Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 837

Cover Renegade Immortal 1

837. เตาหลอม

มิติในเตาหลอมมีจำกัดและหวังหลินเริ่มโคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายทันที หนวดที่ห่อหุ้มรอบเตาหลอมต่างก็ยื่นออกมาหาเขา แต่พวกมันไม่กล้าเข้ามาข้างในเตาและเพียงส่ายไปมาข้างนอกเท่านั้น

หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอก สถานที่แห่งนี้ถือว่าปลอดภัยชั่วคราวเท่านั้น เขาเริ่มขบคิดและเมินเฉยทุกอย่างข้างนอก จากนั้นนั่งหลับตาลงและฝึกฝน

ชั่วขณะที่หลับตา เงาของเขากระพริบวาบพลางต้านซานเดินออกมา ต้าซานนั่งลงราวว่าหากมีอะไรผิดปกติเขาจะลงมือทันที

เมื่อหวังหลินนั่งลงที่นี่เขากลับเกิดความรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ในใจ นับตั้งแต่ที่เข้าไปในแดนสวรรค์อัสนีเขาก็ตกอยู่ในสภาวะตื่นตัวอย่างสูง หลังจากออกมาได้เขาก็เข้าไปในร่างสัตว์ร้ายอีก กว่าจะออกมาอีกครั้งก็ผ่านการต่อสู้น่าหวาดเสียวทั้งนั้น

เดิมทีเขาวางแผนจะหาตัวลี่หยวนเพื่อศึกษากฏเกณฑ์ หลังจากนำเผ่าอมตะที่ถูกเลือกมาที่ดาวฉิงหลิงก็คิดจะพักผ่อนสักเล็กน้อย ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถัดมาได้บังคับให้หวังหลินโหดเหี้ยมและต้องสู้!

การไล่ล่าของตระกูลเหยาและการเข้าร่วมของตระกูลอื่นๆกลับบังคับให้หวังหลินต้องหลบหนี แม้เขาจะกุมความได้เปรียบเอาไว้ แต่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่หากประมาทไปเล็กน้อยจะบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ความตายมาให้ สิ่งเหล่านี้ก่อตัวขึ้นในร่างหวังหลินและตอนที่เขากำลังนั่งอยู่ในเตาปลอม ในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายสักเล็กน้อย

‘ตระกูลเซียนด้านนอกต้องเจอกับการโจมตีของอสรพิษพิฆาตจันทร์จนได้รับบาดเจ็บล้มตายกันมากมาย ข้าเชื่อว่าจะไม่มีใครมาตามล่าข้าอีกสักพัก แม้พวกเาจะมาก็ไม่สามารถเข้ามาในร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์และหาข้าเจอได้ แม้ที่นี่จะอันตรายแต่มันก็ยังปลอดภัยยิ่ง!’ หวังหลินลับตาพลางโคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายและหล่อเลี้ยงวิญญาณของตัวเองอย่างช้าๆ

ขณะที่พลังดั้งเดิมโคจรในร่าง กลับเกิดความเจ็บปวดระเบิดออกมาจากดวงวิญญาณ ในช่วงเวลานี้เขาเผชิญกับความวิกฤตหลายอย่าง ถ้าไม่ว่าเขามีเกราะหนังเทพโบราณก็คงตายไปหลายครั้งแล้ว

โลกอันโหดร้ายของการฝึกเซียนที่ซึ่งชีวิตสามารถดับสูญได้ทุกชั่วขณะ แต่กลับไม่กระทบต่อจิตใจแห่งเต๋าของหวังหลิน เขาพานพบประสบการณ์เช่นนี้มาแล้วในดาราจักรพันธมิตรเซียน กล่าวได้ว่ามันแทบจะเป็นชีวิตส่วนใหญ่ของเขา

“วิชาของเหยาปิงหยุนทำความเสียหายต่อวิญญาณดั้งเดิมมากเกินไป หากไม่ใช่ว่ามีเกราะหนังเทพโบราณ…” หวังหลินลืมตาขึ้นมา แววตากระพริบแสงเย็นเยียบอยู่ภายใน

