Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 974

Cover Renegade Immortal 1

974. เซียนสาวของฟ้ากระจ่าง

หลิงเทียนโฮวกรอกตา พลางเยาะเย้ยโดยไม่ได้มองเทียนหยุน สายตาหันไปมองหวังหลินแทนและร้องตะโกน “หวังหลิน สำนักกระบี่ต้าหลัวขาดแคลนผู้อาวุโส เจ้ามาเป็นผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ต้าหลัวไหม?”

เทียนหยุนขมวดคิ้ว

ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ความคิดหลายร้อยอย่างแล่นผ่านหัวสมองก่อนจะคำนับฝ่ามือ “ขอบคุณ”

หลิงเทียนโฮวมองเทียนหยุนและเยาะเย้ย “เทียนหยุน ตามข้อตกลงของเรา ตอนนี้ข้ามีเหตุผลที่จะก้าวก่ายแล้ว”

คิ้วเทียนหยุนผ่อนคลายลง ขบคิดเล็กน้อยก็เผยรอยยิ้มและมองหวังหลินอย่างล้ำลึก “เช่นนั้นหรือ? งั้นก็ลืมมันเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างลวกๆก่อนจะกลายเป็นลำแสงเจ็ดสีหายไป

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ความคิดหวังหลินสั่นเทา เขาจ้องจุดตำแหน่งที่เทียนหยุนหายไปและเริ่มคิด

เทียนหยุนใบหน้ามืดมนยิ่งและขมวดคิ้ว ท้ายที่สุดเขาก็ตบกระเป๋าปรากฏกระดองเต๋าห้าชิ้น มันหมุนรอบมือเขาและหลิงเทียนโฮวก็สร้างผนึกเป็นครั้งคราว

หลังจากนั้นไม่นานหลิงเทียนโฮวก็พึมพำ “ไอ้เทียนหยุนบัดซบ นี่มันหมายความว่าอะไร…” ขณะขบคิดพลางเงยศีราะขึ้นมองหวังหลิน

‘การที่หวังหลินโดนเทียนหยุนเล่นงานแบบนี้หมายความว่าเขาต้องมีประโยชน์มาก ข้าเดาว่าเขามีประโยชน์ต่อเต๋าของเทียนหยุน! โดยเฉพาะคนที่เป็นส่วนหนึ่งของวิหคศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้ว…เทียนหยุนวางแผนการต่อต้านเขาต้องมีความสำคัญมหาศาล ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยอมไปล่วงเกินสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เพียงเพราะหวังหลินแน่!’

‘หากแผนการสำเร็จ เขาอาจจะได้พลังอำนาจพอจะสั่นสะเทือนสำนักชะตาสวรรค์! หากนี่เป็นเรื่องจริง ข้าต้องหยุดไอ้เฒ่าบัดซบนั่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากเทียนหยุนทำสำเร็จ ข้าจะไม่มีความหวังที่จะเปลี่ยนสิ่งต่างๆเพื่อต่อสู้กับเขาในชีวิต!’

ความคิดแล่นผ่านจิตใจหลิงเทียนโฮวอย่างรวดเร็ว

‘แต่หากหวังหลินสำคัญกับเขาจริงๆ ทำไมถึงจากไปสงบนิ่งขนาดนี้…แม้กระทั่งแผนภาพทำนายก็ไม่อาจเห็นสิ่งใด ประหลาดนัก!’ หลิงเทียนโฮวถอนหายใจพลางมองหวังหลิน “หวังหลิน แม้ข้าจะไม่ได้มาช่วยเจ้าในวันนี้ เทียนหยุนก็คงไม่กล้าฆ่าเจ้าง่ายๆ อีกทั้งเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของวิหคศักดิ์สิทธิ์”

หวังหลินยังคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลิงเทียนโฮวและเทียนหยุนตั้งแต่ต้นจนจบ ครานี้เขาคำนับฝ่ามือ “ในรุ่นวิหคศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สามคนและข้าเป็นแค่หนึ่งในนั้น ผู้น้อยจะจำการช่วยเหลือของเซียนกระบี่เอาไว้!”

