Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 881

Cover Renegade Immortal 1

881. “ข้าตกลง”

หวังหลินไม่ได้เผยอารมณ์ภายในอย่างรุนแรงออกมา สายตาสงบนิ่งแต่ด้านหลังนั้นคือเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วง

หวังหลินไม่ใช่คนแรกที่ก้าวออกไป เขารอให้คนอื่นๆกล่าวคำขอของตัวเองก่อน จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าคำนับฝ่ามือให้ปรมาจารย์จงเฉินและเอ่ยอย่างเคารพ “ผู้น้อยมีคำขอ!”

ปรมาจารย์จงเฉินมองหวังหลิน “ซิ่วมู่ กล่าวคำขอมาได้”

“คำขอของผู้น้อยคือการทำให้วิญญาณแรกกำเนิดที่เสียหายดวงหนึ่ง ก่อร่างเลือดเนื้อขึ้นมาใหม่และปลุกขึ้นมา!” ขณะหวังหลินเอ่ยออกไป น้ำเสียงไม่เปลี่ยนอันใดแต่หัวใจเต้นกระดอนราวกับระเบิดจากหน้าอก

“โอ้?” รูม่านตาปรมาจารย์จงเฉินหรี่แคบ เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่บรรพชนเซี่ยงพลางกล่าวขึ้น “คำขอนี้ไม่ยาก ตั้งแต่ยุคโบราณกาล ตระกูลเซี่ยงมีวิชาหนึ่งที่ว่ากันว่าอัศจรรย์ยิ่ง มันน่าจะทำตามคำขอของเจ้าได้ ว่าอย่างไรหล่ะสหายเซียนเซี่ยง!”

บรรพชนตระกูลเซี่ยงยิ้มออกมา เขาชื่นชมหวังหลินอย่างมาก “ซิ่วมู่ ข้าสันนิษฐานว่าวิญญาณที่เจ้าพูดถึงนั้นร่างกายแตกสลายและบาดเจ็บสาหัสใช่หรือไม่ ซึ่งทำให้ต้องหลับไหล นี่ไม่ใช่เรื่องยาก! นำวิญญาณดวงนั้นออกมาให้ข้าตรวจสอบก่อน!”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ลี่มู่หวานสำคัญยิ่งสำหรับเขาและไม่มีอะไรมาทดแทนได้ นางเป็นคนที่เขาต้องปกป้องด้วย ณ ขณะนั้นหวังหลินลังเลแต่ก็ยกแขนขวาขึ้นมาสัมผัสกระเป๋า ดวงแสงเล็กๆลอยออกมาทันที

สามวันแรกที่เข้ามาในอารามเทพอัสนี หวังหลินนำวิญญาณของลี่มู่หวานออกมาจากลูกปัดตอนที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาผนึกนางเอาไว้ด้วยกฏเกณฑ์ทำลายล้าง ดังนั้นวิญญาณของนางจึงไม่แตกสลาย

ทั้งหมดก็เพื่อวินาทีนี้

หวังหลินใช้มือซ้ายสัมผัสกับดวงแสงที่แขนขวา มันเปิดออกมาราวกับดอกไม้บาน เผยดวงวิญญาณแรกกำเนิดที่กำลังบ่มเพาะอยู่ข้างใน

วิญญาณดวงนี้คือลี่มู่หวาน ใบหน้าซีดและกำลังนั่งสมาธิอยู่ข้างใน ทั้งร่างปล่อยสัมผัสอ่อนแอราวกับสามารถแตกสลายได้แม้ถูกลมพัด

บนร่างนางมีม่านแสงอยู่หนึ่งชั้นทำให้นางดูมีราศีอย่างยิ่ง นางดุจเทพที่ตกลงมาจากสวรรค์และร่อนลงบนมือหวังหลิน

แม้นางจะหลับ ผู้คนยังสัมผัสความอ่อนโยนและเมตตาของลี่มู่หวานได้

รูปลักษณ์ของนางสวยสดงดงามเป็นอย่างยิ่ง แม้จะไม่ได้มีเสน่ห์ตกตะลึงเช่นหลิวเหมยหรือเจิดจรัสดังเช่นผีเสื้อสีชาด ในจิตใจหวังหลินสิ่งพวกนั้นจะมีค่าอันใดเล่า!?

