956. สตรีชุดชมพู
ผีเสื้อห้าสีสวยสดงดงามเป็นประกาย มันกระพือปีกปลดปล่อยผงละอองห้าสีทั้งยังมีนกกระจอกโลหิตอยู่ถัดกันไป นกกระจอกโลหิตนี้เป็นของเทพโลหิตแต่ถูกผีเสื้อห้าสีจับเอาไว้
ผีเสื้อบินออกมากระพือปีกซ้ายอย่างแผ่วเบา ก่อเกิดพายุพัดเข้าใส่ทันทีจนสั่นสะท้าน!
ปีกซ้ายกระพืออีกครั้งปรากฏพลังอำนาจแห่งกฏและผลักคลื่นทำลายล้างให้กลับไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นหนึ่งคู่บังคับให้มันกลับไป
พอกระพือปีกครั้งที่สาม ผีเสื้ออีกสามตัวปรากฏขึ้นมากระพือปีกเช่นเดียวกัน พลังทำลายล้างเร่งความเร็วขึ้นและพุ่งเข้าใส่วังวนที่กำลังหดลงเร็วจี๋
ขณะที่วังวนกำลังหายวับไป พลังทำลายล้างและเศษเสี้ยวแห่งกฏจากผีเสื้อห้าสีแทงเข้าใส่วังวน
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนออกมาจากภายในวังวน จากนั้นวังวนก็เลือนหายไป…
ณ ดาราจักรพันธมิตรเซียนมีทะเลวิญญาณแห่งหนึ่งที่คนภายนอกไม่รู้จัก ข้างในทะเลวิญญาณแห่งนี้มีแผ่นดินขนาดใหญ่ลอยอยู่จำนวนมาก บนหนึ่งในเกาะนั้นมีสิ่งก่อสร้างมากมาย วังวนพลันปรากฏขึ้นถัดจากสิ่งก่อสร้างสีดำสูง
จังหวะที่วังวนปรากฏ พลันเกิดเสียงระเบิดและโลหิตแพร่กระจาย วิญญาณดั้งเดิมของชายหนุ่มชุดฟ้าลอยออกมาจากวังวนราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
วินาทีนั้นประตูสิ่งก่อสร้างพลันเกิดขึ้นเผยเป็นชายชราใบหน้ามืดมน เขาคว้าจับดวงวิญญาณโดยตรงด้วยความรวดเร็ว
“ปู่ ช่วยข้าด้วย!” ชายหนุ่มชุดฟ้าแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เปล่งคำพูดออกมาก่อนจะตกอยู่ในอาการย่ำแย่ วิญญาณค่อยๆแตกสลาย แม้จะไม่ได้พังทลายแต่ก็อ่อนแอยิ่งนัก
หวังหลินขมวดคิ้ว สัมผัสได้ว่าวินาทีที่พลังจากผีเสื้อห้าสีเข้าไปในวังวนและโจมตีชายหนุ่ม มีแสงสีดำกระพริบวาบสลายพลังส่วนใหญ่ออกไป แม้แสงสีดำนี้จะแตกสลาย แต่ชายหนุ่มชุดฟ้าก็บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ได้ตาย
‘สมบัติช่วยชีวิต!’ หวังหลินขบคิดพลางก้าวเดินเข้าหาเล่ยจี มองแสงสีเขียวที่กำลังโผล่ออกมาจากข้อต่อ หวังหลินประทับแขนขวาลงไปในแต่ละจุด
ทุกครั้งที่นิ้วมือประทับลงไป แสงสีเขียวจะเปลี่ยนกลายเป็นเศษดวงวิญญาณและสูญสลาย
ต่อมาไม่มีแสงสีเขียวบนร่างเล่ยจีอีก เล่ยจีถอนหายใจอย่างโล่งอกและมองหวังหลินด้วยความเคารพ
ร่างยักษ์ของเล่ยจีเปลี่ยนกลายเป็นภูเขาและเหาะเหินท่ามกลางดวงดาว หวังหลินนั่งอยู่บนแผ่นหลัง ด้านข้างคือเด็กหัวโตที่กำลังรักษาตนเอง
พวกเขากำลังเข้าใกล้ดาวเทียนหยุนขึ้นเรื่อยๆ
สิบวันต่อมาหวังหลินมองอวกาศอันคุ้นเคยเบื้องหน้า เขารู้ว่าห่างออกไปไม่ไกลนักคือพื้นที่ที่เป็นของแคว้นเทียนหยุนซึ่งเป็นดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ด ระยะสิบวันที่ผ่านมานี้เขากำลังคิดว่าควรจะทำอะไรดีระหว่างเดินทางมาดาวเทียนหยุน ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงผนึกฝ่ามือที่ซวนเป่าใช้กับผีเสื้อสี่สี
