Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 954

Cover Renegade Immortal 1

954. ปรมาจารย์น้อย

หวังหลินเคลื่อนร่างผ่านอวกาศดุจภาพมายา ไม่ได้ตรงไปที่ดาวเทียนหยุนแต่ค้นหาเล่ยจี เด็กหัวโตและต้าซานด้วยการใช้การเชื่อมต่อที่เขามีด้วย

ช่วงระหว่างการต่อสู้อันโกลาหลนั้นหวังหลินไม่มีเวลามากังวลพวกพ้อง หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในมิติว่างและหายไปเลย

พอออกมาจนถึงตอนนี้ถึงจะมีเวลามาค้นหา

ระหว่างการต่อสู้ หวังหลินกระทั่งสูญเสียเบาะแสของต้าซาน ถึงอย่างนั้นเนื่องจากการเชื่อมต่อกับผนึกบนตัวต้าซานมันจึงไม่ยากที่จะหาเบาะแส

หวังหลินจำได้ว่าในการต่อสู้ครั้งนั้น ทั้งสามคนไม่ได้รับผลกระทบ เขาหลับตาและแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา หลังจากนั้นสักพักจึงรู้สึกถึงแรงผันผวนอันคุ้นเคยไปทางด้านทิศตะวันออก

หวังหลินลืมตาด้วยสีหน้าสงบนิ่งและก้าวเท้า ปรากฏระลอกคลื่นและหายตัวไป

‘วิชาเทพป่นขุนเขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง แม้ข้าจะคิดว่าวิชาของจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านสามวิชาหลังจะแข็งแกร่งมากกว่าสามวิชาแรก วิชาป่นขุนเขานี้เหลือจินตนาการไปไกล…ป่นขุนเขา จักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านรู้แจ้งอะไรกันถึงได้สร้างวิชาทรงพลังขนาดนี้ขึ้นมาได้…ข้ากระทั่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถสร้างวิชาของตัวเองขึ้นมาได้…’

ทิศตะวันออกห่างจากหวังหลินไปไกลมีก้อนหินหนึ่งลอยอย่างเชื่องช้า ชัดเจนว่าก้อนหินนี้ผุดออกมาจากดาวเคราะห์เซียนที่แตกสลาย ขณะที่มันลอยตัวมีเศษเล็กๆหลุดออกมาด้วย

รอบตัวมันมีพลังผันผวนบางๆสลายไปดุจควัน ก้อนหินนี้ดูธรรมดายิ่ง มีก้อนหินแบบนี้มากมายท่ามกลางหมู่ดาวจึงไม่มีใครให้ความสนใจ

ต้าซานซ่อนตัวเองข้างในก้อนหิน หลังจากสูญเสียการเชื่อมต่อกับหวังหลิน ความคิดจึงขาวโพลน ทว่าวิชาของจักรพรรดิเทพฉิงหลินหลอมละลายดวงวิญญาณดั้งเดิมเข้าไปในร่างกายและมันจึงพอมีสติปัญญาอยู่บ้าง แตกต่างจากหุ่นเชิดที่ไม่อาจคิดอะไรได้

หลังจากต้าซานพบว่าหวังหลินไม่อยู่ที่นี่ เขาเจอก้อนหินนี้โดยไม่รู้ตัว จึงเข้าไปและฝึกฝนอยู่ภายในเงียบๆ

ณ วันนี้ต้าซานลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาสงบนิ่งไร้การเปลี่ยนแปลง ร่างกายเคลื่อนออกไปนอกก้อนหินและยืนอยู่ด้านบน

ระลอกคลื่นจำนวนมากปรากฏเบื้องหน้าและหวังหลินก้าวเดินออกมา

ต้าซานเผยท่าทีเคารพโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

หวังหลินยิ้มพลางโบกมือให้ต้าซาน เขาก้าวเท้าออกมาเปลี่ยนเป็นเงาและหายไปด้านหลังหวังหลิน

‘ต่อไปก็หัวโตและเล่ยจี’ หวังหลินหลับตาพลางสัมผัสถึงตราประทับบนหัวโต หลังจากนั้นสักพักจึงขมวดคิ้ว

‘ตราประทับของหัวโตอ่อนแอมาก ราวกับสามารถสลายได้ทุกเมื่อ’ เขาก้าวเท้า ระลอกคลื่นปรากฏและหวังหลินหายตัววับไป

ร่างขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านดวงดารา ทิ้งรอยเลือดไว้เบื้องหลัง ผิวกายเต็มไปด้วยรอยแผล ทุกก้าวจะทำให้เกิดเลือดจำนวนมากไหลนอง

แทบทุกก้าวจะทำให้เลือดโผล่ออกมาจากร่าง สิ่งที่ทำให้หวาดกลัวมากก็คือหลุมลึกผ่านระหว่างกระดูกสันหลังชิ้นแรกไปจนถึงชิ้นที่เจ็ด แต่ละหลุมเรืองแสงสีเขียวน่าหวาดกลัว อีกทั้งทั่วร่างกายตรงข้อต่อมีหลุมสีเขียวคล้ายๆกันอย่างน้อยก็สิบแห่ง!