ร่างกายเขาไม่ได้เสียหายมากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่วิญญาณดั้งเดิม ต้องขอบคุณเกราะหนังเทพโบราณที่ทำให้ไม่สาหัสเกินไป ตอนนี้พอเขาสงบจิตใจลงได้จึงจมดิ่งไปกับการฝึกฝน

หนวดนับไม่ถ้วนส่ายไปมาด้านนอกเตาหลอม เหยาปิงหยุนอยู่ใกล้ๆกับวังวน นางไม่ได้ตื่นตระหนกแต่กลับสงบนิ่งแทน

ตอนที่นางกำลังหลบหนีอสรพิษพิฆาตจันทณ์อยู่นั้น นางก็ถูกอสรพิษตัวใหญ่กลืนเข้าไป พลังลึกลับสายหนึ่งแทรกเข้ามาในร่างและแยกพลังดั้งเดิมออกมาจากร่างกาย เปลี่ยนนางให้กลายเป็นคนธรรมดา

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็หมดสติ

เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่แล้ว หนวดที่นี่รัดตัวนางอย่างแน่นหนา ความรู้สึกเย็นเยียบออกมาจากหนวดและไหลผ่านร่างกายนาง พลังดั้งเดิมในร่างกายกำลังถูกดูดไปอย่างช้าๆ

กระบวนการนี้ไม่ได้เร็วมากแต่มันไม่หยุดลงเลย

แววตาเหยาปิงหยุนสงบนิ่ง นางแสวงหาเต๋ามาตลอดและมีนิสัยสงบนิ่ง แม้จะรู้ดีว่าสูญสิ้นพลังดั้งเดิมแต่ก็ช่วยไม่ไดที่จะตื่นตระหนก มีเพียงการสงบนิ่งเท่านั้นที่จะทำให้นางหาทางรอดไปได้

ทว่าเมื่อนางมองไปรอบด้าน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว ผู้คนรอบด้านแห้งเหี่ยวเพราะถูกหนวดนับไม่ถ้วนพัวหันจนแทบทำให้ความสงบนิ่งของเหยาปิงหยุนแตกสลาย!

หลังผ่านไปสักพักนางก็สูดหายใจลึกบังคับให้ตัวเองสงบลง นางพบว่าหนวดพวกนั้นไม่ได้ดูดซับเฉพาะพลังดั้งเดิมแต่รวมถึงพลังชีวิตของนางด้วย!

‘หลับตา!’ เหยาปิงหยุนขบคิดเงียบๆไปชั่วขณะ จิตใจสงบนิ่งพลางหลับตา

‘ปิดหู!’ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อปิดประสาทการได้ยิน ทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกก็แยกออกจากกัน

‘สลายลมหายใจ!’ ขณะนั้นร่างเหยาปิงหยุนผ่อนคลายและลมหายใจพลันหายไป

‘ผนึกวิญญาณ!’ วิญญาณดั้งเดิมหยุดการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง แม้พลังดั้งเดิมจะถูกแยกออกจากกันแล้ว วิญญาณของนางกลับผนึกตัวเองเข้าไปในขอบเขตลี้ลับ

‘ผนึกตัวตน!’ สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนมีตัวตน เหยาปิงหยุนตัดสินใจผนึกตัวตน พลังชีวิตทั้งหมดหายไปจากร่างกาย นางลอยขึ้นดุจซากศพ

เหยาปยิงหยุนบรรลุระดับผนึกตัวตนจากวิชาเทพผนึกวิญญาณ วิชานี้ไม่จำเป็นต้องใช้พรสวรรค์ในการฝึกฝนมากนักแต่กลับมีความต้องการอันเข้มงวดในจิตใจแห่งเต๋าเพื่อที่จะไม่สูญเสียตัวเองภายในวิชาเซียน

หลังผนึกตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงแตกร้าวดังออกมาจากในร่างกาย ชั้นน้ำแข็งบางๆปรากฏขึ้นมาและกระจายอย่างรวดเร็ว

