอยู่ด้วย มันระเบิดคำพูดประหลาดออกมาจากปาก จากนั้นปรากฏรอยร้าวนับไม่ถ้วนเบื้องหน้าอสรพิษและก่อตัวกลายเป็นหนึ่งดัชนียักษ์หยาบกร้าน!

ความกริ้วโกรธของอสรพิษดุจดัชนีของเทพโบราณ!

ชายชราชุดแดงไม่คิดมาก ประทับสองฝ่ามือลงบนผนึก ใบหน้าเคร่งเครียดส่งเสียงตะโกน “เร็ว!” เสื้อคลุมและเส้นผมพัดปลิวไสวไปด้านหลังโดยไร้แรงลม พลังดั้งเดิมจำนวนมากรวบรวมไว้ในร่างกายดุจพายุกำลังก่อตัว

ดัชนีที่อสรพิษสร้างขึ้นมาทำให้ความคิดชายชราชุดแดงต้องสั่นสะท้าน

ขณะที่อสรพิษคำรามขึ้นอีกครั้ง ดัชนีเทพโบราณประทับลงใส่ผนึกแปดเหลี่ยมอย่างช้าๆ!

เมื่อดัชนีร่อนลงบนผนึกแปดเหลี่ยม ผนึกนั้นแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนและถูกพัดกลับไป ใบหน้าชายชราชุดแดงซีดเผือดและถูกผลักกลับไปพร้อมด้วชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนเข้าหาปรมาจารย์จงเฉินและชายวัยกลางคน

ตอนนี้ทั้งสองได้ส่งเซียนรอบด้านทั้งหมดออกไปแล้ว

ปรมาจารย์จงเฉินจ้องดัชนีจากอสรพิษ เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยแววตาตื่นเต้น “อสูรจันทราตัวนี้เยี่ยมมาก! ข้าถ้าส่งเจ้าไปดาราจักรพันธมิตรเซียน ซวนจงซื่อจะต้องตกตะลึงแน่นอน!”

ยามอสรพิษร้องคำราม ดัชนีบื้องหน้ามันประทับลงเข้าหาทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว

ดุจเทพโบราณตัวจริงปรากฏตัวขึ้นมา ยกนิ้วขึ้นและกดลงไป!

“เหล่าสหายเซียน เราไม่สามารถต้านทานการโจมตีรุนแรงที่สุดของอสูรตัวนี้ได้ ถ้าร่างกายจริงของเราอยู่ที่นี่อาจจะต้านมันได้สักครั้งสองครั้ง ตอนนี้เป้าหมายเราเสร็จสิ้นแล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้เรารับรู้ประสบการณ์อำนาจของอสูรตัวนี้เป็นการส่วนตัว?” ปรมาจารย์จงเฉินหัวเราะพลางพุ่งเข้าหาดัชนีเทพโบราณ

จังหวะที่เขาพุ่งออกไป เปลวเพลิงปกคลุมร่างกายทะลักออกมาและล้อมรอบตัวอย่างสมบูรณ์

เมื่อดัชนีจากอสรพิษพิฆาตจันทร์ร่อนลงมาถึงและกดลงใส่ปรมาจารย์จงเฉิน เขาพลันร้องคำราม ฝ่ามือสร้างผนึกและเปลวเพลิงในร่างกายควบแน่นกลายเป็นมังกร มังกรเพลิงพุ่งออกเข้าหาดัชนีเทพโบราณโดยพลัน

มังกรเพลิงตัวนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างของปรมาจารย์จงเฉินในปัจจุบัน ขณะที่มันพุ่งออกไป ร่างกายเขาก็เลือนหายแม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่เหลือร่องรอยเอาไว้ มีเพียงมังกรเพลิงเข้าปะทะกับดัชนี

เสียงดังปังสนั่นรุนแรงข้ามผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตเหนือ มังกรเพลิงแตกสลายกลายเป็นเปลวเพลิงที่ห่อหุ้มตัวเองรอบดัชนีเทพโบราณและเผาไหม้อย่างรุนแรง

ชายชุดแดงเผยแววตาประกายแสงลี้ลับพลางหัวเราะและก้าวไปข้างหน้า จากนั้นแขนขวาสร้างผนึกประทับลงระหว่างคิ้วตนเอง ทั้งร่างเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่สีชาดพุ่งออกไปยามที่ดัชนีเทพโบราณถูกเปลวเพลิงล้อมรอบ

ชายวัยกลางคนชุดดำเผยแววตามุ่งมั่น เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ร่างอวตารร่างนี้แต่เขาต้องรับรู้ประสบการณ์การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของอสูรตนนี้ให้จงได้ เขาอาจจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากมันได้อย่างไม่คาดคิด!

