953. ปิ่น
ร่างสีม่วงนั้นคือจ้าวดินแดนแห่งแดนสังหาร!
ใบหน้าซีดเซียว โลหิตไหลจากมุมปาก ดวงตาเต็มไปด้วยอาการตกใจ
ลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากหมอกม่วง มันไม่ได้พุ่งเข้าใส่ชายผมม่วงแต่กลับเข้าไปหาจ้าวเทพปิศาจโดยไม่คาดคิด!
สีหน้าจ้าวเทพปิศาจเปลี่ยนไปมหาศาลและต้องการหลบหนี ทว่าเบื้องหน้าขอบเขตจวี่ของฉิงชุ่ย เขาไม่มีคุณสมบัติพอจะหนีรอดไปได้ ขอบเขตจวี่แทงทะลุผ่านหน้าอกไปตรงๆ
ดวงตาชายชราหม่นหมองและร่างกายแตกสลายทันที กล่าวได้ว่าเขาตายอย่างหมดจดท่ามกลางเหล่าเซียนขั้นชำระสวรรค์ ยามที่ตาย ความโศกเศร้ามากมายล้อมรอบเอาไว้
สายฟ้าแดงไม่หยุดลงแค่นั้น มันกวาดผ่านบริเวณ ร่างเหล่าเซียนรอบด้านส่วนใหญ่ระเบิดขึ้นมาเกิดเพียงแสงเท่านั้น!
นี่คือพลังอำนาจขอบเขตจวี่ของฉิงชุ่ย!
หวังหลินเตรียมการเปิดดวงตาที่สามไว้แล้วและใช้ต้นตอพลังดั้งเดิมเพื่อเผชิญหน้ากับจ้าวเทพปิศาจ ทว่าด้วยที่ฉิงชุ่ยช่วยเหลือ เขาจึงสามารถไล่ตามจ้าวมายาได้ทันที
หมอกโลหิตหมุนเป็นก้นหอยกลางท้องฟ้าและควบแน่นจนมีขนาดเท่ากำปั้นลอยเข้าสู่มือฉิงชุ่ยอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ามือยังมีปิ่นปักผมสีม่วงแกะสลักเอาไว้อีกด้าน
ฉิงชุ่ยใช้สายตาจ้องมองปิ่นปักผมด้วยความอ่อนโยน ทว่ายามที่เขามองเหล่าเซียนดินแดนสังหาร ความอ่อนโยนนั้นหายไป แทนที่ด้วยความไม่แยแส
“สถานที่ที่ข้าฉิงชุ่ยต้องการล้างบาง ไม่เคยมีใครรอดชีวิต!”
ใบหน้าชายผมม่วงซีดเผือดดุจคนตาย ฝ่ามือขวาสร้างผนึกโดยไม่ลังเล ชี้ใส่ความว่างเปล่า จากนั้นท่อนแขนตัวเองพังทลายกลายเป็นกองเนื้อหมุนเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วและบังคับเปิดรอยร้าวขึ้นมา เขากำลังจะเข้าไปในรอยร้าวให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
“พวกเจ้าทั้งหมดสมควรตายที่ใช้ของที่ข้ามอบไว้แก่ภรรยาข้ามาเป็นสมบัติ!” สิ้นคำพูด ฉิงชุ่ยชี้นิ้วออกไป!
น้ำเสียงมืดมนดังออกมาจากปากฉิงชุ่ย “วิชาเทพ ป่นภูเขา!”
หลังเอ่ยขึ้นมา ดินแดนสังหารสั่นเทา ภูเขาหกลูกปรากฏขึ้นมาจากไหนสักแห่ง แต่ละที่สูงสองหมื่นฟุต ปลดปล่อยแรงกดดันทรงอำนาจ
ภูเขาทั้งหกกระพริบวูบวาบและผสานกลายเป็นหนึ่ง ภูเขาหนึ่งเดียวนั้นแทบจะแยกจากของจริงไม่ออก!
