Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 904

Cover Renegade Immortal 1

904. สำรวจสุสานอมตะ

ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างๆหลุมยักษ์ตำแหน่งเผ่าละทิ้งอมตะเคยถูกผนึกไว้ในดาวซูซาคุ เขาสวมชุดสีแดง เส้นผมสีแดงเถือก ต้นไม้สิบเอ็ดใบกระพริบบนหน้าผาก ทว่าบนยอดของใบที่สิบเอ็ดนั้นมีอีกครึ่งใบ

หากครึ่งใบนี้เบ่งบานอย่างสมบูรณ์ เขาจะกลายเป็นสมาชิกเผ่าละทิ้งอมตะสิบสองใบทันที!

ในเผ่าละทิ้งอมตะ สิบสองใบเทียบเท่ากับเซียนขั้นมายาหยิน!

ชายชรานั่งอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ ไร้การเคลื่อนไหวราวกับก้อนหิน

ณ วันนี้มีลำแสงสี่เส้นลอยข้ามผ่านท้องฟ้าเข้ามา ชายชราลืมตามองออกไปบนท้องฟ้า ขณะกำลังจะพูด ร่างกายก็สั่นเทาจ้องมองคนผู้หนึ่งในลำแสงสี่สายนั้น

หวังหลินร่อนลงบนพื้น มองเข้าไปในหลุมลึก ขบคิดสักพักจึงค่อยๆเอ่ยกล่าว “ไม่เจอกันนาน ผู้อาวุโสหยุนเชว่จื่อ”

ชายชราคือหยุนเชว่จื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ถอนสายตาออกมาจากต้าซานและเกิดพายุขึ้นในใจ เขามองหวังหลินและเอ่ยอย่างขื่นขม “ข้าแค่เริ่มบ่มเพาะฝึกฝนก่อนเจ้า ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่า ‘ผู้อาวุโส’ สหายเซียนหวังหลิน เขาก็เป็นคนของเผ่าละทิ้งอมตะหรือ?”

หยุนเชว่จื่อจ้องไปที่ต้าซาน

ต้าซานสีหน้าเย็นเยียบ กระทั่งไม่มองหยุนเชว่จื่อ

“เขาคือคนของเผ่าอมตะที่ถูกเลือก!” หวังหลินถอนหายใจและก้าวเดินเข้าไปในหลุมลึก เด็กหัวโตยิ้มให้หยุนเชว่จื่อก่อนจะติดตามหวังหลินเข้าไปพร้อมกับต้าซาน

ตอนที่เขาเห็นรอยยิ้มเด็กหัวโต แรงกดดันจากดวงวิญญาณระเบิดพุ่งพล่านขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือด อารมณ์ความซับซ้อนบนใบหน้ายิ่งทวีความรุนแรง

เล่ยจีติดตามมาด้านหลัง เคารพหวังหลินเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากเห็นหวังหลินใช้วิชาซึ่งสามารถเปลี่ยนพลังปราณบนดาวซูซาคุได้ ทำให้เขาตกตะลึงมหาศาล เขาเคยได้ยินวิชานี้มาก่อน มีเพียงเหล่าเซียนที่มีชื่อสะท้านฟ้าเท่านั้นจะทำแบบนี้ได้

หยุนเชว่จื่อยิ้มแห้ง ร่างกายกระพริบวูบวาบเข้าไปในหลุมลึก

ระหว่างทางหวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วนัก เขาค่อยๆเดินผ่านสุสานอมตะไป เผ่าละทิ้งอมตะได้อพยพออกไปจากที่นี่แล้ว จึงไม่มีใครเหลืออยู่เลย

ขณะเดินลงไปทีละชั้น หวังหลินจำได้ว่าเขาเข้าไปลึกสุดคือชั้นที่สิบเอ็ด ที่นั่นเขาพบเจอกับบรรพชนลำดับสามของเผ่าละทิ้งอมตะ ถูกนางไล่ล่าจนกระทั่งนำม้วนคัมภีร์ที่ผนึกสตรีตระกูลเซี่ยงออกมา หลังจากนั้นเขาก็สามารถหนีจากภัยวิกฤตได้