ก่อนนั้นลี่มู่หวานแก่ขึ้นในมือเขา

ทุกสิ่งเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านและเลือนหายไป มีสิ่งเดียวที่ดังสะท้อนอยู่ในใจหวังหลิน

“แม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าจะพาเจ้ากลับมา!!”

ด้วยประโยคนี้หวังหลินจึงมาที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า! ด้วยประโยคนี้เขาจึงยืนหยัดต่อหน้าอารามเทพอัสนี!

เมื่อหวังหลินนำวิญญาณของลี่มู่หวานออกมา ซื่อจื่อเฟิง นางซึ่งจับต้องแต่หวังหลินแทบความคิดพังทลาย ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทาและรู้สึกหัวใจแตกสลาย

‘เป็นเช่นนั้นเองหรือนี่…เขาผ่านบททดสอบทั้งหมดนั้นก็เพื่อนาง…’ หยาดน้ำตาไหลรินออกมา ขณะที่นางมองวิญญาณในมือเขา หัวใจนางเจ็บปวดและรู้สึกขมขื่น

‘การที่คนรักของนางทำทั้งหมดนี้ แม้วิญญาณนางหลับไหลและเสียหาย นี่มันช่างมีความสุขยิ่งนัก’

ฉิงชุ่ยมองหวังหลินและวิญญาณในมือเขาก่อนจะเผยแววตาแห่งความเศร้า หลายปีก่อนเขาก็มีสตรีคนหนึ่งที่เขาอยากจะปกป้องด้วยชีวิต เพียงแต่…สายตาฉิงชุ่ยเผยความทุกข์ความโศกเศร้า

เมื่อบรรพชนเซี่ยงมองวิญญาณลี่มู่หวาน รอยยิ้มแข้งค้าง ค่อยๆขมวดคิ้วและถามออกมา “วิญญาณดวงนี้หลับไหลไปนานแค่ไหน?”

หวังหลินสูดหายใจลึก ความตั้งใจฝึกเซียนนับพันปีของเขาช่างเปราะบาง หวังหลินระงับความคิดสั่นเทาเอาไว้และกล่าวเบาๆ “เกือบๆเจ็ดร้อยปี”

บรรพชนเซี่ยงพยักหน้าเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้าใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการรักษาวิญญาณดวงนี้ไว้เจ็ดร้อยปี ทว่า…เจ็ดร้อยปีถือว่านานเกินไป เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดจะมีชีวิตรอดเจ็ดร้อยปีได้อย่างไร? ยังไม่รวมว่านางสูญเสียกายเนื้อและเหลือเพียงแค่วิญญาณอีก!”

“เหนือสิ่งอื่นใด วิญญาณดวงนี้กำลังจะตายอย่างช้าๆ! ซิ่วมู่เปลี่ยนคำขอของเจ้าเถอะ!” บรรพชนเซี่ยงถอนหายใจ เขาต้องการช่วยซิ่วมู่ดังนั้นจึงให้โอกาสเขาเปลี่ยนคำขอ

เสียงของบรรพชนเซี่ยงดุจเข็มแหลมทิ่มแทงจิตใจหวังหลินเข้าอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกนี้ดุจโลกเบื้องน้าถล่มลาย มีแต่ความอ้างว้างและไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่

ความเจ็บปวดนี้ทำให้ความต้องการมีชีวิตอยู่ของหวังหลินพลันเหือดหาย คำพูดนั้นสะท้อนในความคิดอีกครั้งและอีกครั้งดุจสายฟ้า

“ไม่มีทางอื่นจริงๆแล้วใช่ไหม…” สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างที่สุดพลางมองลี่มู่หวาน

