897. สายลมกวาดใบไม้ที่เหลือ
หัวเมืองหลักโลหะ พฤกษา วารี อัคคีและปฐพีคือเมืองที่ใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุด กินพื้นที่ห้าหมื่นลี้รอบๆเมือง แต่ละแห่งมีทหารจำนวนมาก ด้วยความเร็วของหวังหลินจึงมาถึงเมืองโลหะเพียงก้าวเดียว แม้เมืองแห่งนี้จะเล็กกว่าเมืองหลวงมันก็ยังหรูหรายิ่ง ทว่าความรูหรานี้ทำให้เกิดแรงอาฆาตที่รุนแรงนัก
แรงอาฆาตนี้รวมกันในอากาศเหนือเมืองหลวงดุจเพลิงปิศาจ พวยพุ่งอย่างต่อเนื่องและไม่แน่นอน
ขณะที่หวังหลินเข้ามาในเมือง ส่งสัมผัสวิญญาณกวาดผ่านเมืองทีละนิ้ว ดวงตาส่องสว่างวาบขึ้นและพ่นลมหายใจเย็น
ลมหายใจเย็นแพร่กระจายออกไป เกิดการระเบิดขึ้นสามแห่ง ณ ตำหนักเจ้าเมือง ขุนนางซุนพลันสั่นเทา ระเบิดกลายเป็นกองเนื้อ
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับอีกสองแห่ง
หวังหลินหันตัวกลับจากไป เขารวดเร็วมาก ไม่ยอมให้คนสำนักซากศพมีโอกาสอันใด ขณะที่ส่งสัมผัสวิญญาณกระจายออกไป ร่างพวกเขาระเบิดทันทีภายในเมืองที่เหลืออีกสี่แห่ง
หลังเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมดนี้ หวังหลินเคลื่อนสัมผัสวิญญาณแผ่ออกไปทั่วเมืองทั้งหมดในราชวงศ์หวัง ศิษย์สำนักซากศพทั้งหมดตื่นตระหนกพร้อมกับเหาะเหินออกมาจากเมืองและพยายามหลบหนี
ทว่าในจังหวะที่พวกเขาลอยขึ้นสู่อากาศ ลมหายใจเย็นปรากฏขึ้น ร่างแต่ละคนสั่นเทา ถูกสัมผัสวิญญาณบดขยี้เข้าตรงไปจากเซียนขั้นส่องสวรรค์!
เสียงปะทุดังขึ้นมาภายในราชวงศ์หวังพร้อมกับศิษย์สำนักซากศพกระอักโลหิตก่อนที่ร่างแต่ละคนทรุดโทรมลง แม้กระทั่งวิญญาณก็พังทลายไปด้วย พลังปราณจำนวนมากเข้าไปในพื้นดินเพื่อหล่อเลี้ยง
เหตุการณ์พริบตานี้ทำให้ประชาชนของราชวงศ์หวังเกิดความตื่นตระหนก พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเริ่มคาดเดาไปต่างๆนาๆ
สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านราชวงศ์หวัง หลังจากฆ่าศิษย์สำนักซากศพไปสีหน้าหวังหลินยิ่งมืดมนขึ้น เขาค้นความทรงจำของหญิงสาวแห่งดาวเฟิ่งหลวน แทบทุกเมืองจะมีศิษย์สำนักซากศพประจำการรวบรวมแรงอาฆาตและหล่อเลี้ยงวิญญาณอาฆาตอยู่
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนดาวซูซาคุเท่านั้น สาขาของสำนักซากศพทั้งหมดกำลังรวบรวมแรงอาฆาตเหล่านี้
แม้สตรีสาวแห่งดาวเฟิ่งหลวนจะเป็นหัวหน้าผู้อาวุโส คนเช่นนางปกติแล้วคงไม่ถูกส่งมาที่ดาวซูซาคุ แต่เพราะมีคำสั่งจากสำนักซากศพสาขาหลักให้เซียนขั้นรูปธรรมหยางมาประจำการที่นี่ และงานนี้จึงตกอยู่ในมือนาง
หวังหลินไม่ได้สนใจเรื่องนี้อันใด แต่เขากลับพบเรื่องประหลาดหนึ่งก็คือนางได้รับคำสั่งลับจากสำนักซากศพสาขาหลักหลังจากมาถึงดาวซูซาคุ!
ไม่ว่าหวังหลินจะค้นหาในความทรงจำของนางแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหาอะไรเกี่ยวกับคำสั่งลับได้เลย นั่นหมายความว่าคำสั่งนั้นถูกใครสักคนที่มีระดับบ่มเพาะแข็งแกร่งกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่อาจหาได้ว่ามันคืออะไร
ทว่าหวังหลินก็พอจะเดาบางอย่างขึ้นมาได้โดยใช้การอ้างอิงจากเบาะแสอื่น อันดับแรกด้วยพื้นหลังของนาง นางคงไม่กลายเป็นนางบำเรอหรอก
หากเป็นเช่นนั้นทำไมนางถึงมาอยู่ที่วังหลวง? ด้วยระดับบ่มเพาะของนางคงไม่จำเป็นต้องมาควบคุมตรงๆ นางกระทั่งไม่ต้องอยู่ตรงนั้นก็ได้
อีกทั้งนางพึ่งมาอยู่บนดาวซูซาคุไม่ถึงร้อยปี นับว่าไม่นานนักและนางเข้ามาในวังหลวงได้เมื่อสิบปีก่อน!
