Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 880

Cover Renegade Immortal 1

880. หวานเอ๋อร์

เหล่าเทพไม่ได้บ่มเพาะเขตแดน เทพที่แท้จริงไม่มีอารมณ์อ่อนไหว!

หวังหลินรู้เรื่องนี้ดี!

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นจากใจกลางสระเทพ ปราณสวรรค์เริ่มแผ่กระจายออกมา เหล่าเซียนรอบด้านทั้งหมดครุ่นคิดถึงข้อดีและข้อเสีย การเข้าและไม่เข้าไปคือตัวเลือกที่ยากสำหรับพวกเขา

ปรมาจารย์จงเฉินไม่ได้บังคับแต่มองเหล่าผู้เยาว์ด้านหน้าอย่างสงบนิ่ง

ไม่ได้มีเพียงแค่เขาเท่านั้น เซียนผู้สังเกตการณ์และผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีทั้งหมดต่างก็เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด รวมถึงเซียนทั้งหมดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าด้วย

ราวกับทั้งดาราจักรเงียบสงัดลง เซียนทั้งหมดต่างก็เงียบ

นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่ง ไม่มีใครพูดว่าทางไหนถูกและทางไหนผิด!

กล่าวได้ว่ามีถนนที่แตกต่างกันสองสาย เส้นหนึ่งคือถนนของเหล่าเทพและอีกเส้นหนึ่งคือถนนของเหล่าเซียน!

ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าทางไหนแข็งแกร่งกว่ากันจนกว่าจะถึงปลายทาง!

ในยุคโบราณนั้นเหล่าเซียนโบราณปรารถนาที่จะกลายเป็นอมตะ สำหรับพวกเขา การเข้าสู่สระเทพคือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ พลังดั้งเดิมแต่ละคนจะเปลี่ยนเป็นต้นกำเนิดเทพ! นี่คือเป้าหมายสุดท้ายของเหล่าเซียนในยุคโบราณ!

เมื่อไร้การฝึกฝนเขตแดน จึงไม่มีอะไรให้รู้แจ้ง การเพิ่มระดับบ่มเพาะจึงขึ้นอยู่กับสมบัติสวรรค์ ระดับเทพและน้ำอมฤทธิ์

หลังแดนสวรรค์ล่มสลาย เหล่าเซียนจึงไม่อาจเป็นเทพได้อีกต่อไปเพราะแดนสวรรค์ไม่มีอยู่ เส้นทางแต่ละคนจึงกลายเป็นเต๋า! เพราะการฝึกฝนเต๋าจะทำให้พวกเขาได้รับความเข้าใจ

กุญแจหลักในการฝึกฝนเต๋าคือความเข้าใจรู้แจ้ง!

เข้าในสวรรค์ไม่ว่าจะคล้อยตามหรือฝืนมัน ถ้าไม่มีความเข้าใจเมื่อนั้นการเพิ่มระดับบ่มเพาะคงยากยิ่ง

วินาทีนี้นั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหวังหลินและเหล่าเซียนคือถนนสองเส้น หนึ่งคือเลือกเดินบนเส้นทางโบราณและหนึ่งคือเลือกจะเดินบนเส้นทางปัจจุบัน

ฉิงชุ่ยมองหวังหลินอย่างใจเย็น เขาหวังว่าหวังหลินจะก้าวเดินไปบนสระเทพและล้มเลิกเต๋า เขาต้องการให้หวังหลินกลายเป็นเทพตัวจริงและกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของอาจารย์เขา ป๋ายฟ่าน

ซิ่วถิงขบคิดเล็กน้อยและมองหวังหลิน เขากัดฟันแน่นและเดินเข้าหาสระเทพ เขายโสโอหังมาทั้งชีวิต ในหมู่เซียนรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มีค่าคู่ควรในสายตาเขา หลังออกมาจากดาวตงหลิน ไม่มีใครเทียบกับเขาได้!

ทว่าในระหว่างการแข่งขันชิงตำแหน่งเทพ เขาถูกหวังหลินเอาชนะครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นในเส้นทางสู่สวรรค์ เขาก็ถูกฆ่าตาย จึงไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้!