ตอนนั้นเขาจดจำผนึกไว้ในใจอย่างละเอียด ไม่ว่าจะพยายามเช่นไรตลอดสิบวันเขาก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเลย
หวังหลินยืนขึ้นมองตรงหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ “หัวโต เจ้าและเล่ยจีออกไปหาดาวเคราะห์ร้าง ซ่อนตัวเองและรอข้าไว้ หากข้าสบายดีจะให้พวกเจ้าเข้ามา หากไม่ได้ยินข่าวอะไรจากข้า จงจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด”
สิ้นคำพูด หวังหลินเหินร่างออกไปจากแผ่นหลังเล่ยจี เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยชุดสีขาว เส้นผมสีดำขลับพริ้วไสวทำให้ดูดุจราวกับเทพเซียน
หวังหลินก้าวเข้าไปในชั้นบรรยากาศอันทรงอิทธิพลของเทียนหยุนอีกครั้ง
‘การเดินทางครั้งนี้…จะเป็นโชคหรือภัยพิบัติกันนะ ถึงเช่นนั้นยังมีบางอย่างที่ต้องทำให้เสร็จสิ้น! นอกจากนั้นวิกฤตนี้อาจจะไม่ยากเกินแก้ไขตามที่ข้าคิด! ความจริงทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับป้ายสิทธิ์ถ้ำเทพ!’
หวังหลินก้าวเดินเข้าหาพลางครุ่นคิดไปด้วย
“ทั้งหมดต้องการป้ายถ้ำเทพชิ้นนั้น ป้ายสิทธิ์ เรื่องเกี่ยวกับเทพโลหิต แผนการของเทียนหยุนและอีกหลายอย่างที่บังคับให้ข้าต้องหนี”
‘ตอนนั้นระดับบ่มเพาะของข้าอ่อนแอเกินไปและข้าไม่มีอำนาจพอจะต่อต้าน ข้าไม่มีโอกาสต่อต้านเทียนหยุน…ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะยังไม่สามารถต้านทานเทียนหยุนได้ มันก็ไม่ง่ายที่เขาจะสังหารข้าได้!’ หวังหลินสัมผัสจุดระหว่างคิ้ว ไพ่ตายของจริงไม่ใช่สมบัติวิเศษหรือวิชาอันใด แต่เป็นดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้ว
‘หลังจากได้ดูม้วนคัมภีร์รบเล่มที่สอง ข้าได้รับเศษเสี้ยวต้นตอพลังดั้งเดิมอีก…นี่คือวิชาช่วยชีวิตที่แท้จริงของข้า!’
‘นอกจากนั้นเทียนหยุนและข้าไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กันอย่างเปิดเผย ข้ายังเป็นศิษย์ของเทียนหยุน สิ่งสำคัญกว่าก็คือฮวงหลงได้บอกว่าข้าเป็นคนจากดาวซูซาคุ เป็นศิษย์ของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์สาขาวิหคเพลิง…เรื่องนี้คู่ควรพอจะขบคิด…’ หวังหลินเผยท่าทางเหยียดยิ้มและกดลงระหว่างคิ้ว
ดวงตาที่สามปรากฏขึ้นมาและถูกแทนที่ด้วยดาวเทพโบราณ ในไม่นานลูกปัดก็ปรากฏจากนั้นทั้งหมดก็หายไป เหลือทิ้งไว้แต่ร่องรอยสีแดงแผ่ความร้อน
‘หากไม่ใช่ว่าปรมาจารย์จงเฉินมอบพลังดั้งเดิมให้ข้าเพียงพอบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับกลาง เขตแดนบรรลุขึ้นอีกระดับและข้าได้รับมรดกตกทอดจากลั่วเฉินจนกลายเป็นเทพโบราณห้าดาวสายเลือดราชวงศ์ ข้าคงไม่สังเกตอีกรอยนี้บนตัวข้า!’
