969. เข้าใกล้
เทียนหยุนเป็นหนึ่งสมาชิกของสภาอาวุโสแห่งพันธมิตรเซียน ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิชาอันแข็งแกร่งเป็นธรรมดา ต้องกล่าวได้ว่าตอนที่เทียนหยุนอยู่ในจุดสูงสุด แม้กระทั่งซวนเป่ายังต้องหวาดกลัวเขาและไม่กล้าไปล่วงเกินเทียนหยุน
แม้เทียนหยุนจะไม่ใช่เซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในสภาอาวุโสแห่งพันธมิตรเซียน กระนั้นคนที่แข็งแกร่งกว่าในกลุ่มก็ไม่ต้องการให้เทียนหยุนมีอารมณ์ร้าย!
ทั้งหมดนี้กล่าวทางอ้อมได้ว่าเทียนหยุนทรงพลังแค่ไหน!
ทว่าเทียนหยุนมีสถานะตกต่ำลงมา คนภายนอกมีน้อยมากจะรู้จัก
วินาทีนี้ดัชนีที่ก่อขึ้นนอกดาวเทียนหยุนค่อยๆประทับลงไปบนดาว
แม้จะดูเหมือนเชื่องช้าแต่มันรวดเร้วยิ่ง แรงกดดันสั่นสะเทือนสวรรค์ร่ำร้องไปทั่วน่านฟ้า เหล่าเซียนบนดาวเทียนหยุนรู้สึกถึงความองอาจน่าหวาดกลัวกำลังตกลงมาบนโลก
เพราะมีพลังดั้งเดิมรวมกันเบื้องหน้าดัชนีมากเกินไป เส้นโค้งจึงปรากฏเบื้องหน้าและสัมผัสเข้ากับดาวเทียนหยุนก่อน
ทั้งดวงดาวสั่นไหว ก่อคลื่นยักษ์ขึ้นในชั้นบรรยากาศราวกับมีพลังรุนแรงสายหนึ่งเคลื่อนอยู่ภายใน พลังดั้งเดิมมาถึงเบื้องหน้าดัชนี กระทั่งทำให้ดาวบางส่วนแตกสลาย ทุกสิ่งทุกอย่างบิดเบี้ยว
ยามที่ดัชนีร่อนลงบนชั้นบรรยากาศ เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วโลกจนชั้นบรรยากาศแตกสลายทันทีและแสงเจ็ดสีแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่
ด้วยกำลังของดัชนีทำให้รอยร้าวถูกเปิดขึ้น รอยร้าวยังคงขยายตัวออกจนทำให้สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด
หากมองจากพื้นดินไปบนท้องฟ้า ราวกับดัชนีแทงเป็นหลุมในสวรรค์และค่อยๆตกลงมา
มันชี้ไปที่หุบเขาซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเนตรภูติไปหลายพันลี้!
ก่อนที่ดัชนีจะตกลงมา พลังกดดันเหนือจินตนาการตกกระทบและพื้นดินแตกร้าว สีหน้าของเซียนทุกคนผู้คิดได้พลันเปลี่ยนแปลงไปบางอย่างและไม่มีใครกล้าเหินขึ้นไปมอง
เมื่อพลังกดดันทรงพลังแพร่กระจายออกมา ความคิดแต่ละคนสั่นไหว ความรู้สึกฟ้าดินแตกสลายก่อขึ้นจากก้นบึ้งจิตใจ
เดิมทีแล้วสายฝนปกคลุมน่านฟ้าเหนือเมืองเนตรภูติ สายฟ้าสนั่นพ้องอย่างต่อเนื่อง ทว่าวินาทีนี้ที่ดัชนียักษ์ตกลงมา ก้อนเมฆทั้งหมดถูกผลักออกจากกันราวกับม่านประตูถูกเปิดออก แม้กระทั่งอำนาจแห่งสวรรค์ก็ต้องหลีกทางให้ดัชนีนี้
ก้อนเมฆดำครึ้มหนาแน่นไม่อาจหลบได้ไวพอ สัมผัสโดนระลอกคลื่นเบื้องหน้าดัชนี มันระเบิดในเสี้ยววินาที ส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับประกายแสงจำนวนมาก
ประกายสายฟ้าเคลื่อนไปตามระลอกคลื่นและแพร่กระจายทั่วฟ้า ก่อเกิดเป็นแสงตระการตาและเป็นฉากเหตุกาณณ์ที่ไม่มีวันลืมต่อสายตาทุกผู้คน!
สายฟ้ารุนแรงดังสนั่น ขณะที่ดัชนียักษ์ตกลงมา ราวกับท้องฟ้ากำลังแตกสลาย
หวังหลินยืนอยู่ในหุบเขา มองดัชนีที่กำลังตกลงมาอย่างช้าๆด้วยใบหน้ามืดมน เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายที่โผล่ออกมาจากดัชนีได้อย่างชัดเจน มันคือเทียนหยุน!