จากใบหน้าหวาดกลัวที่แสดงออกมาของบรรพชนลำดับสาม หวังหลินจึงรู้ได้ว่าม้วนคัมภีร์ต้องเกี่ยวข้องอะไรกันบางอย่างกับเผ่าละทิ้งอมตะ

ยิ่งเขาลงไปลึกขนาดไหนก็ยิ่งมืดขึ้นราวกับไม่มีคนมาอยู่ที่นี่มานานหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีสัญญาณชีวิต มีแต่เพียงพลังหยินมหาศาล

หากเป็นก่อนหน้านี้หวังหลินคงรู้สึกอึดอัดจากพลังงานหยิน ตรไปในที่สุดเขาก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เนื่องจากพลังงานหยิน

ทว่าพลังงานหยินนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เขาไม่ต้องกระตุ้นพลังดั้งเดิมเลยด้วยซ้ำ พลังงานหยินคล้ายจะมีความคิดและไม่กล้าเข้ามาใกล้เขาเลย

ขณะเดินลงไป พลังงานหยินก่อตัวเป็นวังวนเบื้องหน้าราวกับกำลังเปิดเส้นทางให้เขา

หวังหลินขบคิด เผ่าละทิ้งอมตะและเผ่าอมตะที่ถูกเลือกชัดเจนแล้วว่าเป็นคนแบบเดียวกัน เขายิ่งมั่นใจหลังจากเห็นปฏิกิริยาของหยุนเชว่จื่อต่อเด็กหัวโต

เผ่าพันธุ์นี้ไม่ได้หวาดกลัวพลังปราณสวรรค์จากหินหยกสวรรค์ แต่เมื่อพลังเทพต้นกำเนิดโผล่ออกมาจากเทพ พลังสายหนึ่งจะโผล่ออกมาจากดวงวิญญาณเพื่อบังคับให้ยอมจำนน

กุญแจหลักของทั้งหมดนี้คือพลังเทพต้นกำเนิด!

เมื่อคิดถึงพลังเทพต้นกำเนิด หวังหลินรู้สึกเจ็บปวด พลังเทพที่เขาได้รับมาจากฉิงชุ่ยมิอาจใช้ได้ตลอด ทุกครั้งที่เขาใช้วิชาเทพไปหนึ่งหน มันจะบริโภคพลังงานบางส่วน หากเขาไม่สามารถหาวิธีเติมเต็มมันได้ ในที่สุดมันก็จะหายไป

วิชาเทพที่ฉิงชุ่ยให้เขา อัญเชิญสายฝนและไสยเวทย์ ทั้งหมดต่างต้องใข้พลังเทพดั้งเดิมจำนวนมาก หากมีไม่เพียงพอเขาก็ไม่สามารถเรียนรู้มันได้ ยิ่งใช้ได้น้อยลงไปอีก

นี่คือเหตุผลอีกเช่นกันว่าทำไมฉิงชุ่ยถึงต้องการให้หวังหลินเข้าไปในสระเทพและทำไมเขาถึงมอบพลังเทพต้นกำเนิดให้กับหวังหลิน

ทว่าการเข้าไปในสระเทพมีผลเสียเยอะเกินไป ดังนั้นหวังหลินจึงไม่เลือกทางเดินแบบนั้น แม้เขาจะมีพลังเทพดั้งเดิมในร่างกาย มีทางเลือกไม่มากนักที่จะเติมเต็มมัน หากแม้จะดูดซับพลังปราณสวรรค์จากหินหยกสวรรค์ เขาก็ยังไม่สามารถเพิ่มพลังเทพดั้งเดิมในร่างกายได้

หลังจากได้เด็กหัวโตเป็นข้ารับใช้ หวังหลินลองพยายามดูแล้วแต่มันยังไม่เป็นผล หวังหลินไม่มีทางเลือกจึงต้องสงวนพลังเทพต้นกำเนิดไว้เท่านั้น