‘รอยนี้บรรจุพลังอำนาจแห่งโลกเอาไว้ ยามที่สัมผัสวิญญาณข้ารวบรวมเข้าไปใส่ ข้าได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาของวิหคเพลิง…ข้าไม่ได้มีมันตอนที่กลับไปที่ดาวซูซาคุ ดังนั้นมันต้องเกี่ยวข้องกับจ้าวสำนักฮวงหลง’
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมา รอยวิหคเพลิงบนหน้าผากกระพริบวาบและหวังหลินพุ่งตัวไปข้างหน้า
ดาวเทียนหยุนปรากฏในระยะสายตา เมื่อมองดาวอันคุ้นเคยแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หวังหลินไม่เคยลืมเลือนว่าเขามาที่นี่ตรงๆได้อย่างไรหลังจากออกมาจากดาวซูซาคุและกลายเป็นศิษย์ของกองกำลังสีม่วง
‘พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว…’ หวังหลินส่ายศีรษะและก้าวไปข้างหน้า
‘ตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งแรก ข้าเป็นเพียงเซียนขั้นแปลงวิญญาณเท่านั้น ข้ามาที่นี่ครั้งที่สอง ข้าสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรค์ได้แล้ว!’ หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าแต่ก็ต้องประหลาดใจ เขาหยุดจ้องมองไปที่ดาวเทียนหยุน
เห็นแสงสีทองกระพริบวาบเหนือดาวเทียนหยุน ปราณกระบี่หลายเส้นก่อตัวเข้าด้วยกัน หลังจากสังเกตอย่างละเอียดพวกมันทั้งหมดรวมกันเหนือสำนักชะตาสวรรค์บนดาวเทียนหยุน
‘หลิงเทียนโฮว!’ หวังหลินใบหน้าเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลิงเทียนโฮวระหว่างกระบี่เหินพวกนั้นได้
พอขบคิดได้เล็กน้อย หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไม่ได้หยุดชะงัก
ด้านนอกสำนักชะตาสวรรค์ ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนเต็มไปทั่วท้องฟ้าราวกับพายุกระบี่ กระบี่หนึ่งเล่มมีเซียนอยู่หนึ่งคนและทั้งหมดคือศิษย์ของสำนักกระบี่ต้าหลัว
เบื้องหน้าคือกิเลนแดงดุร้าย ดวงตาสีแดงดุจสายฟ้า เปลวเพลิงโผล่ออกมาจากร่าง ลมร้อนผุดออกมาจากรูจมูก บนแผ่นหลังมีชายชราร่างผอมใบหน้ามืดมน
ชายชราคนนี้มีกระบี่มายาสี่เล่มด้านหลัง ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังพระพริบวูบวาล เขาคือหลิงเทียนโฮว!
ด้านข้างหลิงเทียนโฮวมีเซียนอีกสี่คนดูเหมือนจะทรงพลังยิ่ง ในสี่คนนี้มีบุรุษสามคนและหนึ่งสตรี ชายสามคนต่างเป็นชายชราผมขาว ดวงตาแต่ละคนดุจดวงตะวันและจันทรา
หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีขาวดำประดับรอยหยินหยาง นั่งบนน้ำเต้ายักษ์ใบหน้าสงบนิ่ง ด้านข้างเป็นคนอีกเก้าคนชัดเจนว่าเป็นลูกศิษย์เนื่องจากลอยตัวด้านหลังอย่างนอบน้อม
ชายชราอีกคนตัวใหญ่มากราวกับเป็นภูเขาเนื้อ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ที่มีคนสี่คนแบกหามเอาไว้
ชายชราคนที่สามสวมชุดคลุมสีเหลือง ผอมแห้งดุจร่างศพแต่ร่างกายปลดปล่อยสัมผัสชีวิตทรงพลังออกมา เขาไม่มีผู้ติดตามและยืนโดดเดี่ยวในอากาศด้วยสีหน้าไม่แยแส
คนสุดท้ายเป็นหญิงสาวรุ่นเยาว์กว่าวัยกลางคน นางไม่ได้แต่งตัวหรูหราอันใด เสื้อผ้าธรรมดายิ่งราวกับเป็นเพียงหญิงสาวจากหมู่บ้านคนธรรมดา
ทว่านางปลดปล่อยกลิ่นอายปฐพีจากร่างกาย เบื้องหลังนางคือสตรีสี่คน ทั้งหมดสวยงามน่ารักจนถือว่าไม่มีที่ติ! โดยเฉพาะหญิงสาวด้านซ้ายที่สวมชุดสีชมพูน่าตกตะลึงยิ่ง! ทั้งหมดต่างเป็นจุดสายตาของเหล่าเซียนสำนักกระบี่ต้าหลัว แต่สตรีสี่คนไม่สนใจอันใดและมองตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง
หลิงเทียนโฮวเอ่ยขึ้น “เทียนหยุน ตอนนั้นศิษย์ของเจ้า หวังหลิน ได้นำป้ายสิทธิ์ไป หลังจากนั้นต่อมาเจ้าบอกว่าความลึกลับของสวรรค์จะเปิดเผยในวันนี้ ข้าอยากจะเห็นว่าความลึกลับของสวรรค์ที่เจ้าเรียกกันมันคืออะไร!”