ความทรงจำของนางขาวโพลนไปหมดตั้งแต่ที่นางมาถึงเมืองหลวง ราวกับมีใครสักคนเอามันออกไป นางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ ทว่าด้วยความทรงจำอื่นๆของนาง หวังหลินจึงสามารถรู้ว่านางกำลังซ่อนอะไรจากในวังหลวง
ระยะเวลาสิบปีนี้นางซ่อนตัวเองอยู่ในวังหลวงอย่างระมัดระวังยิ่งและเก็บงำระดับบ่มเพาะของตัวเองอยู่เสมอ
‘สิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ถึงทำให้ต้องหนีมาวังหลวงที่คนพลุกพล่านมากที่สุด…อีกทั้งอะไรทำให้นางคิดว่าจะไม่ถูกเจอตัวในวังหลวง?’
หวังหลินขมวดคิ้ว หลังจากนั้นสักพักเขาก็ตัดสินใจไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อไป สัมผัสวิญญาณไม่จับจ้องบนเมืองเดียวอีกแล้วแต่กวาดผ่านไปทั่วดาวซูซาคุ ค้นหาสำนักซากศพ
สำนักซากศพเป็นสมาคมที่ใหญ่มาก ไม่แค่ภายนอกดาวเท่านั้นแต่กระทั่งบนดาวซูซาคุเองหวังหลินก็จำได้ว่าสำนักซูซาคุมีตัวตนอยู่แทบทุกหัวเมือง
ทว่าในความทรงจำของสตรีนางนั้น หวังหลินตระหนักได้ว่าสำนักซากศพถูกจัดระเบียบใหม่ พวกเขาทั้งหมดมีเป้าหมายไปในสถานที่แห่งเดียวและสถานที่นั้นกลายเป็นสาขาหลักของสำนักซากศพบนดาวซูซาคุ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือสาขาหลักแห่งใหม่ตั้งอยู่บนแคว้นจ้าว ตรงที่ที่สำนักซากศพแคว้นจ้าวเคยตั้งอยู่!
หลังจากกวาดล้างศิษย์สำนักซากศพในหลากหลายเมือง หวังหลินมุ่งตรงมาที่สำนักซากศพในแคว้นจ้าว ไม่นานนักเขาก็มาถึง
หลายร้อยปีก่อนเขาก็มาที่นี่ แววตาเย็นเยียบจ้องมองหนองบึงตรงหน้าและพึมพำ “น่าสนใจ มีกฏเกณฑ์ที่นี่มากกว่าครั้งก่อน”
หวังหลินขึ้นมา “ต้าซาน เปิดที่นี่ขึ้นมาให้ข้า!”
ต้าซานก้าวเท้าไปข้างหน้า กำหมัดแน่นกระหน่ำใส่พื้นดินโดยไม่สนใจหนองบึงใดๆ วินาทีนั้นพื้นดินเริ่มสั่นไหวรุนแรง
หนองบึงบนพื้นถูกยก น้ำดินโคลนพุ่งพวยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมีใครสักคนยกพื้นดินขึ้นมา
กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนปรากฏ กฏเกณฑ์พวกนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเซียนขั้นเทวะ แต่ไร้ประโยชน์ต่อต้าซาน
เพียงกำปั้นเดียวแสงกฏเกณฑ์พวกนั้นก็แตกสลายและหายไปทันที รอยแยกขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนพื้นดินและลึกจนกลายเป็นทางเดินลับ
หวังหลินเดินเข้าไปในทางเดินพร้อมกับต้าซานติดตามมาด้านหลัง ส่วนเด็กหัวโตมองไปรอบๆอย่างสนใจและติดตามมาด้วย
ขณะเดินลงไปบนเส้นทางลับแห่งนี้ หวังหลินรู้สึกหดหู่ เขามาที่นี่สองครั้งหลายร้อยปีก่อน ทั้งสองครั้งต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้เขาทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
ขณะเดินลงไปก็แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณไปทั่วสำนักซากศพ กีดขวางทางออกทั้งหมด หวังหลินมาที่นี่เพื่อหาหัวของสำนักซากศพ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ หวังหลินไม่เคยเป็นมิตรต่อสำนักซากศพเท่าไหร่ คงไม่ต้องกล่าวถึงว่าพวกเขากล้าใช้ตระกูลหวังเพื่อหล่อเลี้ยงวิญญาณอาฆาตอีก
หวังหลินไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอันใดต่อลูกหลานที่ห่างออกไปมากกว่าสิบรุ่น ทว่าพวกเขาคือลูกหลานของตระกูลหวังและการเห็นพวกเขาถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวจริงๆ
ระหว่างทาง เซียนสำนักซากศพคนใดถูกสัมผัสวิญญาณเขาตรวจพบจะแตกสลายและตายลงทันที ที่นี่มีเซียนอยู่จำนวนมาก พวกเขามีสีหน้ามืดมนและตื่นตระหนก ต้องการหลบหนีจากไป ทว่าเมื่อสัมผัสวิญญาณของหวังหลินผนึกทางเข้าออก ไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้!