ผลึกน้ำแข็งนั้นได้ผนึกหนวดที่ห่อหุ้มรอบตัวนางไปด้วย พลังความเย็นจากร่างกายยิ่งรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นเมื่อน้ำแข็งค่อยๆเพิ่มพูน ท้ายที่สุดได้มีน้ำแข็งล้อมรอบตัวนางหนาถึงสามนิ้ว

นางกึ่งเปลือยเปล่าและถูกผนึกไว้ในน้ำแข็ง ใบหน้าสงบนิ่งเยือกเย็นและคงทำให้ใครต่อใครหัวใจเต้นกระดอน

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์นั้นไร้เดือนไร้ตะวัน มันค่อยๆเหาะเหินเร่ร่อนผ่านเขตเหนือไปอย่างช้าๆ

ในวันนี้อสรพิษพิฆาตจันทร์ก็หยุดลงอยู่ในส่วนลึกของเขตเหนือ ที่นี่ไม่ได้มีดวงดาวนักและไม่มีดาวเคราะห์เซียนอยู่ใกล้เคียง

หลังจากอสรพิษพิฆาตจันทร์หยุดลง มันก็ค่อยๆม้วนตัวขึ้นช้าๆกลายเป็นดาวเคราะห์เซียนอีกครั้ง หนวดนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกันปลดปล่อยควันสีดำออกมาล้อมรอบดวงดาว

หนวดพวกนั้นสั้นลงและสั้นลงจนกระทั่งเหลือความยาวเพียงหนึ่งพันฟุต พวกมันส่ายไปมาบนพื้นผิวดวงดาว รอบด้านเงียบสงบอีกครั้ง…

ข้างในมิติแคบและลึกลับในร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์ หวังหลินลืมตาขึ้นมา ความเจ็บปวดต่อวิญญาณดั้งเดิมไม่ได้รักษากันง่ายๆ หลังจากฝึกฝนมาตลอดเวลาหวังหลินพึ่งฟื้นฟูไปได้เพียงแปดในสิบส่วน

สายตามองเตาหลอมรอบๆตัวดุจประกายแสงสายฟ้า เตาหลอมนี้บรรจุกลิ่นอายเทพโบราณอันแข็งแกร่งออกมา แม้มันจะถูกอสรพิษดูดซับอย่างต่อเนื่องมันก็ยังแข็งแกร่ง

“อสรพิษพิฆาตจันทร์ไม่สังหารข้าแต่กลับโยนข้ามาที่นี่ นอกจากที่นี่จะดูดซับพลังชีวิตแล้วมันยังเป็นจุดที่ดูดซับกลิ่นอายเทพโบราณอีกด้วย!” หวังหลินเริ่มไตร่ตรอง

เห็นได้ชัดว่าเมื่อไหร่ที่อสรพิษตัวใหญ่นี่พบใครสักคนหรือสิ่งที่มีกลิ่นอายเทพโบราณ มันจะโยนเข้ามาที่นี่…ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและพึมพำ “นั่นหมายความว่าต้องมีสิ่งอื่นที่สัมพันธ์กับเทพโบราณ!”

หวังหลินเผยแววตาประกายแสงลึกลับพลางยกแขนขึ้นมาต้านผนังของเตาหลอม ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในเตาอย่างรวดเร็ว

“เมื่อกรีดสามารถทำให้มันเป็นของตัวเองได้ ข้าก็สามารถทำได้เช่นกัน!” หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไป ทันใดนั้นเขากลับรู้สึกถึงพลังดึงดูดแข็งแกร่งกำลังดึงวิญญาณเขา

หวังหลินเตรียมตัวสำหรับพลังดึงดูดไว้แล้ว เขาสังเกตมันได้จากหนวดที่พันกันล้อมรอบด้านนอกเตาหอม วิญญาณหวังหลินมั่นคงดุจเรือใบที่กำลังอยู่ในคลื่นโหมกระหน่ำ ดิ้นรนเข้าไปในส่วนลึกของเตาหลอม