ภูเขาเริ่มสั่น ควันสีดำโผล่ออกมาจากจุดยอดสุดเต็มไปทั่วท้องฟ้าจากนั้นเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากส่วนยอด
อุณหภูมิของเปลวเพลิงสามารถดับชีวิตได้ทุกชีวิต มันแพร่ออกมาพร้อมกับเศษดินก้อนใหญ่กระแทกลงมาอย่างรุนแรง
พื้นดินสั่นไหวราวกับวันสิ้นโลก
ชั้นฝุ่นพิษปกคลุมผืนโลก ทำให้ดูราวกับมันเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพัง
คลื่นลาวาไหลออกมาจากยอดเขา ดินแดนสังหารเต็มไปด้วยความร้อนสูงและกลิ่นอายทำลายล้างในทันที
ลาวานี้บรรจุพลังอำนาจทำลายล้างทุกอย่างในโลก!
เหล่าเซียนในดินแดนสังหารซึ่งประสบกับฝุ่นพิษ พวกเขากรีดร้องโหยหวน ร่างกายเหี่ยวแห้งและสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
บางส่วนดิ้นรนภายในลาวา ทว่าอุณหภูมิสูงเกินไป แม้จะใช้วิชาและสมบัติก็ยากที่จะหนีรอดได้!
รอยร้าวที่ชายผมม่วงเปิดขึ้นมาแตกสลายในทันทีจากวิชานี้ เขาล่าถอยด้วยใบหน้าซีด ตัวเองมีระดับขั้นอยู่ที่ขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นและได้ใช้สมบัติสวรรค์ดับสูญไปแล้วแต่ก็ไม่อาจเทียบกับฉิงชุ่ยได้ เวลานี้เขามีความคิดเดียวนั่นคือหนีให้ไว!
‘โชคร้ายนักที่ข้าเป็นเพียงเซียนขั้นทลายสวรรค์คนเดียในดินแดนสังหาร เซียนขั้นชำระสวรรค์ส่วนใหญ่ประจำการอยู่ที่กองบัญชาการพันธมิตรเซียน ไม่เช่นนั้นข้าคงสามารถใช้ค่ายกลเก้าสิบเก้ากระบี่ได้ อย่างไรก็ตามข้าก็ยังกลัวว่าแม้กระทั้งค่ายกลเก้าสิบเก้ากระบี่ก็ไม่สามารถต้านทานวิชานี้ได้เลย!’
ส่วนจ้าวมายานั้น ใบหน้าซีดและล้มเลิกการต่อสู้กับหวังหลิน เมื่อเห็นว่าหวังหลินกำลังไล่ล่าเขาจึงสาปแช่งและโยนกระบี่เก้าเล่มออกไป เขารู้ว่าหวังหลินสนใจกระบี่เก้าเล่มนั้นและต้องการใช้พวกมันเพื่อสลัดทิ้งไป
หวังหลินดวงตาสว่างวาบและล้มเลิกการไล่ล่า ยื่นแขนขวาออกมาคว้ากระบี่เก้าเล่มทันที กระบี่ทั้งเก้าเริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรง
ฉิงชุ่ยเผยดวงตาจิตสังหารเข้มข้น ยื่นแขนตรงผลักออกไปพร้อมส่งเสียงตะโกน “ป่นภูเขาแรก!”
เปลวเพลิงที่คายออกมาและลาวาไล่ออกมาตามกันเริ่มสั่นเทาและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในระหว่างกระบวนการนี้ พวกมันแตกสลายก่อตัวเป็นคลื่นกระแทกเหนือจินตนาการแพร่กระจายไปทั่วดินแดนสังหาร เซียนมากกว่าสิบคนโดนเปลวเพลิงและลาวาเข้าใส่ พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้และต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน
ฉิงชุ่ยตะโกนอีกครั้ง “ป่นภูเขาครั้งที่สอง!”
ทั้งดินแดนสังหารสั่นเทา ยอดภูเขาใหญ่ยักษ์แตกสลาย ลาวาและเปลวเพลิงมากมายระเบิดออกมาทันที
“ป่นภูเขาครั้งที่สาม!” ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ออกไปที่ภูเขา!