ไม่นานนักหวังหลินก็มาถึงชั้นที่สิบเอ็ดเป็นหนที่สอง

ชั้นที่สิบเอ็ดนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มีร่องของเหลวสีแดงไหลผ่านอยู่หลายแห่ง ในสายตาหวังหลินพวกมันคือสัญลักษณ์โลหิต

ชั้นสิบเอ็ดว่างเปล่า มีแต่เพียงเสียงของเหลวกำลังเคลื่อนไหว

หยุนเชว่จื่อเอ่ยขึ้นช้าๆ “นี่คือหนึ่งในสัญลักษณ์บรรพชนเผ่าละทิ้งอมตะ สถานที่แห่งนี้มีทั้งหมดสิบเก้าชั้น นอกจากบรรพชนที่เก่าแก่ที่สุดแล้ว เหล่าลูกหลานสามารถไปถึงได้ที่ชั้นสิบหกเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเข้าไปถึงอีกสามชั้นได้”

หวังหลินพยักหน้า จากนั้นแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบทางเข้าสู่ชั้นสิบสอง พริบตาเดียวเขาก็พุ่งไปทางเข้าแห่งนั้น

ชั้นสิบสอง ชั้นสิบสาม ชั้นสิบสี่ ชั้นสิบห้า ชั้นสิบหก ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขาจึงไม่เผชิญอุปสรรค์ใดๆและมาถึงชั้นที่สิบหกได้ตรงๆ!

บนชั้นสิบหกก็มีรอยสักสีแดงโลหิตบนพื้น แต่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม แค่มองดูก็ทำให้เกิดความงุนงงได้แล้ว หวังหลินมองไปยังโลงศพสิบสามโลงที่วางอยู่ที่นี่ แต่ละโลงมีรอยสักกำลังกระพริบด้านบน

ใจกลางมีน้ำพุสีดำปลดปล่อยคลื่นพลังหยินเต็มทั้งชั้น ของเหลวสีแดงโผล่ออกมาจากรอยสักและไหลเข้าไปในน้ำพุก่อตัวเป็นวังวน สิ่งน่าประหลาดก็คือของเหลวสีแดงกลายเป็นสีดำเมื่อมันเข้าไปในน้ำพุ แต่เมื่อน้ำสีดำไหลออกมาจากน้ำพุมันก็กลายเป็นสีแดงอีกครั้ง

‘ที่นี่น่าสนใจ’ หวังหลินเคลื่อนร่างไปข้างน้ำพุและสังเกตอย่างละเอียด

หยุนเชว่จื่อขบคิดชั่วขณะและเอ่ยขึ้นมา “มีเพียงบรรพชนที่สามารถบรรลุขั้นสิบสองใบเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ โลงศพเหล่านี้น่าจะเป็นบรรพชนของเผ่าละทิ้งอมตะทั้งหมด ลือกันว่าชั้นที่สิบแปดมีต้นกำเนิดของเผ่าอยู่! ส่วนชั้นสิบเก้าลือกันว่ามีวิญญาณอาฆาตของบรรพชนรุ่นแรกเอาไว้…สหายเซียนหวัง หากเจ้าสามารถเข้าไปในชั้นสิบแปด โปรดถือเรื่องอดีตของเราและยอมให้ข้าเข้าใจต้นกำเนิดบรรพชนด้วยเถิด”

เขามองหวังหลิน เด็กตัวน้อยจากในอดีตหายไปและถูกแทนที่ด้วยเซียนแข็งแกร่งที่สามารถสั่นคลอนดาวซูซาคุได้ง่ายๆเพียงกระทืบเท้า

หวังหลินมองหยุนเชว่จื่อและพยักหน้า เขาเป็นหนี้หยุนเชว่จื่ออยู่แม้จะพบภายหลังว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอื่น

พลังงานหยินที่โผล่ออกมาจากน้ำสีดำทรงพลังมากและมีหนึกอยู่บนนั้น จากมุมมองของหวังหลิน แม้กระทั่งเซียนขั้นรูปธรรมหยางสูงสุดก็ไม่สามารถทำลายผนึกนี้ได้