ซิ่วถิงมีร่องรอยชื่นชมต่อหวังหลิน ทว่าในความชื่นชมนั้นเทียบไม่ได้กับความดื้นรั้นของเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขารู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะก้าวข้ามผ่านหวังหลินไปได้ เขาจะต้องเดินอีกสายและไปอย่างก้าวกระโดด!

ดังนั้นแล้วเขาจึงล้มเลิกเขตแดนของตัวเองและเลือกเดินบนเส้นทางแห่งเทพ!

หลังจากเข้าไปในสระเทพ ซิ่วถิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหลือแสนกำลังโผล่ออกมาจากร่างกาย แม่น้ำเริ่มเดือดและเจาะเข้าไปในร่างเขา

เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นมาบนหน้าผาก ความเจ็บปวดเกือบทำให้เขาหน้ามืด ราวกับโดนมีดกำลังแกะสลักเนื้อหนัก เขตแดนที่เขาบ่มเพาะฝึกฝนมานับพันปีกำลังถูกมันดูดซับ

พลังปราณสวรรค์จำนวนมากเข้าไปในร่างกายและผสานเข้ากับพลังดั้งเดิมก่อเกิดพลังงานที่ไม่เคยเจอมาก่อนเต็มไปทั่วร่างกาย

เจ็ดนาทีต่อมาซิ่วถิงร้องคำราม เส้นผมพริ้วไหวโดยไร้แรงลม เสียงดังปะทุออกมาจากร่างกายและเกิดกลิ่นอายเทพอันทรงพลังระเบิดออกมา

ระดับบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมไปหนึ่งขั้น!

ดวงตาซิ่วถิงดุจสายฟ้าและเกิดความรู้สึกสะดวกสบายไปทั่วร่างกาย กำหมัดขึ้นมาราวกับควบคุมพลังแห่งฟ้าดิน วิชาเทพที่เขารู้จักกระพริบแล่นผ่านในหัว ในจิตใจเขารู้สึกว่าสามารถใช้พวกมันตามใจคิดและใช้ได้อย่างเต็มพลัง!

‘ซิ่วมู่ วันหนึ่งเราจะต่อสู้กันอีกครั้ง!’ ซิ่วถิงก้าวเดินออกมาจากสระเทพ ดวงตาเปล่งประกายจ้องมองหวังหลินและจากนั้นก็ถอนสายตาออกมา

ประสิทธิภาพของซิ่วถิงเป็นตัวจุดความคิดเซียนที่ยังไม่ตัดสินใจ หลังจากนั้นก็มีเหล่าเซียนเดินเข้าไปในน้ำพุทีละคน พวกเขากรีดร้องโหยหวนก่อนที่ระดับบ่มเพาะแต่ละคนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด พลังปราณสวรรค์หนาแน่นโผล่ออกมาจากร่างกายพร้อมกับเดินออกมาจากสระเทพอย่างช้าๆ

ทุกคนที่เดินออกมาต่างก็เต็มไปด้วยความสุข สัมผัสแห่งพลังอำนาจและการควบคุมวิชาเทพของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ทำให้พวกเขารู้สึกไม่เสียใจที่เลือกทางเดินนี้

หวังหลินมองสระเทพด้วยความสงบนิ่ง จิตใจรู้สึกซับซ้อนยิ่ง เขาเคยเห็นขั้นที่สามและในแดนสวรรค์เขาก็เห็นจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านชี้ไปที่ท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยความลี้ลับ การฝึกฝนขณะเป็นเทพไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่อาจตัดสินใจได้ว่าทางนี้จะถูกหรือผิด แต่เขาไม่เต็มใจเลือก

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือตอนที่สระเทพปรากฏขึ้นมา ไม่มีเซียนเฒ่าคนใดหันไปมองมัน นี่ยิ่งทำให้หวังหลินตัดสินใจเกี่ยวกับทางเลือกของตนเองได้ดีขึ้น

ในตำแหน่งเทพทั้งหมด มีจำนวน 17 คนที่เลือกจะเข้าสระเทพ ส่วนหวังหลิน หนานกงหาน เฉินกงฮู่และจางกงเล่ย พร้อมทั้งคนอื่นๆต่างก็เลือกจะไม่เข้าไป