หลังจากบรรลุระดับบ่มเพาะในปัจจุบัน มันก็ก้าวข้ามได้ยากยิ่ง บางทีนี่คือโอกาสในสายตาเขา!

ขณะที่พุ่งออกไป ฝ่ามือสองข้างสร้างผนึกและเปลี่ยนร่างเป็นเหยี่ยวทมิฬ แม้เหยี่ยวตัวนี้จะเป็นเพียงภาพลวงตามันกลับปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณพุ่งตรงเข้าใส่ดัชนีเทพโบราณ

เสียงดังปังกึกก้องสะท้อนไปทั่วเขตเหนือโดยมิอาจจินตนาการถึง ราวกับทั้งเขตเหนือกำลังพังย่อยยับ เซียนทั้งหมดบนดาวเคราะห์เซียนต่างสัมผัสถึงเสียงดังกึกก้องนี้ในหัว

มังกรเพลิงพังทลาย!

กระบี่สีชาดแตกสลาย!

เหยี่ยวทมิฬสูญสิ้น!

ดัชนีเทพโบราณกลับเย็นเยียบขึ้นแต่ไม่ได้รับความเสียหายเลย ขณะที่อสรพิษร้องคำราม ดัชนีเทพโบราณกวาดผ่านบริเวณทันที ท้ายที่สุดมันก็เปลี่ยนกลับเป็นละอองแสงและกลับเข้าสู่ร่างอสรพิษ

มันเปลี่ยนแววตาเป็นเย็นยะเยือกพลางอ้าปาก อสรพิษตัวน้อยทั้งหมดกลับเข้าไปในปากมัน จากนั้นเจ้าร่างใหญ่เคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับหนวดนับไม่ถ้วนส่ายไปมาและเลือนหายไปท่ามกลางดวงดาว

ณ ขณะนี้ ห้องลับภายในอารามเทพอัสนีมีคนนั่งอยู่สามคน ในห้องมีค่ายกลโบราณอยู่และทั้งสามคนกำลังอยู่ตรงจุดหลักของค่ายกล

ในสามคนนี้มีหนึ่งในนั้นคือปรมาจารย์จงเฉิน เขาลืมตาขึ้นมาและเผยอาการลังเล ขณะเดียวกันอีกสองคนที่เหลือต่างก็ลืมตาขึ้น ทั้งสองคือชายชราชุดแดงและชายวัยกลางคนชุดดำตามลำดับ

ชายวัยกลางคนชุดดำเอ่ยขึ้น “แข็งแกร่งมาก!”

ชายชุดแดงนามว่าเซี่ยงเอ่ยขึ้น “อสูรตัวนี้คือตัวที่อยู่ในบันทึกตระกูลข้าจริงๆ เราไม่ควรประมาทไปล่วงเกินมัน!”

ปรมาจารย์จงเฉินเผยแววตาแฝงความบ้าคลั่งพลางกล่าวอย่างสงบนิ่ง “เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องรวบรวมคนให้มากขึ้นและเริ่มแผนการจับอสูร!”

ณ แดนตะวันออกในโถงบรรพชนตระกูลเหยา เหรียญตราด้านหลังเทพโลหิตแตกสลายมากกว่าสิบเหรียญ ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาและถูกเขารวบรวมไว้เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ

ใบหน้าอันน่ากลัวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพึมพำ “เขาคู่ควรที่จะเป็นคนจากดาราจักรพันธมิตรเซียน เทียบกับรุ่นสามของตระกูลเหยาข้าแล้ว เขาช่างเป็นคนมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวยามสังหารและช่างดื้อรั้นยิ่งนัก!”

หลังขบคิดเงียบๆอยู่สักพัก เทพโลหิตคว้าแขนขวาใส่อากาศ แสงสีแดงควบแน่นกลายเป็นหินหยกสีแดงโลหิต

“ส่งรุ่นที่สอง เหยาหยุน ไปเขตเหนือและปลิดชีวิตซิ่วมู่ซะ!” เมื่อข้อความส่งออกไป หินหยกโลหิตด้านหน้าก็เรืองแสงสีแดงและหายไป

ฉายา “จ้าวปิศาจซิ่วมู่” กลายเป็นที่รู้จักของเหล่าเซียนทุกคนหลังเกิดโศกนาฏกรรมในเขตเหนือ! ภายใต้การไล่ล่าของตระกูลเหยาและเซียนนับไม่ถ้วน ไม่เพียงเขาจะไม่ตายแต่ยังใช้อสูรยักษ์มาตอบโต้อย่างน่ากลัว!

