Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1078

Cover Renegade Immortal 1

1078. ต้าซานปรากฏตัว

ณ ดินแดนประหลาดยิ่งในดาราจักรพันธมิตรเซียน มันคือดินแดนไร้ขอบเขตและเป็นหนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามของพันธมิตรเซียน

เหตุผลที่มันประหลาดเนื่องจากว่า หากมองดูไกลมันจะดูเหมือนดินแดนมายา ต้นไม้สูงเสียดฟ้า ต้นหญ้ายาวยืดจนเห็นได้ไกลๆ แค่ชำเลืองมองจึงดูปลอมยิ่งนัก

ป่าสวยงามนี้ควรจะอยู่บนดาวเคราะห์แต่กลับลอยเคว้งคว้างในอวกาศไร้ขอบเขต มันไม่ใช่แค่ป่าแต่เป็นพื้นที่กว้างใหญ่คล้ายจะคงอยู่มาตลอด

พลังพฤกษาดั้งเดิมหนาแน่นเต็มไปทั่วเขตแดนดวงดาว ก่อเกิดหมอกสีเขียวเข้าครอบคลุมและอ้อยอิ่งเป็นเวลานาน…

เซียนคนใดที่เข้ามาใกล้คงเจอการหยุดยั้งพลังดั้งเดิมและบางส่วนค้นพบว่าพลังดั้งเดิมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้แต่พันธมิตรเซียนยังต้องหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้จนยกมันให้กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม

มีแค่เพียงเซียนเฒ่าไม่กี่คนที่อยู่มานานยังคงจดจำถึงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหมอกสีเขียว แม้ความทรงจำจะเลือนลางแต่ไม่มีวันลืม

ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของสำนักมังกรฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์!

นาทีนี้คนผู้หนึ่งค่อยๆปรากฏตัวขึ้นไกลๆ เขาดูเป็นชายวัยกลางคน แววตาโศกเศร้าและหวนรำลึก มองสำนักมังกรฟ้าและถอนหายใจ

จากนั้นยกแขนขวาขึ้นมาชี้ไปข้างหน้า ภาพเงาวิหคเพลิงปรากฏและส่งเสียงร้องสะท้อนไปทั่วโลกพร้อมกับพุ่งเข้าไปในหมอกสีเขียว

วินาทีให้หลัง อีกหลายร่างลอยออกมาจากแสงสีเขียว สามคนในนั้นมีผมสีขาว ร่องรอยแห่งกาลเวลาเต็มไปท่วใบหน้า ด้านหลังคือผู้อาวุโสที่กำลังติดตามอย่างกระชั้นชิด

“ขอคารวะ จักรพรรดิวิหคเพลิงศักดิสิทธิ์” พอชายชราเก้าคนเดินออกมาจาหมอกสีเขียวและเห็นชายวัยกลางคน พวกเขาเผยแววตาเคารพพร้อมกับคำนับฝ่ามือทันที

“ผู้ตื่นของวิหคเพลิงได้ปรากฏตัวขึ้นและข้าจำเป็นต้องยืมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสำนักมังกรฟ้า ข้ายังต้องการพวกเจ้าทั้งหมดมากับข้าด้วย!” ชายวัยกลางคนผู้นี้คือวิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิวิหคเพลิง เพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด เขาได้กลับไปสำนักเต่าดำและสำนักพยัคฆ์ขาวแล้ว สำนักมังกรฟ้าคือแห่งสุดท้าย

ชายชราทั้งเก้าคนจากสำนักมังกรฟ้าต่างก็มองหน้ากันเองและไม่เกิดความลังเล หนึ่งในสามผู้อาวุโสเบื้องหน้าพยักหน้าอย่างเคารพ “เราจะเชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิวิหคเพลิง!”

ส่วนเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในดินแดนวิญญาณปิศาจ ด้วยการระเบิดตนเองยื้อเวลาของหนึ่งในหกผู้อาวุโสสำนักวิหคเพลิง หวังหลินจึงสามารถออกห่างจากเทียนหยุนได้ ดวงตาสีแดงเข้ม อาการบาดเจ็บเกิดความเจ็บปวดรุนแรงแทงผ่านหัวใจ

ผู้อาวุโสอีกห้าคนของสำนักวิหคเพลิงเข้ามาช่วยเหลือช้าเกินไป ทั้งห้าคนไม่ใช่เซียนขั้นทลายสวรรค์สูงสุด ส่วนใหญ่เป็นระดับต้นและระดับกลางและการต่อกรกับต้าเจียก็ยากอยู่แล้ว หากแยกตัวออกมาคงบาดเจ็บสาหัส