“นี่คือทางเลือกของเจ้าเอง อย่าเสียใจในอนาคตเสียเล่า!” ปรมาจารย์จงเฉินกวาดสายตาผ่านไปในฝูงชน เขายกแขนขึ้นมาและชี้ไปข้างหน้า เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับสระเทพลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไป

“จงโปรด หินเทพประทาน!” เสียงตะโกนของปรมาจารย์จงเฉินช่างเคารพเป็นอย่างยิ่ง ก้อนเมฆเริ่มเคลื่อนไหวเปลี่ยนกลายเป็นมังกรเมฆและเริ่มโคจรทั่วบริเวณ

คลื่นแรงกดดันน่าตื่นตะลึงตกลงมาจากท้องฟ้าและโอบล้อมพื้นที่

เซียนทั้งหมดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าต่างก็จ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเข้มข้น

วินาทีต่อมา มังกรเมฆตัวหนึ่งลอยลงมาจากท้องฟ้าและพ่นหินออกมาหนึ่งก้อน หินก้อนนี้ขนาดแค่ห้าฟุตเท่านั้น แต่เมื่อมันตกลงมากลับทำให้อารามเทพอัสนีสั่นไหวรุนแรง

พลังปราณสวรรค์ทรงพลังกวาดผ่านพื้นที่และเริ่มกระจายอย่างบ้าคลั่ง

“เทพสายฟ้า รองเทพสายฟ้าและเทพสวรรค์สามสิบหกตน ข้าขอมอบโอกาสให้เจ้าสลักชื่อตัวเองไว้บนหิน!”

ดวงตาซิ่วถิงส่องสว่างขึ้นและก้าวเดินออกมา ปรากฏตัวถัดจากหินและเมื่อเขามองมันจึงพลันตกตะลึง

ชื่อนับไม่ถ้วนถูกสลักไว้บนหินเทพประทาน แต่ละชื่อปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลัง มีอยู่หลายชื่อเป็นคนที่มีชื่อเสียงในดาราจักรทุกชั้นฟ้า นี่ยิ่งทำให้เขากระตุ้นการสลักชื่อตนเองไว้บนหินมากกว่าเดิม เขายกแขนขวาขึ้นมาค้นหาจุดและแกะสลักชื่อตัวเองลงไป

วินาทีนั้นเกิดแสงสีเขียวกระพริบวาบ พลังแข็งแกร่งสายหนึ่งเข้าไปในร่างซิ่วถิงและผลักเขากลับไป ซิ่วถิงเหยียดยิ้ม พลังดั้งเดิมสวรรค์ในร่างพุ่งพล่าน หมอกสีดำปรากฏระหว่างคิ้วและเข้าไปในนิ้ว กดสลักใส่หินเทพประทานอย่างโหดเหี้ยม

เขาเกือบสลักชื่อตัวเองแทบไม่ได้ หลังจากเสร็จสิ้น ร่างกายคล้ายกำลังแตกสลาย ก้าวถอยออกมาใบหน้าซีดเผือด

หวังหลินมองซิ่วถิง เหตุผลว่าทำไมซิ่วถิงถึงเหนื่อยอ่อนนั่นก็เพราะเขาแบ่งวิญญาณดั้งเดิมออกไปและถูกก้อนหินดูดซับ หวังหลินตื่นตัวทันที

ปรมาจารย์จงเฉินพยักหน้า ใครที่สามารถสลักชื่อตนเองไว้บนก้อนหินได้จะต้องมีระดับบ่มเพาะที่น่าตื่นตะลึง เขาพึงพอใจในตัวซิ่วถิงเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้จะต้องเปล่งประกายในการต่อสู้สงครามดาราจักรพันธมิตรเซียนแน่นอน

หลังจากซิ่วถิง เทพสวรรค์ทั้งหมดก็ออกมาข้างหน้า ทว่านอกจากหนานกงหาน เซียนหกนิ้วและเด็กหัวโตแล้ว ไม่มีใครสามารถแกะสลักชื่อตัวเองไว้บนก้อนหินได้เลย