‘นี่มันวิขาแบบไหนกัน!?’ หวังหลินกุมพลังงานหยางสุดขีดไว้ในมือ จังหวะที่มันตกเข้าไปในแขน เขาสัมผัสได้ว่าลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าข้างในวิญญาณพลันสั่นเทา
หวังหลินไม่มีเวลาคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงต่อลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขาเก็บพลังงานหยางสุดขีดไว้ในกระเป๋า จากนั้นจ้องดัชนียักษ์ที่กำลังตกลงมาจากท้องฟ้า
ดัชนีนี้ใหญ่เกินไป มันเรืองแสงเจ็ดสีและทำให้ฟ้าดินต้องสั่นไหวอย่างรุนแรง รอยร้าวในอวกาศยังตกลงมาหาหวังหลินด้วย
แรงกดดันเหนือจินตนาการตกลมาและรวมกันรอบตัวหวังหลิน
‘เทียนหยุน!’ หวังหลินขมวดคิ้วด้วยใบหน้ามืดมน จากนั้นแขนขวาตบกระเป๋านำของชิ้นหนึ่งออกมา มันคือสิ่งที่ฉิงชุ่ยมอบให้ ผลึกที่ใช้วิชาอัญเชิญสายฝน!
ตอนนั้นฉิงชุ่ยกล่าวว่าผนึกข้างในนี้สามารถใช้วิชาอัญเชิญสายฝนได้สามครั้ง วิชาอัญเชิญสายฝนของฉิงชุ่ยใช้ไม่ใช่ของธรรมดา หวังหลินเก็บรักษาไว้เพื่อที่จะใช้เป็นไพ่ตายเอาชีวิตรอด!
และนี่ถึงเวลาที่จะใช้มันแล้ว!
ดัชนียักษ์ค่อยๆตกลงมาพุ่งใส่หวังหลิน เสียงดังสนั่นกึกก้องและแรงกดดันทำให้พื้นดินแตกระแหงอีกครั้ง!
เมืองเนตรภูติได้รับผลกระทบด้วย กำแพงส่วนใหญ่หล่นลงและเกิดเสียงร้องระดังงมในเมือง
ณ เวลานี้มีดาวดวงหนึ่งห่างออกไปจากดาวเทียนหยุนแต่ยังอยู่ภายในอิทธิพลของดาวเทียนหยุน มันคือดาวเคราะห์เซียนที่เรียกกันว่าต้าหลัว!
บนดาวดวงนี้มีหนึ่งสำนักเท่านั้นและมันถูกเรียกกันว่าสำนักกระบี่ต้าหลัว!
สำนักกระบี่ต้าหลัวครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่บนดาวและปกคลุมระยะหลายแสนลี้ มันกว้างใหญ่มากกว่าสำนักชะตาสวรรค์ หลิงเทียนโฮวจ่ายราคาอย่างงามเพื่อจัดตั้งสำนักกระบี่ต้าหลัวขึ้นที่นี่จนมันขยายออกไปไกลมาก
ภายในสำนักกระบี่ต้าหลัวมีภูเขาที่มีพลังปราณมากมายอยู่ทุกที่ ทั้งยังมีตำหนักและหอคอยมากมายก่อตั้งในระยะห่างพอๆกัน! ทั้งหมดมีจำนวน 999 หอคอย! ราวกับจัดตั้งเป็นค่ายกลยักษ์!
หนึ่งในนั้นมีหอคอยแห่งหนึ่งที่พิเศษกว่าใครอื่นด้วยรูปลักษณ์และความสูง หอคอยแห่งนี้สูงกว่าหอคอยอื่นๆนับสิบเท่า!
ความสูงเสียดแทงทะลุท้องฟ้า แม้จะอยู่ไกลๆก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจากหอคอยแห่งนี้!
บนยอดหอคอยแห่งนี้เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวกำลังนั่งอยู่ กระบี่ดั้งเดิมสี่เล่มกระพริบวาบพลางก่อตัวเป็นปากและหมุนวงกลมรอบตัวเขา
เจตนากระบี่อันรุนแรงแพร่กระจายออกไปจากหอคอยทำให้ดาวต้าหลัวเต็มไปด้วยเจตนากระบี่อันตื่นตะลึง!
‘น่าสนใจ! น่าสนใจ!’ หลิงเทียนโฮวลืมตาขึ้นทันที ประทับรอยยิ้มบนใบหน้า
‘จะมีกี่ครั้งที่อาจารย์ลงโทษลูกศิษย์? ข้าชอบเฝ้าดูเทียนหยุนเป็นที่สุด…อย่างไรเสียหวังหลินก็เป็นคนของวิหคศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสของพันธมิตรเซียนยังต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะต่อต้านคนของวิหคศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ ไม่มีใครต้องการไปล่วงเกินสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้ปกครองดาราจักรฟ้ากระจ่าง!’
‘ช่างมันเถอะหวังหลิน หากเจ้าสามารถทนต้านได้หนึ่งวิชาและไม่ตายไปเสียก่อน ข้าจะไปช่วยเจ้าเอง!’ หลิงเทียนโฮวยิ้มแย้ม ความชื่นชอบของเขาคือการสร้างปัญหาให้เทียนหยุน