วินาทีนี้นั้นภูเขาแตกสลายอย่างแท้จริง ก้อนกรวดนับไม่ถ้วนกระจัดกระจาย เปลวเพลิงกวาดผ่านน่านฟ้า พริบตาเดียวไม่มีท้องฟ้า เหลือแต่เปลวเพลิง!
ลาวาไหลออกมาดุจทะเล ยึดครองแผ่นดินทั้งหมดในเสี้ยววินาที!
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเปลวเพลิง พื้นดินปกคลุมอยู่ในลาวา ระหว่างนั้นยังมีหมอกพิษหนาแน่นอีก!
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง เพียงเวลาชั่วครู่ทุกคนนอกจากชายผมม่วงและจ้าวมายาต่างก็ตายในบัดดล!
แม้กระทั่งพลังดั้งเดิมของจ้าวมายาก็ยังสูญสลาย ในแววตาตกตะลึงพรึงพรวด
ชายผมม่วงยิ้มบิดเบี้ยว ล้มเลิกการต่อต้านและมองฉิงชุ่ยด้วยสายตาอันซับซ้อน เขารู้ว่าฉิงชุ่ยยังไม่ต้องการฆ่าเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงตายข้างในหมอกม่วงไปแล้ว
สิ่งก่อสร้างในดินแดนสังหารหลอมละลาย ไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย!
หวังหลินจ้องทั้งหมดนี้ด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยจินตนาการว่าวิชาป่นภูเขาจะทรงพลังอำนาจขนาดนี้!
“นี่คือวิชาเทพ…ป่นภูเขา!”
ฉิงชุ่ยโบกสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเงินแปดสิบแปดสายลอยออกมาจาลาวาบนพื้น ยื่นแขนออกไป แสงสีเงินแปดสิบแปดสายผสานกลายเป็นหนึ่ง จากนั้นโยนให้หวังหลิน
“เมื่อเจ้าชอบมัน ข้าก็จะมอบให้เป็นของขวัญ!”
หวังหลินคว้าก้อนทรงกลมสีเงินเอาไว้และเก็บไว้ในกระเป๋า
ฉิงชุ่ยพลิกฝ่ามือพลางเปลี่ยนกลายเป็นสายลมทมิฬ คว้าเอาจ้าวมายาและเซียนผมม่วงเอาไว้ จากนั้นก้าวเท้าออกไปอย่างรุนแรง ในที่สุดดินแดนสังหารก็เริ่มการล่มสลายสุดท้าย
เดิมทีดินแดนสังหารถูกสร้างขึ้นในรอยแยกอวกาศภายในแดนสวรรค์พิรุณ ตอนนี้มิตินั้นแตกสลายไปแล้ว ดินแดนสังหารจึงถูกมิติว่างกลืนกิน
วังวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าฉิงชุ่ย ร่างกายจมเข้าไปในวังวน พยักหน้าให้หวังหลินพลางเอ่ยขึ้นมา “ข้ายังมีอย่างอื่นต้องไปทำ ซิ่วมู่ หลังจากเราแยกกันวันนี้ ไม่รู้ว่าเราจะเจออีกครั้งเมื่อไหร่ เจ้า…จงดูแลตัวเองให้ดี!” จากนั้นเขาก็จมเข้าไปในวังวน หายตัวไปพร้อมกับจ้าวมายาและเซียนผมม่วง
หวังหลินก้าวเท้าเข้าไปในวังวนด้วยเช่นกันพลางขบคิดอย่างเงียบๆ ออกไปจากดินแดนสังหารที่กำลังแตกสลายแห่งนี้!