หวังหลินเป็นคนสุดท้าย ก้าวเดินเข้าหาหินเทพประทานด้วยแววตาสงบนิ่ง เขามองชื่อมากมายบนก้อนหินและขบคิดเงียบๆ ระมัดระวังโดยธรรมชาติ มีหลายเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าไปในสระเทพ ตอนนี้หินเทพประทานทำให้เขาครุ่นคิดมากกว่าเดิม

การครุ่นคิดของเขาทำให้สายตาเซียนรอบด้านรวมเข้าด้วยกัน หวังหลินเป็นจุดสนใจอย่างมากในการแข่งขันชิงตำแหน่งเทพ ตอนที่เขาเลือกจะไม่เข้าไปในสระเทพมันกลับก่อให้เกิดคลื่นการสนทนาขึ้นมามากมาย ตอนนี้เขากำลังขบคิดเบื้องหน้าก้อนหินจึงทำให้แต่ละคนคาดเดาไปต่างๆนาๆ

ไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นแต่ทุกคนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าต่างก็เห็นก้อนหินพลันเพ่งสมาธิและเฝ้ามองอย่างละเอียด

พวกเขาอยากรู้ว่าซิ่วมู่จะล้มเลิกหรือไม่ หากไม่ล้มเลิกเขาคงสามารถแกะสลักชื่อตัวเองไว้ได้ใช่ไหม? แม้กระนั้นแทบไม่มีใครรู้จักตำนานหรือต้นกำเนิดของหินเทพประทานเลย

หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้น แขนขวายกขึ้นมาและประทับนิ้วชี้ลงไป พลังรุนแรงสายหนึ่งโผล่ออกมาจากภายในก้อนหินและกระดอนแขนขวาให้ออกห่าง

ขมวดคิ้วเล็กน้อย โคจรพลังดั้งเดิมผ่านร่างกาย ประทับดัชนีลงไปอีกครั้ง คราวนี้แรงสะท้อนมีมากกว่าเดิม พลังดั้งเดิมพุ่งเข้าไปในดัชนีเพื่อต่อต้านพลังสายนี้

ยิ่งหวังหลินเคลื่อนนิ้ว พลังสะท้อนกลับก็ยิ่งมากกว่าเดิม ท้ายที่สุดเกิดเสียงปะทุขึ้นมาราวกับก้อนหินกำลังแตกสลาย

แสงรุนแรงระเบิดออกมาจากก้อนหิน เมื่อหวังหลินลากเส้นสุดท้ายจบ เขารู้สึกว่าพลังดั้งเดิมส่วนหนึ่งแยกออกมาและเคลื่อนเข้าหานิ้ว

ทว่าขณะที่วิญญาณดั้งเดิมกำลังผสานเข้ากับก้อนหิน หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมาทันที หยิบยืมพลังสะท้อนจากก้อนหิน ก้าวถอยออกไปและสามารถหยุดยั้งกระบวนการนั้นได้

ปรมาจารย์หรี่สายตาและมองหวังหลิน เขาเห็นได้ว่าพลังดั้งเดิมของหวังหลินไม่ได้ผสานเข้ากับก้อนหิน แม้กระทั่งชื่อที่สลักลงไปก็ไม่ใช่หวังหลินหรือซิ่วมู่ แต่เป็นจ้าวปิศาจ!

‘ซิ่วมู่คู่ควรจะเป็นคนจากดาราจักรพันธมิตรเซียนจริงๆ เขาไม่ได้โลกมากและระมัดระวังแทน!’ ปรมาจารย์จงเฉินถอนสายตาออกมา

“คราวนี้มาถึงรางวัลสุดท้ายของเทพสายฟ้า รองเทพสายฟ้าและเทพสวรรค์สามสิบหกคน พวกเจ้าสามสิบแปดคนสามารถขออะไรได้หนึ่งอย่าง อารามเทพอัสนี ตระกูลเซี่ยงและตระกูลกงซุนจะช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถ! อย่างไรก็ตาม หากมีใครจงใจขอสิ่งที่ยากเกินไป รางวัลนั้นจะถูกยกเลิก!”

ความคิดหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรง สูดหายใจลึกและระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ ดวงตาเปล่งประกายอย่างไม่เคยมีมาก่อน เหตุผลที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ก็เพื่อรางวัลชิ้นสุดท้าย!

‘หวานเอ๋อร์…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version