บรรพชนตระกูลเซี่ยงถอนหายใจ ตั้งใจสังเกตวิญญาณของลี่มู่หวานอีกครั้งและส่ายศีรษะ “หากข้าเดาไม่ผิด นางตายเนื่องจากอายุขัยสิ้นสุดและเจ้าใช้วิธีพิเศษเพื่อแยกวิญญาณนางออกมาและหล่อเลี้ยงเอาไว้ ทว่าขณะที่การหล่อเลี้ยงกำลังสำเร็จกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อนในจังหวะนั้น ซึ่งทำให้วิญญาณของนางไม่อาจทนได้ แม้เจ้าจะช่วยนาง ความจริงก็คือนางอยู่ปากเหวแห่งความตายไปแล้ว”

“ด้วยความแข็งแกร่งของข้ามิอาจช่วยเจ้าได้ นางเป็นคนที่ควรจะตายไปแล้ว การบังคับให้นางอยู่ต่อเป็นความเจ็บดปวดทั้งตัวเจ้าและนาง! สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือช่วยเจ้าส่งนางเข้าสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่”

ร่างหวังหลินกระพริบวูบวาบและก้าวถอย ใบหน้าซีดขาว กระอักโลหิตและเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว มองวิญญาณลี่มู่หวานในมือ

ความทรงจำเกี่ยวกับลี่มู่หวานกระพริบเบื้องหน้าสายตา ความรู้สึกเจ็บปวดใจเต็มไปทั่วร่างกาย ความเจ็บปวดเสียดกระดูกและห่อหุ้มหัวใจเอาไว้ สองหยาดน้ำตาไหลรินออกมา ในชีวิตเขาที่หลั่งน้ำตาเช่นนี้มีนับครั้งได้

พอมองลี่มู่หวานแล้ว เพลิงแห่งความไม่ยอมแพ้จุดปะทุขึ้นในใจหวังหลิน

‘แม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าจะพาเจ้ากลับมา หวานเอ๋อร์ นี่คือพันธสัญญาที่ข้าให้เจ้า!’ หวังหลินชูแขนขึ้นและจับวิญญาณลี่มู่หวาน ผนึกหดลงทันทีและก่อตัวเป็นทรงกลมเล็กๆอีกครั้ง

บรรพชนเซี่ยงขบคิดเงียบๆ หลังจากนั้นสักพักเขาก็โพล่งขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเลย!”

ร่างหวังหลินสั่นเทาราวกับสายฟ้านับหมื่นสายระเบิดในร่างกาย วินาทีนั้นพลังทั้งหมดของเขาเพ่งมองไปที่บรรพชนเซี่ยง

“อย่างไรเสีย วิธีนี้มีสิ่งที่ต้องเสียเยอะเกินไป จุดสำคัญที่นางไม่อาจรอดชีวิตได้คือหมดอายุขัย หากเจ้าสามารถเพิ่มอายุขัยของนางได้ก็อาจจะมีโอกาส วิชานี้เรียกกันว่า เจ็ดยามเย็น แต่ข้าไม่สามารถใช้มันได้ มีเพียงบรรพชนโบราณที่ปิดด่านฝึกตนอยู่เท่านั้นสามารถใช้ได้”

“ซิ่วมู่ ข้าต้องขอเตือนเจ้าว่าการใช้วิชาเจ็ดยามเย็นนี้จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตของคนที่ใกล้ชิดกับวิญญาณนางที่สุด นี่คือหนทางเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน ทว่าอายุขัยของคนที่ให้ไปจะถูกลดทอนลง การลดทอนนี้ไม่เท่ากัน เจ้าต้องมอบอายุขัยของเจ้าจำนวนเก้าในสิบส่วนเพื่อโอกาสเพียงเสี้ยวเดียวให้นางฟื้นฟูกลับมา”

“แต่ว่านี่เป็นโอกาสเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น หากมันไม่สำเร็จ อายุขัยของเจ้าก็ไม่กลับคืนมา โปรดจงคิดมันอย่างถี่ถ้วน ถ้าเจ้าตกลงข้าจะนำคำขอของเจ้าไปให้บรรพชน!”