สัมผัสวิญญาณหวังหลินค่อยๆแพร่กระจายไปทั่วเตาหลอมพร้อมกับอดทนต่อพลังดึงดูดและทิ้งตราประทับตัวเองเอาไว้ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกว่าจะสามารถควบคุมมันได้

หวังหลินขมวดคิ้วและไม่ยอมแพ้ แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณไปทั่วเตาหลอมอีกครั้งและทิ้งตราประทับไว้ทีละนิ้ว

กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เขาต้องต่อต้านพลังดึงดูดไปด้วยซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับหวังหลินด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆแต่หวังหลินก็ไม่หยุด เขาดำเนินการประทับตราบนเตาหลอมอย่างต่อเนื่องจนดูเหมือนจะพบเบาะแสบางอย่าง

มีอักขระรูนชิ้นหนึ่งสลักไว้บนมุมหนึ่งนอกเตาหลอม อักขระรูนนี้ซับซ้อนยิ่งและแม้จะถูกสลักเอาไว้ก็ไม่ได้ลึกมาก มองจากพื้นผิวด้านนอกแล้วยากจะที่จะตรวจพบด้วยตาเปล่า

แม้จะมีสัมผัสวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจเจอ เว้นแต่จะค้นหาทีละเล็กทีละน้อยเหมือนหวังหลิน

บนอักขระรูนนี้ยังคงมีร่องรอยสัมผัสวิญญาณประทับเอาไว้ หลังจากหวังหลินตรวจสอบมัน แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที

เขาสัมผัสถึงร่องรอยกลิ่นอายของกรีดบนตราประทับนั้นได้อย่างชัดเจน!

‘กรีดไม่ตาย!’ ดวงตาเย็นเยียบค่อยๆสงบลง

‘กรีดไม่ตาย ตราประทับของเขายังอยู่ที่นั่น ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถควบคุมเตาหลอมได้…แต่หากตราประทับอยู่ที่นี่ ทำไมข้าถึงยังประทับเตานี้ไม่ได้?’ หวังหลินขบคิดเรื่องตราประทับของกรีดที่อยู่บนนั้น

‘เตาหลอมยักษ์นี้ถูกปรับแต่งและถูกเทพโบราณโยนออกไป ในความทรงจำของเทพโบราณมีเตาหลอมอยู่รูปลักษณ์เดียวและไม่มีวิธีใช้ อีกทั้งความทรงจำที่ข้าสืบทอดมาก็ไม่สมบูรณ์’ หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณไปทั่วเตาหลอมและเริ่มสังเกตอักขระรูน หลังจากนั้นอีกสักพักดวงตาค่อยๆส่องสว่าง แม้เขาจะเกลียดชังกรีด แต่ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม!

‘กรีดคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ! เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้วิธีใช้เตาหลอมนี้ตอนที่ได้มาครั้งแรกและไม่สามารถควบคุมมันได้ เขาจึงใช้อักขระรูนนี้แกสลักเอาไว้บนเตาหลอมและเชื่อมต่อมันด้วยความสามารถบางอย่างข้างใน!’

‘สิ่งที่เขาเปลี่ยนแปลงจริงๆคืออักขระรูนนี้ และเมื่อควบคุมอักขระรูนเขาก็สามารถใช้ความสามารถบางอย่างของเตาหลอมได้!’ หวังหลินสูดหายใจลึก ใช้สัมผัสวิญญาณทั้งหมดรวบรวมเข้าหาอักขระรูนโดยไม่ลังเล

‘เมื่อกวาดล้างประทับสัมผัสวิญญาณของกรีดออกไปได้ เตาหลอมนี้จะกลับคืนสู่เจ้าของดั้งเดิม!’ แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ขณะที่สัมผัสวิญญาณกำลังจะกวาดล้างสัมผัสวิญญาณของกรีดออกไปนั้น สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปและสัมผัสวิญญาณหยุดชะงัก เขาถอนมันออกมาให้กลับเข้าสู่ร่างกายทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version