หลิงเทียนโฮวพยักหน้าและยิ้มออกมา “ตอนที่จักรพรรดิวิหคศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังอำนาจ ข้าเป็นเพียงแค่ผู้น้อย พระคุณของเขาช่วยข้าไว้ก่อนหน้านี้ แต่มันก็นานมากแล้วและข้ายังสงสัยว่าเขายังจำได้หรือไม่ เจ้าเป็นรุ่นวิหคศักดิ์สิทธิ์และหากเจ้าได้รับโอกาสอันเหมาะสม เจ้าจะกลายเป็นจักรพรรดิวิหคศักดิ์สิทธิ์คนถัดไป เราพูดกันอย่างเท่าเทียมดีกว่า อีกทั้งเจ้าก็ไม่ได้เป็นศิษย์เทียนหยุนบัดซบนั่นแล้ว”

หวังหลินท่าทางสงบนิ่ง “เซียนกระบี่สุภาพไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะฟังคำเซียนกระบี่”

หลิงเทียนโฮวหัวเราะและยื่นแขน “สหายเซียนหวัง ตามข้าไปที่ดาวต้าหลัว เมื่อเหวนรกเปิดขึ้น เราจะเข้าไปถ้ำเทพ!”

หวังหลินยิ้มและพยักหน้า “ได้โปรดนำทาง!”

ทั้งสองคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดาวต้าหลัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกลและทั้งคู่ต่างก็เป็นเซียนทรงพลัง ดังนั้นจึงเดินทางได้รวดเร็วยิ่ง ใช้เวลาไม่นานดาวต้าหลัวก็ปรากฏเบื้องหน้า

ระหว่างทาง หลิงเทียนโฮวไม่พูดเรื่องหวังหลินไปฆ่าศิษย์เขาได้อย่างไร ราวกับเขาลืมเลือนเรื่องนั้นไปแล้ว เขาพูดเรื่องวิชาเทพและเต๋ากับหวังหลินแทน ต้องกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาและหวังหลินได้มาพูดคุยกัน

ระหว่างทางแม้หวังหลินจะไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่สิ่งที่เขาพูดก็ทำให้หลิงเทียนโฮวมองอย่างชื่นชม

‘หวังหลินผู้นี้คู่ควรต่อการเป็นหนึ่งในรุ่นวิหคศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไม่เพียงแต่ระดับบ่มเพาะจะทรงพลัง ภูมิปัญญาและความเข้าใจต่างก็มหัศจรรย์!’

ขณะที่ทั้งสองพูดคุย หวังหลินก็ขบคิดเรื่องพลังหยางสุดขีดไปด้วยและวางแผนอยู่ในใจ หวังหลินคิดอยู่นานและไม่เข้าใจอะไรถึงทำให้เทียนหยุนเป็นมากขนาดนี้

อย่างไรก็ตามเขาพอจะคาดเดาได้ว่าการกระทำของเทียนหยุนไม่ได้มีเป้าหมายที่เขา…แต่…หวังหลินมองหลิงเทียนโฮว

“หรือจะเป็นหลิงเทียนโฮว…”

ดาวต้าหลัวดูเต็มไปด้วยปราณกระบี่ที่เพิ่มสีฟ้าเข้าไป ปราณกระบี่ดูสง่างามและกระจัดกระจาย ทว่าเมื่อระดับบ่มเพาะถึงระดับหนึ่งก็จะรับรู้ได้ และเมื่อสังเกตอย่างละเอียด ปราณกระบี่นี้ไม่ใช่ของธรรมดา

ปราณกระบี่นี้ไม่ได้ปลดปล่อยมาจากเหล่าเซียน แต่เป็นดาวต้าหลัว!

เป็นเพราะสิ่งนี้มันจึงดูค่อนข้างวุ่นวาย อย่างไรก็ตามหวังหลินตระหนักได้ว่าหากมีคนชี้นำปราณกระบี่นี้ พลังอำนาจของมันคงสั่นสะเทือนผืนแผ่นดิน!

“ดาวต้าหลัวไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดาวเทียนหยุน ข้าใช้ความพยายามบากบั่นเพื่อบรรลุคำขอร้องส่วนตัวจากสำนักเซียนฟ้ากระจ่างและได้รับดาวดวงนี้เป็นรางวัล!”