รอบด้านเงียบสงัด น้ำเสียงของบรรพชนตระกูลเซี่ยงดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดินและตกถึงหูทุกคน วินาทีนั้นเซียนทั้งหมดในดาราจักรต่างก็ได้ยินคำพูดเขา

เพื่อโอกาสเพียงเศษเสี้ยวให้นางฟื้นคืน เขาจะต้องมอบเกือบทั้งชีวิตของตัวเอง นี่มันคุ้มค่ากันหรือไม่…

คำถามนี้เกิดข้อสงสัยต่อเซียนทุกคนที่ได้ยิน

บรรพชนเซี่ยงชื่นชมหวังหลินจริงๆ เขาไม่ได้มีเป้าหมายเห็นแก่ตัวหรือเจตนาเลวร้ายตอนที่พูดเรื่องนี้ต่อเซียนทุกคนในดาราจักร

หวังหลินมองทรงกลมกฏเกณฑ์ในมือ สายตาสามารถแทงทะลุเข้าไปมองลี่มู่หวานได้ พลางค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “ข้าตกลง!”

น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย สายตาแทงทะลุไปที่ทรงกลมกฏเกณฑ์และตกลงไปหาลี่มู่หวาน สัมผัสแห่งความเศร้าเต็มไปทั่วบริเวณ ลี่มู่หวานคล้ายได้ยินเสียงเขา ร่างกายนางสั่นไหวเล็กน้อยและพยายามลืมตาขึ้นมา ทว่านางไม่มีแรงและรู้สึกเศร้าอย่างที่สุด

หวังหลินรู้ว่าอายุขัยนั้นมาจากพลังชีวิต ยิ่งพลังชีวิตแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีอายุขัยยื่นยาว เมื่อระดับบ่มเพาะของเซียนเพิ่มพูนขึ้น พลังชีวิตก็เพิ่มขึ้นไปด้วย เป็นเหตุผลว่าทำไมเซียนที่ทรงพลังถึงมีชีวิตยืนยาว

บรรพชนตระกูลเซี่ยงพยักหน้า “เมื่อเจ้าตกลง หากพิธีประทานเทพเสร็จสิ้น ตามข้ามาที่ดาวตงหลิน!”

แววตาฉิงชุ่ยยังคงระลึกถึงความทรงจำ พลางเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนแฝงความเศร้าเล็กๆ “ซิ่วมู่ ข้าจะไปกับเจ้า!”

หวังหลินมองฉิงชุ่ย แววตาเผยความกตัญญู หวังหลินพยักหน้าเบาๆ เขารู้ว่าฉิงชุ่ยกังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับเขาที่ดาวตงหลิน ฉิงชุ่ยตัดสินใจไปกับเขาเพื่อรับประกันว่ากระบวนการจะราบรื่น

หลังจากนั้นคนที่เหลือทั้งหมดก็เอ่ยคำขอของตนเอง เรื่องคุ้มค่าน่ากล่าวถึงก็คือของซิ่วถิงและหนานกงหานมีคำขอเหมือนกัน พวกเขาขอเข้าไปในตำหนักสมบัติเพื่อเรียนรู้วิชาเทพ หลังจากทุกคนได้รับของรางวัลของตัวเอง พิธีประทานเทพก็ได้สิ้นสุดลง!

ปรมาจารย์จงเฉินหัวเราะดังกึกก้อง ลอยตัวขึ้นไปเหนือเสื่อสมาธิของตนเองพลางโบกสะบัดแขน ดวงตาเปล่งประกาย “เหล่าสหายเซียน จงช่วยข้าเปิดเส้นทางสู่ดาราจักรพันธมิตรเซียน สงครามกำลังจะเริ่มต้น!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version