หวังหลินปรากฏร่างท่ามกลางดวงดาว ถอนหายใจและมองกลับไป ผ่านไปสักพักร่างกระพริบวูบวาบและผสานตัวเข้ากับโลก เดินทางเข้าหาดาวเทียนหยุน
ห่างออกไปไกล ฉิงชุ่ยเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างใจเย็น ด้านหลังตัวเองคือจ้าวมายาและเซียนผมม่วงที่ติดตามเขาด้วยท่าทีรันทด อักขระพิเศษของแดนสวรรค์กระพริบระหว่างคิ้ว อักขระทาส!
ฝ่ามือฉิงชุ่ยกุมของไว้หนึ่งชิ้น มันคือปิ่นสีม่วง สายตาค่อยๆอ่อนโยนขึ้นแต่ยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหวนรำลึก
“ผู้สร้างชอบยุ่งกับผู้คน…” ในชีวิตของฉิงชุ่ยหลั่งน้ำตาสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกตอนที่แคว้นวารีกระจ่างถูกทำลายและครอบครัวตัวเองตาย เขาเป็นเซียนตัวเล็กๆที่หนีรอดออกมาได้จนเกือบตาย หลั่งน้ำตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคือง
ครั้งที่สองตอนที่เขาบ้าคลั่งอยู่ในแดนสวรรค์อัสนีและสังหารคนรัก เขาหลั่งน้ำตาสำนึกผิด!
ปิ่นปักผมนี้นำเอาความทรงจำและอารมณ์เมื่อตอนนั้นกลับมา เขาจำได้ว่าวันที่เขากลายเป็นศิษย์ของป๋ายฟ่าน เขาได้มอบปิ่นปักผมชิ้นนี้ให้แก่นาง…
เขาไม่เคยลืมเลือนความทรงจำที่มีความสุขนี้เลย
รู้สึกเจ็บปวดเสียดแทงอยู่ในใจ หยาดน้ำตาไหลรินเป็นครั้งที่สามในชีวิต
‘หานหยาน…’
ความทรงจำไหลบ่าประเดประดังเข้ามาดุจสายน้ำ ความรู้สึกเย็นเยียบเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถลืมเลือนได้…สิ่งที่เขาคิดโดยไม่ได้ตั้งใจคือความเศร้าเพียงพอจะกลบฝังตัวเองจนมิด
ฉากเหตุการณ์ในอดีตปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาฉิงชุ่ย การตายของภรรยาทำให้สายตาหม่นหมอง จวบจนกระทั่งวันที่นางตาย ยังกุมปิ่นปักผมนี้ไว้เสมอ
ปลายยอดของปิ่นยังคงเสียดแทงทะลุส่วนลึกในหัวใจนาง โลหิตไหลรินจากปิ่นลงมาเจิ่งนองไปทั่วพื้น
“ฉิงชุ่ย ข้าไม่ได้ตายเพราะเจ้า ข้าตายเพราะตัวข้าเอง…เจ้าไม่ควรรู้สึกแย่ เจ้าไม่ควรเศร้าไปตลอดชีวิต เจ้าไม่ได้ทำร้ายข้า…”
ยามที่เขามีสติ ภรรยาคนนี้สั่งไม่ให้เขารู้สึกขุ่นแค้นใจและโทษตัวเอง วินาทีที่ฉิงชุ่ยบ้าคลั่ง นางยิ้มและฆ่าตัวตายต่อหน้าเขา
สายตาอ่อนโยนและเห็นใจเต็มไปด้วยความดื้อรั้น รอยยิ้มของนางแฝงหยดน้ำตามีพลังอำนาจเพียงพอให้ฉิงชุ่ยตื่น!
ฉิงชุ่ยตื่นขึ้นมาด้วยสถานการณ์เช่นนั้น
“สามีในความคิดข้าคือบุรุษผู้มีจิตวิญญาณไม่ย่อท้อ เขาจะไม่ยอมทิ้งชีวิตตัวเองแต่จะใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้และหาเหตุผลของเรื่องทั้งหมดนี้!”
ฉิงชุ่ยเต็มไปด้วยความเศร้าพลางพึมพำขึ้นมา “พักผ่อนให้สบายเถอะหานหยาน ข้าจะหาต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้…”