บนไหล่เขามีเซียนใบหน้าซีดเขียว ภาพลักษณ์ของเซียนคนนี้ประหลาดมาก เขามีหัวโตทว่าอ่อนแอยิ่ง

บนแผ่นหลังเซียนหัวโตมีรอยฝ่ามือสีดำปลดปล่อยกลิ่นเหม็น ทั้งยังมีควันสีดำโผล่ออกมาส่งเสียงซี่ๆ

อีกทั้งแผ่นหลังยังจมลึกลงไปและเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่ว่าเขากำลังต่อต้านด้วยพลังของตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงหมดสติเนื่องจากความเจ็บปวดไปแล้ว

“เล่ยจีทิ้งข้าไว้และหนีไปเถอะ” โลหิตสีดำไหลออกมาจากมุมปากเด็กหัวโต ดวงตาสูญเสียความมันเงาไปหมด

ร่างใหญ่ยักษ์เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วยิ่งขึ้น ผ่านไปสักพักเขาจึงเอ่ยขึ้นมา “หัวโต เจ้าบาดเจ็บเพราะช่วยข้า ข้าเล่ยจีเป็นคนของเผ่ามารยักษ์ ข้าจะทิ้งเจ้าไปได้อย่างไร? แม้ข้าจะทิ้งเจ้า พวกมันก็ไม่ยอมเลิกราแน่นอน! เป้าหมายพวกมันเป็นข้า! อย่าพูดเรื่องนี้อีกและเพ่งสมาธิรักษาตัวเองเถอะ!”

เด็กหัวโตยิ้มอย่างเจ็บปวดพลางมองดวงดาวเบื้องหน้า สายตาซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม คล้ายจะเห็นแม่ตัวเองเมื่อหลายปีก่อน แม่ที่ไม่ได้ดูด่าเขา นางมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนและเรียกหา

“แม่…” เด็กหัวโตพึมพำ จากนั้นกลิ่นอายแห่งความตายล้อมรอบร่างกาย ดวงตาเหม่อลอยคล้ายจะเห็นครอบครัวและคนทั้งหมดที่โดนเขาสังหาร

คนพวกนี้ปรากฏเบื้องหน้าทีละคนและจ้องมองอย่างเย็นเยียบ

ร่างเด็กหัวโตสั่นเทาและรู้สึกหนาวเย็น ความหนาวนี้ไม่ใช่แค่ในร่างกายแต่ยังโดดเดี่ยวในหัวใจอีกด้วย ความทรงจำวัยเด็กผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

“ข้าจะไปแล้วหรือ…หลังจากฝึกเซียนมาหลายพันปี ท้ายที่สุดข้าก็ยังต้องไป…” กลิ่นเหม็นจากรอยฝ่ามือบนแผ่นหลังยิ่งรุนแรงขึ้นและแทบทำให้ทั้งหลังเปลี่ยนกลายเป็นสีดำ

ดวงตาค่อยๆปิดลงราวกับถูกความเย็นเยียบห่อหุ้ม เขาค่อยๆสูญเสียสติของตัวเอง

“หัวโตอดทนไว้! ข้าเชื่อว่านายท่านจะกลับมาและค้นหาเราแน่นอน!” ขณะที่เด็กหัวโตกำลังจะหลับตา เสียงคำรามของเล่ยจีดังเข้าไปในหู

ร่างเด็กหัวโตสั่นเทาและเขาแทบไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้ รอยยิ้มบิดเบี้ยวและกระซิบ “เป็นเช่นนั้นหรือ…”

ตอนนี้มีร่างยักษ์สูงหมื่นฟุตสองตนกำลังไล่ล่าเล่ยจี พวกมันเหมือนยักษ์สองตัวย่างก้าวอย่างรวดเร็วไล่ล่าพวกเขา

แต่ละคนมีรอยรูปขวานกระพริบระหว่างคิ้ว สายตาเย็นเยียบแฝงจิตสังหาร

ด้านบนหนึ่งในสองยักษ์มีชายหนุ่มสวมเสื้อสีฟ้านั่งอยู่ เขาหล่อเหลาเอาการแต่บนใบหน้าแฝงความชั่วร้าย

นั่งเอนหลังถือเชอร์รี่สีแดงในมือ บางครั้งก็กินไปหนึ่งลูกพลางเฝ้าดูเล่ยจีและยังเย้าแหย่ทางสายตา

‘ไม่มีร่างเนื้อใดในพันธมิตรเซียนแห่งนี้จะหนีรอดปรมาจารย์น้อยไปได้ ข้าไม่คาดคิดว่าจะมาเจอร่างของเผ่ามารยักษ์สายเลือดราชวงศ์ตอนที่ข้าพึ่งออกมาวิ่งเล่น ไม่เลว ไม่เลว!’

‘เจ้าเฒ่าในตระกูลบอกว่าพันธมิตรเซียนตกอยู่ในความโกลาหลเนื่องจากสงคราม ข้าไม่ควรออกมาโดยไม่ระมัดระวังตัวเอง หากข้าไม่ออกมาจะมาเจอร่างแบบนี้ได้อย่างไรเล่า?’ ชายหนุ่มกินผลเชอร์รี่ด้วยรอยยิ้มและพ่นเมล็ดออกมา เมล็ดนั้นพุ่งเป็นลำแสงเข้าหาเล่ยจี

เมล็ดรวดเร็วจนมันไล่ทันเล่ยจีในพริบตา ระเบิดกลายเป็นกะโหลกสีเขียวโจมตีใส่ข้อต่อที่แปดบนกระดูกสันหลัง

ทว่าขณะที่กะโหลกเขียวกำลังจะกดลงไป ฝ่ามือหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าและคว้ากะโหลกใบนั้น บดขยี้อย่างรุนแรงและแตกสลาย!

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นด้านหลังเล่ยจี เสียงเย็นเยียบดังออกมา

“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายพาหนะและคนรับใช้ของข้า!”

“นายท่าน!” เล่ยจีสั่นสะท้านและหันกลับมาทันที

“นายท่าน!” เด็กหัวโตลืมตาขึ้นมาทันทีและเผยท่าทีปิติยินดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version