ห้าอาวุโสล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงและสมบัติวิเศษมากมาย สมบัติเหล่านี้ไม่มีชิ้นใดธรรมดาเลย ทั้งหมดเป็นสมบัติระดับฟ้าที่สำนักวิหคเพลิงกักเก็บเอาไว้มานาน แม้จะไม่ดีเท่าสมบัตินิพพานเทียม แต่ทั้งห้าคนก็สามารถเผชิญหน้ากับมารโบราณได้ ทว่าเมื่อไหร่ที่ต้าเจียใช้วิชาของตนเอง เห็นไ้ด้ชัดว่าพวกเขาเสียเปรียบ

หลังจากเทียนหยุนฉีกอักขระตรงกลางหน้าผาก เขาจึงมีกลิ่นอายทรงพลังรอบตัวเอง เข้ามาใกล้หวังหลินช้าๆ

“ถูกข้าสังหารขณะที่ข้าอยู่ในสภาวะทลายสวรรค์แรก เจ้าสามารถหัวเราะในนรกได้แล้ว” เทียนหยุนก้าวเดินออกมาก่อเกิดพายุดังสะท้อนกวาดเข้าใส่หวังหลิน ราวกับมีดกำลังเฉือนกายเนื้อ ส่งเสียงปะทุและหวังหลินจึงถูกดันให้กระดอนกลับไป

หวังหลินกระอักโลหิต เผยสีหน้าดุดัน ตลอดชีวิตการฝึกเซียน หากไม่ใช่เพราะเขาดิ้นรนและยืดหยุ่นตามสถานการณ์ หวังหลินคงตายไปแล้ว

โลหิตยังไหลจากมุมปาก ตบกระเป๋าปรากฏกระบี่เหินออกมาหลายสิบเล่ม ชี้ใส่เทียนหยุนทันที กระบี่ทั้งหมดพุ่งเข้าหา ขณะเดียวกันหวังหลินก็นำราชรถสังหารเทพคันที่สามออกมาด้วย!

มันเปลี่ยนกลายเป็นผีเสื้อ กระพือปีกเผยกฏออกมา

เทียนหยุนสีหน้าสงบนิ่ง ฝ่าเท้าไม่หยุดชะงัก เผชิญหน้ากระบี่หลายสิบเล่ม ริมฝีปากขยับเล็กน้อยราวกับท่องวิชา

กระบี่หลายสิบพลันหยุดชะงักกลางอากาศและเเกิดเสียงดังก้องสนั่นคับฟ้า กระบี่ทั้งหมดแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเศษพวกนั้นลอยเข้าหาหวังหลิน

เศษเสี้ยวกลับคืนด้วยวิชาบางอย่าง จากนั้นก่อตัวกลายเป็นมังกร

เจ้ามังกรคลุมร่างด้วยเศษกระบี่ พุ่งตรงใส่หวังหลินแต่ก็ปะทะกับผีเสื้อ

ผีเสื้อกระพือปีก ส่งเสียงแตกร้าวรุนแรงออกมาจากมังกรเหมือนเศษเหล็กนับไม่ถ้วนกำลังบดขยี้กัน วินาทีนั้นเจ้ามังกรแตกสลายอีกครั้งกลายเป็นเศษผงสลายไปกับสายลม

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินหนังศีรษะด้านชา เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งอีกฝ่ายใช้วิชาอะไรและเกือบตาย หากไม่ใช่เพราะหวังหลินดึงราชรถสังหารเทพออกมาได้เร็วพอ คงเจอกับเรื่องที่ไม่ได้เตรียมการ

ผีเสื้อกระพือปีก ส่งสายลมที่มองไม่เห็นและแฝงกฏเข้าไปหาเทียนหยุน ทว่าเทียนหยุนไม่เปลี่ยนสีหน้าอันใด เขาเพียงแต่ร่ายวิชาอีกครั้ง

พื้นดินระเบิดกระจัดกระจายหลุดออกไปเบื้องหน้าผีเสื้อ ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นทำให้ผีเสื้อสั่นเทาและเผยอาการพังทลาย

หวังหลินดิ้นรน สองฝ่ามือสร้างผนึก กระอักโลหิตจำนวนมากร่อนใส่ผีเสื้อและร้องตะโกน “เปิดผนึกที่สาม!”

ผีเสื้อสั่นเทาและกระพือปีกอีกครั้ง กลีบดอกที่ไม่สมบูรณ์จำนวนสี่กลีบปรากฏขึ้นเหนือผีเสื้อ ขณะที่มันกระพือปีก กลีบดอกทั้งสี่ลอยออกไปข้างหน้า

เทียนหยุนอุทานออกมาเล็กน้อยพลางยกแขนขวาขึ้นมาโบกสะบัด

ชิ้นส่วนจำนวนมากปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าเบื้องหน้า ราวกับเขาสลายท้องฟ้าเพียงแค่โบกแขน ชิ้นส่วนทั้งหมดลอยเข้าหาหวังหลินทันที

ผีเสื้อยังมีกลีบดอกลอยอกไป แต่ไม่อาจแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้เนื่องจากชิ้นส่วนกวาดผ่านหวังหลินและมันก็หายไป

วินาทีนี้เทียนหยุนเข้าประชิด ยกนิ้วชี้ขวาขึ้นมาชี้ตรงกลางหน้าผากหวังหลิน!