ตอนนั้นเหล่าเซียนเฒ่าทั้งหมดส่งกรีดเข้าไปหาหวังหลิน ทว่าไม่มีข่าวอันใดกลับมาและผนึกส่วนใหญ่ที่พวกเขาทิ้งเอาไว้บนตัวกรีดก็หายไปหมดแล้ว
เรื่องราวที่ดินแดนวิญญาณปิศาจถือว่ารุนแรงมาก ดังนั้นเหล่าเซียนเฒ่าจึงเข้ามาหาเทียนหยุนด้วยความกระวนกระวาย อีกทั้งหวังหลินก็เป็นคนจากสำนักชะตาสวรรค์
ตอนนั้นเทียนหยุนใบหน้านิ่งเฉยและพูดเพียงประโยคเดียว!
“เมื่อแสงสีเขียวและม่วงเต็มไปทั่วผืนฟ้า เจ้าทั้งหมดมาหาข้าที่สำนักชะตาสวรรค์และจะได้เห็นความลึกลับของสวรรค์!”
ยามเช้าของวันนี้ ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งเหนือดาวเทียนหยุนพลันถูกสีเขียวและม่วงห่อหุ้มเอาไว้ สีสันงดงามและคล้ายจะแต่งแต้มไปทั่วทั้งดวงดาว
จากนั้นหลิงเทียนโฮวรุดหน้ามาที่นี่พร้อมกับเหล่าศิษย์ทันที ขณะเดียวกันเหล่าเซียนเฒ่าที่รู้เรื่องนี้ต่างก็รีบมาที่สำนักชะตาสวรรค์
นอกจากนี้ความสามารถในการทำนายของเทียนหยุนมีชื่อเสียงโด่งดังในพันธมิตรเซียน!
เซียนหยุนสวมชุดสีขาว ยืนสงบนิ่งในท้องฟ้า ด้านข้างคือเหล่าศิษย์สำนักชะตาสวรรค์ทั้งหมดมองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจก็คือสตรีสุดสวยสี่คน
“เขาอยู่ที่นี่!” เทียนหยุนใบหน้าสงบนิ่งและยิ้มออกมา สายตาตกลงไปบนเส้นขอบฟ้า
หลังจากเทียนหยุนกล่าวจบ หลิงเทียนโฮว เซียนเฒ่าทรงพลังสามคนและสตรีสุดสวยสังเกตบางอย่างได้ทันที
วินาทีนั้นสายตาเซียนทั้งหมดรวมกันไปบนเส้นขอบฟ้า สตรีด้านหลังหญิงสาววัยกลางคนจ้องมองตาไม่กระพริบ
‘ข้าไม่รู้ว่าหวังหลินไปทำอะไรถึงสั่นสะเทือนดินแดนวิญญาณปิศาจและทำให้เหล่าเซียนชั้นยอดของฝ่ายทุกชั้นฟ้าทั้งหมดสนใจ ดูเหมือนว่า…’ สายตาของสตรีชุดชมพูเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น