อีกทั้งยังต้องใช้สายเลือดจำนวนหนึ่งบนผนึก หากคนผู้นั้นไม่ได้มีสายเลือดเผ่าละทิ้งอมตะ คงยากยิ่งจะเข้าไปได้

‘ไม่สงสัยเลยว่าไม่มีใครจะเข้าไปชั้นสิบเจ็ดได้ ผนึกทรงพลังแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เซียนธรรมดาจะเปิดมันออก’ หวังหลินขบคิดจ้องมองน้ำพุสีดำ เขามีเหตุผลของตัวเองในการมาที่นี่

เหตุผลก็คือยันต์สีเหลืองที่สมาชิกตระกูลเหยานำออกมาตอนต่อสู้กับหวังหลิน มันมีพลังประหลาดยิ่งอยู่ภายในยัต์ชิ้นนั้นซึ่งผนึกพลังในร่างเขาได้อย่างสิ้นเชิง!

แม้กระทั่งวันนี้หวังหลินยังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เขายังมียันต์อีกใบอยู่กับตัวด้วย

หลังขบคิดเล็กน้อย หวังหลินสั่งการ “หัวโต ใช้พลังทั้งหมดและแสดงวิชาเทพทรงพลังที่สุดไปที่น้ำพุนั่น!”

เด็กหัวโตไม่เสียเวลาเปล่า พลังเทพดั้งเดิมเริ่มไหลเวียน ปะทุขึ้นมาจากร่างกาย ก่อเกิดเป็นแรงกดดันขนาดใหญ่

หยุนเชว่จื่อเป็นคนแรกที่ไม่สามารถยืนต้านรับได้ เขาก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าซีดเผือดราวกับมีพลังสายหนึ่งโผล่ออกมาจากร่างกายเพื่อบังคับให้เขายอมจำนน หากไม่เช่นนั้นจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

ภายใต้พลังสายนี้ หยุนเชว่จื่อร้องคำราม เส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปน ดิ้นรนเต็มที่

โชคดีที่เป้าหมายของเด็กหัวโตไม่ใช่หยุนเชว่จื่อ ขณะพลังเทพดั้งเดิมหมุนวน เขาชี้ใส่ศีรษะตัวเอง ศีรษะขยายออกเป็นสองเท่าและมีเส้นเอ็นสีแดงลอยออกมา สร้างผลกระทบรุนแรงเข้าใส่น้ำพุ

เกิดเสียงดังปังสั่นสะเทือนฟ้าดิน ในน้ำพุเกิดระลอกลื่นและเริ่มหมุนช้าๆ

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เห็นชัดว่าผนึกบนน้ำพุกำลังเผยท่าทีแตกสลายภายใต้การโจมตีของเด็กหัวโต แต่สัญญาณนี้ไม่ชัดเจนนัก ขณะที่มันกำลังจะหายไป สองดัชนีหวังหลินก่อรูปร่างกระบี่ จากนั้นในแววตามีสายฟ้าอยู่เต็ม สายฟ้าแห่งสวรรค์คล้ายจะรวบรวมไปที่ดัชนี หวังหลินก้าวเท้าชี้เข้าใส่น้ำพุ

เส้นสายฟ้านับไม่ถ้วนยิ่งออกมาจากดัชนีหวังหลิน เคลื่อนไหวดุจมังกรเข้าหาน้ำพุ เกิดเสียงดังปังทั้งยังเกิดรอยร้าวไปบนชั้นสิบหก พลังหยินจำนวนมากไหลออกมาจากรอยร้าวและคลื่นยักษ์ก่อตัวอยู่ในน้ำพุ น้ำพุลอยขึ้นสู่อากาศและเปลี่ยนกลายเป็นรอยสักสีดำ ภายในมีสายฟ้ากำลังเคลื่อนไหว

รอยสักนี้ซับซ้อนเกินไป หนาแน่นยิ่งจนมองไม่ชัดว่ามันหน้าตาอย่างไร ทว่าหวังหลินไม่สนใจ เขาไม่ได้ต้องการให้ผนึกยอมรับ เขาต้องการทำลายมันด้วยกำลัง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version