หากนิ้วนี้ร่อนลงไป แม้แต่ร่างเทพโบราณของหวังหลินก็พังทลายทันที วิญญาณดั้งเดิมที่อ่อนแออยู่แล้วจะหายวับไป นับนั้งแต่วันนี้จะไม่มีคนชื่อหวังหลินอีก!

ความแข็งแกร่งของเทียนหยุนเป็นเสมือนภูเขายักษ์ตั้งตระหง่านเบื้องหน้าหวังหลิน หวังหลินรู้สึกไม่อาจต่อต้านได้โดยไม่รู้ตัว และถึงจะต่อต้านก็ไม่อาจก้าวข้ามภูเขาไปได้

อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้หวังหลินระงับเอาไว้ในทันที!

“ข้าไม่ยอมแพ้!!” หวังหลินส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งดังไปทั่ว ขณะที่ดัชนีของเทียนหยุนร่อนลงไป หวังหลินดึงฝักกระบี่ออกมาจากกระเป๋าและถือมันไว้เบื้องหน้า

นิ้วชี้เทียนหยุนปะทะใส่ฝักกระบี่ในเสี้ยวพริบตา

เกิดเสียงสั่นสะเทือนสวรรค์และเสียงแตกร้าวออกมาจากฝักกระบี่ แม้จะไม่แตกสลายแต่พลังนั้นส่งให้หวังหลินปลิวไปไกล

หวังหลินกระอักโลหิต วิสัยทัศน์พร่ามัว ดวงวิญญาณแทบฉีกขาดสะบั้น เขารู้สึกเหมือนกำลังร่วงโรย วินาทีนั้นสิ่งเดียวที่รั้งเขาไว้คือการไม่ยอมแพ้และต้องการฝืนลิขิตสวรรค์!

เทียนหยุนชะงัก แม้จะดูสงบนิ่งจากการโจมตีนั้น พลังสะท้อนจากฝักกระบี่ทำให้เขาตกตะลึง แววตากระพริบจิตสังหารพลางก้าวเท้าและเคลื่อนที่พริบตาไปข้างหน้าหวังหลิน

ยกแขนขวาขึ้นมาและกำลังจะสะบั้นลงไปอย่างโหดเหี้ยม

นาทีนี้จิตสังหารเข้มข้นหึ่งโผล่ออกมาจาภภายในส่วนลึกของดินแดนวิญญาณปิศาจ พื้นดินปะทุ ร่างคลุมด้วยรอยสักปรากฏขึ้นจากใต้ผืนดิน

เงาร่างนี้รวดเร็วยิ่งกว่าเทียนหยุนหลายเท่าตัว มันเข้ามาประชิดดุจสายฟ้า ส่งเสียงคำรามสะท้อนไปทั่วโลก

“ใครก็ตามที่ทำร้ายนายท่าน ก็จะเป็นศัตรูกับต้าซานด้วย!”

ต้าซานโยนยันต์ที่ทำขึ้นจากหนังสัตว์และเผาไหม้เป็นหมอกควัน ควันนี้ทำให้ร่างเขารวดเร็วขึ้นกลายเท่า พริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าหวังหลินเพื่อป้องกันฝ่ามือนั้น

ต้าซาปกคลุมร่างด้วยรอยสัก กระอักโลหิตและล่าถอยไปพร้อมกับหวังหลินในมือ รอยสักจำนวนมากบนร่างกายแตกสลายแต่เขาก็เผยสีหน้าดุร้าย

หมอกควันรอบตัวเข้าไปในร่างเพื่อฟื้นฟูเขาอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเข้าไปในร่างหวังหลินด้วย

วินาทีนี้ เสียงกรีดร้องของหัวโตดังลั่น ร่างกายถูกร่างอวตารของเทียนหยุนทำลาย วิญญาณดั้งเดิมได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากำลังจะถูกอวตารเทียนหยุนตนนั้นทำลาย

นาทีนี้เล่ยจีที่บาดเจ็บสาหัสส่งเสียงร้องคำราม เขาอยู่ใกล้มากจึงพุ่งออกไปเบื้องหน้าหัวโตและปะทะกับการโจมตีของร่างอวตารเทียนหยุน

ตูมมมม!

ร่างเล่ยจีแตกสลาย วิญญาณดั้งเดิมแทบกระจัดกระจาย จ้าวสายลมหวนโบกแขนเสื้อและเก็บวิญญาณของเล่ยจีเอาไว้ แต่ราคานี้แลกมากับการโดนกระบี่จากหนึ่งในร่างอวตารของเทียนหยุนแทงใส่หน้าอก

จ้าวสายลมหวนกระอักโลหิต เผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว จากนั้นเข้าไปใกล้สองพี่น้องเฉินซึ่งบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version