ทำให้เซียนส่วนใหญ่สูญสิ้นและทำให้ทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าตกตะลึงไปด้วย ไม่มีตระกูลเซียนใดจะเข้าร่วมเรื่องระหว่างเขาและตระกูลเหยาอีก

ข่าวถูกแพร่กระจายจากเหล่าเซียนที่หนีรอดมาดุจพายุข้ามผ่านไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้า จ้าวปิศาจซิ่วมู่ต้องไม่โดนล่วงเกินเว้นแต่จะถึงคราวจำเป็นจริงๆ!

คนผู้นี้เป็นคนบ้าคลั่งยิ่งนัก ไม่เพียงจะแข็งแกร่งมากเขายังกระหายเลือดดุจปิศาจ ไม่เพียงจะเข่นฆ่าเซียนระดับต่ำเพื่อแก้แค้น เขายังปลุกอสูรร้ายตนนั้นจนก่อเกิดภัยพิบัติ!

ความชั่วร้ายเช่นนี้เทียบได้กับเหล่าเซียนแห่งดาวตงหลิน ซึ่งเป็นผลให้ไม่มีใครคิดจะเข้าร่วมเรื่องนี้อีกต่อไป ขณะเดียวกันข่าวลือเรื่องการกระทำของซิ่วมู่ในแดนสวรรค์อัสนีก็เริ่มแพร่กระจายออกมาและสลักไว้ในจิตใจทุกคน

จ้าวปิศาจกลับกลายเป็นมีชื่อเสียงเหนือจินตนาการ แน่นอนว่าหวังหลินไม่ได้รู้เรื่องนี้อันใด ตอนนี้เขากำลังเคลื่อนที่อยู่ภายในร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์อย่างระมัดระวังด้วยใบหน้ามืดมน

อสรพิษตัวน้อยนับไม่ถ้วนกำลังไล่ล่าเขา หนวดทั้งหมดของแต่ละตตัวกำลังโค้งมนราวกับพวกมันตื่นเต้นยิ่ง พวกมันอ้าปากใหญ่ยักษ์ขณะไล่ล่าหวังหลินไปด้วยราวกับกำลังกลืนกินกลิ่นอายอาฆาตแค้นของเขา

หวังหลินขมวดคิ้วพลางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกตัวแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้างในอสรพิษพิฆาตจันทร์แตกต่างจากครั้งก่อน อสรพิษตัวน้อยทั้งหมดตื่นเต้นยิ่งตอนที่พวกมันเจอเขา ตอนที่เหยาปิงหยุนโจมตีเขาก็มีตัวหนึ่งมาช่วยหวังหลินเอาไว้

เหตุการณ์นั้นทำให้หวังหลินครุ่นคิด

“มันต้องเป็นเพราะเกราะหนังเทพโบราณ!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบและคิดจะเก็บเกราะหนังเทพโบราณเข้าไปในกระเป๋า

หลังทำเช่นนี้ ร่างกายพลันกระพริบวูบวาบและเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว

อสรพิษตัวน้อยที่กำลังไล่ล่าเขาพลันโกรธเกรี้ยวราวกับมีบางอย่างที่พวกมันชอบถูกเอาไป พวกมันกระจายตัวกันและค้นหาไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง

หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางเคลื่อนผ่านอสรพิษพิฆาตจันทร์ด้วยความระวัง มองหาตำแหน่งเตาหลอมของกรีดตั้งอยู่ เตาหลอมนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งนัก

ทว่าคลื่นแรงสั่นสะเทือนพลันประจายออกไปทั่วร่างอสรพิษ เมื่อคลื่นพวกนั้นกระจายตัวออกมา พวกมันเข้าใกล้หวังหลินอย่างรวดเร็ว

หวังหลินเปลี่ยนสีหน้าและรีบล่าถอยเพื่อหลีกเลี่ยงระลอกคลื่นนั้น ทว่าระลอกคลื่นก็ปรากฏจากด้านหลังเขาด้วย พวกมันเร็วเกินไปและพุ่งผ่านร่างหวังหลินในทันที

พริบตานั้นระลอกคลื่นก็หายไปราวกับพวกมันถูกใช้เพื่อหาสิ่งปกติในร่างกาย ตอนนี้อสรพิษพิฆาตจันทร์ได้พบหวังหลินเข้าแล้ว!

เสียงคำรามอู้อี้ดังกึกก้องข้างในอสรพิษพิฆาตจันทร์ มันคือวิชาที่สามารถสลายวิญญาณดั้งเดิมได้ คราแรกมันคือแสงแต่มันยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดมันดุจสายฟ้าคำรามสั่นอยู่ในหูเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version