ขณะเดินไป ปราณกระบี่หนึ่งกระพริบพุ่งเข้าหาหวังหลินมาจากทางเดิน
ปราณกระบี่สายนี้บรรจุกลิ่นอายทรงพลัง คนที่โจมตีเข้ามาต้องเป็นเซียนขั้นเทวะ ขณะที่มันพุ่งผ่านทางเดินแคบๆนั้นมันก็เกิดเสียงหวีดหวิวดังสนั่น
หวังหลินชี้มือใส่อย่างลวกๆ ใช้พลังดั้งเดิมเล็กน้อย ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นในอากาศและปราณกระบี่พลันแตกสลายทันที
เสียงร้องอู้อี้ดังออกมา ระลอกคลื่นจากปลายนิ้วหวังหลินแพร่กระจาย ทว่าไม่เพียงแต่เขาจะไม่ล่าถอย แต่กลับเข้าหาหวังหลินรวดเร็วกว่าเดิม
หวังหลินเห็นแล้วว่าคนซุ่มโจมตีหน้าตาแบบไหน เขามีร่างกายผอมบางราวกับมัมมี่ บนร่างมีอักขระรูนนับไม่ถ้วน ร่างกายปล่อยกลิ่นเหม็น ดวงตาสลัวราวกับไร้ความคิด
ขณะมองเขา หวังหลินพบว่าเขาดูคุ้นเคยเล็กน้อย พริบตานั้นร่างมัมมี่ก็ปรากฏขึ้นด้านข้างหวังหลิน
หวังหลินถอนหายใจพลันแตะเท้าขวา เกิดคลื่นเสียงกระแทกร่อนลงใส่ฝ่ายตรงข้ามเสียดังปัง มัมมี่เริ่มแตกสายตั้งแต่เท้าขึ้นมา และพริบตาเดียวมันก็สลายกลายเป็นฝุ่นผง
จังหวะมัมมี่สลายตัวนั้น ดวงตาฟื้นคืนความกระจ่าง เขามองหวังหลินด้วยความงุนน แต่ก็หายวับไปในวินาทีถัดมา
‘ข้าไม่คิดว่าเย่จื่อ[ 1 ]จะกลายเป็นหุ่นเชิดของคนอื่นเสียเอง…’ หวังหลินถอนหายใจพลางก้าวไปข้างหน้า เขาไม่ได้เคลื่อนไหวรวดเร็วนักและมีมัมมี่ซุ่มโจมตีอีกหลายแห่งเบื้องหน้า ทว่าทั้งหมดก็แตกสลายในเสี้ยววินาที
คนซุ่มโจมตีทั้งหมดพวกนี้ต่างก็เป็นหุ่นเชิดซากศพ
หวังหลินก้าวเท้าไปตามทางเดิน วินาทีที่หวังหลินมาถึง ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและมองไปข้างหน้า สายตาคล้ายสามารถแทงทะลุผ่านกำแพงและยืดเข้าไปในถ้ำ เขามองเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่แปดแห่งและในจังหวะนั้น สมาชิกสำนักซากศพจำนวนมากมายกำลังยืนอยู่ภายใน ค่ายกลเคลื่อนย้ายกระตุ้นและเริ่มค่อยๆหายไป
‘พวกเจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้!’ หวังหลินกล่าวกับตัวเอง สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายแปดแห่งทำให้พวกมันเริ่มแตกสลายทันที ในวินาทีนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายแตกสลายไปสามแห่ง ศิษย์สำนักซากศพทั้งหมดหายเข้าไปในรอยแยกมิติ
ในเวลาเดียวกันค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกห้าแห่งที่เหลือพังทลายไปเช่นกัน ไม่มีศิษย์สำนักซากศพคนใดหนีรอดไปได้
หากเซียนขั้นสองสักคนต้องการกวาดล้างสำนักเช่นนี้ คงไม่ต้องเปื้อนเลือด เซียนขั้นที่สองแค่ใช้สัมผัสวิญญาณก็ทำลายสำนักได้แล้ว
กระทั่งเซียนขั้นมายาหยินและรูปธรรมหยางก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้ เพราะเป็นแค่ขั้นเปลี่ยนผ่านเท่านั้น มีเพียงตั้งแต่ขั้นส่องสวรรค์เท่านั้นจึงจะทำได้
***
1.เย่จื่อคือคนที่รับหวังหลินเข้ามาในสำนักซากศพตอนเริ่มต้น