Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 875

Cover Renegade Immortal 1

875. พัฒนาการของตาที่สาม

ชำเลืองครั้งแรก คำว่า “ต่อสู้” ดูธรรมดาอย่างยิ่ง แต่พอตรวจสอบอย่างใกล้ชิด จิตสังหารเหนือจินตนาการคล้ายหลุดออกมาจากสงครามพลันกระแทกเข้าใส่!

วินาทีนั้นภาพมายาหลายอย่างปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน ราวกับฟ้าดินแตกสลายไปทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปรวมถึงสนาม เซียนรอบๆและกระทั่งอรามเทพอัสนี สิ่งเดียวที่คงเหลืออยู่คือคำว่า “ต่อสู้”!

หวังหลินรู้สึกร่างกายสั่นเทาและทั้งร่างเกิดความมึนงง ราวกับว่าพลังลี้ลับระเบิดออกมาจากคำว่า “ต่อสู้” พลังนี้ตกลงมาและครอบงำความคิดเขา ทำให้วิญญาณดั้งเดิมแบ่งแยกจากร่างกาย ไม่มีสิ่งใดเชื่อมต่อกันระหว่างทั้งสอง

จิตสังหารเข้มข้นล้อมรอบ หวังหลินรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนธรรมดาพบกับสายลมหนาวรุนแรงโดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นใดสวมใส่ สายลมหนาวดูเหมือนกำลังจะเป่าเพลิงชีวิตเขาให้มอดไปด้วย

ในความมึนงงนั้นหวังหลินรู้สึกเหมือนกลับไปตอนที่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเสร็จสมบูรณ์ ประตูเปิดขึ้นและวินาทีนั้นคลื่นต้นตอพลังต้นกำเนิดพลันปรากฏขึ้นมา!

ดวงตาที่สามค่อยๆปรากฏระหว่างคิ้วอย่างช้าๆและค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น แต่ไม่มีแสงสีแดงออกมา หวังหลินไม่ไหวติงแต่ความคิดสั่นสะท้านรุนแรง ความรู้สึกว่ากำลังเผชิญหน้ากับประตูในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าอีกครั้ง!

ทว่าเมื่อคราวนั้นเขากลับรู้สึกอ่อนแออย่างที่สุด หวังหลินแทบสูญสลายเพียงจ้องมองเท่านั้น ตอนนี้เมื่อเขามองที่คำว่า “ต่อสู้” แม้จะตกตะลึงแต่ก็สามารถยืนหยัดได้

เห็นได้ชัดว่าต้นตอพลังงานดั้งเดิมในคำว่า “ต่อสู้” มันเทียบไม่ได้กับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า สำหรับหวังหลินแล้วลูกปัดฝืนลิขิตฟ้านั้นลึกลับเกินไป แต่คำว่า “ต่อสู้” เป็นสิ่งที่เขาสามารถไขว่คว้าได้

เหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะใช้เวลาอันยาวนาน แต่ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นตอนที่หวังหลินเงยศีรษะขึ้น ซึ่งใช้เวลาหนึ่งวินาทีเท่านั้น!

เดิมทีลี่หยุนจื่อไม่ได้มีความคิดว่าหวังหลินมีดีอะไร แม้ซิ่วมู่จะสามารถต่อสู้กับหลัวซู่และมีวิชาอัศจรรย์มากมาย หากฉิงชุ่ยไม่ได้แทรกแซง คนที่แพ้คงเป็นหวังหลิน!

ในบททดสอบที่สอง เหตุผลที่หวังหลินกลืนกินจิตวิญญาณสายฟ้าได้ก็เป็นเพราะโชคช่วยเช่นกัน ลี่หยุนจื่อเป็นคนที่บรรลุระดับบ่มเพาะในปัจจุบันผ่านความหมั่นเพียรอย่างหนักของตัวเอง ในสายตาเขา เซียนที่พึ่งพาโชคไม่มีคุณค่าอะไรนัก และซิ่วมู่ก็คือหนึ่งในเซียนพวกนั้น

ทว่าวินาทีนี้ ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เขาก้าวไปข้างหน้าสามก้าวและจ้องมองหวังหลินราวกับมีบางอย่างร่ำร้องในใจ

‘หนึ่งวินาที! ซิ่วมู่สามารถเข้าสู่สภาวะในหนึ่งวินาทีเท่านั้น!’ แม้ความคิดของลี่หยุนจื่อจะแข็งแกร่งเขาก็ยังตื่นเต้น ในประวัติศาสตร์ตระกูลจางทุกรุ่น ไม่มีใครสามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้ในหนึ่งวินาที กระทั่งบรรพชนของเขาที่มีพรสวรรค์สูงเสียดฟ้ายังทำได้เพียงแค่สองวินาที!

วินาทีนี้ลี่หยุนจื่อลืมเลือนเรื่องซิ่วถิงไปแล้ว ความคิดทั้งหมดถูกหวังหลินเข้ามาแทนที่!

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น เซียนเฒ่าทั้งหมดที่นั่งอยู่บนเสื่อสมาธิต่างก็ตกใจเช่นเดียวกับลี่หยุนจื่อ พวกเขาไม่ได้ใส่ใจคิดอะไรนักในความสามารถของหวังหลินต่อบททดสอบสองด่านที่ผ่านมา พวกเขาคิดว่ามันเพียงแค่เรื่องน่าขัน อย่างไรก็ตามทั้งหมดพึ่งมาเริ่มให้ความสนใจตอนนี้

เทพโลหิตจ้องหวังหลินด้วยแววตาหรี่แคบ ขณะที่ตกใจอยู่นั้น จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง!