“ดาวดวงนี้มาจากดาวเคราะห์มายาที่เผาไหม้ตลอดเวลาอยู่ในนรกฟ้ากระจ่าง ดาวมายานั่นขนาดใหญ่มากกว่าดาวเทียนหยุนหลายพันเท่า! มันถูกปรับแต่งเป็นกระบี่จากจ้าววิญญาณฟ้าแห่งสำนักเซียนฟ้ากระจ่าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมดาวต้าหลัวถึงมาอยู่ที่นี่!” หลิงเทียนโฮวเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่แฝงความภูมิใจไปด้วย

“เหตุการณ์หนึ่งทำให้ดาวมายาแตกสลาย และดาวต้าหลัวคือเศษเสี้ยวจากดาวที่แตกสลายนั่น”

‘ฟ้ากระจ่าง!’ หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไป นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินเช่นนี้ ครั้งแรกได้ยินมันมาจากฉิงชุ่ย ดูเหมือนดาราจักรพันธมิตรเซียนครั้งนึงเคยถูกเรียกว่าดาราจักรฟ้ากระจ่าง

‘สำนักเซียน…เป็นไปได้ว่าสำนักเซียนนี้คือชื่อของฟ้ากระจ่าง…’ หวังหลินครุ่นคิด

“สำนักฟ้ากระจ่างเป็นคือดาวเคราะห์เซียนระดับเก้าแห่งเดียวในพันธมิตรเซียน อย่างไรก็ตามมันพึ่งจะถูกทุกคนเรียกว่าสำนักเซียนฟ้ากระจ่าง” หลิงเทียนโฮวเห็นหวังหลินสงสัยและเข้าใจว่าหวังหลินไม่รู้เรื่องนี้นัก จึงอธิบายออกมา

“พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวที่เหล่าคนเก่าแก่เรียกว่า ‘ฟ้ากระจ่าง’! ” สายตาหลิงเทียนโฮวเต็มไปด้วยการหวนรำลึก

“ในดาราจักรพันธมิตรเซียน หลังจากระดับบ่มเพาะบรรลุขึ้นถึงจุดหนึ่ง เจ้าอาจจะเลือกไม่เข้าร่วมพันธมิตรเซียนก็ได้ อย่างไรเสียยังมีคนที่เคารพสำนักเซียนฟ้ากระจ่างอยู่! ถือเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญจากพวกเขา!”

“ทุกสามพันปี สำนักเซียนฟ้ากระจ่างจะส่งหยกเชิญชวนออกมาสามชิ้นเพื่อเชิญเซียนให้ไปฝึกฝนที่นรกฟ้ากระจ่าง…ตอนนั้นข้าและเทียนหยุนได้รับการเชิญด้วยกัน…”

‘ฟ้ากระจ่าง…’ หวังหลินย่อยสิ่งที่หลิงเทียนโฮวพูดขึ้นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะต่อมาดวงตาสว่างไสวขึ้น “ทุกสามพันปีจะมีคนเข้าไป จากนั้นข้าเข้าใจว่าคนจากสำนักเซียนฟ้ากระจ่างจะโผล่ออกมา…”

“แน่นอนว่ามีคนที่ได้ออกมาด้วย เจ้าจำหญิงสาวที่ดูเหมือนคนธรรมดาตอนที่เจ้ากลับมาครั้งแรกได้ไหม? ตอนนั้นคนที่สามที่เข้าไปพร้อมข้ากับเทียนหยุนก็คือนาง!”

“นางคือศิษย์สตรีด้านข้าง หากข้าเดาไม่ผิด นางก็มาจากสำนักเซียนฟ้ากระจ่าง”

หวังหลินตกตะลึง คนแรกที่เขาคิดคือสตรีชุดชมพูที่เชิญชวนเขาเมื่อครานั้น

“สำนักเซียนฟ้ากระจ่างยังคงมีประเพณีโบราณ มีเซียนสาวฟ้ากระจ่างอยู่หนึ่งคนเสมอ ข้าไม่รู้ว่านางจะเป็นเซียนสาวหรือไม่…”

‘เซียนสาวฟ้ากระจ่าง…’ หวังหลินบีบขมับ ทุกอย่างที่หลิงเทียนโฮวพูดเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยยินมาก่อน

“สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เจ้าเคยปกครองฟ้ากระจ่างมานานตั้งแต่อดีต โชคร้ายนัก…” หลิงเทียนโฮวส่ายศีรษะและไม่พูดต่อ

ทว่าตอนที่ได้ยินประโยคนี้ทำให้ความคิดหวังหลินต้องสั่นเทา!