‘เด็กคนนี้สามารถเข้าสู่สภาวะได้ในหนึ่งวินาที ข้าไม่ยอมปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปได้!’ ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้เขารู้สึกถึงจิตสังหารหนึ่งจ้องใส่ตัวเอง จากนั้นหันกลับไปเห็นฉิงชุ่ยมองมาด้วยความเยือกเย็น

เทพโลหิตพ่นลมหายใจเย็นเฉียบ ระงับจิตสังหารและซ่อนมันไว้ส่วนลึกในใจ

บรรพชนคนอื่นๆของตระกูลที่สืบทอดจากแดนสวรรค์ต่างก็เฝ้ามองด้วยความตั้งใจ

บรรพชนตระกูลเซี่ยงเผยความชื่นชมมากขึ้นไปอีก ยิ่งมองหวังหลินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งยินดี ‘เด็กคนนี้เป็นมากกว่าปลาในสระ!’

ปรมาจารย์จงเฉินยิ้มขึ้น และเมื่อเห็นลี่หยุนจื่อตกตะลึง รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างไปอีก

จางกงเล่ยรู้เรื่องราวภายในตระกูล เมื่อเขาเห็นหวังหลินเข้าสู่สภาวะนั้นได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาที เขาอ้าปากค้างและตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง ส่วนซิ่วถิงขมวดคิ้วและเกิดความคิดซับซ้อนยิ่ง เดิมทีเขาเป็นเด็กที่สวรรค์โปรดปรานแต่ในบททดสอบมนุษย์ ซิ่วมู่ขโมยชื่อเสียงเขาไป จากนั้นก็บททดสอบปฐพี เขาก็ด้อยกว่าซิ่วมู่อีกไกล ตอนนี้มาบททดสอบสวรรค์ เขาถูกลี่หยุนจื่อยกย่อง แต่ทั้งหมดนั้นหายวับไปทันทีเมื่อซิ่วมู่เป็นมารผจญ!

สัมผัสวิญญาณหวังหลินแบ่งออกเป็นสองส่วนและผสานเข้ากับคำว่า “ต่อสู้” ร่องรอยของต้นตอพลังดั้งเดิมโผล่ออกมาจากคำนั้นและหมุนเวียนในร่างกายเขาอย่างช้าๆ ขณะที่มันกำลังจะออกไปจากร่างหวังหลิน มันก็สั่นเทาและพุ่งเข้าหาตาที่สามอย่างบ้าคลั่ง

ต้นตอพลังดั้งเดิมพุ่งเข้าไปในตาที่สามซึ่งปรากฏขึ้นมาระหว่างคิ้ว แสงสีแดงพลันส่องประกายเจิดจ้าจากดวงตา

เมื่อเสี้ยวพลังเข้าไป แสงสีแดงจากดวงตายิ่งหนาแน่นขึ้นไปอีก หลังผ่านไปสิบวินาที หวังหลินตื่นขึ้น แสงสีแดงที่รวบรวมไว้ในดวงตาเขาพลันพุ่งออกมาเป็นรูปใบพัด!

แสงสีแดงกระพริบวาบ เซียนรอบด้านทั้งหมดอุทานออกมา แสงสีแดงรูปใบพัดล้อมรอบคัมภีร์รบอย่างสมบูรณ์

ในความมึนงงนั้น หวังหลินมองเห็นฉากเหตุการณ์ประหลาดในคัมภีร์อย่างเลือนลาง มันเป็นดาราจักรที่อยู่ห่างออกไปไกล มีชายชราชุดขาวโบกสะบัดนิ้วในอวกาศและเขียนคำว่า “ต่อสู้!” คำนั้นกระพริบวาบและแบ่งออกเป็นม้วนคัมภีร์ที่ต่างกันหกเล่ม

ต้นตอพลังต้นกำเนิดอันทรงพลังออกมาจากชายชรา เขามองคำว่า “ต่อสู้” ด้วยความเศร้าโศก เสียใจและไม่ยินดี เขาเงยศีรษะขึ้นมามองเข้าไปในหมู่ดาว ดวงตาพลันไม่ยอมรับและปฏิเสธ

ร่างหวังหลินสั่นสะท้าน แสงสีแดงจากตาที่สามหายวับไปและเขาตื่นขึ้นมา ฉากเหตุการณ์ที่เขาพึ่งเห็นนั้นเนื่องมาจากตาที่สามกำลังเชื่อมต่อกับคัมภีร์รบ เขาจึงเห็นภาพมายาอันเลือนลางแต่ก็รู้สึกจริงๆ!

ขณะที่แสงสีแดงหายไป ดวงตาที่สามของหวังหลินค่อยๆปิดลงแต่ไม่ได้หายไป มันกลายเป็นเส้นสีแดงและคงอยู่ระหว่างคิ้วหวังหลิน วินาทีนั้นหวังหลินให้สัมผัสประหลาดออกมา

“เจ้าเห็นมัน!” ลี่หยุนจื่อก้าวเท้าปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลิน เขาจ้องมองและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้น

หวังหลินขบคิดเงียบๆและพยักหน้า สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีพลังที่ทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ภายในเส้นสีแดงระหว่างคิ้ว ทั้งยังแฝงความเจ็บปวดไว้ด้วยราวกับพลังนั้นไม่ต้องการอยู่และอยากระเบิดออกมาด้านนอก

ลี่หยุนจื่อจ้องหวังหลินอยู่สักพัก เขาหัวเราะและเอ่ยขึ้นมา “เยี่ยมมากซิ่วมู่ หลังการแข่งขันตำแหน่งเทพจบลง ให้เจ้ามาหาข้า ข้าจะพาเจ้าไปดูม้วนคัมภีร์ที่เหลืออีกสองเล่ม!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version