‘สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ครั้งหนึ่งเคยปกครองฟ้ากระจ่าง?’ หวังหลินเคยคาดเดาพลังอำนาจของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูเหมือนมันจะเหนือจินตนาการเขาไปไกล

ขณะที่ทั้งสองคนเดินทาง ดาวต้าหลัวก็ใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น เป็นครั้งแรกที่หวังหลินมาที่ดาวต้าหลัว ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงปราณกระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ส่งออกมาตลอดเวลา

บนดาวส่วนใหญ่เต็มไปด้วยทะเล มีสำนักเดียวบนดาวดวงนี้คือสำนักกระบี่ต้าหลัว!

หอคอยทั้งหมดปรากฏเบื้องหน้าสายตาหวังหลินทีละต้น

ศิษย์แห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวลอยขึ้นไปในอากาศ พวกเขาเต็มไปทั่วและมีอย่างน้อยก็หมื่นคน!

อย่างไรก็ตามหวังหลินพบเรื่องประหลาดก็คือส่วนใหญ่เป็นเซียนขั้นเทวะ แม้จะมีขั้นมายาหยินอยู่เล็กน้อย แต่ไม่มีเซียนขั้นรูปธรรมหยางเลยสักคน

หลิงเทียนโฮวยิ้มบาง “เจ้าคงพบว่าประหลาดใช่ไหมที่สำนักกระบี่อันยิ่งใหญ่จะมีเซียนขั้นสองน้อยขนาดนี้?”

หวังหลินไม่ได้ปิดบังและพยักหน้า “ประหลาดจริง”

“เจ็ดกองกำลังของสำนักชะตาสวรรค์ระงับการบ่มเพาะทุกวัน พวกเขากลัวว่าวันหนึ่งจะสูญเสียการควบคุมผนึก และจะโดนเจ้าเฒ่าบัดซบนั่นกลืนกินเข้า เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นที่นี่ เพียงแต่คนที่เข้าสู่ขั้นสองจะต้องไปสถานที่อื่น”

เซียนด้านล่างแต่ละคนมีกระบี่เล่มใหญ่แนบไว้ด้านหลัง พวกเขาทั้งหมดท่าทีเคารพยิ่ง ยามที่หวังหลินและหลิงเทียนโฮวคล้อยลงมา ทั้งหมดโค้งให้เป็นทางเดียว

“ยินดีต้อนรับ ท่านจ้าวสำนัก!”

น้ำเสียงดุจอำนาจสายฟ้าดังสะท้อนไปทั่วดาวต้าหลัว

หลิงเทียนโฮวหัวเราะ มีอยู่ไม่กี่สิบคนที่ลอยออกมาหาหลิงเทียนโฮว พวกเขาเคารพยิ่ง มีบางส่วนเป็นคนที่ติดตามหลิงเทียนโฮวไปสำนักชะตาสวรรค์ ดังนั้นจึงรู้จักหวังหลิน

ตอนที่พวกเขาเห็นหวังหลิน สีหน้าแต่ละคนประหลาดใจ เดาไม่ออกว่าทำไมหวังหลินถึงอยู่พร้อมกับหลิงเทียนโฮว

หวังหลินกวาดสายตาผ่านคนนับหมื่นและเกิดความคิดหนึ่ง

‘ตอนที่อยู่ในการต่อสู้ระหว่างฝ่ายพันธมิตรเซียนในเขตเหนือ ข้าเจอเฉินหลง แต่ที่นี่ข้าไม่เห็นเขา’

หลิงเทียนโฮวสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นเหาะไปข้างหน้ามาถึงหอคอยที่ใหญ่ที่สุด

“ตั้งแต่วันนี้ต่อไป หวังหลินจะกลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ต้าหลัว!” หลิงเทียนโฮวกล่าวสิ่งเดียวเท่านั้นก่อนจะหายตัวเข้าไปในหอคอย

‘ผู้อาวุโสหวัง ช่วงเวลานี้ข้าจะปิดด่านฝึกตน เจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่บนดาวต้าหลัวของข้า!’ หลิงเทียนโฮวส่งสัมผัสวิญญาณดังสะท้อนในหูหวังหลิน

คงเหลือพิเศษ 6 ตอน

Saint = เซียน

Saintress ไม่รู้จะแปลว่าอะไรดี จึงขอแปลเป็น ’เซียนสาว’ นะครับ ใครมีคำดีดีให้สมกับเนื้อเรื่องก็เสนอกันมาได้นะครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version